หัวรถจักรไอน้ำสีแดงจอดสงบนิ่งอยู่บนรางรถไฟพลางส่งเสียงครางต่ำ ๆ เป็นระยะ ควันสีขาวลอยกรุ่นออกมาเป็นทางยาว
จากปล่องไฟสลับกับเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กและเสียงxxxบหนัก ๆ ลากครูดไปบนพื้นทางเดิน - - ที่นี่คือชานชลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่
ที่จอดประจำของรถไฟสายด่วนไปยังโรงเรียนสอนเวทมนตร์ฮอกวอตส์ บริเวณชานชลาในวันนี้คราคร่ำไปด้วยบรรดาเด็ก
นักเรียนจำนวนมากเหมือนดังทุกครั้งที่วันเปิดภาคเรียนมาถึง
แฮร์รี่กับรอนกำลังช่วยกันลำเลียงกระเป๋าขึ้นไปบนขบวนรถโดยมีเฮอร์ไมโอนี่คอยรับของจากหน้าต่างตรงตู้นั่งของพวกเขา
ขณะที่แฮร์รี่ก้มลงหยิบกรงเฮดวิกนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องมองเมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นเดรโก มัลฟอยยืนอยู่ไม่ไกล
โดยมีแครบและกอยล์ขนาบข้างเหมือนเช่นเคย รอนกับเฮอร์ไมโอนี่เห็นแฮร์รี่เฉยไปพวกเขาจึงหันไปมองตามแล้วทั้งสอง
ก็เห็นมัลฟอยที่กำลังส่งสายตาราวกับต้องการจะแผดเผาทุกคนตรงหน้าให้เป็นจุณ แต่เมื่อตาสีซีดคู่นั้นมองสบมาที่เฮอร์ไมโอนี่
เขาก็เบือนหน้าหนีแล้วเดินขึ้นรถไฟไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คงแค้นน่าดูเลยล่ะ หมอนั่น” รอนพูดด้วยน้ำเสียงสะใจแล้วก้มลงยกของต่อ
“หวังว่าการที่พ่ออยู่ในคุกจะทำให้เขาคิดได้บ้างนะว่าถ้าขืนยังทำตัวอย่างนี้ต่อไปเขาต้องได้โซ่ล่ามขาในอัซคาบันเป็นมรดก - -
น่าภูมิใจไหมล่ะ” แฮร์รี่ยื่นกรงเฮดวิกซึ่งเป็นสัมภาระอย่างสุดท้ายให้เฮอร์ไมโอนี่แล้วตบไหล่รอนให้เดินขึ้นรถไฟไปด้วยกัน
เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งตัวลงนั่งขณะรอให้เพื่อนทั้งสองเดินมายังตู้ของตัวเอง เด็กหญิงปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นแต่ไม่สามารถบังคับ
น้ำตาที่ไหลพรากออกมาได้ - - ทั้งที่ตั้งแต่วันที่จากเขามาเธอก็สัญญากับตัวเองว่าจะร้องไห้เพียงวันนี้แล้วก็จะลืมเรื่องทั้งหมด
ทว่าวันรุ่งขึ้นทุกครั้งที่นึกถึงเขาสัญญาที่เคยให้ไว้กับตัวเองอันนี้ก็พังทลายไปจนหมด ดวงตาว่างเปล่าของมัลฟอยเมื่อครู่ดู
เหมือนจะยิ่งย้ำความเสียใจในครั้งนี้ที่ไม่มีทางหมดไปได้ง่าย ๆ ไม่มีทางที่เธอจะทำได้เหมือนเขา...
ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
เสียงฝีเท้าของแฮร์รี่กับรอนใกล้เข้ามา เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัว เธอรีบเช็ดน้ำตาและพยายามบังคับสีหน้าให้เป็นปรกติ
เด็กหญิงต้องฝืนทำอย่างนี้มาหลายวันแล้วเพื่อไม่ให้ใครต่อใครสงสัย
แฮร์รี่กับรอนนั่งลงที่เก้าอี้และเริ่มคุยกันถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้ยินมาจากวิทยุเพื่อคาดเดาว่าเป็นฝีมือของลอร์ด
โวลเดอมอร์หรือไม่ขณะที่รถไฟเคลื่อนขบวนออกจากชานชลาโดยทั้งสองเพียงแต่กินขนมนิดหน่อยโดยไม่คำนึงถึงของแถมอีกแล้ว
ดูเหมือนว่าเมื่อพวกเขาโตขึ้นก็เริ่มสนใจรูปร่างหน้าตาของตัวเองโดยไม่กินตามใจปากเหมือนเมื่อก่อน
“ฉันว่าเด็กปีหนึ่งปีนี้มากขึ้นนะ” รอนว่า
“พวกผู้ปกครองคงรู้แล้วว่าฮอกวอตส์เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดน่ะสิ” แฮร์รี่พูด
“เพอร์ซี่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้หรอก”
แฮร์รี่ตาเบิกกว้างที่อยู่ ๆ รอนก็พูดถึงพี่ชายคนนี้ของตัวเองขึ้นมา ทั้งที่เขาเคยบอกว่าเขายินดีจะมีพี่เป็นโทรลล์สมองกลวงเสียยัง
ดีกว่ายอมรับว่าโลกนี้มีเพอร์ซี่อยู่
“หมอนั่นพยายามเขียนจดหมายมาหาฉันอีกฉบับ” รอนมีสีหน้ารังเกียจ จดหมายฉบับก่อนหน้านี้เขาฉีกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
และเรียกเพอร์ซี่ว่ายอดยี้งี่เง่า
“เขาว่าที่จริงแล้วหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับทำหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของทุกคนคือกระทรวงเวทมนต์
ฮอกวอตส์เองก็ยังต้องรับความคุ้มครองจากกระทรวงอยู่ดี อย่าได้เชื่อพวกอาจารย์มากนักถ้ามันขัดกับกฎกระทรวงบางกฎ”
“กฎกระทรวงอีกแล้วเหรอ! - - เขาคิดจะส่งยายคางคกหนังเหนียวมาสอนที่โรงเรียนอีกรึไง!” แฮร์รี่พูดเสียงดัง
รอนส่ายหน้า
“ปีนี้ยังไม่มีอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดมาหรอก แล้วคนในกระทรวงก็ไม่มีใครเสียสละมาอีกแล้วตราบ
ใดที่ยังไม่มีใครรับผิดชอบสวัสดิภาพได้ เพราะกลัวว่าจะเป็นเหมือนอัมบริดจ์” เด็กชายนึกถึงอาการประสาทของคนที่เขาพูดถึง
“เฟร็ดกับจอร์จบอกว่าพวกเขาจ้างบุรุษพยาบาลคนหนึ่งให้คอยทำเสียงควบม้าตอนกลางคืนให้ยายนั่นสะดุ้งตื่นเป็นระยะจนกว่า
จะออกจากโรงพยาบาลไป”
แฮร์รี่มองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะพูด
“ถึงนั่นจะยังน้อยไปก็เถอะ แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันได้ยินมาตลอดหน้าร้อนนี้เลยล่ะ”
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมารถไฟก็เริ่มชะลอความเร็วลง เป็นสัญญาณเตือนว่าพวกเขากำลังจะถึงฮอกวอตส์ในไม่ช้า เมื่อรถไฟจอด
สนิทสามสหายที่เปลี่ยนชุดนักเรียนเรียบร้อยแล้วก็เดินลงรถไฟไปรวมตัวกันกับเด็กอีกหลาย ๆ คนที่เริ่มตั้งแถวกัน
พวกเขาเห็นแฮกริดกำลังยุ่งอยู่ไกล ๆ คอยบอกให้นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งตั้งแถว และเดินนำชั้นปีอื่น ๆ ไปลงเรื่องลำเล็ก
ที่จะพาพวกเขาไปยังฮอกวอตส์
วันนี้ที่ฮอกวอตส์ดูเหมือนจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป แม้อาจารย์ทุกคนพยายามทำให้เหมือนกับว่าทุกอย่างเป็นปกติ
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยังคงมีรอยยิ้มแจ่มใสให้ทุกคน ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ยังมีท่าทีเคร่งขรึมเหมือนเมื่อก่อน
และสุดท้ายคือศาสตราจารย์สเนปที่มีสีหน้าไม่เป็นมิตรกับใครรวมทั้งเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งได้พบหน้ากันเป็นครั้ง
แรกเขาก็ทำท่าเหมือนแค้นเคืองกันมานาน แต่บรรดาเด็กนักเรียนต่างก็รู้ดีว่าแท้ที่จริงแล้วไม่ว่าใครก็ดูเหนื่อยอ่อนและหวาด
ระแวงมากขึ้น ฟิลช์ไม่แอบมายืนดูพวกเขาในพิธีสวมหมวกคัดสรรซึ่งจะเลือกเด็กให้ไปอยู่ตามบ้านต่าง ๆ แต่เลือกที่จะ
ไปยืนอุ้มคุณนายนอร์ริสเงียบ ๆ ตรงทางเข้าออกห้องโถงใหญ่ราวกับว่าถ้ามีภัยขึ้นมาเขานี่แหละจะวิ่งออกไปก่อนคนแรก
“เฮอร์ไมโอนี่ เฮอร์ไมโอนี่” รอนเรียกเพื่อนขณะนั่งอยู่บนโต๊ะประจำบ้านต่าง ๆ เพื่อดูพิธีคัดสรร เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังทอด
สายตาอย่างไร้จุดหมายรู้สึกตัวขึ้น
“มีอะไรเหรอ” เด็กหญิงถาม - - เธอกำลังบังคับตัวเองไม่ให้หันหลังไปมองโต๊ะที่อยู่อีกฟากของห้อง...โต๊ะของบ้านสลิธีริน
และเหตุผลที่เธอเลือกเก้าอี้ตัวนี้ก็เพราะจะได้หันหลังให้มัลฟอย ไม่ต้องบังคับสายตาให้ไม่มองเขา
“ฉันล่ะอยากให้พวกนายมานั่งตรงนี้จริง ๆ” รอนพูดอย่างสะใจกับเพื่อนทั้งสอง
“จะได้เห็นหน้าหมอนั่นให้ชัด ๆ ฉันว่ามัลฟอยดูซีดลงกว่าเดิมซะอีก คงกลุ้มเรื่องพ่อจนไม่เป็นอันกินอันนอน
ถ้าหมอนั่นต้องกลายเป็นแฟเร็ดอีกละก็ต้องเป็นแฟเร็ดขนร่วงหมดตัวแน่”
แฮร์รี่ไม่อยากพลาดภาพนั้น เขาหันไปมองทันทีผิดกับเฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่กล้าแม้แต่จะขยับศีรษะไปด้านหลัง
จริงอย่างที่รอนว่า วันนี้มัลฟอยดูไม่วางอำนาจเหมือนทุกครั้งทั้งที่มีตราพรีเฟ็คติดอยู่ตรงหน้าอก
ไม่ทันไรมัลฟอยก็หันมาเห็นพวกเขาพอดี แฮร์รี่กับรอนไม่คิดจะหลบสายตาพวกเขาตีความหมายดวงตาของมัลฟอย
ไปว่าคงจะจ้องพวกเขากลับด้วยความแค้นเหมือนเมื่อตอนแรก แต่แท้ที่จริงแล้วเขากำลังมองแผ่นหลังของเฮอร์ไมโอนี่ที่
ยังคงไม่หันมา เขารู้ว่าเธอคงเหมือนเขาคือพยายามลืมเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดแต่ที่เขารู้อีกอย่างก็คือ - - เขาทำไม่ได้!
“ทุกอย่างคงจบแค่นี้แล้วล่ะ” รอนพูดพร้อม ๆ กับอาหารมากมายเริ่มปรากฏขึ้นบนจานทองตรงหน้าเป็นการบอกว่า
พิธีคัดสรรจบแล้วและได้เวลาที่พวกเขาจะได้เอร็ดอร่อยกับอาหารเสียที
คืนนั้นบรรดาเด็ก ๆ บ้านกริฟฟินดอร์ต่างมานั่งพูดคุยกันที่ห้องนั่งเล่นรวมแม้ว่าในปีนี้จะดูมีสีสันน้อยลงเพราะเฟร็ด
กับจอร์จไม่อยู่แล้วแต่รอนก็ทำให้ทุกคนหายคิดถึงทั้งสองคนด้วยการเอาขนมที่ฝาแฝดฝากมาแจกให้กับเพื่อน ๆ
ได้สนุกกันเหมือนทุกครั้ง
“ฮา เนวิลล์หูนายกางออกเหมือนช้างเปี๊ยบเลย” ดีน โทมัสชี้ขณะที่เนวิลล์เอามือโบกหูตัวเองไปมาอย่างสนุก
“นายก็ปากอวบอิ่มเหลือเกินนะ” รอนบอกดีนที่ตอนนี้ปากของเขาขยายขนาดจนปิดคางไปหมด
เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยให้เพื่อน ๆ ของเธอสนุกสนานไปโดยที่เธอก็พยายามหัวเราะไปกับพวกเขาบ้าง เมื่อถูกหันมามองกระ
ทั่งตกดึกต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายเข้านอนที่ห้องของตัวเอง เหลือเพียงเธอที่เดินตรวจรอบ ๆ ห้องนั่งเล่นเป็นคนสุดท้ายในฐานะพรีเฟ็ค
("เปิดเทอมพรุ่งนี้งานก็เริ่มพรุ่งนี้สิ" รอนว่า - - เขาก็เป็นพรีเฟ็คเหมือนกัน)
เสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนแล้วเด็กหญิงหยิบนาฬิกาเรือนเงินที่มัลฟอยให้ไว้และเธอก็พกไว้ตลอดเวลาขึ้นมาดู
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ เมื่อเห็นเข็มของมันนิ่งสนิท
มันตายแล้ว....เหมือนกับหัวใจของคนที่ให้และคนที่รับมา
To be continued!!
No comments:
Post a Comment