เฮอร์ไมโอนี่วิ่งไปตามระเบียงทางเดินอย่างรวดเร็ว เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะวิ่งไปไหนแต่ที่เธอต้องการคือไปให้ไกลจากตรงนั้นที่สุด โดยที่มีเสียงฝีเท้าวิ่งตามเธอมาอย่างติด ๆ พร้อมเสียงตะโกนเรียกชื่อเธอ
“เฮอร์ไมโอนี่!” ไรอันตะโกนเรียกเธอไปตลอดทางที่เขาวิ่งตามเธอมา แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเสียงเรียกของเขาเลย เธอยังคงวิ่งต่อไปและเมื่อไรอันวิ่งตามเธอทันเขาก็เอามือคว้าไหล่เธอไว้
“เฮอร์ไมโอนี่ คุณเป็นอะไรรึเปล่า” ไรอันถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่าเธอเป็นอะไร
“ฉะ ฉันไม่เป็นไร” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงสั่นเครือ เธอยืนหันหลังให้เขาพยายามควบคุมอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่ไรอันรู้ดีว่าเธอไม่ได้พูดความจริง
“คุณโกหก” เขาพูด “คุณกำลังร้องไห้อยู่ใช่มั้ย” ไรอันถามพยายามมองหน้าเธอ แต่เธอหลบสายตาเขา “ผมจะไม่พูดปลอบใจคุณหรอกนะ แต่ถ้าคุณอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ ผมจะอยู่เป็นเพื่อน” เขาพูดส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นยังหันหลังให้เขาเธอเอามือปาดน้ำตาบนหน้าออกจนหมด
“ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ” เฮอร์ไมโอนี่หันมายิ้มให้เขาอย่างเสแสร้ง แน่นอนว่าไรอันดูเธอออก แต่เขาไม่ได้พูดอะไร “ฉันว่าฉันกลับหอดีกว่า ราตรีสวัสดิ์นะ” เธอพูดเสียงใสและไม่ทันที่เขาจะตอบอะไรเฮอร์ไมโอนี่ก็หมุนตัวและตรงกลับห้องนั่งเล่นรวมอย่างรวดเร็ว
เช้าวันต่อมาเฮอร์ไมโอนี่ตื่นนอนมาด้วยอาการไม่สดชื่นนัก แต่เธอก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำให้ และดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไปได้ดีทีเดียวถ้าไม่เป็นเพราะเธอเหลือบไปมองทางโต๊ะสลิธีรินแล้วเห็นซิลเวียมานั่งกินข้าวข้าง ๆ มัลฟอยท่าทางสนิทสนม
“นี่เธอ ลุกไปเลยนะนี่มันที่ของฉันนะยะ” แพนซี่ พาร์กินสันเอ่ยเสียงเขียวเมื่อเห็นว่ามีคนมาแย่งที่นั่งข้าง ๆ มัลฟอยไป
“ขอโทษนะคะมิสพาร์กินสัน ฉันก็ไม่เห็นว่าที่ตรงนี้มันจะติดป้ายไว้ว่ามีคนจองแล้ว” ซิลเวียตอกกลับอย่างเผ็ดร้อน สีหน้าไม่สะทกสะท้าน
“กรี๊ดๆๆๆๆ แกกล้าพูดกับฉันอย่างนี้เหรอ แกกล้าดียังไงมานั่งใกล้เดรโกของชั้นหา!” แพนซี่กรีดร้องขึ้นพร้อม ๆ กับเอามือชี้หน้าซิลเวีย ส่วนแครบกับกอยล์ที่อยู่ข้าง ๆ นั้นเอามืออุดหูแทบไม่ทันเพราะทนเสียงกรี๊ดของแพนซี่ไม่ไหว
“เดรโกของเธอ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะมิสพาร์กินสัน” ซิลเวียเอ่ยเสียงเย็น แววตาของเธอมองไปที่แพนซี่อย่างดูแคลนเป็นผลให้ถึงกับแพนซี่ชะงัก “เดรโกเป็นของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อ้อแล้วกรุณาเอามือลงด้วยค่ะ มันไม่สุภาพเลยนะหรือว่าพ่อแม่เธอไม่เคยสั่งสอนเธองั้นเหรอ” ซิลเวียพูดพร้อมส่งรอยยิ้มเยือกเย็นให้เธอ ส่วนแพนซี่นั้นแทบคลั่งเธอกรีดร้องออกมาจนนักเรียนทั้งห้องโถงมองเธอเป็นตาเดียว
“เดรโก ดูมันสิคะ มันเป็นใครกันถึงกล้ามาทำแบบนี้” แพนซี่ทำเสียงออดอ้อน ส่วนมัลฟอยทำหน้าราวกับอยากตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
“อ้าวเดรโกยังไม่ได้บอกเธออีกเหรอ ว่าฉันเป็นคู่หมั้นของเขา” ซิลเวียเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอย่างมีชัย ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคนที่ได้เห็นเหตุการณ์ แพนซี่นั้นช็อคได้ไม่นานก็กรี๊ดเสียงดังแสบแก้วหูกว่าเดิม
“ฉันไม่เชื่อแกหรอกนังหน้าด้าน ไม่จริงใช่มั้ยเดรโก นังนี่มันโกหกใช่มั้ย!” แพนซี่เขย่าแขนมัลฟอย อย่างแรงราวกับว่าต้องการที่จะกระชากมันให้หลุดออกมา ส่วนมัลฟอยก็ทำหน้าซังกะตายแต่เมื่อเขาเห็นเฮอร์ไมโอนี่ที่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากทางโต๊ะกริฟฟินดอร์ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องโถงไป เขาก็สลัดแพนซี่ออกและเดินตามเฮอร์ไมโอนี่ไปอย่างรวดเร็ว
“เดรโกเดี๋ยวสิ” แพนซี่พยายามจะรั้งเขาไว้แต่ไม่สำเร็จ เพราะตอนนี้มัลฟอยเดินออกจากห้องโถงไปเรียบร้อยแล้ว
“เมื่อกี๊เธอด่าใครว่า ‘ นังหน้าด้าน ’ ” ซิลเวียพูดจ้องมองแพนซี่ด้วยแววตาที่ทำให้เธอถึงกับขนลุก
“ก็ด่าเธอน่ะสิ ไม่รู้ตัวหรือไง” แพนซี่พยายามทำท่าทีเหมือนไม่เกรงกลัวเธอ “นังหน้าด้าน!” เธอตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง แต่พอเธอเห็นสีหน้าซิลเวียนั้นแพนซี่ก็รู้ว่าตัวเองไปล้วงคองูเห่าเข้าซะแล้ว ซิลเวียกำลังควักไม้กายสิทธ์ออกมาพร้อมที่จะสาปแพนซี่ให้เป็นตัว
นิฟเฟลอร์แต่โชคดี ( หรือเปล่า ) ที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลมาห้ามไว้ทัน
“พวกเธอเอะอะโวยวายอะไรกัน!” เธอตะโกนน้ำเสียงน่ากลัว “หักสลิธีรินยี่สิบคะแนนข้อหาส่งเสียงดังและพูดจาหยาบคาย” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดอย่างอารมณ์เสีย
“แต่ อาจารย์คะ” แพนซี่พยายามอธิบาย
“ไม่มีคำว่าแต่มิสพาร์กินสัน เธอตามฉันไปที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้ เธอด้วยมิสเดอ เวซอง” เธอพูดอย่างหัวเสียสุด ๆ ส่วนแพนซี่นั้นก็ยอมเดินตามศาสตราจารย์มักกอนนากัลไปโดยดี
เมื่อออกมาจากห้องโถงมัลฟอยพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อตามเฮอร์ไมโอนี่ให้ทัน และเมื่อเขาคว้าตัวเธอได้
“เกรนเจอร์ ฉัน” ไม่ทันที่เขาจะพูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็สะบัดมือเขาออก มัลฟอยมองท่าทีของเด็กสาวอย่างงง ๆ “เกรนเจอร์ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ” เขาพูดเสียงอ่อน
“เรื่องอะไร เรื่องแม่คู่หมั้นของเธองั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดน้ำเสียงประชดประชัน
“เธอโกรธฉันเหรอเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่ที่พยายามหลบสายตาเขา
“เปล่า ไม่โกรธ” เฮอร์ไมโอนี่โกหก จริง ๆ เธอโกรธมากจนอยากจะคว้าไม้กายสิทธิ์มาระเบิดโต๊ะสลิธีรินให้เป็นจุนเลยด้วยซ้ำ ( โหเฮอร์ไมโอนี่โหดซ้า )
“งั้นก็หึง” มัลฟอยพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ตามแบบของเขา เขายื่นหน้าเขามาใกล้เธอยิ่งขึ้น
“ใครจะหึงคนอย่างนายล่ะ ปล่อยนะมัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยเสียงเขียวพยายามดิ้นรนจากการกอดรัดของเด็กหนุ่ม แต่เปล่าประโยชน์ ยิ่งดิ้นมัลฟอยก็ยิ่งกอดเธอแน่นขึ้น
“ไม่ปล่อยจนกว่าจนกว่าเธอจะยอมเข้าใจฉัน” มัลฟอยพูดมองหน้าเธอด้วยแววตาเศร้า ๆ
“จะให้ชั้นเข้าใจอะไรอีกล่ะมัลฟอย ในเมื่อสิ่งที่เห็นกับตามันก็บอกอะไรฉันหมดแล้วนี่ ปล่อยนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างโกรธเคือง แน่ล่ะเป็นใครจะไม่โกรธ แต่เธอไม่ได้โกรธเขาที่เขาถูกจับหมั้นกับซิลเวียหรอกนะ แต่เธอโกรธเพราะเห็นเขาสนิมสนมกับหล่อนที่โต๊ะอาหารเมื่อกี๊ ส่วนมัลฟอยนั้นก็ไม่ได้มีท่าทางว่าจะปฏิเสธเธอเหมือนเมื่อวานเลย
“เธอไม่เข้าใจเกรนเจอร์ มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด” มัลฟอยพูดน้ำเสียงปวดร้าว
“แล้วมันเป็นยังไงล่ะ ฉันขี้เกียจฟังนายอธิบายแล้ว ปล่อยฉันนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นแรงขึ้นกว่าเดิมทำยังไงก็ไม่มีท่าทีว่าจะสงบหรือจะยอมฟังเขาเลย แต่มัลฟอยก็ไม่ได้พูดอะไรเขาก้มลงจูบเธอซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ขัดขืนอะไรเขา เธอยอมให้มัลฟอยจูบโดยดี
“เอาล่ะ ทีนี้ฟังฉันได้รึยัง” มัลฟอยพูดมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่ที่ดูเหมือนอารมณ์จะเย็นลงแล้ว และเมื่อเธอพยักหน้าตอบ มัลฟอยก็เริ่มเล่า
“ความจริงฉันไม่เคยรู้จักกับยัยนั่นมาก่อนเลยนะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อฉันจับฉันหมั้นกับยัยนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็เพิ่งรู้เมื่อคืนนี่แหละ” มัลฟอยอธิบาย ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าแบบว่า ‘ แล้วไงล่ะ ’
“เรื่องนั้นฉันก็รู้แล้วนี่” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ ส่วนมัลฟอยมองหน้าเธอแวบหนึ่งก่อนเล่าต่อ
“แล้วเธอรู้ไหมว่าทำไมพ่อฉันถึงจับฉันหมั้นกับหล่อนโดยไม่ถามฉันก่อน” มัลฟอยหยุดพูด และเขาก็เล่าต่อเมื่อเฮอร์ไมโอนี่สั่นหน้า
“ก็เพราะว่าพ่อฉันเขารู้เรื่องของเราแล้วน่ะสิ” มัลฟอยเอ่ยสีหน้าตึงเครียด
“เรื่องของเรา เรื่องฉันกับนายน่ะนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างตกใจ เธอไม่คิดว่านายลูเซียสจะรู้เร็วขนาดนี้
“ใช่เรื่องที่เรารักกัน” มัลฟอยพูดอย่างเขิน ๆ
“แต่เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไงล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเธอเริ่มหวั่น ๆ เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับมัลฟอยเสียแล้ว
“ฉันก็ไม่รู้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้ได้ยังไง” มัลฟอยพูด มองไปนอกระเบียงสีหน้าของเขาดูวิตกอย่างเห็นได้ชัด
“นายว่าเขาจะพยายามหาทางขัดขวางความรักของพวกเรารึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ถามหวาด ๆ ทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
“อยู่แล้วล่ะ ไม่งั้นเขาคงไม่จับฉันหมั้นกับแม่นั่นหรอก” มัลฟอยพูดสีหน้าหนักใจ ”แต่ถึงยังไงฉันก็จะไม่ยอมแต่งงานกับยัยนั่นหรอก ถ้าฉันจะแต่งก็ต้องแต่งกับเธอคนเดียว” มัลฟอยพูด มองเฮอร์ไมโอนี่ที่หน้าเป็นสีชมพูเพราะความเขินอาย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งอายนะ
“แล้วเราจะทำยังไงต่อไปล่ะ เพราะถึงยังไงพ่อนายก็คงไม่ยอมรับฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเศร้า ส่วนมัลฟอยนั้นทำท่าทีหนักใจ
“ฉันก็ไม่รู้” เขาพูดอย่างจนปัญญา “แต่ไม่ต้องห่วงนะ ถึงยังไงฉันไม่ยอมให้พ่อบังคับฉันมากไปกว่านี้หรอก ถึงจะต้องหนีออกจากตระกูลนี้ฉันก็จะไม่ยอมแต่งกับยัยนั่น” มัลฟอยพูดอย่างมุ่งมั่น ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นมองเขาอย่างทึ่ง ๆ เธอไม่นึกเลยว่าคุณหนูเลือดบริสุทธ์ที่แสนจะเย่อหยิ่งคนนี้คิดจะทำอะไรออกนอกลู่นอกทางเพียงเพราะเธอ
“มัลฟอยฉัน” เฮอร์ไมโอนี่โผเข้ากอดเขา ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีกันแน่ แต่เท่าที่รู้มัลฟอยก็กอดเธอตอบและจูบเธอที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา เขากระซิบข้างหูเธอเบา ๆ
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจำไว้นะว่าฉันรักเธอเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดซึ่งตอนนั้นเฮอร์ไมโอนี่ดีใจจนน้ำตาคลอ เมื่อมัลฟอยเห็นเธอร้องไห้เขาก็เอามือเช็ดน้ำตาให้เธอเบา ๆ
“ไปเรียนเถอะเกรนเจอร์ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเอา” มัลฟอยมองไปที่กลุ่มนักเรียนที่เพิ่งทยอยออกมาจากห้องโถงหลังกินข้าว นี่เป็นครั้งแรกที่มัลฟอยกลัวคนอื่นเห็นเขาอยู่กับเฮอร์ไมโอนี่ ความจริงเขาก็ไม่ได้กลัวใครเห็นหรอกนอกจากซิลเวีย
แต่มัลฟอยจะรู้ไหมว่าซิลเวียนั้นมาแอบยืนดูพวกเขาอยู่ซักพักนึงแล้ว เธอหลบอยู่ข้างเสาต้นหนึ่งมาตั้งแต่เธอออกมาจากห้องทำงานของศาสตราจารย์มักกอนนากัล และเธอได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดอย่างดี
“ฉันจะไม่ยอมให้เธอทำตระกูลที่สูงส่งของเธอแปดเปื้อนหรอกเดรโก” เธอพึมพำมองทั้งสองด้วยสายตาที่น่ากลัว
TBC
No comments:
Post a Comment