Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Sunday, September 14, 2014

Part II อดีตที่หวนคืน: Chap 4


“นี่มันอะไรกันน่ะ ออกไปห่างฉันหน่อยสิ มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง และพยายามดันเขาออกไป
 ผลที่ได้คือเธอหลุดออกห่างจากเขาเพียงเล็กน้อยแต่ก็ถูกดูดกลับเข้าไปอีก

“ทำอย่างกับฉันอยากตัวติดกับเธอนักนี่ ยัยเลือดสีโคลน” เขาว่า แล้วลูบคางของเขาเบา
 “บางทีเราควรออกจากที่นี่ ไปเถอะ”

แล้วเขาก็ลากเธอออกไปอย่างทุลักทุเล เฮอร์ไมโอนี่พยายามเบี่ยงตัวมายืนข้างเขา
 ทั้งสองวางมือลงบนลูกแก้วเมื่อออกมาได้สำเร็จ

“ใจเจ้าอยากจะแยกออกจากกันใช่หรือไม่” เสียงทุ้มใหญ่ จากลูกแก้วถามขึ้น

“ใช่” พวกเขาตอบแทบในทันทีโดนไม่หยุดคิด มีใครอยากตัวติดกับคนอื่นบ้างล่ะ

“แต่ใจของเจ้าไม่ได้คิดเช่นนั้น ดังนั้นแล้วกายของเจ้าจะเป็นอิสระเมื่อเจ้าได้ค้นพบคำตอบที่ถูกต้อง ลาก่อน”

“เฮ้ เดี๋ยวสิ” มัลฟอยร้อง แล้วทุบเจ้าลูกแก้วอย่างแรง “เจ้าลูกแก้วปัญาอ่อน”

“ไปจากที่นี่เถอะ” เธอพูด และเริ่มเหนื่อยที่จะดันตัวเองออกจากเขา

“ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าใครเป็นเจ้าของความคิดนี้” มัลฟอยบ่นขณะที่พวกเขาเดินมาตามทางเดินแคบๆ

“คนใดคนหนึ่งในฮอกวอตส์นี่แหละ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ฉัน” เธอกล่าว
 พยายามจะเดินให้อยู่ในระดับเดียวกับมัลฟอยที่นำเธออยู่เล็กน้อย “แล้วนายจะเดินให้ช้าลงได้มั้ย
 ในเมื่อเราติดกันหนึบหนับอย่างนี้”

“เฮ้ มัลฟอย!”  เสียงของรอนดังขึ้น มันไม่ใช่เสียงที่ดังเพื่อให้มัลฟอยได้ยิน แต่เป็นเสียงที่ตะโกนโวยวาย

“นายทำอะไร เฮอร์ไมโอนี่น่ะ”

“ทำอะไร ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย” เขาตอบกลับอย่างมีอารมณ์

“นายอย่ามาโกหกฉันน่า จินนี่บอกฉันแล้ว ว่านายกับเฮอร์ไมโอนี่ตัวติดกัน แยกกันไม่ออก” รอนกล่าว
 “นายคิดจะทำอะไรของนาย”

“ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรทั้งนั้น วีสลีย์ เลิกแหกปากได้แล้ว”

“งั้นอธิบายมาสิว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น”

“แล้วทำไมฉันต้องอธิบายให้นายฟังด้วย นายก็ถาม ยัยเลือดสีโคลนผู้รอบรู้ เพื่อนนายเองเซ่”

“นายอย่ามาพูดถึงเธอแบบนั้นนะ” รอนคำราม ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าอารมณ์ของทั้งสองเป็นอย่างไร 
ถ้าหากเขาสองคนได้อยู่ในที่เดียวกัน ป่านนี้คงจะเนื้อตัวปอบช้ำไม่น้อย

“ทำไม องครักษ์ วีสลีย์ผู้ไม่สามารถ ปกป้องเจ้าหญิงของตนไว้ได้ จะหายตัวมาปรากฎกาย ตรงนี้ในทันใดรึไง” 
มัลฟอยพร่ำพรรณนา เพื่อยั่วโทสะของรอน

“ฉันทำแน่ ถ้าจินนี่ไม่สาปฉันไว้” รอนขู่คำรามอีกครั้ง

“โถๆ ไม่นึกว่านายจะหึงหวงได้ขนาดนี้” 

“ฉันไม่ได้หึง แต่ฉันหวงและก็ห่วง” รอนตะโกน “เธอเป็นเพื่อนฉัน เป็นเพื่อนผู้หญิงที่ฉันสนิทมากที่สุด
 เป็นคนเดียวกับที่นายดูถูกเหยียดหยาม ว่าเป็นเลือดสีโคลน แล้วจะให้ฉันไว้ใจนายได้ยังเล่า! 
นี่ยังไม่นับที่นายถากถางตระกูลของฉันนะ มัลฟอย”

มัลฟอยพูดไม่ออกไปชั่วครู่ เขาชำเลืองมอง เด็กสาวที่เดินอยู่ข้างๆเขา เด็กสาวที่เขาและรอน
 พูดถึงอยู่เมื่อครู่ ไม่เชื่อ..ว่าแค่คนเพียงคนเดียวสามารถทำให้จิตใจของใครบางคนว้าวุ่นได้..เพราะความเป็นห่วง 

“เออ รู้แล้ว” เขาตอบกลับไปอย่างรำคาญ “แต่ฉันคงต้องบอกนายว่า ฉันอธิบายอะไรให้นายฟังไม่ได้”

“อะไร..” 

“เพราะฉันก็ไม่รู้” เขาขัดขึ้นเมื่อรอนกำลังจะพูดต่อ “แต่ฉันไม่ยักจะเห็นเจ้า พอตเตอร์ เป็นห่วงเป็นใย 
ยัยนี่ขนาดนายเลย”

“แน่นอนล่ะ เขาเป็นห่วงเธอแน่” รอนเริ่มคลายความโกรธลง “แต่มันคนละลักษณะ”

“เออ ให้ตายสิ มันจะดีมากถ้านาย ไม่ติดต่อมาสักพัก ฉันเริ่มจะปวดหัวแล้ว”

“ขอโทษนะ มัลฟอย แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่านายจะไม่ทำอะไร เฮอร์ไมโอนี่..” รอนพูดแล้วเริ่มสาธยายให้
เขาฟังไปเรื่อย จนหัวเขาแทบจะระเบิดด้วยอารมณ์ของความโกรธ

“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า หุบปากหุบใจของนายได้แล้ว ไม่จำเป็นที่นาย วีสลีย์ กระจอกๆ
จะต้องมาคิดถึงฉันหรอก”

และนั่นไม่ได้ทำให้ รอนหยุดเถียงได้เลย หากแต่จะเพิ่งความหงุดหงิดให้แก่ทั้งสองโดยเฉพาะมัลฟอย
 ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป 

“หยุดพูดซะที!” เขาทั้งตะโกนทั้งตวาด จนเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังครุ่นคิดเรื่องแปลกๆนี่อยู่สดุ้งและนำมาด้วยความไม่พอใจ

“อะไรของนาย มัลฟอย ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย” เธอกล่าว

“อะไร จะอะไรซะอีก ก็เจ้าวีสลีย์ เพื่อนรักของเธอ เอาแต่บ่นไม่หยุด และช่วยบอกให้เขาแน่ใจทีเถอะ
 ว่าเธอไม่ได้ตายหรือบาดเจ็บสาหัส เพราะอยู่ติดแหง็กอยู่กับฉัน ห่วงกันนักนี่”
 เขากล่าว แล้วสบถไม่หยุด “น่ารำคาญ”

เขาไม่นึกว่าการสื่อจิตถึงกัน จะทำให้ สภาวะอารมณ์แปลเปลี่ยนได้ง่ายขนาดนี่
 แต่ตอนนี้อารมณ์ของเขายังไม่ผ่อนคลาย เขาเดินปึงปังต่อไปข้างหน้าและเร่งความเร็วจนแทบจะลากเฮอร์ไมโอนี่ไปด้วย

“เฮ้ นายจะเดินช้าๆหน่อยได้มั๊ย จะรีบไปทำไมกัน” เธอกล่าวหลังจาก ส่งข้อความไปหาจินนี่ให้กำราบรอน แต่เขาก็ไม่ผ่อนฝีเท้าลงเลย “นี่ พ่อคนใจร้อน หัดควบคุมอารมณ์หน่อย”

นั่นทำให้เขาหยุด และหันหน้าเข้าหาเธอ แต่มันกลับดูดเธอเข้ามาใกล้ขึ้นอีก

“นายอย่าหันมาอย่างนี้สิ” เธอกล่าวเมื่อด้านหน้าของเธอต้องแนบชิดกับเขา ทำให้หายใจไม่ค่อยสะดวกบวกกับความขัดเขินที่เธอต้องซ่อนไว้ “ฉันไม่ชอบ”

เธอกล่าวแล้วบิดตัวหันหลังให้เขา และด้วยพลังอะไรบางอย่างที่ผลักเธอและเขาอย่างแรงให้กระเด็นออกจากกันไปชิดกำแพงคนละด้าน

“โอย เธอจะผลักฉันทำไมน่ะ ยัยบ๊อง” เขาว่ามองไปที่เฮอร์ไมโอนี่ที่หันหลังให้ ดีที่เธอหันหน้าออก 
มิฉะนั้นหน้าของเธอคงจะชนกำแพงเข้าอย่างจัง และเธอคงจะเจ็บกว่านี้

“แล้วฉันจะเอาส่วนไหนของร่างกายไปผลักนายไม่ทราบ” เธอกล่าวในท่าเกาะกำแพงค้างไว้
 “ในเมื่อฉันหันหลังให้นาย”

“เอ้อ เธอเป็นอะไรรึป่าว” เมื่อเขาเห็นว่าเธอไม่ยอมหันมาซะที เขาจึงจะเดินเข้าไปหาเธอ
 แต่เขาก็ทำไม่ได้เหมือนมีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นดันเขาออกห่าง “นี่มันอะไรกันเนี่ย”

“เฮอร์ไมโอนี่!” เสียงหนึ่งเรียกเธอ แต่เธอไม่ได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนตัวแต่อย่างไร ได้แต่สังเกตท่าทางของมัลฟอย

“ไง แฮร์รี่” เธอทัก “ดีใจจังที่เจอนาย”

“พวกเธอเป็นอะไรกันน่ะ” เขาถามเมื่อเห็นสภาพของเธอและมัลฟอย “เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย เฮอร์ไมโอนี่”

“อืม ไม่เป็นไร” เธอตอบ

“ดี ไม่เป็นไรแล้วก็ช่วยอธิบายทีซิว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” มัลฟอยขัดขึ้น

ในขณะที่ เฮอร์ไมโอนี่ ค่อยๆหันตัวกลับไปประจันหน้ากับมัลฟอย

เธอกำลังหันมาช้าๆ แต่เมื่อใบหน้าเธอตรงกับเขา แรงดูดมหาศาลก็ดูดทั้งสองเข้าหากัน
 ด้วยความที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่คิดว่ามันจะแรงถึงเพียงนี้ ทำให้เธอล้มลงไป พลางยึดให้มัลฟอยล้มทับเธอไปด้วย

“โอ๊ย ฉันหนักนะมัลฟอยลุกขึ้นเดี๋ยวนี้” เธอสั่ง

“นี่มันอะไรกัน ฉันงงไปหมดแล้ว” เขากล่าวและมีอาการมึนขณะกลิ้งตัวไปด้านข้างของเฮอร์ไมโอนี่อย่างยากเย็น

“ช่าย นี่มันอะไรกัน” แฮร์รี่พูดขึ้นแสดงถึงความงงไม่ต่างกัน “พวกเธอติดกันอย่างกับ แม่เหล็ก แน่ะ”

คำพูดของแฮร์รี่ทำให้ เฮอร์ไมโอนี่ คิดอะไรบางอย่างได้

“มัน คือ เอ่อ ขั้วแม่เหล็กน่ะ” เธอเอ่ยในที่สุด 

“แม่เหล็ก” มัลฟอยทวนคำ

“ใช่ ด้านฉัน มันคนละขั้วกับด้านหน้าของนาย มัลฟอย เราก็เลยถูกดูดเข้าหากัน แต่พอฉันหันหลัง 
มันเป็นขั้วเดียวกับด้านหน้าของนาย มันก็เลยผลักกัน” เธออธิบาย “และด้านข้างของเราก็ต้องเป็นคนละขั้วแน่นอน”

“นี่มันยิ่งกว่าเรื่องแย่ๆ ที่เมืองบนฟ้าซะอีก ให้ตายเถอะ” มัลฟอยกล่าว หลังจากที่เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่

“เอ่อ ว่าแต่นายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ถาม เธอเห็นว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอยู่
 คิ้วถึงขมวดเข้าหากัน

“อ้อ ฉันต้องมาตามหาเพื่อนร่วมทีมที่ห้องต้องประสงค์น่ะ แต่ไม่เจอใครเลย” เขาบอก

“คงจะเป็นพวกเราเองแหละ เราเพิ่งออกมาจากที่นั่น” เธอกล่าว แล้วส่งข้อความไปหาจินนี่เรียบร้อย

“เราจะไปกันต่อได้รึยัง” มัลฟอยเอ่ย เสียงเรียบ พยายามจะลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ยังไม่
มีทีท่าว่าจะลุก

“เอ้อ ไปสิ” เธอลุกขึ้นโดยมีแฮร์รี่ช่วยพยุง “อ้อ แฮร์รี่ นายคู่กับใครล่ะ” 

“ลูน่า น่ะ” 

“เฮอะ” มัลฟอยส่งเสียงไม่พอใจ 

พวกเขาเดินไปถึงบันไดวนแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีไม้แต่ขั้นบันได แต่ที่พิงอยู่ริมกำแพงหินนั้น
 มันเป็นสเกตบอร์ดที่ลงคาถาได้สมบูรณ์แล้ว หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น และสำหรับเฮอร์ไมโอนี่ที่เก็บไปเป็นฝันร้าย นั่นช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเธอ แต่มีสิ่งที่ทำให้เธอกังวลใจขึ้นมา หากเธอไม่ได้ตัวติดกับมัลฟอย เธอคงจะคิดว่ามันมีปัญหาตรงที่ มีสเกตบอร์ดเพียงสองอัน แต่ในตอนนี้ เธอจะผ่านมันไปได้ยังไงเมื่อตัวเธอติดกับมัลฟอย

“ยังไงต่อล่ะ” แฮร์รี่ถาม สายตาของเขาแสดงถึงความไม่ไว้วางใจมัลฟอยเลย

“ก็ง่ายๆ นายเอาไปเอาหนึ่ง และอีกอันของฉันกับเขา” เฮอร์ไมโอนี่กล่าว แล้วชี้ไปที่มัลฟอยที่ยืนหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ

“มันเป็นทางเดียว แฮร์รี่” เธอพูดเมื่อเห็นแฮร์รี่อ้าปากจะพูด “ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า เขาไม่ทำอะไรฉันหรอก”

“เอ่อ อืม.. ถ้าอย่างงั้น” เขากล่าว แล้วหยิบสเกตบอร์ด ส่งให้เธออันหนึ่ง

“ชิ ห่วงกันมากเหลือเกิน” มัลฟอยพึมพำ ไม่สนว่าเฮอร์ไมโอนี่จะได้ยินหรือไม่ แต่เธอก็จ้องเขาเขม็ง 
“โรคเดียวกันแท้ๆ”

“ว่าแต่เธอเถอะ เกรนเจอร์ คงไม่ได้หวาดผวาที่จะได้เล่นเจ้านี่อีกหรอกนะ” มัลฟอยชี้ไปที่สเกตบอร์ด

“ป่าวซะหน่อย” เธอกล่าวขณะที่มัลฟอยก้าวขึ้นไปยืน แต่เธอทำตัวไม่ถูกว่าจะยืนในท่าไหน

“มาสิ ชักช้าอยู่ได้” เขาบ่นไม่สนใจแฮร์รี่ ที่รอพวกเขาอยู่ “ไม่ๆ อย่าหันหลังให้ฉันอย่างนั้น 
ฉันไม่อยากกระเด็นไปติดกำแพงนะ”

“นายเรื่องมาก” ถ้าไม่หันหลังให้เธอก็ต้องกอดเขาน่ะสิ เธอไม่มองหน้าเขา แต่ก็รู้ว่าเขาก็มองไปทางอื่นที่ไม่ใช่เธอหรือแฮร์รี่ ที่มองดูอยู่ สังเกตท่าที ของชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นศัตรู และด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสาวที่ยิ้มแหยๆให้เขา “ไปได้แล้ว”

จากนั้น สเกตบอร์ด ก็ลอยขึ้นจากพื้น และมุ่งหน้าลงบนทางที่วกวนจนหน้าเวียนหัว เฮอร์ไมโอนี่
 จับชายเสื้อของมัลฟอยไว้แน่น

แน่นอนว่า เธอก็รู้สึกหวาดๆอยู่บ้างกับการทรงตัว ของเขาและเธอ บนสเกตบอร์ดอันเดียวกัน
 เธอรู้สึกถึงน้ำหนักของมือที่เกาะไหล่เธออยู่ มือของเขามัลฟอย เธอไม่เงยหน้ามองหน้าเขาหรอก
 แค่นี้เธอก็แทบหายใจไม่ออกอยู่แล้ว และนั่นทำให้เธอไม่เห็นรอยยิ้มของเขา แฮร์รี่นำพวกเธออยู่ข้างหน้า เขาหันกลับมามองเธอเป็นระยะ และแล้วที่สุดของทางที่คดเคี้ยวของบันใดวน 
แทนที่จะมีประตูทางออก แต่กลับเป็นกำแพงหินที่อยู่ในมุมมืด..

แฮร์รี่ที่ไม่ได้มองทาง หรือจะว่าเขาหันกลับไปมองเฮอร์ไมโอนี่นั่นแหละ 

“แฮร์รี่ ระวัง!!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง แต่ไม่ทันเสียแล้ว แฮร์รี่หันกลับไปมอง ด้วยอาการตื่นตระหนก 
ในขณะนี้เขาไม่สามารถเบรคได้ และผลที่ได้ก็คือ..

เขาหายไป..หายผ่านเข้าไปในกำแพงนั้น มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่ ชะลอความเร็วแล้วเข้าไปใกล้กำแพง

“แฮร์รี่!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเรียก และสังเกตเมื่อมัลฟอยยื่นมือไปแตะกำแพง ..มือของเขาหายไป เหลือแต่ท่อนแขน

“เฮอร์ไมโอนี่!” เสียงของแฮร์รี่ดังมาจากข้างหลังกำแพง “ออกมาเถอะ ไม่เป็นเป็นไรหรอก มันเป็นทางออก 
เท่านั้นน่ะ”

นั่นค่อยโล่งใจหน่อย เธอและมัลฟอยเคลื่อนตัวช้าๆผ่านกำแพงที่ดูเหมือนจะหนาและแข็งนั่นไป

“เฮอะ ก็เหมือนกับแผงกั้นชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่นั่นแหละ” มัลฟอยเอ่ยพึมพำ

แล้วพวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่นอกปราสาท นั่นเอง พระอาทิตย์ในยามบ่ายยังคงส่องแสง สะท้อนกับน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งในทะเลสาบทำให้เกิดประกายระยิบระยับ ต้นไม้ในป่าต้องห้ามที่ดูเหมือนจะขาวโพลนไปด้วยหิมะโอนเอนไปตามสายลม ที่โบกสะบัดพัดพาความหนาวเย็นมาประทะใบหน้าของพวกเขายามโฉบฉิวอยู่บนสเกตบอร์ดที่แล่นด้วยความเร็ว ผ่านผู้คนซึ่งเป็นนักเรียนกำลังปฏิบัติตามคำสั่งจากคำใบ้ปริศนา

“เรากำลังจะไปไหนกันน่ะ” มัลฟอยถามขึ้น ขณะตามหลังแฮร์รี่ไป “เจ้าวีสลีย์งี่เง่าไม่ยอมบอกฉันเลย”

“ระวังหน่อยมัลฟอย ถ้านายไม่ตัวติดอยู่กับเฮอร์ไมโอนี่ละก็ฉันจัดการนายแน่” แฮร์รี่ที่เหล่มามองกล่าว

มัลฟอยเบะปาก

“เราต้องหาสมุนไพรน่ะ แถวๆป่าต้องห้าม” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ พวกเขาลงเดินเมื่อมาถึงจุดหมาย 
บริเวณชายป่า แต่ละคนต่างมองหาสิ่งที่ต้องการอยู่ ยกเว้นเขาคนเดียว มัลฟอยที่ยืนกอดอกคิ้วขมวดเป็นตัวถ่วงเฮอร์ไมโอนี่

“นี่นายอย่ายืนอยู่เฉยๆสิ ช่วยกันมองหาหน่อย” เฮอร์ไมโอนี่กล่าว

“ขอโทษนะเกรนเจอร์ จะให้ฉันหาอะไรไม่ทราบ ในเมื่อเธอไม่ได้บอกฉันน่ะ” เขากำลังหงุดหงิด

“อ้อ ฉันลืมไปน่ะ เรากำลังหา..” เธอหยุดที่จะพูดต่อ มันเป็นเพราะว่าเธอได้ยินเสีย
ง อะไรบางอย่าง ที่แหวกพุ่มไม้แต่ละพุ่มที่กีดขวาง และกำลังตรงมาทางพวกเธอ
 เธอสบตามัลฟอยที่มองตอบกลับมาด้วยความอยากรู้ชั่วขณะ ก่อนจะละสายตามองหาแฮร์รี่ที่อยู่ห่างออกไปแถวกระท่อมแฮกริด ..คงไม่ใช่กรอวป์ น้องชายของแฮกริดหรอกนะ..
ไม่หรอกพื้นดินไม่ดังสนั่นหวั่นไหวสักหน่อย ถ้าเช่นนั้นแล้วมันคืออะไรล่ะ.. 

“ฉันว่า..” มัลฟอยเอ่ยขึ้น พลางคว้าข้อมือเธอไว้

“เราไปจากตรงนี้ดีกว่า” เฮอร์ไมโอนี่ต่อจบประโยคให้

แต่ช้าไปเสียงแล้ว เจ้าของที่ทำเสียงนั่นพุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว และด้วยความตกใจทำให้เฮอร์ไมโอนี่ เบี่ยงตัวหันหลังให้มัลฟอยทันที แต่นั่นอาจเป็นความผิดพลาด ในเมื่อขั้วแม่เหล็กในตัวของพวกเขามันเหมือนกันขณะที่เธอหันหลังให้เขา ทำให้เกิดแรงผลักอย่างมหาศาล แยกเธอและเขาออกจากกัน ด้วยอย่างแรง

เฮอร์ไมโอนี่หน้าทิ่มไปข้างหน้า ส่วนมัลฟอยนั้นกระเด็นไปข้างหลัง ไม่สามารถหลบหลีก
 หินก้อนใหญ่ที่อยู่มีอยู่บริเวณนั้นมานานแสนนาน ศีรษะของเขากระทบกับมันอย่างรุนแรง ..
สติของเขาเริ่มเลือนลาง ดาวนับล้านล้อมรอบศีรษะเขา และเลือดที่ไหลออกจากแผลเดิม 
ตอนที่เขาตกจากไม้กวาด แต่เขายังรับรู้เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ 
จากการที่ทั้งสองถูกแยกออกห่างจากกัน ก่อให้เกิดช่องว่างตรงกลางระหว่างพวกเขา ตัวอะไรก็ตามที่
พุ่มมาหาพวกเขา ได้วิ่งผ่านพวกเขาไปได้อย่างหวุดหวิด แต่แล้วมันก็หันกลับมาอีก
 สัตว์สี่เท้าตัวใหญ่มีขนรุงรังจ้องเหยื่อตรงหน้าอย่างไม่วางตา 

เฮอร์ไมโอนี่พลิกตัวขยับเพื่อที่จะมองหาตัวต้นเหตุ แต่เธอไม่ระมัดระวังเพียงพอ 
เมื่อสนามแม่เหล็กในตัวของเธอและมัลฟอยยังคงมีอยู่ มันดูดมัลฟอยที่นอนนิ่งอยู่มาหาเธอทันที

“เฮ้ย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง ด้วยความตกใจ มัลฟอยลอยฉิวผ่านตัวอันตรายมาได้อย่างฉิวเฉียด และล้มทับเธอในที่สุด

“โอย” มัลฟอยร้องครวญคราง และขยับมาทางด้านข้างของเฮอร์ไมโอนี่ แต่เจ้าตัวประหลาดที่แสนดุร้ายนั้น
 เตรียมกำลังจะขย้ำทั้งสอง เป้าหมายแรกของมันคือ เฮอร์ไมโอนี่ที่จุกเพราะแรงปะทะของมัลฟอย
 มือของเธอเลื่อนไปหยิบไม้กายสิทธิ์ 

“แฮร์รี่!” เธอร้องเรียก ทางเดียวที่จะรอดชีวิต “ช่วยด้วย”

“เฮอร์ไมโอนี่!!” เสียงแฮร์รี่ร้องดังขึ้นไม่ไกลนัก เขากำลังวิ่งมาหาเธอ แต่ไม่ทัน
 พลันชายผู้นอนเรียกสติอยู่ข้างเธอก็พลิกตัวกำบังร่างของเธอไว้ ไม่ให้เท้าหน้าของสัตว์สี่เท้า
 เหยียบขย้ำ ในจังหวะนั้นเอง ไม้กายสิทธ์ของสาวน้อยก็ชี้ไปยังเป้าหมาย

“สตูเปฟาย” ทันเวลาพอดี มันกระเด็นถอยออกไปก่อนที่จะเหยียบถูกเธอและมัลฟอย

“สตูเปฟาย” เสียงร่ายคาถาของแฮร์รี่ดังขึ้นทำให้เธอรู้ว่าเขาจะจัดการแทนเธอได้ 
จึงหันกลับมาที่มัลฟอยที่หายใจหอบไม่หยุด หยดเลือดของเขาไหลย้อยลงบนใบหน้าของเธอ

“มัลฟอย นายเป็นอะไรไปรึป่าว” เธอถาม เขายังไม่เขยื้อนตัวออกจากเธอ “มัลฟอย..”

“ไม่เป็นไร เฮอร์มี ไม่เป็นไร..” เขาหอบแห้งๆ อย่างเลื่อนลอย ดวงหรี่ปรือ แทนที่เขาจะได้เห็น 
สาวน้อยเฮอร์ไมโอนี่ แต่กลับเห็นเธอ เป็นเด็กหญิงวัยห้าขวบ ผมสีน้ำตาลฟูฟ่อง
 และดวงตาของเธอ.. “อยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันจะไปตาม ‘เขา’ มาให้ อย่าไปไหน เดี๋ยวฉันมา เฮอร์มี่..”

เฮอร์ไมโอนี่ไม่เข้าใจที่เขาพูด เขาจะไปตามใคร หรือไปตามใครสักคน ได้ยังไง
 ในเมื่อเขาเจ็บหนักอยู่อย่างนี้ และยังชื่อที่เขาเรียกเธออีก แต่สิ่งที่เธอสนใจคือเขาต่างหาก.. 
พลันเธอก็รู้สึกว่า สนามแม่เหล็กที่ดึงดูดร่างกายพวกเขาก็สลายหายไป ไ
ม่สิ มันแปรเปลี่ยนเป็นพลังรูปแบบใหม่ มันไม่ได้ใช้แค่เพียงภายนอก แต่ใช้ได้กับภายใน ..ใช้ได้กับ..จิตใจ

“มัลฟอย อย่าเป็นอะไรไปนะ มัลฟอย” เธอเขย่าตัวเขา แล้ว เธอผลักให้เขานอนลงราบกับพื้นหิมะเย็นๆ

“เกรนเจอร์” เสียงของเขาแผ่วเบา แต่เป็นเสียงที่มีสติผิดกับเมื่อครู่ เขาปรือตาขึ้นมาหน่อย
ๆ แต่สิ่งที่เขาพบนั้น… “มืดจัง” เขากล่าวกล่อนที่สติของเขาจะดับวูบลง...


TBC

No comments:

Post a Comment