Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 9: It happened on the Quidditch Pitch

เกิดเหตุบนสนามควิดดิช (It happened on the Quidditch Pitch)


          “ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอกลับไปช่วยมัลฟอย? แฮกริดพูดถูก เธอบ้าไปแล้ว!”
          เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตากลุ้มใจไปให้รอน ข้ามกองการบ้านวิชาการปรุงยาของพวกเขาที่กระจายอยู่เต็มบนโต๊ะตัวหนึ่งในห้องนั่งเล่นรวมกริฟฟินดอร์
          “ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันยังต้องบอกเธออีก รอน เธอมีปฏิกิริยาเกินจริงเสมอเลย จริงๆ แล้วมัลฟอยไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น” เธอมองไปทางอื่นที่ไม่ใช่เขา เมื่อเขามองเธอเหมือนบอกว่าเธอเพิ่งมีศีรษะงอกขึ้นมาอีกอันหนึ่งอย่างชัดเจน
          “ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น? มัลฟอยไม่...ได้เลวร้ายขนาดนั้น?” เขาชะโงกข้ามกองม้วนแผ่นกระดาษมาทันทีและเอามือทาบหน้าผากของเธอ “เยี่ยม เธอไม่ได้รู้สึกว่ามีไข้สูง แต่ฉันยังคงคิดว่าเธอควรไปพบมาดามพอมฟรี่ย์”
          “รอน!” เฮอร์ไมโอนี่ปัดมือของเขาออกไปและถลึงตาใส่เขา “ไม่มีอะไรผิดปกติกับฉันทั้งนั้น ทั้งหมดก็แค่ฉันพูดว่าเขาไม่ได้เลวร้ายแบบนั้น เธอกำลังไร้เหตุผลอย่างยิ่ง แฮร์รี่ ได้โปรดบอกเขาว่า เขากำลังไร้เหตุผล”
          แฮร์รี่เงยขึ้นจากตำราเรียนวิชาการปรุงยาด้วยสีหน้าที่แสดงให้เห็นว่า เขาหวังไม่ต้องอยู่ในการวิวาทครั้งนี้ “เฮอร์ไมโอนี่ ฉันต้องเห็นด้วยกับรอนในเรื่องนี้ หลังจากคิดไตร่ตรองแล้วนะ นี่คือมัลฟอย การบอกว่ามัลฟอยไม่ได้เลวร้ายแบบนั้น เท่ากับกำลังจะบอกว่าพวกตัวสกู๊ตปะทุไฟ(Blast-ended Skrewts) ช่างน่ารักและน่ากอด”
          “ฉันไม่อยากเชื่อเธอทั้งคู่เลย ทั้งหมดก็แค่ฉันพูดว่ามัลฟอยไม่ได้เลวร้ายแบบนั้น และเธอคิดว่าฉันควรถูกจับขังไว้ที่เซนต์มันโก” เฮอร์รู้สึกว่าตัวเองกำลังโมโห การเต้นตุ้บๆ เริ่มขึ้นในหัวของเธอและทราบว่าเธอจะปวดหัวอย่างรุนแรง ถ้าเรื่องนี้กลายเป็นการทะเลาะวิวาทเต็มรูปแบบ
          “นั่นอาจไม่ใช่ความคิดที่เลวนัก เฮอร์ไมโอนี่ เขากำลังทำอะไรบางอย่างกับเธออย่างเห็นได้ชัด ฉันเคยคิดว่าเธอฉลาดกว่าเขามากเลย แต่ฉันสันนิษฐานว่ามันสมองไม่มีค่ามากนักเมื่อเธอขาดสามัญสำนึก” รอนบอกเธอ เขามองแฮร์รี่เพื่อให้สนับสนุน แต่แฮร์รี่เพียงแค่สั่นหัวและกำลังคิดว่ารอนได้ล้ำเส้นเกินไปแล้ว
          เฮอร์ไมโอนี่มองรอนอย่างไม่ชอบใจ และเริ่มผลักกองหนังสือของเธอออกไปอย่างรวดเร็ว
          “เฮอร์ไมโอนี่” รอนพยายามเรียกความสนใจของเธอ “เฮอร์ไมโอนี่ ฉันไม่ได้หมายความอะไรแบบนั้นจริงๆ นะ เฮอร์ไมโอนี่อย่าไปเลย เรายังมีการบ้านวิชาเวทมนตร์ศาสตร์ต้องทำอีกนะ” รอนพยายามคว้าแขนเธอ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก้าวออกห่าง
          “โอ้! ทำมันเองซิ รอน วีสลี่ย์ หรือให้ดีกว่านั้นหาใครสักคนที่มีสามัญสำนึกมาช่วยเธอซิ!” เธอหันหลังและผลุนผลันขึ้นไปหอนอนนักเรียนหญิง
          “นายรู้ไหม รอน ฉันอาจจะผิดก็ได้ แต่เมื่อนายกังวลใจเกี่ยวกับเพื่อนคนหนึ่ง ฉันคิดเสมอว่าดีที่สุดที่ไม่ดูหมิ่นเขา” แฮร์รี่บอกเขาอย่างนุ่มนวล ขณะเปิดหนังสือวิชาเวทมนตร์ศาสตร์ของเขา
          “เออ..ฉันอดไม่ได้ที่เธอร่ายยาวบ้าบอเหลวไหลถึงเจ้ามัลฟอย!”
__________________

          เฮอร์ไมโอนี่โยนกระเป๋าของเธอลงพื้น คลานขึ้นเตียงและดึงผ้าม่านปิดรอบเตียงของเธอ
          “เขากล้าดีอย่างไร? เขากำลังไร้เหตุผล;พวกเขาทั้งคู่กำลังไร้เหตุผล มัลฟอยไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ฉันไม่ได้กำลังพูดว่าเขาเป็นชายหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่หรืออะไรทำนองนั้น แต่เขาไม่ได้เป็นคนที่เลวที่สุดในโลกนะ” เธอบ่นกับตัวเอง
          นับตั้งแต่การเดินทางไปฮอกส์มี้ดคราวนั้น เฮอร์ไมโอนี่เลิกการหลีกเลี่ยงไปห้องสมุดเมื่อเธอทราบว่าเขาอยู่ที่นั่น ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ได้สนิทสนมกันอย่างแท้จริง แต่การดูหมิ่นเยาะเย้ยซึ่งกันและกันดูเหมือนเชือดเฉือนลดลง และบางอย่างใกล้ชิดมากขึ้นกลายเป็นการเย้าแหย่อย่างมิตร
          เฮอร์ไมโอนี่นอนคว่ำและมองขึ้นไปที่กระโจมคลุมเตียงของเธอ ไม่ใช่ว่าเธอชอบเขา เธอเพียงแค่พบว่าตัวเองไม่ได้เกลียดมัลฟอยมากเท่ากับที่เธอเคยเป็นมาก่อน มีบางอย่างในดวงตาของเขา;ลักษณะของมันที่เปล่งประกายและลึกลับ ทำให้เธอรู้สึกค่อนข้างประหลาด วันนั้นที่
ฮอกส์มี้ดช่างประหลาดเช่นกัน เธอตกใจกลัวมากภายในตรอกนั้นเมื่อกอยล์กำลังใกล้เข้ามา แต่ส่วนหนึ่งของใจเธอปฏิเสธที่จะคิดถึงอันตราย และสนใจเพียงความรู้สึกที่มีแขนของมัลฟอย
อยู่รอบตัวเธอเท่านั้น เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด ราวกับว่ามัลฟอยจะพยายามและปกป้องเธอจากทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเขาต้องทำ ไม่มีเหตุผลสำหรับเธอเลยจริงๆ เธอไม่ได้เล่าให้รอนและแฮร์รี่ฟังเรื่องลูเซียส มัลฟอย กับพ่อของกอยล์   พวกเขาจะโมโหมากขึ้นที่เธอกลับไปช่วย
มัลฟอย ในตอนนั้นเธอบอกพวกเขาแค่ว่าเธอต้องการวิ่งกลับไปที่ร้านฮันนี่ดุ๊กซ์ เพื่อซื้อกบช็อกโกแลตอีกหน่อย เมื่อเธอพบมัลฟอยกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นในความมืดคล้ายเด็กหลงทาง เธอต้องการปลอบโยนเขาเท่านั้น ไม่เคยเลยสักครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอต้องการปลอบโยนมัลฟอย หรือว่าเขาสมควรจะได้รับการปลอบโยน บางครั้งในห้องสมุดเธอเกือบจะรู้สึกว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกัน แต่แล้วมัลฟอยจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ถอยกลับไปสู่คนที่ร้ายกาจอย่างที่เขาเป็นประจำ เฮอร์ไมโอนี่ไม่เข้าใจเลย;บางครั้งเขาดูคล้ายเงียบเหงาอ้างว้างเหลือเกิน เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาชิดคางเธอ คิดว่าจริงๆ แล้วเธอไม่ได้ชอบมัลฟอยมากเท่าไรนัก อาจไม่ได้ชอบมัลฟอยเลยก็เป็นไปได้
__________________


          “เฮ้...เกรนเจอร์ เธอได้ทำอะไรกับบางอย่างในลังนี้หรือยัง?”
          เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่มัลฟอยซึ่งกำลังยืนค้ำอยู่เหนือลังไม้ใบหนึ่งตรงมุมห้อง
          “เปล่า ทำไมเหรอ?”
          “ทั้งหมดมีแต่เรื่องเหลวไหล หนังสือทั้งหมดไม่มีอะไรเลยนอกจากเรื่องไร้สาระ” มัลฟอย
ถือหนังสือเก่าปกจะหลุดเล่มหนึ่งไว้อยู่มือ
          เฮอร์ไมโอนี่เดินข้ามห้องมาอย่างว่องไว และคุกเข่าลงใกล้มัน “มันอาจไม่ไร้สาระทั้งหมดก็ได้ โอ’แลรี่พิถีพิถันอย่างมากเสมอกับทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นเวลานาน” เธอเริ่มดึงหนังสือหลายเล่มออกมาและพลิกดูคร่าวๆ มัลฟอยพูดถูก;หนังสือพวกนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากตัวเลข
          “ชัดเจนเลยว่า ตาแก่คนนี้ได้เสียสติไปแล้วในช่วงเวลานี้” มัลฟอยดูเหมือนโกรธมากที่ทั้งลังนี้บรรจุแต่สิ่งที่ไม่มีประโยชน์
          “แต่มันไม่มีเหตุผลเลยนะ มัลฟอย ทำไมเขาเขียนหนังสือทั้งหมดนี้โดยไม่มีอะไรเลยนอกจากตัวเลข? งานวิจัยที่เหลือของเขาเป็นระเบียบเรียบร้อยมากเลยนะ” เฮอร์ไมโอนี่ถือหนังสือเล่มหนึ่งไว้บนตัก พยายามสังเกตว่ามันต้องมีความหมายอะไร
          “เกรนเจอร์ การแข่งขันระหว่างสลิธีรินกับกริฟฟินดอร์วันเสาร์นี้ เราจะถล่มพวกเพื่อนๆ ตัวจิ๋วของเธอให้แบนเลย เธอรู้ไว้ด้วย” ประกายมุ่งร้ายกำลังฉายอยู่ในแววตาของมัลฟอย
          “แน่นอน นายทำแน่” เฮอร์ไมโอนี่ตอบโดยไม่เงยขึ้นมอง มัลฟอยมองและรับรู้ว่าเธอต้องไม่ได้ฟังเขาเลย
          “และแฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นคนปัญญาอ่อนที่สุด ไม่มีค่าสักคนุตส์เดียวที่เป็นซีกเกอร์” มัลฟอยยิ้มหยันให้เกรนเจอร์
          “อึม...” เฮอร์ไมโอนี่เห็นด้วย คิ้วเธอชนกันด้วยความตั้งอกตั้งใจขณะพลิกหน้ากระดาษของหนังสือ
          “และเธอคิดว่าฉันหน้าตาดีอย่างเหลือร้าย และอาจเป็นคนที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลที่สุดในโรงเรียนก็ได้” มัลฟอยเสนออย่างกระตือรือร้น
          “อะไรนะ?” เฮอร์ไมโอนี่ถามทันที พร้อมหันมามองที่เขา
          “โอ้ แค่กำลังสงสัยว่าเธอจะไปดูการแข่งขันควิดดิชวันเสาร์นี้ไหม?”
          “ฉันไปแน่นอน ฉันต้องไปเชียร์บ้านของฉันอยู่แล้ว รวมทั้งรอนและแฮร์รี่ด้วย” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขา
          “โอ้ แน่นอนเลย เพราะแฮร์รี่ผู้วิเศษไม่มีผู้สนับสนุนมากพอ ทำไมเธอไม่เริ่มตั้งชมรมแฟนตัวจริงสำหรับเพื่อนชายตัวน้อยของเธอล่ะ? เดี๋ยวก่อนหรือว่า;เป็นเจ้าพังพอน(the Weasel) ที่ครองหัวใจเธอหา? ฉันไม่เคยจะจำได้ซะทีเลย” มัลฟอยมองเธออย่างไม่ชอบใจ
          เฮอร์ไมโอนี่เงยมองเขาอย่างแปลกใจ การพบกันครั้งนี้ช่างเรียบง่ายเหลือเกินเมื่อเทียบกันกับที่ผ่านมา เธอเกือบจะอยากพูดว่ามันน่าพอใจ
          “มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า มัลฟอย? เธอถาม
          “ไม่มีอะไรทั้งนั้น เลือดสีโคลน ฉันแค่รู้สึกไม่สบายที่ฟังเธอพูดมากและมากถึงพอตเตอร์และวีสลี่ย์” มัลฟอยกระชากกระเป๋าของเขาออกจากโต๊ะ และหุนหันออกจากห้องไปทิ้งให้เฮอร์ไมโอนี่งงงันอยู่ข้างหลัง
__________________

          “เฮอร์ไมโอนี่” รอนกระซิบใส่เธอ เฮอร์ไมโอนี่มองตรงไปข้างหน้าที่สเนปซึ่งกำลังเขียนบางอย่างอยู่บนกระดาน
          “เถอะน่า เฮอร์ไมโอนี่ ฉันบอกแล้วว่าฉันเสียใจ” รอนอ้อนวอนเธอ แต่เธอยังคงไม่ยอมมองเขา
          “ได้โปรด เฮอร์ไมโอนี่...” เขาขอร้องอีกครั้ง และคราวนี้เฮอร์ไมโอนี่ลองชำเลืองมองเขาทางหางตา และรู้ว่าเป็นความผิดพลาดอย่างทันที รอนกำลังจ้องเขม็งมาที่เธอด้วยดวงตากลมโตสีน้ำเงินของเขา แววตาดูคล้ายลูกสุนัขเศร้าสร้อย เขายักคิ้วให้เธอและยิ้มนิดๆ
          “ก็ได้ ก็ได้ ยอมรับการขอโทษก็ได้ เลิกมองฉันแบบนั้นได้แล้ว รอน” เธอยิ้มตอบให้เขา
          แฮร์รี่ที่อยู่ถัดจากเธอ รู้สึกผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด:เธอทราบว่าเขาเกลียดมันเมื่อเธอและรอนต่างคนต่างไม่พูดกัน เฮอร์ไมโอนี่หันความสนใจกลับไปที่สเนป และเริ่มคัดลอกส่วน
ผสมต่างๆ ที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ในการปรุงยา วันนี้พวกเขาถูกกำหนดให้ปรุงน้ำยาสวาปาม (Engorgement Potion) มันแทบจะไม่ง่ายในการควบคุมเท่ากับคาถาสวาปามขั้นพื้นฐาน ซึ่งอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมสเนปถึงให้พวกเขาทำมันก็ได้
          “ต่อไปเราต้องใช้ดวงตาเต่าทองจำนวนเท่าไร?” แฮร์รี่ถามเมื่อเขาเริ่มนับจากกองเล็กๆ
          ลูกตาเฮอร์ไมโอนี่กวาดลงไปดูที่รายการ “เราต้องใช้ดวงตาเต่าทองห้าดวง”
          “ฉันใส่ลงไปตั้งเยอะแน่ะ” รอนพูดอย่างวิตกกับกองของตัวเอง เขาชำเลืองไปด้านข้างของแฮร์รี่ซึ่งเงยขึ้นจากกองของเขา และดีดดวงตาเต่าทองข้ามห้องไปโดนด้านหลังศีรษะของ
แครบบ์ แครบบ์หมุนกลับมาดู แต่แฮร์รี่และรอนกำลังตั้งหน้าตั้งตาหั่นแมลงช้างปีกใสด้วยกันทั้งคู่ แฮร์รี่และรอนเริ่มต้นหัวเราะอย่างเงียบๆ เมื่อแครบบ์หันกลับไปพร้อมด้วยสีหน้าสับสน
          “ฉันเห็นนะ มิสเตอร์วีสลี่ย์ หักสิบแต้มจากกริฟฟินดอร์ โอ้...และดูเหมือนว่าน้ำยาของเธอพร้อมจะถูกทดสอบแล้ว”
          รอนก้มดูหม้อยาที่กำลังเป็นฟองของเขาอย่างสงสัย จากนั้นรินใส่แก้วน้ำใบเล็กจนเต็มแล้วดื่มมันเข้าไปอึกใหญ่ เกิดเสียงดังป๊อกทันทีและหูของรอนบวมพองเป็นสี่เท่าของขนาดปกติอย่างรวดเร็ว พวกสลิธีรินทั้งหมดหัวเราะเยาะกันใหญ่ ใบหน้าของรอนเปลี่ยนเป็นเฉดสีแดงเจิดจ้า สเนปเดินกลับไปที่หน้าห้องเรียนเพื่อเขียนการบ้านของพวกเขาบนกระดาน
          “ดูดีมากเลย วีสลี่ย์” มัลฟอยพูดเสียงยานคางมาจากมุมของเขา “นายรู้ไหม หูของนายทำให้ฉันนึกถึงฟันของยายเลือดสีโคลนเลยทีเดียว”
          เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงอย่างโมโห และคว้าด้านหลังเสื้อคลุมของรอนไว้ เมื่อเขาถลาตรงไปที่มัลฟอย
          “เขาไม่มีค่าหรอกนะรอน นายก็รู้ดีว่าสเนปจะจับนายให้โดนกักบริเวณถ้านายทำร้ายมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างปลอบโยน
          “เธอพูดถูก รอน ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้าสเนปหาหนทางเพื่อหยุดนายจากการเล่นในวันพรุ่งนี้” แฮร์รี่เสริมและมาอยู่อีกด้านของรอน ยึดแขนของรอนไว้อย่างมั่นคง “แค่อดทนไว้เพื่อการแข่งขัน ตกลงไหม?”
          รอนหันไปมองพวกเขาแล้วพยักหน้า “ใช่แล้ว เราจะแสดงให้เขาเห็น”
__________________

          เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ระหว่างจินนี่และเนวิลล์ ส่วนซีมัสและดีนนั่งอยู่ในแถวข้างหน้าพวกเขา เธอดึงผ้าคลุมให้กระชับรอบตัวมากขึ้น เมื่อสายลมเย็นปานน้ำแข็งพัดอยู่รอบตัวพวกเขา มองดูท้องฟ้าสีเทาเข้มที่ลอยต่ำเหนือป่าไม้ เฮอร์ไมโอนี่คิดว่ากำลังจะเริ่มมีหิมะตกในเร็วๆ นี้ เธอมองดูหมู่มวลก้อนเมฆนานสักพัก กำลังคิดว่าพวกมันดูเหมือนเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เธอค่อนข้างคุ้นเคยมากทีเดียว
          “วู้ววววว..! ดูซิเฮอร์ไมโอนี่ พวกเขาเริ่มแข่งขันแล้ว!” จินนี่ร้องเสียงดัง พร้อมกับจับแขนเฮอร์ไมโอนี่ไว้
          ทั้งสองทีมขึ้นสู่ท้องฟ้าทันทีพร้อมกับเสียงนกหวีดจากมาดามฮู๊ช ลูกบอลทั้งหลายถูกปล่อยออกไป การแข่งขันดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก;แฮร์รี่ลอยสูงเหนือผู้เล่นหลายคนเพื่อมองหาลูกสนิช ในขณะที่มัลฟอยพุ่งไปทางเดียวกันแต่อยู่ต่ำกว่า แฮร์รี่หายวับไปอย่างรวดเร็ว จินนี่จับแขนเฮอร์ไมโอนี่แรงกว่าเดิมและร้องเสียงหลงด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง แต่แฮร์รี่กลับออกมามือเปล่า รอนป้องกันการยิงลูกแล้วลูกเล่าที่ส่งมาจากทีมสลิธีริน เฮอร์ไมโอนี่และจินนี่ตัวแทบจะติดกันด้วยความดีใจที่รอนทำได้ดีแค่ไหนในการเล่นครั้งแรกของฤดูกาลในทีมกริฟฟินดอร์
          จินนี่คว้ามือของเฮอร์ไมโอนี่เมื่อลูกบลัดเจอร์เกือบจะกระแทกใส่หนึ่งในคู่แฝด เขาตีมันและส่งให้มันหมุนคว้างแรงขึ้นจากไป เฮอร์ไมโอนี่ตามดูลูกบอลเลือกหาเป้าหมายทันทีและมันตรงไปหามัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างขณะที่ลูกบอลลอยตรงไปยังศีรษะของเขาแต่มัลฟอยไม่เห็นมัน ทั้งเขาและแฮร์รี่สังเกตเห็นแสงริบหรี่สีทองใกล้พื้นสนามตรงเสาประตูทีมสลิธีริน
มัลฟอยและแฮร์รี่หายวับพุ่งไปหามันในเวลาเดียวกัน อัฒจันทร์อยู่เหนือเท้าของพวกเขา ซีกเกอร์ทั้งสองคนกำลังแล่นลงต่ำอย่างรวดเร็ว และลูกบลัดเจอร์อันตรายกำลังไล่กวด
มัลฟอยที่ไม่ได้ระแวงเลย เฮอร์ไมโอนี่บีบมือจินนี่แน่นและเม้มริมฝีปากของเธอ เธอไม่ได้กำลังดูแฮร์รี่อีกแล้ว ความสนใจทั้งหมดของเธออยู่ที่มัลฟอย พวกเขาทั้งสองคนเข้าใกล้มากขึ้น แค่เพียงสิบฟุตและกลายเป็นห้าฟุต ลูกบลัดเจอร์กำลังจะกระแทกใส่ด้านหลังศีรษะของมัลฟอย เมื่อเขาสังเกตเห็นมันและหักหลบไปด้านข้างอย่างทันท่วงที เฮอร์ไมโอนี่หลุดเสียงร้องเบาๆ ออกมา หลังจากนั้นแฮร์รี่ก็ได้ลูกสนิช การแข่งขันจบลง;กริฟฟินดอร์ชนะได้ 180 แต้ม ในขณะที่สลิธีรินไม่มีคะแนน เฮอร์ไมโอนี่มองลูกบลัดเจอร์ทั้งหลายถูกเก็บเข้ากล่องของพวกมัน มัลฟอยร่อนลงสู่พื้นสนามอย่างช้าๆ และลงจากไม้กวาด เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวว่าเธอยังคงจับมือของจินนี่ไว้ เด็กสาวอ่อนเยาว์กว่ากำลังจ้องเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความช็อก เธอมองเห็นอย่างแจ่มชัดว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้รู้สึกกลัวแทนแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่รู้ตัวเองว่าหน้าแดงเลยหันหนีอย่างรวดเร็ว
          “เร็วเข้า จินนี่ ไปแสดงความยินดีกับพวกเขา” เฮอร์ไมโอนี่ไม่รอคำตอบ เริ่มก้าวเท้าออกเดิน
          “เฮอร์ไมโอนี่” จินนี่เรียก แต่เฮอร์ไมโอนี่เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
          ดูเหมือนว่าทั้งบ้านกริฟฟินดอร์กำลังรอคอยทั้งทีมให้ออกมาจากเต็นท์ของพวกเขา พวกนักกีฬาถูกยกขึ้นพาดอยู่บนบ่ามากมายและแบกหลังตรงไปที่โรงเรียนเป็นขบวนเสียงดังมาก เฮอร์ไมโอนี่และจินนี่มาสมทบกับกลุ่มและมุ่งหน้าไปยังปราสาท เฮอร์ไมโอนี่ทราบว่าบางคนจะลงไปในห้องครัวและนำอาหารมาจากบ้านของเหล่าเอลฟ์ ทราบว่าทั้งบ้านจะวุ่นวายอยู่กับการเลี้ยงฉลองหลายชั่วโมง แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้รู้สึกอยากเฉลิมฉลอง เธอดีใจที่พวกเขาชนะ
ดีใจที่แฮร์รี่ชนะ แต่มีความรู้สึกไม่เป็นสุขอย่างหนึ่งภายในท้องของเธอ รู้สึกไม่ดีเลยสำหรับ
มัลฟอย;เขาเกือบจะใกล้ได้รับชัยชนะแล้ว
          ทุกคนลงจากอัฒจันทร์แล้วในตอนนี้และกำลังมุ่งตรงไปยังโรงเรียน เฮอร์ไมโอนี่หยุดที่ประตูใหญ่และมองกลับไปที่สนาม แน่ใจพอสมควรเมื่อเธอเห็นรูปร่างสูงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ในเงามืด เฮอร์ไมโอนี่ก้าวถอยออกจากพรรคพวกและดูพวกกริฟฟินดอร์ที่เหลืออยู่เดินขึ้นบันไดไป ทุกคนกำลังหัวเราะและพูดคุยอย่างมีความสุข เฮอร์ไมโอนี่คอยจนกระทั่งนักเรียนเกือบทั้งหมดผ่านประตูไปก่อนเธอหันหลังและเดินกลับไปที่สนาม มัลฟอยกำลังยืนอยู่อีกด้านของสนาม
ควิดดิช เวลานี้มืดมากเนื่องจากพระอาทิตย์ได้ลับหายไปแล้ว ทำให้เฮอร์ไมโอนี่แทบจะไม่สามารถเห็นเขาได้ เขาหันหลังให้เธอและกำลังจ้องเข้าไปในความมืดเหนือป่าต้องห้าม
          “มัลฟอย?” เธอเรียกอย่างอ่อนโยน ก้าวมายืนใกล้ๆ เขา
          เขาไม่ได้หันมามองเธอ “เธอต้องการอะไร เกรนเจอร์?” เขาถามอย่างขมขื่น
          “ฉัน...ฉันแค่...” แต่เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ขาดหายไป เธอไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเธอออกมาที่นี่
          “ให้ฉันเดานะ” มัลฟอยหันมาตรงหน้าเธอ “เธอมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่เอาความคิดไปใส่ในหัวของเธอว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน และเธอรู้สึกถึงความจำเป็นต้องมาปลอบโยนฉันหลังจากการพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ? มันเป็นอย่างนั้นใช่ไหม เกรนเจอร์?” ดวงตาเขาเป็นประกายกร้าวอย่างเดือดดาล และย่างสามขุมตรงมาที่เธอ
          เฮอร์ไมโอนี่ปรารถนาขึ้นมาทันทีให้เธออยู่ข้างในที่ปลอดภัยและอบอุ่น ไม่ใช่ข้างนอกกับมัลฟอยที่แววตาเยือกเย็นยิ่งกว่าสายลมพัดอยู่รอบตัวเธอ
          “นายพูดถูก ฉันไม่รู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มหันกลับ แต่มัลฟอยคว้าแขนเธออย่างรวดเร็ว
          “มัล...” เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากแต่ถูกระงับเมื่อมัลฟอยกดริมฝีปากเขาปิดปากเธออย่างแรง เฮอร์ไมโอนี่ตัวแข็งทื่อ;มัลฟอยดึงเธอเข้าใกล้มากขึ้น กำลังจูบเธอหนักขึ้น แรงมากเพื่อให้เจ็บ เฮอร์ไมโอนี่รับรู้ถึงเสียงร้องครางของความเจ็บปวดที่เล็ดลอดออกมาจากเธอ แล้วมัลฟอยก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอย่างยิ่งในชั่วพริบตา เขาโอบแขนรอบแผ่นหลังของเธอและจูบเธออย่างลึกซึ้ง ปากเขาอบอุ่นอย่างน่าประหลาดใจ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตื่นตกใจเหลือเกินจนผลักเขาออกไป สัญญาณเตือนภัยเล็กๆ ดังขึ้นในหัวของเธอ มันกำลังกรีดร้องกับเธอว่านี่คือมัลฟอย ศัตรูของเธอ แต่เฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจทันทีว่าเธอไม่สนใจ เธอยกแขนขึ้นโอบรอบคอของเขาและจูบตอบเขา มัลฟอยถูกทำให้แปลกใจอย่างมาก เขาเกือบจะปล่อยเธอไปแล้ว เขาหายจากอาการแปลกใจอย่างรวดเร็วและดื่มด่ำกับการจุมพิตนี้ มัลฟอยดึงเธอเข้ามาใกล้เหมือนเดิม เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเหมือนว่าโลกใบนี้กำลังหมุนรอบตัวเธอ อาการสั่นแปลกๆ ภายในท้องเธอเริ่มอีกแล้ว เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับว่ากำลังวังชาทั้งหมดได้หายไปจากตัวเธอ เธอรู้สึกดีใจที่แขนแข็งแรงของมัลฟอย
กอดรัดเธอเอาไว้ โอบอุ้มเธอไว้ เขายุติการจุมพิตแต่ไม่ได้ปล่อยเธอ แขนของเขาจับเธอไว้แน่นราวกับกลัวที่จะปล่อยเธอไป เขาซบใบหน้าลงในลอนผมนุ่มสลวยที่ปกคลุมไปตามลำคอของเธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกอบอุ่นและได้รับการปกป้อง ช่วงเวลานี้อาจดำเนินไปตลอดกาลและเธอไม่ใส่ใจเลย เธอหลับตาพริ้มเมื่อมัลฟอยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำแหบห้าว
          “เธอกำลังทำอะไรกับฉัน เลือดสีโคลน?”
          เฮอร์ไมโอนี่ตัวเกร็งแน่น โลกทั้งใบหล่นทับใส่ตัวเธออย่างกะทันหัน นี่คือมัลฟอย เธอรับรู้ถึงความโกรธที่กำลังขยายลึกลงไปตามตัวเธอด้วยการกระแทกของความเจ็บปวด เฮอร์ไมโอนี่ผลักมัลฟอยอย่างแรงเท่าที่เธอทำได้ให้ห่างจากเธอ เขาเซถอยไปข้างหลังและรู้สึกแปลกใจ
          “เกรนเจอร์” เขาพยายามคว้าตัวเธอ แต่เฮอร์ไมโอนี่ดึงเอาไม้กายสิทธิ์ออกมาและชี้ไปที่เขา
          “อยู่ห่างๆ จากฉัน มัลฟอย” เธอคำราม มือของเธอสั่นเล็กน้อย
          มัลฟอยก้าวตรงมาที่เธอ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอโง่แค่ไหน เธอปล่อยให้เขาทำอย่างนั้นได้อย่างไร? เธอชอบมันได้อย่างไร? เธอรู้สึกว่าน้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตาจึงหันหนีและวิ่งกลับไปที่ปราสาท

TBC

No comments:

Post a Comment