หลังจากที่มัลฟอยไปส่งเฮอร์ไมโอนี่ที่ห้องนอนแล้วเขาก็ตรงไปที่ห้องสมุดเพื่อสะสางงานที่ค้างไว้ให้เสร็จเรียบร้อย เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับเฮอร์ไมโอนี่มัลฟอยก็แทบไม่เป็นอันทำงานเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประชุมหรือนัดพบลูกค้าเขาก็สั่งยกเลิกทั้งหมด เพราะในตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญสำหรับเขามากไปกว่าผู้หญิงที่เขารักอีกต่อไปแล้ว
มัลฟอยนั่งทำงานได้เพียงครู่เดียวเขาก็รู้ตัวว่าเขาไม่อาจมีสมาธิอยู่กับแผ่นกระดาษมากมายตรงหน้าได้ ในเมื่อใจของเขานั้นมันคอยแต่จะคิดถึงเรื่องอื่น ซึ่งเรื่อง ๆ นั้นก็ไม่พ้นเรื่องของเฮอร์ไมโอนี่หรอก มัลฟอยวางปากกาขนนกในมือลง เขาเลิกสนใจเอกสารตรงหน้าแล้วเพราะตอนนี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่อาจทำงานได้ทั้ง ๆ ที่เขาไม่มีสมาธิแบบนี้ มัลฟอยเงยหน้าขึ้นมองกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา มันเป็นรูปคนละใบกับที่อยู่บนโต๊ะทำงานที่บริษัท ในกรอบรูปนั้นเป็นรูปคู่ที่เฮอร์ไมโอนี่ถ่ายคู่กับมัลฟอย ในรูปทั้งสองต่างยิ้มอย่างมีความสุขซึ่งรูป ๆ นี้ถ่ายตอนพวกเขาฮันนีมูนครั้งแรกกัน
มัลฟอยหยิบรูปนั้นขึ้นมาดูใกล้ ๆ พร้อมทั้งสัมผัสมันเบา ๆ ด้วยปลายนิ้ว ราวกับว่าเขาโหยหาที่จะได้เฮอร์ไมโอนี่คนเดิมของเขากลับมาเหลือเกิน
แต่มัลฟอยกลับไม่รู้ว่าความปรารถนาของเขาจะสามารถเป็นจริงได้หรือไม่
*************************************************
เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบ ๆ ห้องนอนใหญ่ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เพราะใจหนึ่งเธอก็รู้สึกประหม่าและไม่คุ้นเคยกับที่นี่ แต่อีกความรู้สึกหนึ่งของเธอก็บอกเธอว่า เธอคุ้นเคยกับสถานที่นี้เป็นอย่างดี แต่จะไม่ให้คุ้นเคยได้อย่างไร ก็เธอนอนในห้องนี้มาตลอดเวลาสามปี เธอกับมัลฟอย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้หน้าของเฮอร์ไมโอนี่ก็เริ่มเปลี่ยนสี นั่นสินะ เธออยู่ที่ห้องนี้มากับมัลฟอยตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา เธอมองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้ง ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะทรุดตัวลงบนเตียงสี่เสาขนาดใหญ่
เธอกับมัลฟอยนอนเตียงนี้ด้วยกันมาตลอดอย่างนั้นเหรอ เธอคิดก่อนที่จะล้มตัวลงนอน และซุกกายลงในผ้านวมผืนใหญ่ ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับเฮอร์ไมโอนี่ เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เธอได้แต่ซุกตัวลงนอนในเตียงที่อบอุ่นนี้ และหลับไปในทันที
“นายหญิงครับ นายหญิงครับ”
“หือ” เฮอร์ไมโอนี่สะลึมสะลือ เธอได้ยินเสียงเหมือนมีใครมาเรียก
“นายหญิงครับ” เสียงแหลมเล็กนั้นดังขึ้นอย่างเกรง ๆ เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาก็พบเอล์ฟตัวหนึ่งยืนอยู่ที่พื้นข้าง ๆ เตียงของเธอ
“นายท่านให้มาตามนายหญิงไปทานอาหารเย็นครับ” เอล์ฟตัวนั้นพูดในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ยังคงทำหน้างง ๆ อยู่ นายหญิงงั้นเหรอ เธอคิด
“เดี๋ยวผมจะนำทางนายหญิงไปครับ นายท่านสั่งว่าให้ผมพานายหญิงไปส่งด้วยตัวเอง” เอล์ฟตัวนั้นพูดซ้ำ และผายมือเป็นเชิงเชิญให้เฮอร์ไมโอนี่เดิน เฮอร์ไมโอนี่ลุกจากเตียงด้วยอาการงัวเงีย เธอเกำลังเดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ
จริงสินะ ตอนนี้เราอยู่ที่คฤหาสน์มัลฟอยนี่ เฮอร์ไมโอนี่คิดก่อนจะหันไปบอกเอล์ฟประจำบ้านว่าให้รอเธอซักพักนึง เฮอร์ไมโอนี่จึงเข้าไปล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ก่อนที่จะเดินตามมันไปที่ห้องอาหาร
เอล์ฟตัวนั้นพาเฮอร์ไมโอนี่ลงมายังชั้นล่าง มันพาเธอเดินผ่านทางเดินและห้องหับมากมายกว่าจะมาถึงห้องอาหารที่มีมัลฟอยนั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารตัวยาวที่มีขนาดเกือบเท่าโต๊ะประจำบ้านที่ฮอกวอตส์ บนโต๊ะนั้นมีจานเงินวางอยู่มากมาย และจานแต่ละใบบรรจุอาหารต่าง ๆ ไว้จนพูนจาน
“เธอทำอะไรอยู่น่ะ” มัลฟอยบ่นที่เฮอร์ไมโอนี่ลงมาช้า
“ขอโทษฉันนอนหลับอยู่” เฮอร์ไมโอนี่พูดก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเขา ซึ่งก่อนที่เธอจะนั่งมีเอล์ฟประจำบ้านตัวหนึ่งกระวีกระวาดมาเลื่อนเก้าอี้ให้
“ทานสิ ฉันสั่งให้ห้องครัวทำอาหารพิเศษเลยนะ” มัลฟอยพูดพลางตักตับบดให้เธอ “เธอดูซูบไปนะ เฮอร์ไมโอนี่ ต้องทานเยอะ ๆ หน่อย”
“แต่อาหารพวกเนี้ย มันเยอะขนาดเอาไปเลี้ยงทีมฟุตบอลได้เลยนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด และเธอก็เพิ่งนึกได้ว่ามัลฟอยไม่รู้จัก ‘ ฟุตบอล ’ “ฉันหมายถึง ทีมควิดดิชน่ะ” เธอแก้
“อาหารพวกนี้ไม่ได้มีไว้ให้คนพวกนั้นกินเสียหน่อย ฉันสั่งมาเพื่อเธอต่างหากล่ะ” มัลฟอยพูดพลางตักอาาหารมากมาย บางอย่างก็เป็นอาหารที่เธอไม่เคยกินลงบนจานของเธอ
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้นี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดขณะทานอาหาร
“ฉันจะทำให้ภรรยาของฉันมันผิดตรงไหนกัน” มัลฟอยเถียง ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นหน้าขึ้นสีเมื่อมัลฟอยพุดคำว่า ‘ ภรรยาของฉัน ’
“แต่….”
“ไม่มีแต่ทั้งนั้นแหละ เธอต้องดูแลสุขภาพดี ๆ รู้มั้ยเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูดพลางตักอาหารใส่จานเธออีก และอาหารแต่ละอย่างที่เขาให้เธอกินนั้นล้วนเป็นของแพงทั้งนั้น ไข่ปลาคาเวียร์ ซุปกุ้งล็อปเตอร์ ไก่งวง หอยนางรมอบซอส ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับว่าเธออยู่ในภัตราคารอาหารฝรั่งเศสก็ไม่ปาน
“นี่ ปกติแล้วเรากินของแพง ๆ กันอย่างนี้ทุกมื้อเลยเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“ก็ไม่ทุกมื้อหรอก เพราะเธอคิดว่ามันฟุ่มเฟือย แต่คราวนี้ฉันถือว่าเป็นการต้อนรับเธอกลับบ้าน” มัลฟอยพูด
“แต่ฉันแค่ไปนอนโรงพยาบาลแค่ไม่กี่คืนเองนะ” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง
“แค่นอนโรงพยาบาลคืนเดียวก็ถือว่าไม่ได้กลับบ้านแล้ว เธอรู้มั้ยว่าตอนที่เธอไม่อยู่ฉันคิดถึงเธอแค่ไหน” มัลฟอยพูดความรู้สึกของเขาออกไปตามตรง จนทำเอาเฮอร์ไมโอนี่นิ่งเงียบไป
“เอ่อ ขอโทษที่พูดอะไร แบบนั้น ออกไป” มัลฟอยพูด
“ทำไมล่ะ จะขอโทษฉันทำไม” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างสงสัย ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกแปลก ๆ ที่มัลฟอยพูดก็เถอะ
“แล้วเธอไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง เรื่องที่ฉันพูดแบบนั้นน่ะ” มัลฟอยพูด “ฉันรู้ว่าเธอคงรับไม่ได้เมื่อรู้ว่าเธอแต่งงานกับฉัน เพราะเราเคยเป็นศัตรูกันมาก่อน”
“ฉัน…”
“ฉันรู้ว่าเธอคิด เฮอร์ไมโอนี่ และเธอก็คงลำบากใจที่ต้องมาอยู่ใกล้ชิดฉันแบบนี้ แต่ฉันปล่อยให้เธอไปอยู่ที่อื่นไม่ได้” มัลฟอยพูด แววตาสีซีดของเขาฉายแววเศร้าออกมา แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เงียบกันไปซักครู่
“ฉันรักเธอมากเลยเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม “ฉันหมายถึง ก่อนที่ฉันจะความจำเสื่อมน่ะ”
“มาก และฉันเองก็รักเธอมากเหมือนกัน” มัลฟอยพูด
“เหรอ ทำไมฉันจำไม่เห็นได้เลยว่าฉันเคยรักใคร” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “แปลกนะ ทั้ง ๆ ที่เป็นหัวใจของฉันเองแท้ ๆ แต่มันกลับไม่จดจำเรื่องสำคัญอย่างนี้ไว้” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางสะอื้น
“อย่าร้องเฮอร์ไมโอนี่ อย่าร้อง” มัลฟอยร้องห้ามเธอ “แล้วก็อย่าโทษตัวเองด้วย ไม่อย่างนั้นฉันก็คงผิดเหมือนกัน” มัลฟอยพูด และเฮอร์ไมโอนี่ก็มองเขาอย่างสงสัย
“เธอผิดอะไรมัลฟอย คนที่ผิดคือฉันต่างหาก คนที่จำอะไรไม่ได้ก็คือฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“ผิดซิ ฉันผิดที่ดูแลเธอไม่ได้ และทำให้เธอต้องร้องไห้ไงล่ะ” มัลฟอยพูด “ทั้ง ๆ ที่ฉันเคยสัญญาไว้กับเธอว่า จะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีก แต่เธอคงจำไม่ได้สินะ” เขาพูด ส่วนเฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าช้า ๆ อย่าว่าแต่เรื่องสัญญิงสัญญาเลย แม้แต่เรื่องวันแต่งงานเธอยังจำไม่ได้ซักนิดเดียว
“ช่างมันเถอะเฮอร์ไมโอนี่ ช่างมันเถอะ” มัลฟอยพึมพำอย่างเห็นใจ
หลังอาหาร มัลฟอยเดินมาส่งเธอที่ห้องนอนใหญ่
“พักผ่อนเยอะ ๆ นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะออกไปทำงาน อาจจะกลับดึกหน่อยนะ ถ้าเธอต้องการอะไรก็เรียกเอล์ฟเอาละกัน” มัลฟอยพูดกับเฮอร์ไมโอนี่
“เธอก็รู้นี่ว่าฉันจะไม่ใช้พวกมันทำงาน” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง
“เธอแค่ใช้มันชงกาแฟหรือทำอาหารมันไม่ตายหรอก หรือเธอจะทำเองงั้นเหรอ” มัลฟอยถามด้วยรอยยิ้มกวน ๆ ตามแบบฉบับของเขา
“ช่างฉันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างงอน ๆ ทำไมเธอถึงคิดว่ามัลฟอยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้ก็ไม่รู้
“เฮอร์ไมโอนี่”
“อะไร” เฮอร์ไมโอนี่พูดและมัลฟอยก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาได้แต่มองตาเธอด้วยแววตาสีซีดของเขา จนเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับถูกแผดเผาด้วยแววตาคู่นั้น ตอนนี้แก้มของเธอกลายเป็นสีจัดไปแล้ว
และแล้วมัลฟอยก็ค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เหญิงสาว ก่อนที่จะบรรจงจูบเธอที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา
“ราตรีสวัสดิ์นะ” เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงราวกับกระซิบ ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่นั้นทำอะไรไม่ถูกจากการกระทำของเขาเมื่อครู่ และมัลฟอยก็หมุนตัวกลับและเดินไปตามระเบียงทางเดิน โดยทิ้งเฮอร์ไมโอนี่ที่มีใบหน้าสีแดงก่ำไว้เบื้องหลัง
เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่าเธอควรจะทำอย่างไรดี เมื่อตอนนี้หัวใจของเธอเต้นราวกับจะระเบิดออกจากอก แต่ความรู้สึกที่แสนอบอุ่นยังคงตราตรึงอยู่กับเธอ กับรอยจูบนั้น
ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้มันเป็นอย่างเดียวกับที่เธอเคยรู้สึกมาก่อนหรือเปล่า
*************************************************
วันรุ่งขึ้นมัลฟอยไปทำงานแต่เช้าเพราะเขาต้องการเข้าไปเคลียร์งานที่ค้างไว้ให้เสร็จ
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณมัลฟอย” แซม เลขาของมัลฟอยกล่าวทักทายเขาขณะที่มัลฟอยไปถึงบริษัท
“เช่นกันแซม เมื่อวานเป็นไงบ้าง” เขาถามถึงเรื่องที่บริษัท เพราะเมื่อวานเขาไม่ได้แวะเข้ามาเลย มัลฟอยเดาได้ว่าจะต้องมีเอกสารกองเท่าภูเขาเลาการอให้เขาเซ็นต์อยู่แน่ ๆ เลย
“ก็วุ่นวายเล็กน้อยครับ มีคนไม่น้อยที่ไม่พอใจเรื่องที่คุณยกเลิกการประชุมอย่างกระทันหัน” แซมตอบด้วยท่าทีที่แฝงไปด้วยความเคร่งเครียดไม่น้อย
“งั้นเหรอ แล้ววันนี้ล่ะ มีอะไรบ้าง” มัลฟอยพูดอย่างสบาย ๆ ราวกับว่าเรื่องที่เขาทำมันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในโลก
“ก็มีเอกสารจำนวนหนึ่งส่งมาจากแผนกต่าง ๆ ครับ” แซมพูดพลางโบกไม้กายสิทธิ์หนึ่งครั้ง เอกสารต่างกองโตก็ปรากฏลงบนโต๊ะทำงานของมัลฟอย
“พวกเขารายงานว่าจำเป็นต้องให้คุณเซ็นต์ภายในวันนี้” แซมพูดเสริม
“งั้นเหรอ มีแค่นี้ใช่ไหม แล้วตารางเวลาวันนี้ล่ะ” มัลฟอยพูดก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่อย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรไกัยการได้เห็นงานกองเท่าภูเขาที่อยู่ตรงหน้า เพราะปกติแล้วสำหรับมัลฟอยนั้นงานแค่นี้ถือว่ายังน้อยด้วยซ้ำ
“ครับ ตอนสิบเอ็ดโมงมีประชุมกับฝ่ายขาย บ่ายโมงตรงคุณมีนัดกับคุณแมกเคอร์สัน เรื่องการตกลงการซื้อขายสินค้าในไตรมาตรที่สามนี้ครับ” แซมรายงานมัลฟอยจากสมุดบันทึกที่อยู่ในมือของเขา “และมีนัดทานอาหารเย็นกับคุณราล์ฟเวลส์ที่ เลอ ฟา ยอง ตอนทุ่มตรง”
“งั้นเหรอ” มัลฟอยเอ่ยด้วยสีหน้าครุ่นคิดหลังจากฟังแซมร่ายรายการงานที่เขาต้องทำในวันนี้ “ช่วยเลื่อนนัดของคุณราล์ฟเวลส์ไปก่อนได้ไหม” เขาพูด ความจริงเขาก็ไม่อยากปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่อยู่บ้านคนเดียวนักหรอก
“เกรงว่าจะไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าคุณราล์ฟเวลส์เพิ่งส่งจดหมายมาคอนเฟิร์มนัดเมื่อครู่เองครับ”
“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรหรอก แซม” มัลฟอยพูด ความจริงเขาอยากจะรีบ ๆ กลับบ้านไปอยู่ใกล้ ๆ เฮอร์ไมโอนี่ให้เร็วที่สุด เพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถออกจากบริษัทได้ในขณะที่งานของเขารัดตัวอย่างนี้
“แล้วช่วยยกเลิกตั๋วไปมัลดีฟส์ด้วยนะ ฉัยว่าจะไม่ไปแล้ว” มัลฟอยพูดขณะที่กำลังตรวจตราเอกสารตรงหน้า
“ทำไมล่ะครับ” แซมถามอย่างแปลกใจ เพราะเขาคิดว่าสิ่งที่เจ้านายของเขารอคอยมากที่สุดในตอนนี้น่าจะเป็นการไปฮันนีมูนครั้งที่สองของเขากับภรรยาในอาทิตย์หน้า
“นั่นมันเรื่องของฉันแซม” มัลฟอยพูดเสียงเรียบ
“แต่ผมจ่ายเช็คค่าที่พักกับค่าเดินทางไปแล้ว ถ้าคุณยกเลิก…..”
“คิดว่าฉันจะสนใจกับเงินแค่นั้นเหรอ แซม” มัลฟอยพูด ซึ่งนั่นก็เป็นความจริง สำหรับคนอย่างเดรโก มัลฟอย แล้วเงินค่าทริปไปทัวร์มัลดีฟล์นั้นถือเป็นเรื่องเล็ก แม้ว่ามันจะเป็นทริปที่พาคุณไปพักโรงแรมระดับระดับห้าดาวก็ตามที
“ถ้าอย่างนั้นอาทิตย์หน้าคุณก็จะมาทำงานอย่างเดิมหรือครับ” แซมถามอย่างสงสัย
“ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจเลยแซม เอาเป็นว่าฉันจะบอกล่วงหน้าถ้าฉันจะเข้าบริษัทแล้วกันนะ” มัลฟอยพูดพลางกลับไปสนใจเอกสารตรงหน้าอีกครั้ง
“มีอะไรเกิดขึ้นหรือครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับภรรยาของคุณหรือเปล่าครับ คุณมัลฟอย” แซมถามขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ เพราะการถามอย่างนี้ก็ถือได้ว่าเป็นการละลายละล้วงเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น ซึ่งความจริงแล้วมัลฟอยก็คิดเช่นนั้น ถ้าคนที่ถามเขาเป็นคนอื่น แต่เผอิญว่าคน ๆ นี้กลับเป็นแซม ลูกน้องคนสนิทของเขาที่เขาไว้ใจมากที่สุด
“ใช่ แซม เกิดเรื่องขึ้นกับเธอ” มัลฟอยพูดพลางถอนใจ แซมสังเกตได้ว่าดวงตาของมัลฟอยแฝงแววเศร้าไว้อยู่ แววตาที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นจากเจ้านายของเขาคนนี้
“มันเกิดอุบัติเหตุน่ะ แล้วเธอก็สูญเสียความทรงจำไป” มัลฟอยพูดออกมาโดยพยายามที่จะเก็บอารมณ์ “เธอจำเรื่องราวของฉันไม่ได้”
“ผมเสียใจด้วยครับ” แซมพูดด้วยใความจริงใจ อันที่จริงเขาไม่เคยเห็น เดรโก มัลฟอย เป็นแบบนี้มาก่อน เพราะในวงการธุรกิจเขานั้นเปรียบเสมือนเจ้าชายหิมะ เยือกเย็น เด็ดขาด เขาเดินหน้าทำธุรกิจอย่างไม่ไว้หน้าใคร เขาไม่เคยเกรงกลัวอะไร ไม่เคยหวั่นไหวกับสิ่งใดมาก่อน ยกเว้นก็แต่ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ เฮอร์ไมโอนี่
“ขอบใจนะแซม” มัลฟอยพูดพยายามดึงตัวเองให้หลุดออกมาจากวังวนความเศร้านั้นเสีย ความจริงมัลฟอยเองก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แซมฟัง ทั้ง ๆ ที่เขาก็เป็นเพียงลูกน้องของเขาคนหนึ่งเท่านั้น และที่สำคัญคนอย่างเขาไม่เคยเล่าเรื่องในใจให้ใครฟังมาก่อน
“แล้วคุณจำทำอย่างไรต่อไปครับ” แซมถามอย่างเป็นห่วง ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาเคยเห็นเจ้านายของเขากระวนกระวายได้ถึงเพียงนี้
“ไม่รู้สิ” มัลฟอยตอบอย่างจนปัญญา “ถ้าความทรงจำของเธอยังไม่กลับคืนมา ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้กับฉันได้นานซักเท่าไหร่” มัลฟอยพูดอย่างจนใจ ความหวาดกลัวนั้นวิ่งเข้ามาจับหัวใจเขาอีกครั้ง เขากลัวว่าเฮอร์ไมโอนี่จำไม่สามารถจำเรื่องราวทั้งหมดไปตลอดชีวิต
“งั้นคุณก็ทำให้เธอรักคุณอีกครั้งสิครับ ถ้าคุณไม่สามารถทำให้ความทรงจำของเธอกลับมาได้ และคุณไม่อยากจะสูญเสียเธอไปคุณก็ต้องทำให้เธอหลงรักคุณอีกครั้งให้ได้” แซมพูด และเพราะคำพูดของเขาก็ทำให้มัลฟอยฉุกคิดขึ้นได้
ทำให้เธอหลงรักเขาอีกครั้งงั้นเหรอ
“นายก็พูดถูกนะแซม เห็นจะมีแต่ทางนี้เท่านั้นแหละที่ฉันพอจะทำได้” มัลฟอยพูดอย่างมุ่งมั่น
ถ้าเขาทำให้ความทรงจำของเธอกลับมาไม่ได้ เขาก็ต้องทำให้เธอหลงรักเขาอีกครั้งให้ได้
เพราะนั่นเป็นเพียงทางเดียวที่จะเหนี่ยวรั้งเธอไว้กับเขาได้!
TBC
No comments:
Post a Comment