Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Wednesday, September 10, 2014

Rhythm of the Relations Series III


Series III  Christmas Box

Author: Jamy



*****1*****



“นายมีคู่เต้นรึยัง แฮร์รี่” เสียงรอนถามขึ้นอย่างเป็นกังวล

“ยัง” แฮร์รี่ตอบ เขามีสีหน้าเป็นกังวลยิ่งกว่ารอนเสียอีก

“ฉันไม่อยากเป็นตัวตลกในงานเลย...นายก็เห็นชุดฉันนี่ แฮร์รี่..” รอนบ่นอุบอิบ เขาไม่อยากนึกภาพตัวเองกำลัง
ยืนอยู่ในชุดราตรีนั่นเลย ทั้งสองเดินผ่านห้องเรียนวิชาแปลงร่าง ซึ่งพวกนักเรียนบ้านสลิธีรินกำลังทยอยเดินออกมา

“ไม่อยากเชื่อเลยว่า แม้แต่เฮอร์ไมโอนี่ ก็มีคู่เต้นแล้ว” ประโยคหลังไปเข้าหูมัลฟอยพอดี เขาหันขวับไปมองหน้ารอน
ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร รอนกับแฮร์รี่เองก็เพิ่งสังเกตุเห็นมัลฟอย ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้พูดอะไร
 เสียงเด็กหญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น

“แฮร์รี่..รอน..รอฉันด้วย”

เฮอร์ไมโอนี่วิ่งกระหืดกระหอบตามมา ในมือมีหนังสืออยู่เต็มเหมือนเคย เมื่อวิ่งมาถึงเธอก็ต้องชะงักฝีเท้า
 ทันทีที่เห็นมัลฟอยยืนถัดออกไป เขามองเธออย่างโกรธๆ เฮอร์ไมโอนี่มองเขาตอบอย่างงงๆ มัลฟอยกัดริมฝีปาก
แล้วสะบัดหน้าเดินจากไป

“เขาเป็นอะไรของเขา” เฮอร์ไมโอนี่ถามเพื่อนทั้งสอง

“ไม่รู้..สงสัยศาสตราจารย์มักกอนนากัล ลืมเสกสมองคนใส่กลับมาให้ด้วยมั้ง” รอนหันไปหัวเราะกับแฮร์รี่ 
เขาหมายถึงตอนที่มัลฟอยโดน “แม้ด-อาย” มูดดี้ เสกให้เป็นตัวเฟเร็ต แล้วศาสตราจารย์มักกอนนากัลมาเสกเขา
ให้กลับเป็นคน เฮอร์ไมโอนี่มองรอนด้วยสายตาขุ่นเขียว

“นั่นไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะรอน ถ้าเธอโดนสาปให้เป็นตัวเฟเร็ตบ้าง เธอก็คงไม่อยากให้มีคนมาหัวเราะเยาะเธอหรอก” 
รอนหยุดหัวเราะทันที เขาหันขวับมามองเพื่อนหญิง

“นี่เธอยังไม่เลิกสงสารหมอนั่นอีกเหรอ คนอื่นเค้าก็เห็นเป็นเรื่องตลกกันทั้งนั้นแหละ เฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดอย่างไม่พอใจ

“ฉันจะคอยดู ว่าเวลาคนเห็นเธอในชุดราตรีนั่น แล้วหัวเราะเยาะ เธอจะดีใจรึเปล่า..รอน!” เฮอร์ไมโอนี่ค้อนเขาขวับ 
เธอขยับตัวจะเดินต่อ แต่แล้วก็ชะงักเท้า แล้วหันมาพูดกับรอนอีกครั้ง

“อ้อ...แต่เธอคงต้องหาคู่ให้ได้ก่อนนะ..” เด็กหญิงเชิดหน้า แล้วเดินแซงหน้าเพื่อนทั้งสองไป หน้าของรอนตอนนี้
กลายเป็นสีเดียวกับผมของเขาไปแล้ว เขาตะโกนไล่หลังเฮอร์ไมโอนี่ไปด้วยความโกรธ

“ใช่สิ! เธอมีคู่แล้วนี่!!” 

เฮอร์ไมโอนี่เดินฉับๆ ไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เมื่อเธอเลี้ยวที่หัวมุมทางเดิน ก็โดนมือๆ หนึ่งฉุดเข้าไปในห้องเรียนข้างๆ 
นั้นอย่างแรง เธอไม่ทันได้หวีดเสียงร้อง มืออีกข้างก็ยกมาปิดปากเธอไว้ เขากระแทกเธอชิดเข้ากับกำแพง

“อย่าร้องเชียวนะ..” มัลฟอยขู่

เมื่อเห็นว่าคนที่ฉุดเธอเข้ามาเป็นใคร เธอก็พยักหน้าหงึก เด็กชายจึงปล่อยมือที่ปิดปากเธอ แต่เปลี่ยนมาบีบที่แขนเธอแทน
“ได้ยินเจ้าหัวแดงนั่นบอกว่าเธอมีคู่เต้นแล้วงั้นเหรอ” เขาถามเสียงเอาเรื่อง เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว

“นายถามทำไม”

“อย่ามาย้อนฉัน เกรนเจอร์ ฉันถาม..เธอต้องตอบฉันก่อน” เขาเข่นเขี้ยว เฮอร์ไมโอนี่นิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ

“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนาย” มัลฟอยบีบแขนเธอแน่นขึ้น แล้วโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ เด็กหญิง คำรามรอดไรฟันออกมา

“จะบอกฉันดีๆ มั้ย เกรนเจอร์...หรือว่า...” เขามองไปที่ริมฝีปากเธออย่างมีเลศนัย “...ต้องให้บังคับ...”

เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินดังนั้นก็หน้าแดง เธอรีบเม้มปาก และหันหน้าไปอีกทางทันที ในใจนึกโกรธรอนที่เที่ยวเอา
ไปพูดจนได้ยินไปถึงหูมัลฟอยเข้า

“ว่าไง” เขาเร่งเร้า เฮอร์ไมโอนี่นิ่งไปอีกพักนึงจึงตัดสินใจตอบ

“ใช่..ฉันมีคู่เต้นแล้ว” ขาดคำ มัลฟอยมีสีหน้าโกรธจัด เขาบีบแขนเธอแน่นอย่างลืมตัว คำรามเสียงเข้ม

“มันเป็นใคร!” เฮอร์ไมโอนี่ตกใจระคนโกรธ เธอเริ่มขึ้นเสียง

“มันไม่เกี่ยวกับนาย แล้วปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะมัลฟอย ฉันเจ็บ!” เฮอร์ไมโอนี่พยายามแกะมือเขาออก แต่เขายิ่งบีบแน่นขึ้น

“ทำไมจะไม่เกี่ยว ทำไมเธอไม่ปฎิเสธเขา!” มัลฟอยแค่นเสียงตะคอกอย่างโกรธจัด เขาถลึงตามองเฮอร์ไมโอนี่เขม็ง
 เฮอร์ไมโอนี่ก็จ้องเขาตอบอย่างเอาเรื่อง

“ปฎิเสธเขา แล้วจะให้ฉันไปกับใคร!” ถึงตอนนี้มัลฟอยชะงัก หน้าเขาเริ่มมีสีเลือดนิดๆ เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
 เธอเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าทำไมเขาถึงดูโกรธเกรี้ยวนัก

“หรือว่า......” เธอพึมพำ หน้าเริ่มแดงขึ้นบ้างเช่นกัน

“แต่..มัลฟอย..นายคงไม่คิดจะไปงานกับฉันหรอกนะใช่มั้ย” เธอถามเสียงอ่อย มัลฟอยไม่ตอบ แต่หน้าเป็นสีเข้มขึ้นอีก 
เขาเริ่มคลายมือที่บีบแขนเด็กหญิงออก เฮอร์ไมโอนี่จ้องหน้าเขา

“นี่นายคิดจะเต้นรำกับฉันต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนเหรอ” เธอถามอย่างไม่เชื่อ มัลฟอยฉุนขึ้นมาทันที

“เธออายมากหรือไง ที่ต้องเต้นรำกับฉัน” เขากระชากเสียงถาม เฮอร์ไมโอนี่ส่ายศีรษะช้าๆ ดวงตายังคงจับจ้องอยู่
ที่ใบหน้าเด็กชายนิ่ง

“ฉันว่านายต่างหาก ที่จะอาย....ฉันมันเลือดสีโคลนนะ” เธอเตือนสติเขา ทั้งคู่มองตากันนิ่ง คราวนี้มัลฟอยที่เป็น
ฝ่ายหลบตาก่อน เขาปล่อยเธอออกจากการเกาะกุม

“มันคงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม....” แล้วเขาก็เดินจากไป คำพูดที่เขาทิ้งท้ายไว้ ทำให้เด็กหญิงน้ำตาซึม

“ใช่....มันเป็นไปไม่ได้หรอกมัลฟอย.....นายเองก็รู้อยู่แก่ใจ..” 

............................................................................................................... 

เมื่อวันงานที่เด็กๆ ทุกคนตั้งตารอมาถึง ในห้องโถงกลางคืนนี้คึกคักเป็นพิเศษ รอนพยายามชะเง้อมองหาเฮอร์ไมโอนี่
แต่ก็ไม่พบ และแล้วก็ถึงเวลาที่ตัวแทนการประลองเวทย์ไตรภาคีต้องเปิดฟลอร์ สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไป
ที่คู่เต้นของวิกเตอร์ ครัม ซึ่งดูสวยสะดุดตา เกิดเสียงพึมพำขึ้นทั่วห้องโถง เด็กๆ พากันวิพากย์วิจารณ์กันยกใหญ่ 
เพราะไม่มีใครจำได้ว่าเด็กหญิงคนนั้นเป็นใคร ยกเว้นเจ้าของดวงตาสีซีดที่จ้องเขม็งด้วยความโกรธ 
เขากัดริมฝีปากแน่น เพราะเพียงแว่บเดียว เขาก็รู้ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร เขาจำเธอได้ในทันที!
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนแบบนี้ แต่ภายใต้สายตาทุกคู่ที่จับจ้องมานั้น 
มีอยู่เพียงสายตาคู่หนึ่งเท่านั้นที่เธอภาวนาให้เขาไม่เห็น และจำเธอไม่ได้ เฮอร์ไมโอนี่แอบสอดส่ายสายตามองหาเจ้า
ของดวงตาคู่นั้น แล้วสายตาเธอก็ไปหยุดอยู่ตรงมุมๆ หนึ่ง ใกล้ๆ กับกลุ่มของเด็กบ้านสลิธีริน มัลฟอยยืนกอดอก 
สีหน้าเคร่งเครียดอยู่ตรงนั้นเธอสะดุ้งนิดๆ รู้สึกร้อนวูบ..เขารู้!

เด็กหญิงหลบสายตาอันดุดันที่จ้องมองมาอย่างเอาเรื่อง เธอพยายามจะไม่สนใจสายตาของเขา ตอนนี้คู่เต้นอื่นๆ เ
ริ่มทยอยลงมาบนฟลอร์บ้างแล้ว เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองอีกที ก็พบมัลฟอยกำลังเต้นคู่กับแพนซี่ พาร์กินสัน 
เธอหน้าง้ำทันที เฮอร์ไมโอนี่เหลือบตามองหน้าเขาซึ่งกำลังจ้องเธออย่างไม่วางตาเช่นกัน ตอนนี้แพนซี่เริ่มเอาหน้า
ซบลงบนอกของมัลฟอยแล้ว เฮอร์ไมโอนี่เห็นดังนั้นก็สะบัดหน้าใส่เขาทันที เธอฝืนเต้นอยู่จนจบเพลงก็ขอตัวไปพัก
เฮอร์ไมโอนี่เดินออกไปนอกปราสาทเพื่อหามุมสงบ เธอเดินเลี่ยงผู้คนออกมาอีกทาง เมื่อมาถึงในสวนซึ่งเงียบสงัด
 ก็มีมือหนึ่งมากระชากเธอให้หันกลับไปหา

“เธอต้องคบหาสมาคมเฉพาะกับคนที่มีชื่อเสียงเท่านั้นใช่ไหม เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก

“นายหมายความว่ายังไง” เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับอย่างไม่พอใจ

“ก็หมายความว่า ถ้าคนที่มาขอเธอเต้นรำไม่ใช่คนมีชื่อเสียง เธอก็คงปฎิเสธซินะ” เขาประชด

“นี่คงจะนัดแนะกันที่ห้องสมุดล่ะสิ” มาถึงตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็หน้าแดงด้วยความโกรธ

“ก็เหมือนนายนั่นแหละ มัลฟอย” เธอย้อน “นายก็คงไม่อยากเต้นคู่กับคนที่ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์นักหรอก”

“ก็พวกเลือดสีโคลนเค้ามีคู่กันหมดแล้วนี่!”

“นายก็เลยไปเต้นคู่กับแพนซี่!” เธอเน้นเสียงคำว่าแพนซี่ จนมัลฟอยเลิกคิ้ว เขาอมยิ้มเมื่อเห็นเธอหน้าบึ้ง 
อารมณ์โกรธเมื่อครู่ดูจะจางลงไปถนัด

“อ้อ..ที่แท้ก็ไม่พอใจที่ฉันไปคู่กับแพนซี่นี่เอง” เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง เธอโกรธจนลืมตัวพูดออกไปโดยไม่ทันคิด
 มัลฟอยดึงมือเฮอร์ไมโอนี่ให้เข้ามาใกล้ แล้วรวบเอวเธอไว้หลวมๆ

“เธอรู้มั้ยว่าฉันตกลงไปงานกับแพนซี่เมื่อไหร่” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายศีรษะ

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” เธอพึมพำเบาๆ พลางหลบสายตาเขา น้ำเสียงเธอยังคงมีแววขุ่นเคืองปนอยู่

“ก็วันที่ฉันรู้ว่าเธอไปกับคนอื่นแล้วน่ะแหละ” เฮอร์ไมโอนี่หันกลับมามองเขา มีแววรู้สึกผิดอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น

“ฉัน.....”

“เธอสนใจหมอนั่นรึเปล่า” เขาชิงถามขึ้นมาก่อน เฮอร์ไมโอนี่ส่ายศีรษะอย่างแรง

“ฉันก็ว่างั้น ฉันหล่อกว่าตั้งเยอะนี่นะ” มัลฟอยพูดอย่างอารมณ์ดี

“หลงตัวเอง” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบาๆ “ฉันไม่เคยสนใจใครเพราะหน้าตาหรอกนะ” มัลฟอยหรี่ตา

“งั้นแล้วเธอสนใจฉันเพราะอะไรล่ะ”

“เพราะ.....” เฮอร์ไมโอนี่หยุดพูด เธอหน้าแดงด้วยความอายที่เธอเสียรู้เขาอีกแล้ว เธอรีบพูดกลบเกลื่อน

“ฉันไม่เคยสนใจนายย่ะ!” มัลฟอยหัวเราะ

“ฉันก็ว่างั้นแหละ เธอคงไม่เคยสนใจฉันหรอก ไม่สนกระทั่งว่าฉันจะกำลังกอดเธออยู่ด้วยซ้ำ”

เฮอร์ไมโอนี่มีสีหน้าตกใจ เธอลืมไปแล้วว่ามัลฟอยกำลังกอดเอวเธออยู่ เธอรีบผลักเขาออกไปทันที
 เด็กหญิงรู้สึกขายหน้ามาก มัลฟอยหยุดหัวเราะ แต่ยังคงยิ้มล้อๆ ไปที่เธอ
“เกรนเจอร์..”

“มีอะไร” เสียงเฮอร์ไมโอนี่ยังคงมีแววขุ่นอยู่

“วันนี้เธอ........” แล้วเขาก็เงียบไป หน้าเป็นสีชมพูจางๆ เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“เอ่อ.....ชุดสวยดีนะ” มัลฟอยไม่กล้าชมเธอตรงๆ จึงเลี่ยงไปพูดถึงชุดแทน แต่กระนั้นก็ทำให้เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง 
เธอตอบเสียงแผ่ว

“ขอบใจ....นายก็....เอ่อ....ดูดี.....เช่นกัน...”

เสียงเพลงจากห้องโถงที่ยังคงบรรเลงอย่างต่อเนื่องดังแว่วมา ทั้งสองยืนก้มหน้านิ่ง ต่างฝ่ายต่างไม่กล้ามองหน้ากัน
 แล้วมัลฟอยก็ตัดสินใจเอื้อมมือมาจับมือของเด็กหญิงไว้ เขามองตาเธอเป็นเชิงถาม เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา
 ใจเริ่มเต้นแรงขึ้น เธอลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มและพยักหน้ารับ มัลฟอยโค้งให้เธอ ซึ่งเธอก็ค่อยๆ ย่อตัวรับเป็นอย่างดี

มัลฟอยยกมืออีกข้างขึ้นมากระชับเอวเด็กหญิงไว้ และเริ่มต้นเต้น ทั้งคู่เต้นรำกันสองคนเงียบๆ ท่ามกลางแมกไม้และ
หมู่ดาว ซึ่งพร่างพรายอยู่เต็มท้องฟ้า เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าตัวเธอเบาหวิว และสามารถขยับขาไปตามจังหวะของเขา
ได้อย่างง่ายดายกว่าตอนที่เต้นกับครัม มัลฟอยเต้นได้ดี..เธอเองก็เช่นกัน

มัลฟอยค่อยๆ เลื่อนมือไปโอบรอบเอวเธอแล้วดึงเข้ามาใกล้เขาอีกนิด เขาจับมือเธอให้พาดไว้บนไหล่ของเขา 
เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ทั้งสองประสานสายตากันอย่างมีความหมาย เสียงเพลงจากในห้องโถงหยุดลง
 และเริ่มต้นบรรเลงเพลงใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งสองไม่ได้เต้นต่อ..
มัลฟอยค่อยๆ ก้มหน้าลงมาชิดเด็กหญิง เขาหลับตาลง เฮอร์ไมโอนี่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจของ
อีกฝ่ายที่เริ่มใกล้เข้ามา เธอก็หลับตาลงบ้าง มัลฟอยค่อยบรรจงประทับริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากของเธอ
อย่างแผ่วเบาและเนิ่นนาน เมื่อริมฝีปากของทั้งสองเลื่อนหลุดออกจากกัน มัลฟอยก็มองตาเธอ เขารู้สึกแปลกใจ
ไม่น้อยที่เธอไม่ได้ขัดขืน เฮอร์ไมโอนี่เองก็แปลกใจตัวเองไม่แพ้กัน ทั้งคู่เงียบกันไปครู่หนึ่ง มัลฟอยก็พูดขึ้น

“คืนนี้ป็นคืนที่วิเศษที่สุด” เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าชุดราตรีของเขา แล้วหยิบของขวัญกล่องเล็กๆ ออกมา

“เมอร์รี่ คริสต์มาส” เขาวางกล่องนั้นลงบนมือเล็กๆ ของอีกฝ่าย เฮอร์ไมโอนี่ก้มลงมองดูกล่องของขวัญในมือด้วย
ใจระทึก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้มบางๆ

“เมอร์รี่ คริสต์มาส เช่นกัน มัลฟอย”

เด็กชายยิ้ม เขา               

“สงสัยคงใกล้จะถึงเพลงสุดท้ายแล้วมั้ง” เขาหันกลับมามองเด็กหญิง แล้วกระซิบเบาๆ

“ราตรีสวัสดิ์ เกรนเจอร์”

“ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะมัลฟอย”

พูดจบ เฮอร์ไมโอนี่ก็รีบหมุนตัวและเดินกลับเข้าไปในปราสาททันที มัลฟอยมองตาม

“อย่าว่าแต่ฝันเลย เกรนเจอร์..คืนนี้ฉันคงหลับไม่ลงแน่นอน” เขาพูดเบาๆ กับตัวเองแล้วอมยิ้ม เด็กชายค่อยๆ 
ยกมือขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากตัวเองเบาๆ

“เพราะเธอน่ะแหละ ยัยเลือดสีโคลน..” 

*****2***** 

หลังจากวันนั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้พูดคุยกับมัลฟอยอีก เธอคอยหลบสายตาของเขาเสมอ เพราะเธอรู้สึกอับอายเ
ป็นอย่างมากที่ไปเผลอจูบตอบเขาในวันนั้น มัลฟอยเองก็ไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้เธอตามลำพังอีกเลย เพราะตอนนี้เฮอร์
ไมโอนี่กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งโรงเรียนไปแล้ว เหตุเพราะเธอเป็นคู่เต้นให้กับวิกเตอร์ ครัม นั่นเอง 

บ่ายนี้เด็กๆ บ้านกริฟฟินดอร์มีเรียนวิชาปรุงยากับบ้านสลิธีริน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เธอลำบากใจเป็นที่สุด
 ทันทีที่มาถึงคุกใต้ดิน เสียง แพนซี่ พาร์กินสัน ก็ดังขึ้นมาทันที 

“ต้องคู่กับซีกเกอร์คนดังเสมอเลยนะ เข้าใจหาวิธีสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองดีนี่ ยายเลือดสีโคลน” 

เด็กๆ บ้านสลิธีรินหัวเราะเป็นลูกคู่กันอย่างครื้นเครง ยกเว้นมัลฟอย 

“อิจฉาเหรอ พาร์กินสัน ได้ข่าวว่าคืนนั้นโดนคู่เต้นทิ้งนี่..” เฮอร์ไมโอนี่ตอกกลับ มัลฟอยเลิกคิ้วสูงมองเธออย่างไม่เชื่อหู 
เขาพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ 

“จะมากไปแล้ว ยัยโสโครก กล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้!" แพนซี่แผดเสียงใส่เฮอร์ไมโอนี่อย่างโกรธปนอาย
 เธอกำลังจะกระโจนใส่เฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยก็ห้ามไว้ 

“หยุดอยู่แค่นั้นแหละ แพนซี่” เขาพูดเสียงดัง แพนซี่ชะงัก 

“แต่ว่า...เดรโก...” 
ไม่มีแต่..แล้วอย่าเรียกฉันว่าเดรโกอีก ฉันไม่ชอบ” เขากล่าวเสียงเฉียบ แพนซี่หน้าง้ำทันที 

“เธออยากให้บ้านเราโดนหักคะแนนหรือยังไง” 

“แต่บ้านเราไม่มีวันถูกหักคะแนน ในชั่วโมงของศาสตราจารย์สเนป!" แพนซี่เถียงอย่างรวดเร็ว 

“ว่าไงนะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงสูง มัลฟอยหันไปจ้องหน้าแพนซี่อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อที่เธอพูดเรื่อง
ไม่เข้าท่าออกมา 

“มีอะไรกันนักเรียน มาอออะไรกันตรงนี้” เสียงนุ่มนวลเยือกเย็นดังขึ้น สเนปเดินมาหยุดอยู่ที่กลุ่มนักเรียน
 เขากวาดสายตามองไปทั่วแล้วมาหยุดอยู่ที่เฮอร์ไมโอนี่ 

“อ้อ..สาวน้อยคนดังของเรานี่เอง คราวนี้ก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ.." 

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยันแล้วจ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่เพื่อรอฟังคำตอบ ที่จะทำให้เขาหักคะแนนกริฟฟินดอร์ได้สัก
 5-10 คะแนน

“ไม่มีอะไรหรอกครับอาจารย์ เข้าใจผิดกันนิดหน่อย” 

สเนปขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ พลางส่งสายตาตำหนิมาที่มัลฟอย 

“งั้นเหรอมิสเตอร์มัลฟอย..ถ้าเธอว่าอย่างงั้นก็แล้วไป..เอาล่ะ..เริ่มเรียนกันได้”

ว่าแล้วเขาก็สะบัดผ้าคลุม เดินตรงไปที่โต๊ะอาจารย์ด้วยความเสียดาย หลังจากที่เด็กๆ นั่งประจำที่กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 สเนปก็ตวาดลั่นทันที 

“มิสเกรนเจอร์ ใครสั่งให้เธอไปนั่งข้างลองบัตท่อม!" 

เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งโหยง ส่วนเนวิลล์ไม่ต้องพูดถึง เขากลัวจนตัวสั่น ข้าวของที่ถือไว้หล่นกระจายเต็มพื้น เด็กๆ
บ้านสลิธีรินหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ สเนปแสยะยิ้มอย่างไม่น่าดูมาที่เด็กทั้งสอง เฮอร์ไมโอนี่เม้มปาก
 เธอคิดว่าเธอรู้แล้วว่าสเนปจะพูดอะไรต่อ 

“เธอ - ไปนั่งกับมิสเตอร์มัลฟอย อ้อ..แล้วห้ามทำร้ายเขาอีกล่ะ นอกเสียจากว่าเธออยากถูกหักคะแนนเพิ่ม” 

เฮอร์ไมโอนี่ขนสัมภาระเดินไปนั่งข้างๆ มัลฟอยอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เธอไม่ได้กลัวว่าจะโดนมัลฟอยแกล้งอย่าง
ที่สเนปคาดหวังไว้ แต่เธออายที่จะต้องเผชิญหน้ากับเขาต่างหาก 

“ส่วนเธอ..ลองบัตท่อม.." สเนปหันไปแยกเขี้ยวใส่เนวิลล์ต่อ “มานั่งข้างๆ โต๊ะทำงานฉันนี่” 

เนวิลล์ลนลานหอบข้าวของมาที่โต๊ะเขาอย่างงกเงิ่น สเนปมองเด็กชายอย่างดูถูก ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 

“เธอควรจะนั่งห่างๆ เพื่อนๆ หน่อย เพราะน้ำยาที่จะปรุงวันนี้เป็นน้ำยาที่อันตรายมาก” เขาเหยียดยิ้ม 

“มันอาจทำให้เพื่อนๆ ของเธอ ต้องกลับหอนอนด้วยสภาพที่ไม่น่าดูนัก” 

สิ้นเสียงสเนป เนวิลล์หน้าซีดลงกว่าเดิมทันที เขาแอบเหลือบมองเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งกำลังมองเขาอยู่อย่างเห็นใจ
 แต่เธอก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ 

หลังจากเริ่มปรุงยาไปได้สักพัก เฮอร์ไมโอนี่ก็พูดขึ้นเบาๆ ด้วยใบหน้าสีชมพู 

“ขอบใจนะมัลฟอย..สำหรับของขวัญ” เธอพูดทั้งๆ ที่ยังก้มหน้ามองน้ำยาในหม้อของตัวเอง
 โดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกฝ่าย 

"เธอชอบหรือเปล่า” มัลฟอยถามเสียงแผ่ว เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าหงึก 

“แล้วรู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงเลือกจี้ที่เป็นรูปตัว H แทนที่จะเป็นตัว G" 

เด็กหญิงส่ายหน้า เธอหันมามองหน้าเขาเป็นเชิงถาม มัลฟอยแอบจับมือเธอหลังหม้อใหญ่ของพวกเขา
 เด็กชายก้มหน้าลงนิดๆ แล้วกระซิบ 

“เพราะอีกหน่อย เธอจะไม่ได้ใช้ตัว G เป็นตัวย่อนามสกุลแล้วน่ะสิ” 

พอได้ยินคำตอบ เฮอร์ไมโอนี่ก็หน้าเป็นสีชมพู เธอหันหน้ากลับไปที่หม้อยาของตัวเองทันที มัลฟอยบีบมือเธอเบาๆ 
พลางเหลือบตามองไปรอบๆ ห้อง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสังเกตเห็น แล้วจึงก้มหน้าลงมาชิดขึ้นอีก
 ก่อนจะกระซิบด้วยเสียงที่แผ่วเบากว่าเดิม ทว่าแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์อยู่ในที 

“เธออยากได้อักษรอะไรเป็นตัวย่อนามสกุลใหม่ล่ะ” 

เด็กหญิงหน้าเป็นสีจัด เธอพูดเบาๆ ด้วยเสียงเข้ม 

“มากไปแล้วนะมัลฟอย” 

เขาหัวเราะเบาๆ แล้วบีบมือเธออีกครั้งอย่างยั่วๆ ก่อนจะปล่อยมือเธอ เพื่อหยิบตัวยาใส่ลงในหม้อต้มเพิ่มเติม
 เฮอร์ไมโอนี่ได้โอกาสจึงรีบขยับตัวออกห่างเขาทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอเอียงๆ พร้อมยิ้มอย่างยียวน
 แต่ก็ไม่ได้แกล้งอะไรเธอต่อจนหมดชั่วโมง 

เมื่อออกจากคุกใต้ดิน เด็กๆ ก็ตรงไปยังห้องโถงใหญ่เพื่อรับประทานอาหารค่ำตามปกติ 

“เจ้าหมอนั่นมันพูดอะไรกับเธอน่ะ เฮอร์ไมโอนี่ เธอถึงได้โกรธจนหน้าแดงแบบนั้น” รอนถามทันทีที่ทั้งสามเดิน
มารวมกันที่โต๊ะกริฟฟินดอร์แล้ว เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าพวกเขาจะสังเกตเห็น 
เด็กหญิงพยายามทำท่าทางให้ดูเป็นปกติที่สุดก่อนตอบ 

“เขาก็พูดเรื่องที่ฉันเป็นคู่เต้นของวิกเตอร์น่ะแหละ” 

รอนพ่นลมหายใจพรืด เขาถามเสียงแหลม 

“ไม่เรียกว่าวิกกี้เลยล่ะ!" รอนแสดงท่าทางฮึดฮัด จนเฮอร์ไมโอนี่แปลกใจ เธอหันมามองหน้าเขาอย่างสงสัย 

"เธอเป็นอะไรของเธอน่ะ รอน” 

รอนเบ้หน้าใส่เฮอร์ไมโอนี่ เขากำลังทำท่าว่าจะหาเรื่องทะเลาะกับเธอเรื่องวิกเตอร์ ครัม ต่อ แฮร์รี่เห็นท่าไม่ดี
 เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง 

"ฉันว่าพวกเรารีบทานอาหารกันเถอะ จะได้ไปห้องสมุด ฉันต้องเตรียมตัวสำหรับภารกิจที่สองในวันพรุ่งนี้” 

ได้ผล ทั้งสองหยุดแยกเขี้ยวใส่กันทันที และต่างฝ่ายต่างหันไปสนใจอาหารตรงหน้าตัวเอง 
เฮอร์ไมโอนี่หงุดหงิดที่รอนคอยจ้องจะหาเรื่องเสียดสีเธอเรื่อง วิกเตอร์ ครัม ทุกครั้งที่มีโอกาส 
แต่เธอก็รู้สึกโล่งใจที่คราวนี้ ครัม เป็นเหตุให้รอนไม่ได้ซักไซ้ต่อเรื่องมัลฟอย 

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย เฮอร์ไมโอนี่ก็หันไปพูดกับแฮร์รี่ 

“ฉันจะไปหาหนังสือที่น่าจะเกี่ยวกับปริศนาของภารกิจที่สองของเธอไปพลางๆ ก่อนนะ ถ้าเธอทานเสร็จแล้วก็รีบ
ตามไปล่ะ” 

“อืม..” แฮร์รี่รับคำ รอนมองตามเธอแล้วตะโกนไล่หลัง 

“นัดกับวิกกี้ไว้ก่อนหรือไง!" 

เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ เธอเดินกระแทกเท้าดังๆ จากไปอย่างเร็ว 

เมื่อมาถึงห้องสมุด พอเธอหาหนังสือตามที่ต้องการและหามุมเหมาะจนเป็นที่พอใจแล้ว เธอก็เริ่มต้นอ่านหนังสือนั้น
 พออ่านไปได้สักพัก คำพูดของมัลฟอยก็ผุดขึ้นมาในความคิด 

''รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเลือกจี้เป็นรูปตัว H’'' 

เด็กหญิงล้วงมือเข้าไปหยิบสร้อยคอที่เธอสวมไว้ออกมาดู เธอสวมเสื้อปิดทับสร้อยนั้นไว้ เพราะเกรงว่าจะมีคนสังเกตเห็น
 เฮอร์ไมโอนี่มองดูสร้อยคอทองคำขาวบริสุทธิ์ มีจี้เพชรรูปตัว H ประดับเก๋ห้อยอยู่ที่สร้อยเส้นนั้น เธอพลิกจี้รูปตัว
 H นั้นขึ้นมาดู พลางนึกไปถึงประโยคหลังที่เขาพูด แก้มของเด็กหญิงก็มีสีชมพูระเรื่อขึ้นมาทันที 
เธอมองสร้อยอย่างพิจารณาอยู่สักพักก็อมยิ้ม พยายามนึกภาพว่าคนอย่างมัลฟอยจะทำหน้ายังไงตอนที่ซื้อสร้อยเส้นนี้ 

“นั่นอะไรน่ะ ยัยเลือดโสโครก” เสียงแพนซี่ พาร์กินสัน ดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง เธอรีบเก็บสร้อยเข้าไปในเสื้อทันที
 แพนซี่หรี่ตามองอย่างมุ่งร้าย 

“ใส่สร้อยแพงขนาดนี้เชียวเหรอ” หล่อนย่างเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ 

“วิกเตอร์ ครัม คงจะซื้อให้ล่ะสิ..อย่างเธอน่ะเหรอ จะมีปัญญา” ว่าแล้วแพนซี่ก็ร่ายคาถาแย่งสร้อยมาจากคอของเฮอร์
ไมโอนี่ 

“อย่านะ!!" เฮอร์ไมโอนี่ร้องเสียงหลง เธอไม่ทันตั้งตัวเพราะคาดไม่ถึงว่าแพนซี่จะทำแบบนี้ 

“มีอะไรกันเหรอเด็กๆ.." 

เฮอร์ไมโอนี่แทบอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น 

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ศาสตราจารย์สเนป” แพนซี่หันไปพูดกับศาสตราจารย์ประจำบ้านของเธอแล้วยิ้มอย่างผู้มีชัย 

“ถ้าไม่มีอะไร...” สเนปเว้นจังหวะ เขาเอียงคอมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่อย่างร้ายๆ 

“..เธอก็ไปช่วยฉันหาหนังสือต่อเถอะ มิสพาร์กินสัน” แล้วเขาจึงพูดกับเฮอร์ไมโอนี่บ้าง 

“แล้วเธอล่ะมิสเกรนเจอร์..มีปัญหาอะไรกับนักเรียนบ้านฉันรึเปล่า” 

"เอ่อ...” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก เธอกำลังชั่งใจว่าจะพูดเรื่องสร้อยดีหรือไม่ 

“ไม่มีค่ะ” เด็กหญิงตัดสินใจตอบในที่สุด 

“ดี” สเนปยิ้มให้เธออย่างน่าเกลียดแล้วสะบัดผ้าคลุมเดินจากไป 

เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากแน่น เธอรู้ดีว่าถึงจะบอกว่าแพนซี่เอาของๆ เธอไป สเนปก็คงไม่มีวันเชื่อคำพูดของเธอเป็นแน่
 และอาจจะแถมท้ายด้วยการหักคะแนนบ้านเธออีกสัก 5-10 คะแนน โทษฐานใส่ร้ายนักเรียนบ้านสลิธีริน! 

เฮอร์ไมโอนี่นั่งคอตก เธอไม่รู้ว่าจะหาวิธีเอาสร้อยคืนมาจากแพนซี่ได้อย่างไร.. 

สักพัก รอนกับแฮร์รี่ก็เดินมานั่งที่โต๊ะกับเธอ รอนหันซ้ายหันขวามองหาวิกเตอร์ ครัม เขาตั้งใจจะหาเรื่องเหน็บแนม
เธอต่อ แฮร์รี่ส่งสายตาดุๆ ไปที่รอน พลางบุ้ยใบ้ไปที่เฮอร์ไมโอนี่ ที่ตอนนี้มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก รอนขยับจะถาม
 แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน 

“รีบๆ หาข้อมูลกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน” 

ทั้งสามเริ่มช่วยกันหาหนังสือที่อาจจะพอช่วยไขปริศนาภารกิจที่สองได้ พวกเขาอ่านหนังสือไป 
ปรึกษากันไปได้พักหนึ่ง เฟร็ดกับจอร์จก็เดินเข้ามาบอกให้รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ไปพบศาสตราจารย์มักกอนนากัล 

“เดี๋ยวเรากลับไปรอเธอที่ห้องนั่งเล่นรวมนะ” เฮอร์ไมโอนี่บอกแฮร์รี่ขณะลุกขึ้นเดินไปกับรอน 
ทั้งสองรู้สึกวิตกกังวลและสงสัยว่าศาสตราจารย์มักกอนนากัลต้องการเรียกตัวพวกเขาไปทำอะไร 

----------------------------------------------------------------------------- 

*****3***** 



ในห้องนั่งเล่นรวมบ้านสลิธีริน แพนซี่นำสร้อยที่แย่งมาจากเฮอร์ไมโอนี่มาอวดเพื่อนๆ กลุ่มนักเรียนหญิงอย่างภาคภูมิใจ
ในวีรกรรมอันน่าเกลียดของเธอ พวกเธอหัวเราะกันเสียงลั่นอย่างสะใจ 
“มัลฟอย” 

แพนซี่รีบเรียกเขาทันทีที่เห็นมัลฟอยกำลังจะเดินขึ้นบันไดไปยังหอนอนชาย เธอถลาเข้าไปหาเขา
 เพื่อเล่าวีรกรรมของเธอให้เขาฟัง โดยหวังว่าจะได้รับคำชมจากเขา แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรมัลฟอยก็
สังเกตเห็นสร้อยในมือของเธอ เขากระชากมือแพนซี่แล้วพลิกขึ้นมาดูทันที 
“นี่เธอไปเอามาจากไหน” เขาตะคอกอย่างกราดเกรี้ยว แพนซี่หน้าเสีย 

“เอ่อ..” เธออึกอัก เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าควรจะเล่าดีหรือไม่ 

“อย่าบอกนะว่าไปขโมยของคนอื่นมา เธอรู้มั้ยว่าเธอจะทำให้บ้านเราเสียคะแนนมากแค่ไหน” เขาตะเบียงเสียงลั่น 

“ฉันเปล่า” แพนซี่ปฎิเสธเสียงสูง “ฉัน..เอ่อ...ฉันเจอมันตกอยู่ที่ห้องสมุด..คงจะมีใครทิ้งเอาไว้น่ะ”
 เธอรีบตอบอย่างรวดเร็ว 

เมื่อได้ยินคำตอบของแพนซี่ เขาก็โกรธจัด เด็กชายกระชากสร้อยออกมาจากมือเธอทันที แพนซี่ตกใจ 
แต่เมื่อเห็นท่าทางอันโกรธเกรี้ยวของเขาก็ไม่กล้าถามอะไร มัลฟอยสะบัดหน้าเดินกระแทกเข้าขึ้น
ไปทางหอนอนชายอย่างรวดเร็ว เด็กนักเรียนคนอื่นๆ แตกกระเจิงเพราะความกลัว แม้แต่แครบกับกอยล์ก็ไม่กล้า
เข้าใกล้เขาในเวลาแบบนี้ 

แพนซี่ดูจะงงงันกว่าทุกคน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมมัลฟอยต้องโกรธมากขนาดนี้ด้วย แต่เธอก็เกรงกลัวเขาเกินกว่าจะ
ถามอะไรออกไป ได้แต่คิดว่ามัลฟอยคงไม่อยากให้บ้านเสียคะแนนเพราะกลัวจะแพ้บ้านกริฟฟินดอร์นั่นเอง  

มัลฟอยขว้างสร้อยเส้นนั้นลงบนที่นอนตัวเองทันทีที่เขาเข้าไปในห้อง เขาโกรธจัดจนหน้าซีดขาวกว่าเดิมมาก 
เด็กชายกัดริมฝีปากแน่น เข้าใจไปว่าเฮอร์ไมโอนี่ทิ้งขว้างของที่เขาให้ เขาคิดว่าถ้าเธอไม่อยากได้ก็น่าจะคืนมาดีๆ
 ไม่ใช่เอาไปทิ้งแบบนี้ 

“เชอะ! แถมยังมาโกหกอีกว่าชอบ ยัยหัวฟู!!” 

เขาสบถกับตัวเอง มัลฟอยทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ เขาตั้งใจว่า พรุ่งนี้เช้าต้องไปถามเธอให้รู้เรื่องให้ได้ 

...................................................................................................  

ภารกิจที่สองของการประลองเวทย์ไตรภาคีกำลังเริ่มขึ้น มัลฟอยไม่ได้สนใจกับการประลองเท่าไรนัก 
เขาพยายามมองหาเฮอร์ไมโอนี่ที่กลุ่มนักเรียนกริฟฟินดอร์ แต่ก็ไม่พบ นั่นทำให้เขายิ่งหงุดหงิดกว่าเดิมมาก 
เด็กชายนั่งไม่ติด และไม่มีอารมณ์ดูการประลองเลยซักนิด 

สักพักก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้น เมื่อตัวแทนคนหนึ่งขึ้นมาจากทะเลสาบ เขาได้ยินเสียงเด็กที่ยืนอยู่ข้างๆ ตะโกน 

“นั่นมันเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ นี่นา...ไม่น่าเชื่อ!!” 

มัลฟอยหันขวับไปมอง สิ่งที่เขาเห็นคือ วิกเตอร์ ครัม กำลังเดินขึ้นมาจากน้ำ และอุ้มเฮอร์ไมโอนี่ไว้ในอ้อมแขน!
 เขาโกรธจัดจนลมออกหู 

“เธอเป็นคนที่ครัม ‘ถวิลหา’ เหรอเนี่ย...อีกหน่อยต้องเป็นแฟนกันแน่เลย” 

เด็กหญิงบ้านฮัฟเฟิลพัฟคนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้น แต่เป็นโชคร้ายของเธอ มัลฟอยสะบัดไม้กายสิทธิ์
ไปที่เธอทันที เสียงหวีดร้องของเพื่อนเด็กหญิงคนนั้นดังขึ้น เธอกำลังอาเจียนทากออกมาจากปาก
 เนื่องจากความชุลมุน และเด็กๆ ส่วนใหญ่กำลังตื่นเต้นกับการประลองเวทย์ จึงไม่มีใครทันสังเกตว่าใคร
เป็นคนเสกคาถาใส่เธอ ยกเว้นแครบกับกอยล์ ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ มัลฟอย พวกเขาตกตะลึงกับการกระทำของลูกพี่.. 

“นายทำอย่างนั้นทำไม มัลฟอย” แครบถามเสียงร้อนรน พลางหันซ้ายหันขวามองหาอาจารย์ที่อาจจะบังเอิญมาเห็น
เข้าอย่างเป็นกังวล มัลฟอยหันมาจ้องหน้าลูกน้องของเขาอย่างกราดเกรี้ยว 

“ไม่ใช่เรื่องของแก!!” เขาตวาด 

“แล้วหุบปากไปเลย ถ้าไม่อยากเป็นรายต่อไป!”แล้วเขาก็สะบัดผ้าคลุม เดินออกไปทันที  

หลังจบการประลอง เด็กๆ ต่างแยกย้ายกันกลับหอนอนของตน ยกเว้นพวกที่ต้องลงไปอยู่ในทะเลสาบที่ยังต้อง
ไปให้มาดามพอมฟรีย์ตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งที่ห้องพยาบาล 

เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งตรวจเสร็จเป็นคนแรกขอตัวเพื่อนๆ ของเธอไปรอที่หอนอน เธอทั้งเหนื่อยล้า ทั้งอายคน
 เรื่องที่วิกเตอร์ ครัม เลือกเธอ ไหนจะกังวลใจเรื่องสร้อยอีก เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เธอก็ใจหายวูบ
 เธอลืมนึกไปว่า มัลฟอยต้องเห็นครัมพาเธอขึ้นมาจากทะเลสาบเป็นแน่ เด็กหญิงไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะโกรธแค่ไหน
 เธอเดินคิดไปเรื่อยๆ พอพ้นหัวมุม ก็พบมัลฟอยยืนขวางทางอยู่ เขาดูโกรธจัด เด็กชายมองเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ 

“เราคงต้องคุยกันหน่อย เกรนเจอร์” เขาคำรามเสียงเข้ม แล้วกระชากเธอเข้าไปในห้องเรียนข้างๆ ทันที 

“โอ๊ย..ฉันเจ็บนะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเมื่อถูกเขากระชากด้วยความรุนแรงแบบนั้น 

“งั้นเรอะ...ฉันว่า ฉันต่างหากที่เจ็บยิ่งกว่า..” มัลฟอยผลักเธอล้มลงไปกระแทกกับพื้นทันที
 เขาโถมตัวเข้าใส่เธอ ดันไปจนชิดกำแพง แล้วเอามือกำรอบคอเธอไว้ เฮอร์ไมโอนี่ตกใจกลัวจนตัวสั่น 

“เป็นไงล่ะ” เขาถามขึ้น แล้วมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม 

“คงจะดีใจมากล่ะซิ ที่เป็นที่ ‘ถวิลหา’ ของเจ้าค่อมนั่น!” เขากัดกรามกรอด 

“เข้าใจหาวิธีสร้างชื่อให้ตัวเองดีนะ เกรนเจอร์” เขาบีบคอเธอแน่นขึ้นอีก เฮอร์ไมโอนี่หายใจกระชั้น
 เธอเริ่มไอค่อกแค่ก เพราะหายใจไม่ออก 

“รู้สึกยังไงล่ะ ตอนที่อยู่ในอ้อมกอดของมัน” เขายังคงพูดจาถากถางเธอไม่หยุด 

“อยากรู้จังว่า เธอชอบอ้อมกอดของใครมากกว่ากัน ระหว่างมัน ฉัน หรือว่าเจ้าพอตเตอร์!” 

เฮอร์ไมโอนี่ฉุนโกรธขึ้นมาในทันที 

“ไม่เกี่ยวกับแฮร์รี่นะ!” มัลฟอยโกรธจนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบ เขาตวาดดังลั่น 

“แตะต้องมันไม่ได้เลยนะ มิน่าล่ะ เธอถึงทำแบบนี้กับฉัน!” 

เฮอร์ไมโอนี่มีสีหน้างงงัน นี่เธอไปทำอะไรให้เขาโกรธนักหนา 

“นายเป็นอะไรอีกล่ะ ฉันไปทำอะไรให้” เธอพูดออกมาด้วยความยากลำบาก เพราะมือของมัลฟอยยังคงบีบ
รอบคอเธอแน่น เขาหรี่ตามองเธอ 

“ฉันคิดว่าคนฉลาดอย่างเธอคงไม่ต้องการคำอธิบายล่ะมั้ง” 

“นี่ตกลงฉันผิดอีกใช่มั้ยที่ถูกวิกเตอร์เลือก!” 

มัลฟอยกระชากคอเสื้อเธอเข้ามาชิด นัยน์ตาของเขาวาวโรจน์ขึ้นมาด้วยความโกรธ เขาตะโกนใส่หน้าเธอเสียงลั่น 

“วิกเตอร์เหรอ!!!” เขากัดริมฝีปากแน่น มองดูเธออย่างโกรธเกรี้ยว 

“นี่ถึงขั้นเรียกชื่อกันแล้วเรอะ” เขาผลักเธอไปกระแทกที่กำแพงอีกครั้ง 

“สนิทกันเหลือเกินนะ” เขาพูดเสียงยานคางอย่างดูถูก เฮอร์ไมโอนี่จ้องหน้าเขาเขม็ง 

“เลิกคิดสกปรกๆ ไปเลยนะมัลฟอย” เธอย้อนเขาบ้าง รู้สึกโกรธที่เขาดูถูกเธอแบบนี้ แต่มัลฟอยไม่สนใจฟังเธอ 
เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุม เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเพราะคิดว่าเขาจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา แต่แล้วก็หน้าซีด
 เมื่อสิ่งที่เขาหยิบขึ้นมาคือสร้อยเส้นนั้น 

“มิน่า..เธอถึงไม่ต้องการของสิ่งนี้” ตอนนี้ดวงตาของมัลฟอยมีแววของความเสียใจอย่างเห็นได้ชัด 

“ถ้าไม่ต้องการ..ก็น่าจะเอามาคืนฉันดีๆ” 

“มัลฟอย...” เฮอร์ไมโอนี่คราง..เธอเริ่มใจเสีย..นี่มัลฟอยเข้าใจไปถึงไหนกัน 

“มัน...มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด” แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นดุดันเช่นเดิม เขาตะเบ็งเสียงใส่เธออย่างเกรี้ยวกราด 

“ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดเหรอ เธอรู้ไหมว่าสร้อยเส้นนี้ราคาเท่าไหร่ แล้วเธอก็เอาไปทิ้งอย่างไม่มีค่า เพราะเธอไม่รู้จัก
คุณค่าของมันใช่มั้ย ยายเลือดสีโคลน!” 

เพี๊ยะ! 

เฮอร์ไมโอนี่ฟาดมือลงไปบนใบหน้าซีดขาวของเขา เนื้อตัวสั่นด้วยความโกรธ เด็กหญิงตะโกนลั่น 

“ฉันไม่สนใจว่าสร้อยเส้นนั้นราคาเท่าไหร่ และฉันไม่ได้เอามันไปทิ้ง!!” มัลฟอยเซถลาไปตามแรงของเธอเล็กน้อย
 เฮอร์ไมโอนี่ยังคงตะเบ็งเสียงไม่หยุด 

“แพนซี่ พาร์กินสันของนาย แย่งสร้อยนั้นไปจากฉัน ทำไมนายไม่ไปถามเขาล่ะว่าทำแบบนั้นทำไม” 
ตอนนี้น้ำใสๆ เริ่มไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น เธอมองหน้ามัลฟอยนิ่ง ด้วยสายตาที่มัลฟอยเอง
ก็ไม่สามารถจะคาดเดาความรู้สึกของเด็กหญิงในตอนนี้ได้ 

“ถ้านายคิดว่าของๆ นายมีค่ามากกว่าคนอย่างฉัน ก็เชิญนายเอาไปเก็บไว้เองเถิดนะ มัลฟอย” 
เฮอร์ไมโอนี่ลดระดับเสียงลงมาเป็นปกติ แต่ก็ยังคงสั่นเครือด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด 

“แล้วอีกอย่าง...” เธอสูดลมหายใจลึก 

“นายคิดว่าฉันดีใจหรือไง ที่ต้องไปหลับอยู่ใต้ทะเลสาบกับชาวเงือกพวกนั้นตั้งครึ่งค่อนวัน..” เธอเชิดหน้าเล็กน้อย
 มองเขาอย่างเย็นชา 

“มันสนุกพิลึกล่ะ!” 

แล้วเธอก็เดินกระแทกเขาอย่างแรงออกไปทันที มัลฟอยไม่ได้รั้งเธอไว้ เขายืนนิ่งอึ้ง ตกใจและสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น
 เด็กชายมองสร้อยในมือของตัวเอง พลางนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับเธอเมื่อครู่ เขาดูถูกเธอและทำร้ายจิตใจเธอ ทั้งๆ 
ที่เธอไม่มีความผิด มัลฟอยกำสร้อยเส้นนั้นแน่น สายตาเริ่มลุกวาวด้วยความโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง 
เขากัดกรามแน่นจนเป็นสันนูน แล้วคำรามออกมา 

“แพนซี่!!” 



------------------------------------------------ 


*****4***** 


ที่ห้องนั่งเล่นรวมบ้านสลิธีริน แพนซี่ พาร์กินสัน กับกลุ่มนักเรียนหญิง กำลังนั่งวิพากย์วิจารณ์การประลองกันอย่าง
ออกรส 

“ฉันคิดว่ายัยเลือดสีโคลนนั่นจะเป็นที่ ‘ถวิลหา’ ของเจ้าหัวแผลเป็นน่าเกลียดนั่นซะอีก” 
เสียงแพนซี่แหลมดังออกมาจากกลุ่ม 

“กลับกลายเป็นเจ้าค่อมน่าขยะแขยงนั่นไปได้” เธอเว้นจังหวะแล้วพูดต่ออย่างเหยียดๆ 

“สงสัยคงจะภูมิใจแย่ ที่เป็นที่ปรารถนาของพวกตัวประหลาด” 

แล้วทั้งกลุ่มก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นห้องกันอย่างครื้นเครง 

“แพนซี่!” เสียงมัลฟอยดังขึ้นด้านหลัง เด็กหญิงหันขวับไปหาทันทีด้วยความดีใจ 

“มัลฟอย....” เธอทำเสียงออดอ้อน มัลฟอยมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ก่อนพูดเสียงเฉียบ 

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ” 

เด็กชายใช้หางตามองไปที่กลุ่มเพื่อนหญิงของแพนซี่ เมื่อเห็นสายตาอันคมกริบของมัลฟอย ทุกคนก็รีบลุกลี้ลุกลน
 แตกกระเจิงกันไปคนละทิศละทาง แพนซี่รันรีหันขวางอยู่พักนึงก็หันมายิ้มแห้งๆ ความดีใจตอนที่เขาเรียกเมื่อ
ครู่หายวับไปจนหมดสิ้น เปลี่ยนเป็นความกลัวอย่างจับใจแทน ตอนนี้เธอรู้แน่แล้วว่า เรื่องที่มัลฟอยต้องการพูดด้วยนั้น
 ต้องไม่ใช่เรื่องน่ายินดีแน่สำหรับเธอ มัลฟอยจ้องหน้าแพนซี่อย่างเอาเรื่อง เขาขบกรามแน่น
 ก่อนเค้นเสียงออกมาอย่างโกรธจัด 

“เธอเอาสร้อยนี่มาจากไหน” 

แพนซี่อึกอัก แต่ก็พยายามฝืนยิ้มเต็มที่ 

“เอ่อ...ฉันก็บอกเธอไปแล้วไง..ว่าฉัน...เอ่อ.....เก็บได้..” 

“โกหก!!!” 

มัลฟอยตวาดลั่น แพนซี่สะดุ้งโหยง ตัวสั่น หน้าซีด ด้วยความกลัว เด็กๆ ที่นั่งอยู่ในห้องต่างนิ่งเงียบ
 ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น 

มัลฟอยย่างเท้าเข้าไปประจันหน้าเธอ สายตาอันดุดันของเขาจ้องหน้าเธอเขม็ง แพนซี่รีบละล่ำละลัก 

“ฉะ...ฉัน...ฉัน..เห็นยัยเลือดสีโคลนนั่นใส่อยู่...แล้ว..ฉันคิดว่ามัน...เอ่อ..ไม่เหมาะสมกับคนชั้นต่ำแบบนั้น...ก็เลย...”
 พูดได้แค่นั้น ตาสีซีดของมัลฟอยก็ลุกวาวขึ้นด้วยอารมณ์โกรธ เขาแผดเสียงลั่น 

“เธอก็เลยแย่งของเค้ามางั้นเรอะ!!” 

“ฉัน...” 

“หุบปาก!!” 

มัลฟอยตะเบียงเสียงอย่างเกรี้ยวกราด แทบจะระงับอารมณ์ไม่อยู่ เขากัดกรามแน่น พยายามสงบสติอารมณ์
 เมื่อคุมสติตัวเองได้ เขาก็พูดแก้ต่างให้ตัวเอง ด้วยเสียงที่ยังคงข่มขู่เพื่อนหญิงของเขาไม่เปลี่ยน 

“คิดบ้างมั้ยว่า ถ้ายายนั่นเอาเรื่องนี้ไปฟ้องศาสตราจารย์ประจำบ้านของเขา เราจะถูกหักคะแนนเท่าไหร่” 

เขาแค่นเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา ทว่าน่ากลัว.. 

“ทำอะไรอย่างคนชั้นต่ำ!” เด็กชายมองแพนซี่อย่างเหยียดหยาม เธอเริ่มน้ำตาคลอเบ้า 

“มัลฟอย..ฉัน...” แต่เขาไม่ฟังเสียง 

“สนุกกันมากใช่ไหม มิน่าล่ะ เห็นหัวเราะกันครื้นเครงเชียวนะ” 

แพนซี่กัดริมฝีปาก เธอตัดสินใจพูดออกมาอีกครั้ง 

“ทำไมเธอต้องว่าฉันแบบนี้ด้วย มัลฟอย...เธอใจร้ายกับฉันมากเลยนะ..ตอนงานเลี้ยงเต้นรำเธอก็ทิ้งฉันไว้...
ปล่อยให้ฉันนั่งอยู่คนเดียว..เต้นก็ไม่ได้เต้น” แพนซี่โพล่งออกมา มัลฟอยหรี่ตามองเธออย่างร้ายๆ 

“อยากเต้นนักใช่มั้ย” เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุม 

“ทารันทันเลกร้า!” เขาสะบัดไม้กายสิทธิ์ไปที่เธอ แพนซี่โดดผลุงขึ้นไปบนโต๊ะ และเริ่มเต้นแท็ปทันที 

“งั้นก็เต้นไปเถอะ..แพนซี่..” 

เขากล่าวเสียงเรียบ มองเธอด้วยหางตา แล้วเดินขึ้นบันไดหอนอนไป ปล่อยให้แพนซี่ยังคงเต้นอยู่บนโต๊ะนั่นเอง.. 

...................................................................................................  

แพนซี่ พาร์กินสัน เดินออกมาจากห้องพยาบาลด้วยท่าทางอิดโรย เนื่องจากนักเรียนคนอื่นๆ เกรงกลัวมัลฟอยมาก
เกินกว่าจะช่วยแก้คาถาที่เขาเสกใส่เธอเมื่อคืนนี้ ทำให้เธอต้องเต้นอยู่อย่างนั้นจนเกือบรุ่งเช้า เธอแทบจะหมดแรงเดิน
 แต่ก็ต้องมารับประทานยาที่ห้องพยาบาลก่อนที่จะไปเข้าเรียน แพนซี่รู้สึกแค้นใจเฮอร์ไมโอนี่มาก
 เพราะสร้อยเส้นนั้นของเฮอร์ไมโอนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องเต้นจนเหนื่อยแทบขาดใจ ที่สำคัญ 
มันทำให้เธอมองหน้ามัลฟอยไม่ติด เด็กหญิงกำหนังสือ แม่มดรายสัปดาห์ ที่เพิ่งได้รับแน่น แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยน์ 

เช้านี้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกอึดอัดใจมาก เพราะทุกที่ที่เธอเดินผ่าน จะมีสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เธอพร้อมกับเสียงซุบซิบ
 เธอรู้สึกเหนื่อยหน่าย ทั้งๆ ที่พยายามทำใจเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอรู้ตัวว่าเธอเป็นผู้ถูกเลือกของครัม
 และเธอเองก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่หลายคนมองเธอด้วยสายตาชิงชัง เธอได้แต่ตั้งคำถามในใจ เพราะเธอไม่คิดว่า 
การที่เธอถูกเลือก จะทำให้เธอถูกเกลียด.. แต่ปริศนาทุกอย่างก็กระจ่างชัดขึ้น เมื่อเธอเข้าเรียนคาบวิชาปรุงยากับบ้าน
สลิธีริน แพนซี่ชูหนังสือ แม่มดรายสัปดาห์ หรา พร้อมส่งเสียงเย้ยหยันมาที่เธอ 

“มาแล้ว คนดังของพวกเรา” ว่าแล้วเธอก็โยนนิตยสารนั้นใส่เฮอร์ไมโอนี่ แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ 
แพนซี่แอบชำเลืองสายตาไปที่มัลฟอย เธอไม่กล้าทำอะไรมากกว่านี้ เพราะไม่แน่ใจในอารมณ์ของเพื่อนชายเท่าไรนัก
 เฮอร์ไมโอนี่เห็นข้อความข่าว ซึ่งเกี่ยวกับตัวเธอ แฮร์รี่ และ วิกเตอร์ ครัม ในเนื้อข่าวกล่าวเกี่ยวกับรักสาม
เส้าของพวกเขา และมีบทสัมภาษณ์ของแพนซี่ประกอบอยู่ด้วย เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม 

“โธ่เอ๊ย..นึกว่าอะไร” เธอโยนนิตยสารไปที่เก้าอี้ว่างข้างๆ “ไร้สาระซะจริง” 

มัลฟอยเหลือบตามองเธอ แต่เด็กหญิงก็ไม่..แม้แต่จะชายตาไปที่เขา เธอยังรู้สึกโกรธและเสียใจกับการกระทำของเขา 
ซึ่งแน่นอน มัลฟอยก็รู้อยู่แก่ใจ เขามองเธออย่างเจ็บปวดระคนเสียใจ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจมองเขาตอบเลยซักนิดเดียว  

คาบเรียนวิชาปรุงยายังคงดำเนินไปตามปกติ คือ สเนปพยายามทำทุกวิถีทางที่จะหักแต้มบ้านกริฟฟินดอร์ให้
ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาจับแฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ และเนวิลล์แยกกันหมดเช่นเคย
 แต่คราวนี้เขาให้เฮอร์ไมโอนี่ไปนั่งกับแพนซี่ ส่วนแฮร์รี่ไปนั่งกับมัลฟอย ซึ่งนั่นทำให้มัลฟอยหงุดหงิดยิ่งกว่า
เดิมเป็นร้อยเท่า เขาคิดว่าเขาจะได้นั่งกับเฮอร์ไมโอนี่ตลอดคาบเรียน และคิดว่านั่นจะเป็นโอกาสที่เขาจะ
ได้พูดคุยกับเธอบ้าง แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด มัลฟอยกัดกรามมองแฮร์รี่ด้วยความชิงชัง 
และหาเรื่องให้เขาถูกตัดคะแนนไปจนหมดชั่วโมง 
.......................................................................................................  

ช่วงเวลารับประทานอาหารค่ำของวันนี้ นับเป็นช่วงที่แย่ที่สุดสำหรับเฮอร์ไมโอนี่วันหนึ่งเลยก็ว่าได้
 สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เธอแถมด้วยเสียงซุบซิบนินทาทั่วไปหมด ไม่ต้องบอกเธอก็รู้ว่าทุกคนกำลังวิพากย์วิจารณ์เรื่องที่
 ริต้า สกีตเตอร์ เขียนถึงเธอในนิตยสารแม่มดรายสัปดาห์  

มีจดหมายกัมปนาท 2-3 ฉบับส่งมาที่โต๊ะเธอ จดหมายทุกฉบับระเบิดเสียงดังลั่นทันทีที่ส่งถึงมือผู้รับ
 ทุกฉบับล้วนต่อว่าเธอเกี่ยวกับเรื่องในบทความนั่น เด็กๆ ต่างพากันตกอกตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า
 เด็กบางคนหัวเราะ โดยเฉพาะนักเรียนบ้านสลิธีริน ซึ่งหัวเราะกันจนลั่นอย่างไม่เกรงใจ  

ตอนนี้เรื่องที่เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าไร้สาระและมองมันเป็นเรื่องตลก กลับไม่ตลกอีกต่อไปแล้วสำหรับเธอ 
เธอรู้สึกแย่เอามากๆ จึงขอตัวแฮร์รี่กับรอน ไปสงบจิตใจที่ห้องสมุด แต่เมื่อไปถึงก็พบบรรดาแฟนคลับของครัมอยู่เต็ม
ไปหมด ทุกคนหันมามองเธอด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร เธอจึงตัดสินใจกลับหอนอนทันที 

เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีอารมณ์ที่จะอ่านหนังสือ เธอรู้สึกเหนื่อยล้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเธอ 
เด็กหญิงมองไปที่โต๊ะข้างเตียง กล่องของขวัญเล็กๆ ที่เคยมีสร้อยคอเส้นสวยประดับอยู่ บัดนี้ว่างเปล่า
 เหมือนความรู้สึกของเธอในตอนนี้ มัลฟอยช่างไม่มีเหตุผล เขาไม่เคยเปลี่ยน ยังคงเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง
 และพูดจาร้ายกาจเหมือนเดิมทุกอย่าง  

เมื่อนึกถึงตรงนี้เธอก็น้ำตาคลอด้วยความน้อยใจ ทำไมเขาไม่เคยเข้าใจอะไรบ้างเลย ไม่..แม้แต่จะพยายามเข้าใจ 
หรือฟังเหตุผล คิดได้เท่านั้นเธอก็ต้องชะงัก เมื่อมีเสียงกระพือปีกอยู่ที่หน้าต่าง 

“คราวนี้อะไรอีกล่ะ” 

เด็กหญิงถอนใจเฮือก ก่อนจะหันไปมอง นกฮูกเหยี่ยวท่าทางสง่างามตัวหนึ่งกำลังบินเข้ามาเกาะที่ขอบหน้าต่าง
 มันทิ้งจดหมายลงบนเตียงของเฮอร์ไมโอนี่ แล้วบินจากไปทันทีอย่างไว้เชิง เฮอร์ไมโอนี่รู้ทันทีว่านั่นเป็นนกฮูกของใคร 
หยิ่งเหมือนเจ้าของ เธอนึก แล้วเอื้อมมือไปหยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาเปิดดู  

เกรนเจอร์... 

มาพบฉันที่หอคอยทางทิศเหนือ พรุ่งนี้เช้า เวลา 7:00 น.  

เธอเงยหน้าขึ้นเมื่ออ่านจบ ขมวดคิ้วนิดๆ อย่างใช้ความคิด 

“อยากจะคุยอะไรกับฉันอีกล่ะ” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วล้มตัวลงนอน พลางมองจดหมายในมืออีกครั้ง 
เธอสังเกตว่าเขาไม่ได้ลงชื่อที่ท้ายจดหมาย 

“คงกลัวใครมาเห็นว่าติดต่อกับคนอย่างฉันล่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่เบ้หน้า เธอลุกพรวด ขยำจดหมายแล้วขว้างลงถังขยะ
อย่างหงุดหงิด 

“ถ้างั้นก็เชิญรอไปเถอะ คุณหนู!” ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เธอรู้สึกว่าขอบตาเริ่มหนัก 
และเหนื่อยล้าเกินกว่าจะทำอะไรได้อีก เด็กหญิงอ้าปากหาวเบาๆ แล้วค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ อย่างอ่อนแรง 

...............................................................................................................  

รุ่งเช้าเฮอร์ไมโอนี่ลงมารับประทานอาหารที่ห้องโถงใหญ่ตามปกติ เธอพยายามไม่สนใจกับเสียงซุบซิบที่ดูจะ
หนาหูกว่าเดิมตลอดเวลาที่นั่งรับประทานอาหาร เด็กหญิงแอบเหลือบมองไปที่โต๊ะสลิธีรินก็ไม่พบมัลฟอย 
เธอนึกถึงจดหมายนั่นพลางมองนาฬิกาอย่างกังวล เกือบแปดโมงเช้าแล้ว...นี่เขายังรออยู่อีกเหรอ.
.แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขากระทำกับเธอ เฮอร์ไมโอนี่ก็สูดลมหายใจลึกแล้วหลับตา พยายามไล่ความรู้สึกผิดที่ไม่ไป
ตามนัดออกไป และเริ่มรับประทานอาหารต่อ 

ทันใดนั้นนกฮูกฝูงใหญ่ต่างบินกรูเข้ามาในห้องโถง ตรงมายังเฮอร์ไมโอนี่ นกทุกตัวทิ้งจดหมายกัมปนาทลงมาที่เธอ
 คราวนี้มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 ฉบับและทุกฉบับก็ระเบิดเสียงประณามเธอดังกึกก้องไปทั่วห้องโถงใหญ่ 
เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่น เธอรู้สึกทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอลุกขึ้น แล้ววิ่งออกจากห้องโถงทันที  

เด็กหญิงวิ่งร้องไห้ไปอย่างไร้จุดหมาย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ากำลังวิ่งไปไหน ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งมากระชากข้อมือเธอไว้
 เธอเสียหลักเซถลาไปหาเจ้าของมือนั้น 

“มัลฟอย” เด็กหญิงพูดเสียงปนสะอื้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบว่าเจ้าของมือนั้นเป็นใคร 

“เกรนเจอร์ เธอเป็นอะไร” มัลฟอยร้องอย่างตกใจที่เห็นเธอมีน้ำตาอาบแก้ม 

“ฉัน....” เฮอร์ไมโอนี่พูดได้แค่นั้นก็โผเข้ากอดเขาทันที มัลฟอยตกใจ เขาหน้าแดงจัด แทบจะทำอะไรไม่ถูก 
แต่ก็โอบเอวเธอไว้ ใช้มือข้างหนึ่งตบหลังเธอเบาๆ เป็นเชิงปลอบ สักพักเขาก็ดันไหล่เธอออกเบาๆ 

“มีเรื่องอะไร” เขาถามค่อยๆ แต่เด็กหญิงก้มหน้านิ่งไม่ตอบ ทว่าดูเหมือนมัลฟอยพอจะอ่านสถานการณ์ออก 

“จดหมายบ้าๆ พวกนั้นอีกใช่มั้ย” เขาถาม เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าช้าๆ น้ำตายังคงไหลรินอาบสองข้างแก้ม
 มัลฟอยมองเธออย่างไม่เข้าใจ เขาขมวดคิ้วน้อยๆ 

“นี่เธอสติดีหรือเปล่า เกรนเจอร์..ทำไมเธอต้องไปสนใจกับจดหมายปัญญาอ่อนพวกนั้นด้วย”
 เขาถามด้วยเสียงยานคางอย่างเบื่อๆ เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก มองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อหู เธอเม้มปาก
 แล้วสะบัดมือของเขาออก 

“ก็นายไม่เจอบ้างนี่ ก็เลยไม่รู้สึกอะไร!” เธอตะโกนใส่เขา มัลฟอยนิ่วหน้า 

“ถ้าฉันโดนแบบนั้น ฉันไม่มัวมานั่งร้องไห้หรอก เกรนเจอร์..” เขายิ้มมุมปากอย่างร้ายๆ 
ดวงตาลุกวาวขึ้นมาวูบหนึ่ง 

“ฉันจะตามหาต้นตอจดหมายนั่น แล้วไปสาปพวกมันให้สาสมกับที่มันสร้างความอับอายให้กับฉัน!” 

เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง มองหน้าอันเย่อหยิ่งของเขาอย่างตกตะลึงในความร้ายกาจของเขา พลางนึกไปว่า 
นี่เธอคาดหวังอะไรอยู่ เธอคิดว่าจะได้รับคำปลอบโยนจากเขางั้นหรือ.. 

“ทำไมเธอไม่มาตามนัด เกรนเจอร์” มัลฟอยเริ่มต้นบทสนทนาอีกครั้ง เมื่อเห็นเธอเงียบไป เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก..
เธอลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท 

“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงปล่อยให้ฉันรอ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ
 เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาเขม็ง

“แล้วนายคิดว่านายวิเศษนักเหรอมัลฟอย ถึงคิดว่าจะสั่งใครก็ได้” 

มัลฟอยสวนกลับทันควัน 

“ไม่เคยมีใครกล้าขัดคำสั่งฉัน!” 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงด้วยความโกรธ 

“ถ้าจดหมายที่นายส่งให้ฉันนั่นถือเป็น ‘คำสั่ง’ ก็มีฉันคนนึงละที่กล้าขัด!” 

เธอกระชากเสียงอย่างมีอารมณ์ มัลฟอยหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย สิ่งที่เขาต้องการคือปรับความเข้าใจกับเธอ
 แต่ดูเหมือนว่าเขาเองนั่นแหละ เป็นคนทำให้เรื่องแย่ลงไปกว่าเดิมอีกครั้ง 

“นั่น.....ก็ไม่เชิงเป็น..คำสั่ง..”เขาพูดด้วยระดับเสียงที่อ่อนลงมาเล็กน้อย 

“คือ.......” เด็กชายอึกอัก หน้าเริ่มมีสีเลือดขึ้นมาเล็กน้อย 

“ฉัน..แค่อยากจะคุย..กับเธอ..” 

“เรื่องอะไร” เฮอร์ไมโอนี่ถามห้วนๆ เธอยังคงไม่หายขุ่นใจ 

“ฉันเข้าใจแล้วเรื่องครัม” เขาพูดออกมาในที่สุด เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปาก 
เธอถอนหายใจหนักๆ แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ 

“อ๋อ...เหรอ...ใช้เวลาพอสมควรเลยนะนั่น..” 

มัลฟอยขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจคำพูดของเธอ แต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร
 เขายังไม่อยากทำให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่านี้ 

“เท่านี้ใช่มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเย็นชา มัลฟอยส่ายศีรษะช้าๆ เขาจ้องหน้าอีกฝ่าย พลางล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุม 
หยิบเอาสร้อยที่เขามอบให้เป็นของขวัญคริสต์มาสแก่เธอออกมา 

“แล้วก็เรื่องนี้ด้วย” 

เด็กชายเอื้อมมืออันขาวซีดของเขาไปจับมือของเด็กหญิง แล้วค่อยๆ บรรจงวางสร้อยเส้นนั้นลงบนมือเล็กๆ 
ของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ก้มลงมองสร้อยในมือนิ่ง เธอนึกถึงคำพูดที่เขาพูดไว้เมื่อวันก่อน 
แล้วจึงยื่นสร้อยนั้นคืนให้เขา
“นายเอาของนายคืนไปเถอะ” 
มัลฟอยขมวดคิ้ว 

“อะไรนะ..ทำไม..” 

“ฉันคงไม่มีค่าพอสำหรับมัน..” เฮอร์ไมโอนี่หรุบตาลงต่ำอย่างรู้สึกน้อยใจ 
เมื่อพูดคำนี้ออกมา มัลฟอยยืนชะงักค้าง
 เขานึกถึงคำพูดของตัวเองขึ้นมาได้ เขามองหน้าเด็กหญิง แล้วก้าวเท้าเข้าไปชิดเธออีกนิด 
“ไม่....” 

มัลฟอยยกมือขึ้นจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอไว้ มองหน้าเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า 

“เธอมีค่ามากกว่านั้น..เกรนเจอร์..” 

เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองเขา แทบไม่เชื่อหู เด็กหญิงรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว 
นี่ใช่คำพูดจากปากของมัลฟอยจริงๆ 
หรือ..ตอนนี้ขอบตาของเฮอร์ไมโอนี่เริ่มมีน้ำตารื้นขึ้นมาอีกแล้ว 
มัลฟอยก้มหน้าลงมาแนบกับหูของเธอ
 แล้วกระซิบอย่างแผ่วเบา 

“ฉันขอโทษ” 

เขาเลื่อนหน้าลงมาบรรจงจูบเฮอร์ไมโอนี่อย่างช้าๆ เด็กหญิงตัวเย็นวาบ 
ถึงแม้จะไม่ได้ขัดขืน แต่เธอก็ไม่ได้จูบเขาตอบ 
มัลฟอยคลายริมฝีปากซีดเซียวของเขาออกจากริมฝีปากเล็กบอบบางนั้น 
เขามองตาเธอแล้วพูดเสียงค่อยราวกับกระซิบ 

“อย่าไปสนใจกับจดหมายพวกนั้น ฉันเชื่อมั่นในตัวเธอ”
 แล้วเขาก็ผละจากไปทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา 

“เฮอร์ไมโอนี่” 

เสียงแฮร์รี่ตะโกนเรียกมาแต่ไกล เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองเจ้าของเสียง เธอเห็นรอนกับแฮร์รี่กำลังวิ่งตรงมาที่เธอ 
เด็กหญิงรีบหันขวับไปมองทางที่มัลฟอยเพิ่งเดินไป แต่เขาก็หายไปจากทางเดินเสียแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก้มมอง
สร้อยในมือแล้วรีบเก็บเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมได้ทัน ก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะวิ่งมาถึง พวกเขาหอบฮั่ก
 เมื่อค่อยยังชั่วจากอาการหอบหายใจแล้ว รอนจึงพูดขึ้น 

“มาอยู่นี่เองเฮอร์ไมโอนี่ เราตามหาแทบแย่” 

แฮร์รี่มองหน้าเธอ ซึ่งมีน้ำตาเอ่ออยู่ริมขอบตานิดๆ 

“เธอเป็นไงมั่ง เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถาม เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม 

“ไม่เป็นไรจ้ะ” แต่น้ำตาเธอกลับไหลออกมา ทว่าเป็นน้ำตาที่ต่างจากเมื่อครู่ เพราะมันป็นน้ำตาแห่งความดีใจ 

“อ้าว..ไหนบอกไม่เป็นไรไง ร้องไห้อีกแล้ว” รอนร้องขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา เธอหัวเราะเบาๆ 

“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว...ไม่เป็นไรจริงๆ” 

รอนมองเธออย่างงงๆ 

“คนอะไร หัวเราะไป ร้องไห้ไป” แฮร์รี่เอาศอกกระทุ้งรอนเบาๆ 

“ไม่เป็นอะไรแล้วแน่นะ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถามอีกครั้ง 

“จ้ะ...ไปเรียนกันเถอะ” 

เฮอร์ไมโอนี่ดันเพื่อนทั้งสองให้ออกเดิน มุ่งหน้ากลับไปเข้าชั้นเรียน เด็กหญิงเดินตรงเข้าไปในตัวปราสาทอีก
ครั้งด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากตอนที่ออกมาโดยสิ้นเชิง.. 






************************************************************* 


No comments:

Post a Comment