Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 25: Thick and Thin

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม (Thick and Thin)


          เฮอร์ไมโอนี่ปีนผ่านช่องรูปภาพเหมือนอย่างเงียบๆ เท่าที่เธอทำได้ เธอรู้สึกประหลาดใจที่เห็นกองไฟเล็กๆ ยังคงลุกไหม้อยู่ภายในห้องนั่งเล่นรวม เวลาดึกดื่นเช่นนี้นักเรียนส่วนใหญ่เข้านอนไปแล้ว แต่ว่าเสียงขีดเขียนจากปากกาขนนกสามารถได้ยินได้ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเมื่อเธอเห็นว่าเป็นใคร
          “รอน” เธอเรียกเบาๆ
          หนุ่มผมแดงเหลือบมองข้ามไหล่ของเขามาที่เธอแล้วยิ้มกว้าง เขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งมีแผ่นกระดาษกระจัดกระจาย;หนังสือวิชาเวทมนตร์ศาสตร์กางเปิดอยู่ตรงหน้าเขา  และมีจานแซนด์วิชใบหนึ่งวางอยู่ใกล้เขาอีกด้วย
          “หวัดดี เฮอร์ไมโอนี่ มือของเธอเป็นอย่างไรบ้าง?”
          “ดีขึ้น ฉันคิดว่างั้นนะ” เฮอร์ไมโอนี่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อว่าเขาสามารถตรวจดูมันได้ใต้แสงไฟ “หิวหรือ?” เธอถามพร้อมกับพยักหน้าไปที่จาน
          “พวกนั้นสำหรับเธอต่างหาก เพราะว่าเธอไม่ได้มาตอนเวลาอาหารกลางวันหรืออาหารว่าง แฮร์รี่และฉันเดาว่าเธออาจจะหิวก็ได้ถ้าเธอกลับมาจากห้องสมุด” รอนหันกลับไปที่การบ้านของเขาและถอนหายใจอย่างหดหู่
          เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงในเก้าอี้ถัดจากเขาและเริ่มเลือกหาผ่านกองแซนด์วิช
          “พวกแซนด์วิชเนยแข็งวางอยู่ด้านซ้าย ฉันบอกแฮร์รี่แล้วว่าเธอชอบเนยแข็งเท่านั้น แต่
เฟร็ดกับจอร์จทำให้เขาเชื่อว่าเธอมีความชื่นชอบที่ไม่ยอมบอกกับใครเรื่องปลาทูน่าและผักดอง จริงๆ เลยน้า บางครั้งฉันก็แปลกใจเกี่ยวกับแฮร์รี่ เขาช่างถูกหลอกได้ง่ายดายเหลือเกิน”
          “ขอบคุณนะ รอน” เฮอร์ไมโอนี่เปล่งเสียงร้องอย่างรู้สึกขอบคุณ ขณะที่เธอวางแซนด์วิชทูน่ากับผักดองลง แล้วหาอันที่เป็นเนยแข็งแท้จริง “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพลาดอาหารเย็นหรอก แต่มีเรื่องให้เบี่ยงเบนความสนใจน่ะ”
          รอนมองกลับไปที่หนังสือวิชาเวทมนตร์ศาสตร์ของเขา เหมือนว่ามันกลายเป็นผลงานทางวรรณคดีที่น่าสนใจที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา “มัลฟอยอีกซินะ?” เขาถามเรียบๆ ไม่หันมองเธอ
          เฮอร์ไมโอนี่หยุดเคี้ยวและมองรอนเขม็ง เขายังคงทำงานต่อไปอย่างน่าสังเกต และกำลังพยายามอย่างมากเพื่อทำเสียงสบายๆ  “ไม่ใช่หรอก แค่งานเรียนนิดหน่อย โครงการวิชาตัวเลข
มหัศจรรย์น่ะ”
          “ฟังนะ เฮอร์ไมโอนี่” รอนเริ่มขึ้น แต่เฮอร์ไมโอนี่แทรกขึ้นว่า
          “รอน ฉันไม่อยากทะเลาะ ได้โปรดเถอะนะ ฉันเหนื่อย”
          “นี่เธอคิดว่าทั้งหมดที่ฉันต้องการคือการทะเลาะงั้นรึ?” รอนมองเธอ นัยน์ตาเขาเป็นประกายอย่างเดือดดาลชั่วขณะ เขาสูดลมหายใจลึกๆ แล้วพูดต่อว่า “ฉันแค่อยากบอกว่า แบบว่า...” เขาหยุดลงอีกครั้งและมองกลับลงไปที่หนังสือเขา “แฮร์รี่และฉัน เราไม่เข้าใจว่าเธอเห็นอะไรในตัวเจ้าคนน่ารังเกียจนั่น แต่ว่า...” รอนกลืนน้ำลายอย่างแรง “บิลพูดว่าพวกผู้หญิงมักทำเรื่องโง่ๆ และเราไม่ควรวิตกเกี่ยวกับมันมากเกินไป”
          เฮอร์ไมโอนี่พบว่าตัวเธอกำลังพยายามตัดสินใจว่า เธอควรเป็นบ้าหรือโมโหดี เธอยืนขึ้นและวางแซนด์วิชที่เหลือลง
          “เดี๋ยวซิ เฮอร์ไมโอนี่ อย่าทำแบบนั้นเลยนะ” รอนยืนขึ้นและจับแขนเธอไว้ กำลังดึงเธอกลับมา “ฟังนะ เธอก็รู้ว่าฉันไม่เก่งเรื่องพวกนี้ ฉันควรให้จินนี่อยู่ด้วยเผื่อว่าหล่อนสามารถอธิบายแทนฉันได้”
          เฮอร์ไมโอนี่นั่งกลับลงไปและไขว้แขน กำลังจ้องเขม็งใส่เขา
          “ฉันแค่หมายความว่า เออ เราอาจไม่เข้าใจสิ่งที่เธอเห็นในเจ้านั่น” รอนชะงักเมื่อการจ้องมองของเฮอร์ไมโอนี่ไม่พอใจมากขึ้น “ในมัลฟอย แต่ว่าเรายังคงเป็นเพื่อนของเธอ มันสำคัญที่เธอต้องรู้เรื่องนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม จริงนะ?” เขาพิจารณาสีหน้าเธอแวบหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเธอกำลังคิดเรื่องอะไร
          เฮอร์ไมโอนี่มึนงงอยู่ชั่วขณะในระหว่างที่รอนเฝ้ามองเธออย่างหวั่นเกรง เธอลุกขึ้นช้าๆ
รอนก้าวถอยหลัง เกือบจะกลัวว่าเธออาจขว้างบางอย่างใส่เขา เขาคิดถูกทีเดียวในเรื่องนั้น ใช่เลย เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เหวี่ยงแขนเธอโอบรอบตัวเขาแล้วระเบิดน้ำตาออกมา
          “เฮอร์ไมโอนี่?” รอนถามอย่างเป็นกังวล เมื่อเธอฝังใบหน้าเปียกชื้นลงในอกเขา
          “เธอและแฮร์รี่” เธอพูดน้ำเสียงสั่นเครือ “เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันในโลกใบนี้ ฉันรักเธอสองคนมากเหลือเกิน” น้ำเสียงเธอแตกพร่า เธอสูดน้ำมูก
          รอนตบแผ่นหลังเธออย่างเคอะเขิน ปลายหูทั้งสองข้างของเขากำลังเปลี่ยนเป็นสีแดง “โอ๋ เอาน่า เฮอร์ไมโอนี่ ไม่เป็นไรแล้วนะ เรารักเธอเหมือนกัน” เขาพูดด้วยหวังอย่างยิ่งว่าพยายามปลอบโยนเธอ  ทว่าสิ่งนี้กลับทำให้เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้หนักขึ้นไปอีก “เดี๋ยวนะ เขาไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม? เขาทำรึ?”
          เฮอร์ไมโอนี่เงยมองด้วยดวงตาพร่ามัวให้กับน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังอย่างเห็นได้ชัดเจนในเสียงของรอนที่เปล่งออกมา
          “มะ...ไม่ใช่ว่าฉันอยากให้เขาทำอะไรหรอกนะ จริงๆ นะ มันก็แค่ว่า เออ แฮร์รี่และฉันสามารถไปจัดการกับเขาได้ทุกเมื่อเลย แค่บอกให้เรารู้ โอเคไหม?” รอนเสริมอย่างรวดเร็ว
          เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะแล้วปล่อยตัวรอน ผู้ซึ่งดูโล่งอกอย่างเห็นได้เลยที่ไม่มีหญิงสาวมาร้องไห้โอบกอดเขาไว้  “ฉันจะบอกให้เธอรู้” เธอพูดอย่างนุ่มนวล
          “เธอรู้เปล่า เขาปกป้องเธอจากสเนปในวิชาการปรุงยา” รอนพูดอู้อี้ เห็นได้ชัดว่าไม่รู้สึกชอบใจนักที่พูดเรื่องแง่บวกเกี่ยวกับมัลฟอย
          “จริงรึ?” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยความประหลาดใจ
          “ใช่เลย เขาทำ”
__________________

          เฮอร์ไมโอนี่นั่งเงียบขรึมอยู่ที่โต๊ะของพวกเธอในชั้นเรียนวิชาเวทมนตร์ศาสตร์ และมองหนังสือที่เปิดไว้อยู่อย่างเนือยๆ  วันนี้พวกเขากำลังเรียนเวทมนตร์การผูกมัดสิ่งของ และเฮอร์ไม-โอนี่กำลังคอยพวกเขาอยู่ เวลานี้ศาสตราจารย์ฟลิตวิกกำลังเคลื่อนย้ายไปมาอย่างมีความสุขระหว่างโต๊ะทั้งหลาย เพื่อแก้ไขการขยับมือและการเปล่งเสียงออกมา เฮอร์ไมโอนี่พบว่าความสนใจของเธอกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว
          “ไม่ใช่ แฮร์รี่ เธอกำลังทำมันผิดวิธี” เฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมือข้ามโต๊ะมาคว้าข้อมือของแฮร์รี่ แล้วบิดมันลงเล็กน้อย “เอาล่ะที่นี้ลองมันอีกครั้ง แต่คราวนี้พยายามพูดออกมาจากข้างในทรวงอกของเธอ เธอไปทำแบบนั้นดูนะ”
          เวลานี้รอนและแฮร์รี่ยังคงฝึกฝนคาถาที่เฮอร์ไมโอนี่ได้ช่วยเหลือพวกเขา เธอได้ศึกษาคาถานี้มาแล้วนอกชั้นเรียน และไม่มีปัญหาในการผูกวัตถุต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันซึ่งศาสตราจารย์ฟลิตวิกได้แจกจ่ายให้ ยิ่งกว่านั้นเขาใช้ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ของเธอกับสำเนาเก่าแก่เรื่องกีฬาควิดดิชในยุคต่างๆ มาทำให้รวมกันอยู่ตรงกลางอย่างไม่มีผิดพลาด เพื่อเป็นตัวอย่างของการเชื่อมประสานที่ประสบผลสำเร็จ  รอนและแฮร์รี่ทั้งคู่ต่างบ่นพึมเกี่ยวกับการทำลายหนังสือดีๆ เช่นนี้
          เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกผิดหวังเมื่อเดรโกไม่ปรากฏตัวในเวลาอาหารเช้า เธอไม่ประสบผลในการพบเห็นอะไรที่ดูคล้ายกับคาถาลบล้างแม้แต่น้อย ทั้งหมดที่เธอพบคือ หน้าแล้วหน้าเล่าเกี่ยวกับการพิจารณาค้นหาถึงแรงจูงใจ การกระทำ และความศรัทธาของจิตวิญญาณ  เดรโกพูดถูก ความทุกข์ทรมานเกี่ยวกับความถูกต้องและความดีของตัวเองที่ได้รับช่างยากลำบากนักที่ต้องทนกล้ำกลืน
          เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่หวังว่าบางทีเดรโกคงโชคดีกว่าเธอหลังจากที่เขาออกไปแล้ว ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอนถ้าหากว่าเขาทำอะไรก็ตามอย่างเต็มที่ เมื่อคืนก่อนเขาจากไปอย่างหุนหันเหลือเกิน เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีแม้แต่โอกาสจะถามว่าอะไรกำลังรบกวนจิตใจเขาอยู่ อย่างกับว่าเขาจะบอกเธองั้นแหละ เขาช่างทำตามอำเภอใจของตัวเองเหลือเกินจนเฮอร์ไมโอนี่อยากขว้างอะไรบางอย่างใส่เขานัก เธอยิ้มนิดๆ ให้กับตัวเองเพราะว่าบางครั้งเฮอร์ไมโอนี่ก็ได้ขว้างข้าวของใส่เขา
          “มิสเกรนเจอร์?”
          เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง เมื่อเสียงของศาสตราจารย์ฟลิตวิกแทรกผ่านความคิดของเธอ
          “ค่ะ ศาสตราจารย์?” เธอตอบอย่างรวดเร็ว
          “เพราะว่าเธอมีความชำนาญในคาถานี้ก่อนมาในชั้นเรียนด้วยซ้ำไป ฉันกำลังคิดว่าเธอจะยินดีนำของสิ่งนี้ไปให้ศาสตราจารย์ฟิกได้ไหม?”
          เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้ารับและยกกองหนังสือที่ศาสตราจารย์ฟลิตวิกชี้ไปขึ้นมา  แฮร์รี่เปิดประตูให้เธออย่างว่องไว “เราจะเอาหนังสือของเธอไปให้ที่ห้องรับประทานอาหาร ถ้าเธอไม่กลับมาก่อนเลิกเรียนนะ”
          “ขอบคุณ แฮร์รี่” เธอร้องข้ามไหล่มาขณะออกจากห้องไป
          นักเรียนส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียน ดังนั้นเฮอร์ไมโอนี่สามารถเดินไปยังห้องเรียนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด(The Defense against the Dark Arts) ได้อย่างรวดเร็วทันใจ ศาสตราจารย์ฟิกเริ่มมาสอนเมื่อต้นปีนี้ หล่อนเกือบเหมือนเป็นคุณครูผู้ซึ่งสนุกเพลิดเพลินพอๆ กับที่ศาสตราจารย์ลูปินเป็น  ซิริอัสรู้จักกับหล่อนดี แฮร์รี่คิดว่าพวกเขาต้องเป็นเพื่อนกันมาก่อนสมัยที่พวกเขาเรียนอยู่ในฮอกวอตส์   แต่ซิริอัสไม่เคยพูดเพื่อยืนยันเลย
ประตูเข้าห้องเรียนปิดอยู่ เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งถือกองหนังสืออยู่จึงเตะมันด้วยนิ้วเท้าเธอ มีเสียงตอบเบาๆ แล้วประตูก็เปิดออก เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปอย่างระวังและมุ่งหน้าไปที่โต๊ะ เธอเหลือบมองรอบๆ ตัว และตระหนักว่าศาสตราจารย์ฟิกอยู่ท่ามกลางพวกสลิธีรินชั้นปีที่ห้า
“ศาสตราจารย์ฟลิตวิก ขอให้หนูเอาของพวกนี้มาให้คุณค่ะ ศาสตราจารย์ฟิก” เฮอร์ไมโอนี่พูดค่อยๆ หวังว่าเธอไม่ได้กำลังดึงความสนใจในทางลบมากเกินไป
“ใช่แล้ว ขอบใจนะมิสเกรนเจอร์ ฉันได้ถามศาสตราจารย์ฟลิตวิกถึงหนังสือพวกนี้มาตลอดสัปดาห์  มิสเตอร์มัลฟอย กรุณาไปช่วยเธอหน่อย” ศาสตราจารย์ฟิกยืนอยู่ไกลอีกด้านหนึ่งของห้องเรียน กำลังถือกล่องสีดำแปลกประหลาดใบหนึ่งอย่างรัดกุม;ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังทำเสียงดังหึ่งๆๆ
“โอ้ ไม่ต้องค่ะ ศาสตราจารย์ หนู...” แต่เฮอร์ไมโอนี่หยุดลงเมื่อเธอรู้สึกถึงมือของเขาบนมือเธอ  แล้วจากนั้นน้ำหนักของหนังสือก็ถูกยกออกไป  เขาหันไปจากเธอแล้ววางหนังสือลงบนโต๊ะเดรโกมองกลับมาที่เธอ นัยน์ตาสีเงินของเขาอ่านไม่ออก ทั้งชั้นเรียนดูเหมือนสนใจอย่างมากในการเฝ้าดูคนทั้งสอง เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลายอย่างกังวล
“เออ ลาก่อนค่ะ ศาสตราจารย์ฟิก” เธอพูดอย่างรวดเร็ว แล้วเผ่นออกจากห้องเรียน
เธอเพิ่งมาถึงสุดโถงทางเดินเมื่อประตูเปิดออก และมีเสียงฝีเท้ากำลังรีบตามเธอมา เดรโกเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วพร้อมกับถือหนังสือเล่มหนึ่ง
“ฟิกต้องการให้เธอมอบหนังสือเล่มนี้ให้กับฟลิตวิก” เขาพูดเรียบๆ  ปอยผมสีซีดเย็นชาตกลงมาปิดดวงตาข้างหนึ่ง
“อ๋อ ได้สิ” เธอพูดอย่างตื่นๆ พร้อมกับรับหนังสือที่ยื่นมาให้
เดรโกหันหลังและเดินกลับไปที่ชั้นเรียน ปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่เฝ้ามองตาม เขามีท่าทางห่างเหินมากและเฮอร์ไมโอนี่กำลังรู้สึกวิงเวียนอย่างประหลาด อย่างไรก็ตามเขาหยุดลงห่างออกไปหลายก้าว
“ฉันพบบางอย่าง” เขาพูดเบาๆ
“อะไร?” เฮอร์ไมโอนี่ถามทันที ไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“ฉันพบบางอย่าง เธอหูหนวกหรือไง?”
“ในหนังสือรึ? เดี๋ยวซิ” เฮอร์ไมโอนี่ก้าวไปข้างหน้าและจับแขนเขาไว้ ทำให้เขามองมาที่เธอ “เธอเจอคาถาลบล้างรึ?” ความตื่นเต้นในน้ำเสียงของเธอแทบจะไม่สามารถควบคุมได้
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น ฉันแค่พูดว่าฉันพบบางอย่าง” น้ำเสียงเดรโกขุ่นห้วน
เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้านิ่ว “แล้วเธอเจออะไร?”
“ไปพบฉันที่ห้องสมุดทีหลัง” เดรโกดึงแขนเขากลับ
“อะไรนะ? ฉันรอนานขนาดนั้นไม่ได้หรอก! บอกฉันมาเดี่ยวนี้เลย!” เฮอร์ไมโอนี่ตวาดใส่เขา
เดรโกหันกลับมาหาเธอและดึงเธอเข้ามาใกล้ ปากเขาเคลื่อนลงมาบนปากเธอแต่เขาไม่จูบเธอ เขาหยุดลงก่อนทันที เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าเธอกำลังโน้มตัวเพื่อไปจูบเขา และช็อกมากไปกว่านั้นอีกเมื่อเขาถอยห่างไป
“เธอไม่รู้ซินะ” เดรโกผลักเธอออกอย่างสุภาพ “ฉันชอบทำให้เธอกระวนกระวาย”
          ดวงตาเฮอร์ไมโอนี่เริ่มเบิกกว้างและตะลึงมองเดรโกด้วยความช็อกสุดขีด  เดรโกยิ้มแฝง
เลศนัยส่งกลับมาให้เธอ
          “เธอ...เธอ...ฉันไม่น่าเชื่อเธอเลย!” เฮอร์ไมโอนี่หมุนตัวหนีและผลุนผันจากไปตามทางเดิน
          “ฉันแค่หยอกเล่นเท่านั้นเอง” เดรโกร้องบอกอย่างสนุกสนานตามหลังเธอไป
__________________


          เฮอร์ไมโอนี่กำลังก้าวเดินไปทั่วห้องด้วยฝีเท้าเร็วๆ และโมโห เธอมาอยู่ที่นี่ได้หนึ่งชั่วโมงแล้ว เขาชอบที่ทำให้เธอต้องรอคอย และการกระทำเพื่อเรียกความสนใจเมื่อตอนเช้าตรงระเบียงห้องเรียนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ทำให้เฮอร์ไมโอนี่เดือดดาลเป็นเวลาพอสมควรทีเดียว เขากล้าดีอย่างไรถึงปฏิบัติกับเธอเหมือนเธอเป็นพวกสาวสลิธีรินไม่ได้เรื่องหา?
          เฮอร์ไมโอนี่หยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากโต๊ะ แล้วกระชากมันเปิดออกทำให้หน้ากระดาษแผ่นหนึ่งขาดเกือบครึ่ง “โฮ้ บ้าจังเลย!” เธอบ่นงึมงำ
          มีเสียงดังคลิ้กแล้วประตูเริ่มเปิดออก เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขม็งอย่างมาดร้ายไปยังใบหน้ายิ้มเยาะที่ปรากฏขึ้น ไม่มีเหตุผลสำคัญอันใดมากกว่าความจริงที่เธอเห็นว่า สีหน้าเยาะหยันนั้นเป็นสิ่งที่น่าโมโหมากที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา เธอขว้างหนังสือใส่เขา เดรโกไม่ได้คาดคิดถึงการโจมตี และไม่มีเวลาหลบหลีกหรือแม้แต่โต้ตอบ เขาถูกกระแทกใส่หน้าอย่างแม่นยำ
          “โอ๊ย!” เดรโกร้องเสียงดัง พร้อมกับเอามือปิดจมูกที่ได้รับบาดเจ็บ “นั่นสำหรับอะไรหา?”
          “นั่นสำหรับ... สำหรับ...นาย คนอวดดี คิดถึงแต่ตัวเอง คนบ้าผู้หญิงน่ารังเกียจ” เฮอร์ไมโอนี่หยิบหนังสืออีกเล่มจากโต๊ะ
          “วางหนังสือลงซะ! ฉันแค่หยอกเล่นเองนะ! อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปเลย ไม่มีใครเคยล้อเล่นในหอคอยกริฟฟินดอร์หรือไง? หรือว่าเธอมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการปฏิบัติภารกิจของสมาคมให้ความช่วยเหลือเยี่ยงนักบุญใจดีมีศีลธรรมซินะ?” เดรโกกำลังถูจมูกอย่างแรง
          “โอ ฉันทำให้จมูกน้อยของเดรโกบาดเจ็บรึ?” เธอแว๊ดใส่เขา ขณะที่วางหนังสือลง
          “ใช่นะสิ! ฉันอาจจะช้ำได้นะ”
          “โอ ฉันแน่ใจว่าหัวใจหลายดวงจะแตกสลายท่วมคุกใต้ดินสลิธีรินเพราะมัน” เธอโต้ตอบอย่างประชดประชัน
          “ฉันมั่นใจว่าพวกหล่อนจะเป็นเช่นนั้น” เดรโกก้าวเท้ายาวๆ ข้ามห้องไป และตรวจดูภาพสะท้อนของเขาในกระจกหน้าต่างบานหนึ่ง
          “เอาล่ะ แล้วเธอเจออะไร?” เฮอร์ไมโอนี่กำลังเริ่มรู้สึกดีขึ้นมากในเวลานี้ เพราะว่าเธอได้ระบายความโกรธของเธอออกมา
          “แล้วทำไมฉันถึงควรบอกอะไรกับเธอด้วย?” เดรโกถามอย่างขัดคำสั่ง ขณะที่เขานั่งลงในที่นั่งตรงข้ามกับเฮอร์ไมโอนี่
          เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตามองเขาอย่างน่ากลัวและเอื้อมมือไปที่หนังสือ
          “โอเค โอเค ไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงหรอกนะ” เดรโกยกมือขึ้นเพื่อขอสงบศึก
          “ถ้างั้นเธอพบคาถาลบล้างซินะ?”
          “ไม่มีคาถาลบล้าง ฉันต้องบอกเธอเรื่องนั้นไม่รู้กี่ครั้งแล้ว  อะวาดา เคดาฟ-รา ฆ่าเธอและเธอสามารถตายได้ในทันที” เดรโกยกมือเสยผมเขา ปัดปอยผมที่ตกมาไปด้านหลัง
          “แค่นี้นะ? นั่นคือสิ่งที่เธอต้องการบอกฉันงั้นรึ?” เฮอร์ไมโอนี่ดูเหมือนตัวพองขึ้นอย่างเดือดดาล
          “ไม่ใช่ ฉันบอกเธอว่าฉันเจอบางอย่าง”
          “แล้วไง? เธอกำลังทำแบบนี้เพียงเพื่อทรมานฉันใช่ไหม?”
          “อาจจะใช่ เธอรู้เปล่าว่าเวลาเธอรู้สึกโกรธจริงๆ จังๆ เธอกำมือแน่นเหมือนว่าเธอกำลังวางแผนเพื่อฆ่าใครสักคน และฉันเพิ่งรู้สึกว่ามันน่าสนุก! ใช่แล้ว เป็นแบบนั้นจริงๆ เลย” เดรโกยิ้มและชี้ที่มือทั้งสองของเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งกำลังบีบแน่นอยู่บนหน้าตัก
          “ฉันเกลียดเธอจริงๆ ในเวลานี้.”
          “เอาล่ะนะ ไม่เล่นอีกแล้ว ฉันไม่ได้เจอคาถาลบล้าง แต่ฉันเจออย่างอื่นแทน” เดรโกหยิบหนังสือออกจากกระเป๋าของเขา และเปิดออกในหน้าที่ได้ทำเครื่องหมายไว้แล้วยื่นส่งให้เฮอร์ไมโอนี่
          “มันคืออะไร? เป็นคาถาผู้พิทักษ์รึ?” เฮอร์ไมโอนี่ถาม ขณะที่เธอดูหนังสือ
          “เธอรู้วิธีเสกคาถาผู้พิทักษ์ด้วยรึ?” เดรโกสงสัย
          “แฮร์รี่สอนฉัน และรอนด้วย”
          “พอตเตอร์ และวีสลี่ย์รู้วิธีเสกคาถาผู้พิทักษ์หรือเนี่ย?” เดรโกพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกเล็กน้อย
          “หลังจบชั้นปีที่สาม พวกเราทั้งหมดตัดสินใจว่าพวกเราควรรู้วิธีต่อกรกับผู้คุมวิญญาณ เธอรู้ไหมว่านั่นเป็นคาถาที่มีประโยชน์อย่างมาก และแฮร์รี่...” เฮอร์ไมโอนี่เงยขึ้นมองเดรโกซึ่งเริ่มทำหน้านิ่วใส่เธอ
          “พอได้แล้วกับเรื่องเด็กหนุ่มผู้มีชิวิตอยู่เพื่อรังควาญฉัน เรามีเรื่องสำคัญมากกว่าในตอนนี้” เดรโกลุกขึ้นและอ้อมโต๊ะมาเพื่อว่าเขาสามารถดูหนังสือเล่มนี้ได้ในเวลาเดียวกัน “ดูซิ นี่ไม่ใช่คาถาลบล้าง มันเป็นเครื่องป้องกันอย่างหนึ่งที่ประกอบด้วยพลังงานด้านบวก ซึ่งทำไมถึงทำให้เธอนึกถึงคาถาผู้พิทักษ์”
          เฮอร์ไมโอนี่มองดูและรู้สึกผิดหวัง “พลังงานด้านบวกจะทำอะไรล่ะ?”
          “เธอไม่รู้หรือว่าคำสาปพิฆาตทำงานอย่างไร?” เดรโถถามอย่างแปลกใจ
          “ไม่! แน่นอนว่าไม่ แล้วเธอรู้หรือ?”
          “ฉันรู้แน่นอนอยู่แล้ว อ้าว อย่ามองฉันแบบนั้นซิ เราเห็นพ้องตรงกันแล้วว่าความรู้ด้านศาสตร์มืดของฉันลึกล้ำมากกว่าของเธอ โดยพื้นฐานคำสาปพิฆาตทำงานด้วยการบังคับความเกลียดชัง เมื่อเธอใช้คาถานี้ออกไปทุกครั้ง หมายถึงว่าเธอใส่ความเกลียดชังที่เคยมีตรงเข้าไปในการระเบิดทันที” เดรโกชะงักและมองไปที่เฮอร์ไมโอนี่ ใบหน้าเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาเล็กน้อย
          “ทั้งหมดนั่น มันคือความเกลียดชังรึ?” เฮอร์ไมโอนี่ถาม จากนั้นก็หลับตาลง ศีรษะเธอเริ่มปวดตุบ
          เดรโกก้มดูที่หนังสือ “โดนพื้นฐาน”
          “ถ้าอย่างนั้น นั่นก็คือสิ่งที่เขาหมายถึงเกี่ยวกับความรักของแม่เขา” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบแผ่วเบา นัยน์ตาเธอเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
          “แม่ของใคร?”
          “แม่ของแฮร์รี่ เขาบอกเราว่าดัมเบิลดอร์พูดว่าความรักของแม่เขาได้ช่วยชีวิตเขา ปกป้องเขาเอาไว้ หล่อนตายเพื่อเขา” น้ำเสียงเธอสั่นเครือ เธอหันศีรษะมาและซุกใบหน้าลงกับบ่าของเดรโก
          เขาทำตัวแข็งแต่ไม่ได้ผลักไส
          เฮอร์ไมโอนี่เคลื่อนถอยจากเขาทันทีและเช็ดน้ำตา “ขอโทษนะ” เธอพึมพำ
          “ไม่เป็นหรอก ฉันชินกับพวกผู้หญิงร้องไห้แล้ว อย่างไรซะ มันเกิดขึ้นกับฉันและฉันก็ทำอะไรไม่ได้”
          เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้างทั้งน้ำตาให้เขา “น่ารัก”
          “ฉันพยายามอยู่”
          “ถ้างั้นสิ่งนี้ทำงานคล้ายกับคาถาผู้พิทักษ์ซินะ?” เฮอร์ไมโอนี่ถามหลังจากจัดการหยุดร้องไห้ได้ในที่สุด
          “ใช่และไม่ใช่ มันใช้ความรู้สึกแบบเดียวกับคาถาผู้พิทักษ์ แต่ว่าเธอไม่ต้องคิดถึงพวกมันด้วยตัวเธอเองซึ่งเป็นเรื่องดี แต่ว่ามันต้องแข็งแกร่งเท่ากับความรู้สึกเป็นสุขของเธอเท่านั้น พอจะพูดได้ว่าถ้าเธอเป็นลองบัตท่อม มันอาจจะไม่ได้ผลเลย เธอจำเป็นต้องมีความรู้สึกที่แข็งแกร่งเพื่อให้มันใช้การได้ จำไว้นะ ผู้คนรู้สึกเกลียดชังอยู่ตลอดเวลา และเจ้าความสุขนี่ยิ่งหายากมากกว่าอีก”
          “ช่างมองโลกในแง่ร้ายเหลือเกิน”
          “มันเป็นเรื่องจริง ความเกลียดชังและความโกรธข่มรัศมีความสุขให้ห่างออกไป ดังนั้นคาถานี้สามารถปกป้องเธอเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น  หวังอย่างยิ่งว่านานพอให้หลบหนีได้ และฉันคิดว่าเขาตั้งใจใช้มันป้องกันคำสาปกรีดแทงอีกด้วย” เดรโกเสริม
          “อะไรนะ? แต่ว่าเขาไม่ได้สร้างมันนี่! ทุกคนรู้ว่าคำสาปกรีดแทงถูกสร้างขึ้นโดยธอร์น ฟิรูท ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 13 เมื่อเพื่อนบ้านของหล่อนจงใจโค่นต้นเคอร์แรนท์ของเธอทิ้ง” เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่เดรโก
          “ฉันรู้เรื่องนั้น แต่โอ’แลรี่เป็นพวกที่คิดว่าตัวเองดีมีศีลธรรมสูงส่งกว่าคนอื่น อย่าลืมซิ จากสิ่งที่ฉันอ่านมาเมื่อคืนก่อน ตามความเป็นจริงแล้วคาถานี้ถูกตั้งใจให้เป็นคาถาลบล้างกับคำสาปกรีดแทง แต่เขาเปลี่ยนแปลงมันนิดหน่อยหลังจากที่เขาสร้างคำสาปพิฆาต” เขาพลิกหน้ากระดาษถอยกลับไป 2-3 หน้า และชี้ไปที่กรอบข้อความอีกอันที่เขาจดไว้ด้วยหมึกสีเขียว
          “มันได้ผลไหม?” เธอเปล่งเสียงถามอย่างกลั้นหายใจ
          “ฉันไม่รู้ ฉันไม่คิดว่ามันบอกไว้นะ ฉันยังไม่ได้แปลความให้เสร็จเรียบร้อยทีเดียวนัก”
          “ถึงอย่างไรมันก็ดีกว่าไม่มีอะไร” เธอบอกเขา “มันดีกว่าไม่มีอะไรเลยมากนัก มันอาจเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอรู้มา”
          “มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เหลือให้ทำในเวลานี้”
          “ไปพบอาจารย์ใหญ่ดัมเบิลดอร์” เฮอร์ไมโอนี่พูดทันทีโดยไม่ต้องคิดซ้ำสอง
          “ไม่ใช่ เราต้องทดลองมัน” เดรโกตอบด้วยความเด็ดเดี่ยว
          “อะไรนะ?”

TBC

No comments:

Post a Comment