Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 4: The Curtain Between

ผ้าม่านคั่นกลาง (The Curtain Between)


          “พวกเขาโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ มิเนอร์ว่า” เสียงเบามากเสียงหนึ่งได้ยินอยู่ในความมืด

          เดรโกลืมตาขึ้นอย่างทุลักทุเล แล้วคิดในใจว่าเขาไม่น่าทำเลย เวลานี้เมื่อลืมตาขึ้นแล้ว เขารู้สึกตัวอย่างเต็มที่และสะดุ้งเมื่อคลื่นความเจ็บปวดโถมใส่ตัวเขา เขาบังคับดวงตาให้ปิดลงแล้วสูดลมหายใจลึกๆ ปรารถนาให้ความเจ็บปวดจางหายไป ลูเซียสได้สอนเขาไม่ให้ใส่ใจกับผลสะท้อนของความเจ็บปวดหากเกิดบาดแผลใดๆเกิดขึ้น และมันก็ได้ผลง หลังจากหายใจยาวๆ สองสามหน ความเจ็บปวดก็ห่างไกลจากจิตใจเขาพอสมควร เขาลืมตาขึ้นอีกหน

          ห้องอยู่ในความมืดรัศมีจากแสงจันทร์กำลังส่องสว่างผ่านหน้าต่าง เขากำลังพยายามจดจำว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองไปยังผ้าม่านที่อยู่รอบเตียงสี่เสาของเขา แล้วตระหนักได้ว่าเขาอยู่ในส่วนปีกสถานพยาบาล

          “อาจารย์ใหญ่ได้ทราบเรื่องแล้วหรือยัง?” เสียงเบามากนี้กระซิบอีกครั้ง เดรโกรู้ว่านี่คือ มาดามพอมฟรี่ย์
          “แน่นอน ป๊อบปี้” เสียงใหม่อีกเสียงตอบเธอ และเขาก็รู้ว่าเป็นของศาสตราจารย์มักกอนนากัล “เขาไปกับแฮกริดเพื่อจับเจ้าสัตว์ร้ายตัวนั้น ฉันคิดว่าเขาอาจจะต้องสนใจมากๆ ในเรื่องที่มิสเกรนเจอร์และมิสเตอร์มัลฟอยได้ทำอยู่ข้างนอกนั้น”

          “อย่างไรก็ตาม ทำไมพวกเขานำเจ้าสัตว์น่ากลัวนั้นมาที่นี่? ฉันรู้ว่าแฮกริดมีจุดอ่อนกับเหล่าสัตว์ประหลาด แต่นี่ดูจะเกินไปหน่อยนะ” มาดามพอมฟรี่ย์ส่งเสียงค่อนข้างไม่พอใจ

          “มีทางเลือกไม่มากนักในเรื่องนี้ ป๊อบปี้ พวกเขาต้องนำมันมาอยู่ในสถานที่บางแห่งเพื่อดูแลความปลอดภัยจนกว่าจะจัดการกับมันได้อย่างเหมาะสม และแฮกริดเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถรับมือกับเจ้าสิ่งน่ากลัวเช่นนี้ได้” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกล่าวอย่างนุ่มนวล

          เดรโกแทบจะไม่ได้ยินศาสตาจารย์มักกอนนากัลเมื่อเสียงของเธอเบาลงไปอีก แต่การพูดถึงเจ้าสัตว์สี่เท้าตัวนั้นมันทำให้ เดรโกเริ่มจำได้ถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ได้นำเขามาอยู่ที่ปีกสถานพยาบาลแห่งนี้

          ภาพต่างๆย้อนกลับมาในหัวของเดรโกเริ่มตั้งแต่ การหลบไปที่กระท่อม, ตัวแมนติคอร์, การทำร้าย, และเรื่องอื่นๆ รวมทั้งดวงตาสีน้ำตาลอบอุ่นที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอย่างหนึ่งที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน ถ้าพ่อของเดรโกเป็นใครคนอื่นที่ไม่ใช่ลูเซียส มัลฟอย เขาอาจจะไม่มีปัญหาในการรู้จักกับความรู้สึกที่พัวพันอยู่นี้
         
          “เลือดสีโคลน” เขาคำราม เธออยู่ที่นั่นด้วย แต่ทำไม? เขาจำได้ว่าเธอเป็นอย่างไร... เธอได้ทำอะไร? ความเจ็บปวดกำลังเริ่มปกคลุมความทรงจำของเขาอีกครั้ง
         
          “เธอช่วยชีวิตฉัน” เขาจำได้และเปล่งเสียงดังออกมา ความอบอุ่นแปลกๆ ดูเหมือนวูบวาบผ่านตัวเขาชั่วขณะ แต่เขาไม่ได้คิดอะไร อาจเป็นผลข้างเคียงจากความเจ็บปวดทั้งหลายก็ได้
         
          เสียงต่างๆ เงียบไปแล้ว ทันใดแสงไฟฉายข้ามเตียงมา มาดามพอมฟรี่ย์รีบร้อนเข้ามาในห้องส่วนมักกอนนากัลกำลังยืนอยู่
         
          “เธอไม่ควรลุกขึ้นมา มิสเตอร์มัลฟอย” นางพยาบาลพูดอย่างอ่อนโยน เมื่อเธอมาอยู่ข้างเขา “เธอต้องเงียบเสียงหน่อย ฉันไม่ต้องการให้เธอทำให้มิสเกรนเจอร์ตื่น”
         
          เดรโกหันศีรษะอย่างระวังเพื่อมองไปที่เตียงด้านข้างเขา เขาพบว่าการเคลื่อนไหวเป็นต้นเหตุของความเจ็บปวดจำนวนมากมหาศาล แต่หลายปีของประสบการณ์ทำให้เขาหลบซ่อนมันจากสายตาจับจ้องของนางพยาบาล เมื่อแน่ใจพอแล้วเขาก็เห็นผมดกหนาของเกรนเจอร์แผ่กระจายอยู่บนหมอน;ล้อมกรอบใบหน้าขาวซีดเหมือนคนตายแล้ว

          “เกิดอะไรขึ้นกับเกรนเจอร์ครับ?” น้ำเสียงเขาออกมาฟังขัดหู เมื่อมันผ่านจากริมฝีปากที่แห้งผาก เขาจำไม่ได้ว่าเธอได้รับบาดเจ็บ
         
          “มิสเกรนเจอร์ข้อมือหัก บาดเจ็บจากซี่โครงหักหลายซี่ มีซี่หนึ่งแทงทะลุปอดของเธอ” น้ำเสียงของมาดามพอมฟรี่ย์กำลังพยายามให้คงความเป็นปกติ

          “เธอจะหายดีไหมครับ?” เดรโกรู้สึกช็อคกับคำถามเช่นนี้ที่ออกจากปากเขา ในขณะที่มาดามพอมฟรี่ย์ และศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็รู้สึกเช่นเดียวกัน พวกเขาทั้งคู่หันมามองกันและกัน คิ้วของมาดามพอมฟรี่ย์เลิกขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัด

          “แน่นอน เธอและมิสเกรนเจอร์จะหายดีทั้งคู่” นางพยาบาลบอกเขา “อย่างไรก็ตาม พวกเธอทั้งคู่จำเป็นต้องพักอยู่ที่นี่ในปีกสถานพยาบาลเป็นเวลาสองสามวัน ยาพิษนั้นอาจฆ่าเธอได้ แต่แมนติคอร์ตัวนี้ยังเล็กเกินไปที่จะทำให้ตายได้”

          “ฉันต้องการรู้มิสเตอร์มัลฟอย” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกำลังมองมาที่เขาอย่างอ่านไม่ออก “เธอไปทำอะไรที่กระท่อมของแฮกริด?”

          “ผม...” เดรโกมองใบหน้าศาสตราจารย์มักกอนนากัล แล้วมองไปทางเกรนเจอร์อีกครั้ง “เกรน..ผมหมายถึงเฮอร์ไมโอนี่และผมมีคำถามสองสามข้อเกี่ยวกับบทเรียนวิชาการดูแลสัตว์มหัศจรรย์(Care of Magical Creatures)เพื่อถามแฮกริดครับ”

          ดวงตาของศาสตราจารย์มักกอนนากัลหรี่แคบลงอย่างไม่พอใจ “โอ้ จริงหรือ? ฉันดูเหมือนจำไม่ได้เลยว่าเธอกับมิสเกรนเจอร์ใช้เวลาส่วนใหญ่ด้วยกันในชั้นเรียน หรือนอกห้องเรียนสำหรับเรื่องนี้ด้วย”

          เดรโกรู้สึกหัวใจหล่นวูบแต่เขาไม่แสดงมันออกมา เขาพยายามเชิดศีรษะให้สูงขึ้นอีกนิด จับจ้องแค่จุดใต้คางของมักกอนนากัล และพยายามไม่คิดว่าลูเซียสจะพูดอะไรเมื่อเขาถูกไล่ออก

          ชั่ววูบหนึ่งเขาปรารถนาให้แมนติคอร์เดินหน้าต่อและฆ่าเขาให้สิ้นเรื่องไป มันคงเป็นความตายที่รวดเร็วกว่าอีกสิ่งหนึ่งที่กำลังคอยเขาอยู่ที่คฤหาสน์มัลฟอยอย่างแน่นอน

          “ศาสตราจารย์มักกอนนากัลค่ะ” เสียงแหบๆ จากด้านขวาของเดรโก นำเขาเออกจากความคิดฝัน เกรนเจอร์ลืมตาแล้วและกำลังมองไปที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัล “มัลฟอยและหนูเป็นเพื่อนร่วมงานวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ เรากำลังคุยกันเรื่องการดูแลสัตว์มหัศจรรย์ในห้องสมุด และเราตกลงว่าไปขอความคิดเห็นของแฮกริดในเรื่องนี้สักหน่อย หนูทราบว่าเลยเวลาที่ออกไปข้างนอก แต่หนูไม่คิดเราจะไปนานนัก” เกรนเจอร์หลับตาลงพร้อมกับทำสีหน้าแปลกๆ เดรโกไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เธอกำลังเล่นอะไร? เธอสามารถทำให้เขาถูกไล่ออกอย่างง่ายดาย ทำไมเธอไม่ทำ? เธอต้องการอะไรจากเขา?

          ศาสตราจารย์มักกอนนากัลมองเกรนเจอร์อย่างสงสัย อาจเป็นไปได้ว่ากำลังประหลาดใจในสิ่งเดียวกันกับเดรโก เธออ้าปากจะถามคำถามมากกว่านี้แต่มาดามพอมฟรี่ย์สะกิดสีข้างเธอ

          “น่าจะพอแล้วสำหรับคำถามต่างๆ มิเนอร์ว่า เด็กสองคนนี้จำเป็นต้องพักผ่อน” พร้อมกับคำพูดเหล่านี้ เธอเอามือจับคางของเดรโกอย่างคล่องแคล่วแล้วเทน้ำยาลงคอของเขา เขามองดูเธอเดินไปด้านข้างเกรนเจอร์พร้อมกับน้ำยา เปลือกตาของเขารู้สึกหนักขึ้นและหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เกรนเจอร์หันศีรษะมาดูเขา ช่วงเวลาหนึ่งดวงตาของพวกเขาประสานกัน เดรโกรู้สึกถึงความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่งพัดผ่านระหว่างทั้งคู่ ก่อนที่เขาจมลงสู่การหลับใหล

          เดรโกถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงต่างๆ ในเวลาต่อมาเขาต้องหลับไปนานพอสมควรทีเดียวอย่างเห็นได้ชัด เพราะแสงอาทิตย์กำลังแผ่รังสีความร้อนผ่านหน้าต่างใกล้เตียงของเขา เสียงต่างๆ มาจากอีกด้านของผ้าม่านที่ถูกแขวนระหว่างเตียงของเขากับเตียงของเกรนเจอร์
เขารู้ได้ว่าเสียงเหล่านี้เป็นของพอตเตอร์และวีสลี่ย์ศัตรูของเขา   เดรโกยังนิ่งเงียบขณะกำลังฟังการสนทนาของพวกเขา

          “เธอกำลังคิดอะไรอยู่หา? ไปกระท่อมของแฮกิรดกับมัลฟอยเนี่ยนะ? เธอไปที่ไหนๆ กับมัลฟอยได้อย่างไร? เธอบ้าไปแล้วหรือไง?” เสียงของวีสลี่ย์ดังอย่างเดือดดาล แต่ความโกรธไม่อาจปิดบังความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด

          “รอน ฉันมั่นใจว่าเฮอร์ไมโอนี่ต้องมีเหตุผลที่ดีที่ไปกับมัลฟอย ใช่ไหมเฮอร์ไมโอนี่?” พอตเตอร์เป็นผู้ไกล่เกลี่ยเสมอ กำลังพยายามปลอบเพื่อนของเขา

          “ก็ได้ ก็ได้ เอาล่ะทำไมเธออยู่กับมัลฟอย? และอย่าบอกเราว่ามันเป็นเรื่องการเรียนนะ มัลฟอยเกลียดวิชาการดูแลสัตว์มหัศจรรย์” เสียงของวีสลี่ย์ลอยผ่านทะลุผ้าม่าน            

          “รอน, แฮร์รี่ ฉันไม่ต้องการพูดถึงมัลฟอยจริงๆ นะ ฉันไม่ต้องการคิดเรื่องมัลฟอย หรือเห็นมัลฟอย ฉันรับรู้เรื่องของเขาเพียงพอแล้ว ได้โปรดเราคุยกันเรื่องอื่นไม่ได้หรือ?” เสียงเกรนเจอร์ขอร้องอย่างนุ่มนวล

          พอตเตอร์เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วจากเดรโกมาเป็นแมนติคอร์ “ทำไมแฮกริดถึงมีมันได้?” เขาถาม

          “ฉันไม่แน่ใจ ศาสตราจารย์มักกอนนากัลบอกว่า พวกเขาต้องนำมันมาที่นี่จนกว่าจะจัดการกับมันได้อย่างเหมาะสม แต่ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร หรือสัตว์น่ากลัวตัวนี้มาจากไหน
เธอรู้ไหมว่าพวกเขาจับมันได้หรือยัง?”

          เฮอร์ไมโอนี่ต้องรู้สึกตัวแล้วอย่างแน่นอน และคอยฟังการสนทนาของศาสตราจารย์มักกอนนากัล กับมาดามพอมฟรี่ย์เมื่อคืนก่อนเช่นกัน

          “ฉันหวังอย่างยิ่งว่าพวกเขาคงจับได้นะ” เสียงวีสลี่ย์แทรกขึ้น “ อย่างกับว่ามีเหล่าสัตว์ประหลาดร้ายกาจวิ่งเล่นอยู่รอบบริเวณป่าต้องห้ามไม่มากพอ ตอนนี้เรามีแมนติคอร์อีกตัวให้ระวังด้วย”

          “เฮ้...รอน เราต้องไปเข้าเรียนแล้วตอนนี้ เราจะเอาการบ้านของเธอมาให้นะเฮอร์ไมโอนี่ เราจะกลับมาเยี่ยมเธออีกระหว่างเวลาอาหารกลางวัน ตกลงไหม? พยายามอย่าให้มัลฟอยกวนใจเธอ” พอตเตอร์บอกเธอ

          เดรโกได้ยินพวกเขากล่าวคำอำลากันและกัน เขาแสร้งทำเป็นหลับขณะที่พอตเตอร์และวีสลี่ย์ออกมาจากผ้าม่านและเดินไปที่ประตู เดรโกคอยอยู่หลายนาทีเพื่อให้แน่ใจอย่างยิ่งว่าพวกเขาได้ไปแล้วก่อนปีนลงจากเตียงอย่างระวัง เขาทดสอบขาเขาอย่างรอบคอบแล้วพบว่ามันยังรู้สึกเจ็บและเขาสามารถเดินได้ เขามองไปรอบๆ หามาดามพอมฟรี่ย์ เห็นว่าห้องทำงานของเธอปิดอยู่ เดรโกสูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่งแล้วดึงผ้าม่านไปด้านหลัง เขารู้สึกพอใจที่เห็นเกรนเจอร์สะดุ้งพร้อมกับเสียงร้องเล็กๆ ด้วยความแปลกใจ เขาก้าวไปหาเธออย่างรวดเร็วแล้วคว้าแขนเธอก่อนที่เธอจะไถลไปอีกด้านของเตียงห่างจากเขา การจับของเขาบนแขนเธอแน่นมากทำให้เธอไม่อาจลุกได้ เขาโน้มตัวลงมาใกล้มากจนใบหน้าของเขาห่างจากเธอแค่ไม่กี่นิ้ว


          “ทำไม?” เขาถาม

          “อะไร?” เกรนเจอร์กระซิบ ดวงตาของเธอเบิกกว้าง

          “ทำไมเธอกำลังโกหกเพื่อปกป้องฉัน เธอต้องการอะไร?” เขาทำเสียงขู่ฟ่ออย่างเดือดดาล ระวังให้เสียงเขาเบาพอไม่ดึงดูดความสนใจจากมาดามพอมฟรี่ย์

          “ฉัน...ฉันไม่ต้องการอะไรจากนายเลย มัลฟอย” เธอตวาดกลับ ความโกรธกระจายบนใบหน้าเธออย่างรวดเร็ว

          เดรโกยึดแขนเธอแน่นขึ้น “ฉันไม่เคยคิดว่าเธอเป็นพวกขู่กรรโชก เลือดสีโคลน” เขาบิดแขนที่จับไว้อีก พร้อมกับจ้องใบหน้าซีดเผือดของเธอ

          “นายกำลังทำฉันเจ็บ” เธอพูดเบาๆ ความเจ็บปวดชัดเจนในน้ำเสียงเธอ

          เดรโกปล่อยแขนเธออย่างรวดเร็วพร้อมก้าวถอยหลัง เขาเห็นรอยมือของเขาที่จับแขนเธออาจจะเป็นรอยช้ำในเวลาต่อมาก็เป็นได้ เกรนเจอร์ยกอีกมือของเธอขึ้นไปสัมผัสอย่างระวังตรงรอยที่มือเขาทำไว้
         
“ฉัน...ฉันเสียใจ ฉันไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน” เขาขอโทษ ทำให้พวกเขาทั้งคู่ประหลาดใจ เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเก้ๆ กังๆ ชั่วครู่   ไม่รู้เลยว่าทำไมเขาถึงขอโทษ หรือทำไมเขายังยืนอยู่ตรงนี้อีก
         
“ขานายเป็นอย่างไรบ้าง?” เกรนเจอร์ถามเขา ทำลายความเงียบแปลกๆ
         
          “เธอคิดว่าอะไรล่ะ? มันเจ็บนะซิ” เขาตวาดใส่เธอ
         
เกรนเจอร์ไม่พูดอะไรอีกกับเขา;เธอพลิกกลับไปอีกด้านหันหน้าเข้าหากำแพง เดรโกยืนอีกสักพักพร้อมกับมองดูเธอ ก่อนเดินกลับไปที่เตียงของเขาแล้วดึงผ้าม่านคั่นระหว่างพวกเขา

TBC

No comments:

Post a Comment