Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Wednesday, September 10, 2014

13 The decision 14



วันต่อมามาดามพอมฟรีย์ยังไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมมัลฟอยทั้งสิ้น และยังให้เขานอนบนเตียงที่อยู่ท้ายสุดของห้องพยาบาล
ขณะที่แครบกับกอยล์พยายามชะเง้อคอเข้าไปดูในห้องพยาบาลหรือและทำทุกวิถีทางรวมทั้งแกล้งป่วยว่าปวดท้องเพราะการ
กินอาหารมากเกินไป(พวกเขาโปรดปรานวิธีนี้มากถึงขนาดสลับกันท้องเสียเช้าคนหนึ่งและบ่ายอีกคนหนึ่ง) เพื่อจะได้แอบ
เข้าไปใกล้เตียงมัลฟอยให้มากที่สุด แต่มาดามพอมฟรีย์ดูเหมือนจะรู้ทันความคิด เธอจึงนำม่านสีขาวมากั้นไว้รอบเตียงของเด็กชายพวกเขาจึงไม่ได้ข่าวใด ๆ กลับมา

ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเพิ่มเวรยามโทรลล์ทั้งกลางวันและกลางคืนมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
 (ตอนนี้แทบจะไม่สนใจเลยว่าโทรลล์ที่จ้างมานั้นมีใบอนุญาตจากกระทรวงเวทมนต์หรือไม่) 
เพราะกลัวเหมือนกับที่เด็กนักเรียนหลายคนคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นฝีมือของลอร์ดโวลเดอมอร์
 ฝูงโทรลล์ที่เดินอยู่กันเต็มโรงเรียนทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่กล้าเสี่ยงที่จะออกไปเยี่ยมมัลฟอยที่ห้องพยาบาลใน
ตอนกลางคืนและเธอก็ไม่กล้าขอยืมผ้าคลุมล่องหนจากแฮร์รี่ออกไปไหน เพราะระยะหลัง ๆ มานี่เธอยืมมันจากเขา
บ่อยจนกลัวว่าอาจจะถูกสงสัยได้ นอกจากนี้เธอยังเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้ ๆ กับเพื่อนคนใดคนหนึ่งเพราะทุกคนต่าง
พูดคุยถึงอาการของมัลฟอยที่คาดเดากันไว้ต่าง ๆ นานาและล้วนไม่ใช่เรื่องดีทั้งสิ้น ทุกครั้งที่ได้ยินเด็กหญิงก็รู้ตัว
ดีว่าไม่สามารถควบคุมสีหน้าเศร้าหมองและน้ำตาของตัวเองได้

เช้าวันที่สามหลังจากที่ไม่ได้ข่าวคืบหน้าเกี่ยวกับอาการของมัลฟอย มาดามพอมฟรีย์ยังคงตั้งป้อมขัด
ขวางเด็กทุกคนที่เข้ามาขอเยี่ยมมัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา เธอหลบหน้าแฮร์รี่กับรอนมานั่ง
เหม่อลอยอยู่ที่ริมทะเลสาบเกือบทุกวันโดยมียาช่าเป็นเพื่อนซึ่งตัวเขาเองก็ดูเหมือนจะคิดคำปลอบโยนใด ๆ
 ไม่ออกแล้ว แต่เขาก็พยายามทำตัวให้เหมือนปกติและชวนเธอทำโน่นทำนี่เพื่อไม่ให้มีเวลานั่งทุกข์ใจ

“คุณเคยกินปลาในทะเลสาบนี้รึเปล่าฮะ” ยาช่าโยนปลาตัวหนึ่งที่จับได้ลงบนพื้นหญ้าขณะที่ตัวเองเดินขึ้น
จากทะเลสาบทั้งเสื้อผ้าเปียกปอนก่อนจะลงมือบิดน้ำออกจากชายเสื้อที่สวมอยู่ ปลาที่ถูกจับได้ดิ้นสะบัด
หางไปมาอยู่ตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี่ 

“ผมทำให้กินได้นะฮะ แต่ฝีมือไม่ได้ความแน่เพราะผมไม่เคยทำให้มันสุกเลยสักที”
คำตอบของเฮอร์ไมโอนี่มีเพียงความเงียบ

“หรือเราจะ...” ยาช่ายังคงพยายามแต่แล้วเขาก็เงียบไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายปาดน้ำตา 

ยาช่าถอนหายใจ เขาหยิบปลาตัวนั้นขึ้นแล้วโยนมันกลับลงไปในน้ำ - - ทั้งหมดที่เขากำลังทำอยู่นี่ไ
ม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเลย 

เด็กชายหมาป่าพูดขึ้นในที่สุด
“ผมจะพาคุณไปเยี่ยมเขา” 

:**~~**~:**~~:**~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**~~**:~~**:

ความมืดเริ่มโรยตัวลงมาสู่ท้องฟ้าเหนือโรงเรียนฮอกวอตส์อย่างเชื่องช้า และอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาราตรีกาลแห่งความ
มืดก็ครอบงำไปทั่วทุกที่รวมถึงอาณาเขตของป่าต้องห้ามซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับปราสาทโรงเรียน พระจันทร์
ดวงกลมเริ่มส่องแสงสว่างจ้าร่วมกับดาวดวงเล็ก ๆ เหมือนเป็นสัญญาณบอกให้สัตว์กลางคืนทั้งหลา
ยเริ่มออกหากินโดยอาศัยแสงสว่างจากมันเสีย นกฮูกป่าและแมลงกลางคืนส่งเสียงเป็นเชิงทักทายพวกพ้องดังเป็นระยะ

ด้านหน้ากระท่อมของแฮกริดปรากฏเงาใหญ่ยักษ์ของเจ้าของบ้านที่เดินด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างสบายอารมณ์กลับมา
 เมื่อเปิดประตูบ้านเขาก็ทักเด็กชายที่ฝากให้ดูแลบ้านอย่างแจ่มใส

“ว่าไง ยาช่า มีใครมาเยี่ยมฉันบ้างหรือเปล่า” 

เด็กชายหมาป่าที่กำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอกสะดุ้งเล็กน้อย เขารีบกลัดกระดุมตรงอกเสื้อคลุมของตัวเอง
ก่อนจะพูดกลบเกลื่อนท่าทาง

“ไม่ฮะ - - เอ่อ เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกหน่อย”

“ตามสบายเลย ถ้าเจอตัวอะไรประหลาดก็มาบอกฉันด้วยนะ” พูดจบแฮกริดก็เดินฮัมเพลงไปหลังบ้าน
อย่างไม่ได้สนใจยาช่าจึงเดินออกไปจากบ้านเงียบ ๆ และก่อนที่จะปิดประตูบ้านเขาก็หันกลับไปมองให้แน่ใจ
 เมื่อเห็นว่าแฮกริดไม่ได้สงสัยเขาก็ปิดประตูบ้านลงก่อนที่เดินไปจุดนัดหมายของเขากับเฮอร์ไมโอนี่ 

เด็กหญิงรอเขาอยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ไกลจากบ้านของแฮกริดไม่มากนัก ต้นไม้แผ่กิ่งก้านกว้าง
สร้างเงามืดช่วยเอื้ออำนวยไม่ให้ใครมองเห็นเธอ มีเพียงแสงจากปลายไม้กายสิทธิ์ส่องสว่างเรืองอยู่ในความมืด
 ยาช่ารีบเดินไปหาเธอทันที

“ไม่ต้องใช้ลูมอสฮะ ผมเห็นตอนกลางคืนได้ชัดกว่าคุณ - - เดินตามหลังผมมาให้ดี ๆ ก็พอ” เขาบอกเฮอร์ไมโอนี่ 
เธอพยักหน้าแล้วดับแสงไฟ 

เด็กชายเดินนำหน้าเพื่อระวังความปลอดภัย ระหว่างทางเขาก็อธิบายว่าจะต้องทำอะไรบ้าง
 กระทั่งทั้งสองหยุดเดินที่บันไดทางขึ้นปราสาท - - เสียงร้องเพลงสูงต่ำชวนปวดหัวของพิพส์ที่ร้องก่อ
กวนอยู่ภายในโรงเรียนดังสะท้อนกับผนังหินและเพดานจนเกิดเป็นเสียงก้องกังวาลชวนให้วังเวงใจ
ไปทั่วโดยที่ตัวมันเองไม่รู้ว่าอยู่ไหน

ยาช่าหันไปย้ำกับเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง

“คุณต้องรอผมตรงที่มืด ๆ ก่อน ถ้าผมดูว่าปลอดภัยแล้วจะให้สัญญาณ มิสซิสนอร์ริส
 ไม่มีทางจมูกดีไปกว่าผมหรือถ้ามันจมูกดีจริง...มันจะตามกลิ่นหมาป่าก็ตามใจ - - ผมกินมันแน่ 
 ถ้ามันขัดขวางดีนัก” ยาช่าพูดด้วยน้ำเสียงแข็งผิดกับทุกครั้ง แต่เขาก็ทำเพื่อให้เธอสบายใจ 

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่พยักหน้ารับแล้วพวกเขาก็เดินขึ้นไปบนปราสาทอย่างระมัดระวัง ทางเดินที่ทอดยาวตรงระเบียงเงียบสงัด 
มีเพียงแสงนวลของพระจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างลงมาเป็นทาง สำหรับยาช่าแล้วนี่เป็นความสว่างที่มากกว่า
ในป่าต้องห้ามที่เขาวิ่งตอนอยู่ที่นี่แทบทุกคืนเป็นเท่าตัว เฮอร์ไมโอนี่เดินมาใกล้ยาช่ามากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของ
โทรลล์ที่ถูกเกณฑ์มาเฝ้ายามดังกระหึ่มอยู่ไกล ๆ สลับกับเสียงครางงึมงำที่เธอเดาว่ามันคงเป็นภาษาที่โทรลล์ใช้สื่อสารกัน - - 
ถึงจะไม่เข้าใจความหมายแต่เธอก็หวังว่ามันคงไม่ได้กำลังคุยว่าพบพวกเขาอยู่แถวนี้

“ยืนตรงหลังเสานี่ฮะ คุณต้องรอจนผมให้สัญญาณ” เมื่อยาช่าพูดจบร่างหมาป่าขนสีน้ำตาลแสนสวยก็ปรากฏขึ้นแทนเด็กชาย...
.ร่างนี้เขาปลอดภัยกว่าเป็นคนทุกอย่าง สายตาชัดเจนและคล่องแคล่ว ประสาททุกส่วนตื่นตัวเหมือนเวลาล่าเหยื่อ - -
 และไม่ว่าจะกี่ครั้งเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องอัศจรรย์ใจกับความสวยงามของมันอยู่ดี 

หมาป่าตัวนั้นวิ่งอย่างรวดเร็วไปจนสุดทางเดินที่มืดสนิท ก่อนที่จะโผล่ศีรษะออกมาแล้วพยักหน้าให้เธอรีบเดินตามมา
 เฮอร์ไมโอนี่รีบก้าวตามไปโดยที่คอยระวังไม่ให้เสียงฝีเท้าดังมากจนใครได้ยิน

เมื่อเธอเดินมาถึงตัวหมาป่าแล้ว มันก็หันซ้ายหันขวาอีกครั้งก่อนจะวิ่งนำออกไปยังมุมมืดอีกมุมหนึ่ง
 เฮอร์ไมโอนี่รีบก้าวตามทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าให้เดินตามมาอีกครั้ง แต่แล้วเธอก็ชะงักเท้ากลางทางเมื่อ
ได้ยินเสียงแมวร้องมาเบา ๆ - - คนที่พวกเขากลัวที่สุดกำลังเดินมาแล้ว

เด็กหญิงพยายามตั้งสติก่อนจะเดินต่อไปหลบข้างหมาป่าแล้วครางอย่างหวาดหวั่น

“ฟิลช์”

เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองยาช่าแต่หมาป่าขนสีน้ำตาลไม่ได้สนใจเธอ มันจ้องเขม็งด้วยดวงตาลุกวาวไปที่เงาของแมว
ผอมแห้งที่กำลังเดินตรงมาที่พวกเขาขณะะเลียคมเขี้ยวของตัวเองอย่างรอคอย 

เงาราง ๆ ขนาดใหญ่ผิดปกติเพราะถูกแสงจากคบไฟตรงผนัง แสดงให้เห็นขนฟูหยาบ ๆ ที่บ่งบอกชัดเจนว่ามั
นเป็นตัวอะไรขณะที่ตัวมันก้มลงดมตามพื้นตลอดทางเดินมาที่พวกเขา เงาของคนอีกคนหนึ่งตามมาติด ๆ เ
ฮอร์ไมโอนี่ใจเต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมานอกอก - - หนีแมวอย่างคุณนายนอร์ริสอาจจะง่ายแต่คนที่เดินตามมันมาข้างหลังเล่า

คุณนายนอร์ริสชะงักกึก เมื่อสะดุดกับกลิ่นตรงทางที่ยาช่าและเฮอร์ไมโอนี่เดินผ่านมา

“แม่หวานใจ มีอะไรผิดปกติเหรอ” ฟิลช์ถามแมวรักของตัวเอง แต่มันกลับไม่ฟ้องทันทีเหมือนทุกครั้ง
 มันจ้องเขม็งไปข้างหน้าขณะที่ฟิลช์เริ่มยกตะเกียงขึ้นส่องไปตามทางทั้งซ้ายและขวา

“ไหน...ทางไหน ถ้าเราจับได้นะ - - เจ้าเด็กเอ๋ย แกจะได้รู้ว่าภารโรงอย่างฉันทำอะไรได้มากกว่าเก็บกวาดผลงานที่พวกแกทิ้งไว้”

เพียงชั่วพริบตาเดียวแสงจากตะเกียงดวงเล็กในมือของฟิลช์ก็สาดมาทางเฮอร์ไมโอนี่ - - แม้จะไม่ถึงตัวเธอ 
แต่มันก็สะท้อนเข้ากับดวงตาสีทองอันน่าสะพรึงกลัวของหมาป่าที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้า...

และชั่วพริบตาเดียวอีกเช่นกันที่คุณนายนอร์ริสกรีดร้องขณะที่ขนบนตัวของมันชี้ตั้งไปทั่วตัว!

“แง้วววววววววววววว!!!!!!!!” 

แมวสีดำกระโดดลอยขึ้นจากพื้น มันวิ่งกลับไปทางเดิมด้วยความเร็วเท่าที่แมวผอมแห้งอย่างมันจะส่งแรงให้ขาทั้
งสี่ข้างของตัวเองได้ ฟิลช์ตกใจจนทำตะเกียงหล่นแตก แต่ความรักสัตว์เลี้ยงก็ดูเหมือนจะมีมากกว่าความอยากรู้ว่ามันตกใจอะไ
ร เขาวิ่งตามคุณนายนอร์ริสไปโดยที่ปากก็ตะโกนโหวกเหวกให้มันกลับมา

เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจเฮือกออกมาแล้วเช็ดเหงื่อเย็น ๆ ของตัวเองที่ซึมออกมาทั่วหน้า เธอหันไปมองยาช่าแล้วฝืนยิ้มให้

หลังจากที่พวกเขาเลี้ยวผ่านมุมต่าง ๆ ของปราสาทมาได้อย่างปลอดภัย ไม่นานหมาป่าและ
เฮอร์ไมโอนี่ก็หยุดที่ประตูด้านหน้าของห้องพยาบาลซึ่งเวลานี้ปิดสนิท หมาป่าขนสีน้ำตาลกลายร่างเป็นเด็กชาย

“ผมจะเฝ้าตรงประตูให้ แต่เราไม่มีเวลามากนักนะฮะ” ยาช่าบอกแล้วค่อย ๆ เอื้อมมือไปผลักบานประตู เสียงเอี๊ยดเบา ๆ
 ดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่รีบแทรกตัวเข้าไปทันทีเมื่อประตูเปิดอ้าออก 

ทุกเตียงภายในห้องพยาบาลว่างเปล่า เฮอร์ไมโอนี่เห็นว่าที่เตียงสุดท้ายด้านหลังห้องพยาบาลมีม่านสีข่าวตั้ง
บังสายตาจากคนภายนอกอยู่ ยาช่าดันหลังเฮอร์ไมโอนี่ให้รีบเดินไปที่เตียงนั้น เด็กหญิงจึงได้ก้าวเท้าออกเดิน

เสียงฝีเท้าของเธอดังกึก ๆ กังวานไปทั่วห้อง เฮอร์ไมโอนี่ไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองถึงเดินช้าลง 
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงหลังม่านนั้นต้องเป็นมัลฟอยแน่และเธอก็มีเวลาไม่มากอย่างที่ยาช่าพูด
 อาจจะเป็นเพราะ...ใจอีกด้านหนึ่งกลัวว่าจะทนเห็นภาพนั้นไม่ได้

ถ้าเขามีแต่เลือด...ถ้าเขามีแต่แผล...ถ้าเขาไม่เหมือนเดิม หรือถ้าเขา - - 

เฮอร์ไมโอนี่หยุดยืนด้านหน้าม่านสีขาว เธอกลั้นใจเอื้อมมืออันสั่นเทาไปที่ม่านก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันออก

ภาพตรงหน้าปรากฏขึ้นพร้อมกับความรู้สึกนานับประการที่โถมทับเข้ามา - - สามวันที่ไม่ได้พบกัน 
หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่รู้สึกหรืออาจจะรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำและก็คงจะหัวเราะที่เห็นสภาพเขาตอนนี้ 
แต่ว่า ณ เวลานี้เธอคิดแต่เพียงว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอจะกระโดดลงมาจากอัฒจันทร์เพื่อจะตกลงมาพร้อมกับเขา

ศีรษะของมัลฟอยมีผ้าพันไว้โดยรอบ ผ้ากอซสีขาวติดอยู่ที่ใบหน้าข้างซ้ายและแขนข้างขวาก็ถูกผ้าพันแผลพันไว้
 ขาทั้งสองข้างที่อยู่ในเสื้อผ้าของห้องพยาบาลที่เขาสวมอยู่มีผ้าพันแผลเนื้อหนาพันไว้ราวกับมัมมี่ สิ่งที่บอกว่า
ร่างนี้ยังมีชีวิตอยู่ก็มีเพียงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ผิวซีดเซียวของเขาแทบเป็นสีเดียวกับผ้าพันแผลบนศีรษะ
 เฮอร์ไมโอนี่เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างเตียงของมัลฟอยแล้วมองเขาอยู่อย่างนั้น

“มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่เรียกชื่อเขาในที่สุด แต่ไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกตัวขึ้นมาเลย

เฮอร์ไมโอนี่เริ่มร้องไห้ เธอเอื้อมมือไปแตะแขนของเด็กชาย

“ฉันมาหาเธออย่างนี้เป็นครั้งที่สองแล้วนะ - - ตอนนั้นเราไปในสมุดเกมผจญภัยด้วยกันจำได้ไหม” เด็กหญิง
พูดเสียงสั่นแต่ก็หวังว่าเขาจะได้ยินบ้าง

“เธอตกลงมาพร้อมกับฉัน ฉันตกใจแทบตายตอนที่เธอสลบ”

เสียงลมหายใจแผ่ว ๆ ของมัลฟอยไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นในเวลานี้
 เฮอร์ไมโอนี่เอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างไม่อาจทนได้อีกต่อไป

ลืมตามาสิ - -  แล้วพูดว่า "ฉันก็รักเธอ"

เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนร้องขออยู่ภายในใจ - - ลืมตาขึ้นมาเถอะ...มายิ้มเจ้าเล่ห์...
มาแบะปากใส่ฉัน มามองฉันด้วยหางตา มาวางมาดใส่ฉัน มาบอกว่าจะชนะแฮร์รี่ มาดูถูกรอน

มาบอกว่ารักฉัน - - รัก...ยายเลือดสีโคลน

ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใด ๆ จากมัลฟอย...

“มาดามพอมฟรีย์กำลังมาฮะ!” ยาช่าร้องบอกมาจากประตู

“ฉัน...ฉันอยากอยู่กับเขาอีกหน่อย” เธอปาดน้ำตา

“ผมเข้าใจ แต่เราอาจจะมาอีกไม่ได้นะฮะ ถ้าถูกจับได้” ยาช่าพูดอย่างร้อนใจ

เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าอย่างฝืน ๆ เธอหันกลับไปมองมัลฟอยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้มศีรษะลงไป เ
ธอใช้มือข้างหนึ่งจับผมไว้เพราะไม่ต้องการรบกวนเขาแม้เพียงเส้นผมระลงบนผิว - - ยาช่าแทบ
ไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่แตะริมฝีปากกับเรียวปากซีดเซียวของมัลฟอยอย่างแผ่วเบา 
เธอพูดเสียงสั่นเมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายเย็นเฉียบจนน่าใจหาย

“เธอต้องไม่เป็นไรนะ เธอต้องหาย” น้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่หยดลงบนหน้าของเขา
 เธอจูบแผลถลอกที่มีรอยแห้งของเลือดบนแก้มของอีกฝ่ายก่อนจะยกศีรษะขึ้นเพื่อมองเขาให้เต็มตาอีกครั้ง

เสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกยาช่ารีบตรงมาคว้าแขนเฮอร์ไมโอนี่แล้วดึงตัวเธอที่ดูเหมือนไม่มีแรงแม้
แต่จะขยับขาและยังคงจ้องมัลฟอยอยู่อย่างนั้นให้รีบออกไปจากห้องพยาบาลด้วยกันอย่างเร็วที่สุด...

ลืมตาขึ้นมา สุดที่รักของฉัน

To be continued!!!!

No comments:

Post a Comment