Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Wednesday, September 10, 2014

Rhythm of the Relations Series II


Series II  ความสัมพันธ์เริ่มก่อตัว

Author: Jamy



*****1*****

เช้านี้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกไม่ค่อยอยากรับประทานอาหารเท่าไรนัก เมื่อเธอนึกถึงผู้ที่ทำอาหารพวกนี้ เธอมองอาหารที
 มองแฮร์รี่กับรอนที เธอรู้สึกหดหู่ใจที่เห็นเพื่อนทั้งสองยังคงรับประทานอาหารได้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“แรงงานทาส!” เฮอร์ไมโอนี่พูด พลางหายใจหนักหน่วง รอนชำเลืองมอง เขาขมวดคิ้วอย่างรำคาญ 

“โอ่เอ๊ย...เออไอโออี้..” (โธ่เอ๊ย...เฮอร์ไมโอนี่..) 

เขาร้องอู้อี้ออกมาและพ่นเอาเศษพุดดิ้งใส่เธอโดยไม่ตั้งใจ เฮอร์ไมโอนี่ทำสีหน้าขยะแขยงพลางปัดพุดดิ้งออกอย่างรวดเร็ว 
รอนรีบกลืนอาหารลงคอแล้วพูดต่อ 

“ถึงเธออดอาหารก็ไม่ทำให้พวกเอลฟ์ได้ค่าจ้างหรอกน่า!” 

ว่าแล้วเขาก็ลงมือรับประทานอาหารต่ออย่างเอาเป็นเอาตาย โดยไม่สนใจสายตาอันขุ่นเขียวของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว 

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย เด็กๆ ก็เริ่มทยอยออกจากห้องโถงใหญ่ เพื่อไปเรียนวิชาการดูแลสัตว์
วิเศษที่กระท่อมของแฮกริด เมื่อเดินได้สักพัก รอนก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เขาจึงหันไปถามเฮอร์ไมโอนี่ 

“เมื่อวันก่อน ปาราวตีบอกฉันว่า เธอมีการ์ดภาพปโทเลมี จริงเหรอ” เขายิ้มอย่างเอาใจ และพูดต่อ “เธอให้ฉันได้ไหม” 

เฮอร์ไมโอนี่ยังรู้สึกโกรธเรื่องเมื่อครู่อยู่ เธอจึงเชิดหน้าใส่เขาแล้วพูดว่า 

“เสียใจย่ะ ฉันทิ้งไปแล้ว” 

“ว่าไงนะ!” รอนอ้าปากค้าง 

“ทิ้งไปแล้ว!! เชื่อเขาเลย..เธอไม่รู้หรือแกล้งโง่กันแน่ว่ารูปนั้นมันหายากแค่ไหน และเธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันกับแฮร์รี่
ยังไม่มีน่ะ” 

รอนพูดอย่างรวดเร็ว เขามองเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่เชื่อสายตา เฮอร์ไมโอนี่หันมาค้อนเขาทีหนึ่งก่อนจะพูดว่า 

“ฉันไม่ได้ดูด้วยซ้ำ ว่าการ์ดที่ทิ้งไปนั้นเป็นภาพอะไร เพราะฉันคิดว่ามันไร้สาระสิ้นดี!” 

เธอเน้นเสียงประโยคหลังแล้วก็สะบัดหน้าใส่รอน และกำลังจะเดินแซงหน้าเขาไป แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก
 เมื่อเห็นมัลฟอยยืนอยู่ตรงหน้า เขาเหลือบไปมองเธอแว่บหนึ่ง ก่อนจะเดินผ่านไป แฮร์รี่กับรอนมองหน้ากัน 

“หมอนั่นกินยาผิดเหรอ..วันนี้ไม่เห็นหาเรื่องพวกเราเลย” รอนถาม 

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ จริงมั้ยเฮอร์ไมโอนี่” 

แฮร์รี่หันไปถามเฮอร์ไมโอนี่ แต่เขาก็ต้องแปลกใจ ที่เห็นเด็กหญิงหน้าแดง และยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น 

“เป็นอะไรไปน่ะ เฮอร์ไมโอนี่” เขาถาม 

“เอ่อ..ปละ..เปล่า...ฉันว่า..เรา...รีบไปเข้าเรียนกันเถอะนะ..เดี๋ยวสาย” 

เธอรีบพูดกลบเกลื่อนและเดินนำเพื่อนทั้งสองไปอย่างรวดเร็ว

วิชาการดูแลสัตว์วิเศษวันนี้ พวกเขายังคงต้องดูแลสกรู๊ตปะทุไฟร่วมกับบ้านสลิธีรินเช่นเคย เด็กๆต้องพยายาม
ให้อาหารเจ้าตัวประหลาดนี้อย่างทุลักทุเล และแล้วก็จบชั่วโมงลงโดยที่เด็กๆ ต่างสะบักสะบอมไปตามๆ กัน 

“วิชาต่อไปฉันต้องแยกกับพวกเธอไปเรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์นะ ส่วนพวกเธอต้องไปเข้าเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์
ใช่มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้น แฮร์รี่กับรอนพยักหน้ารับ 

“ฉันไม่เข้าใจพวกเธอสองคนเลยว่า ทำไมยังทนเรียนวิชานี้อยู่อีก น่าจะไปลงเรียนวิชาที่มีประโยชน์อย่างตัวเลขมหัศจรรย์
 หรือ อักษรรูนโบราณนะ” 

รอนทำหน้าเหนื่อยหน่ายทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่พูดจบ แฮร์รี่เอาศอกกระทุ้งเขาทีหนึ่ง เมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตา
อันน่ากลัวมาให้ รอนจึงยิ้มเจื่อนๆ 

“งั้นฉันไปก่อนนะแฮร์รี่ เจอกันตอนรับประทานอาหารค่ำเลยแล้วกัน” 

เธอหันไปแลบลิ้นใส่รอนทีนึง แล้วเดินจากไป เด็กชายทั้งสองหันมามองหน้ากันขำๆ แล้วจึงออกเดินไปยังหอคอย
ทางทิศเหนือ เพื่อไปเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ หลังจากหมดชั่วโมง ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ก็ให้การบ้านพวกเขา
เป็นกองพะเนิน เพราะความปากเสียของรอน 

“ยายค้างคาวแก่หนังเหี่ยว” รอนพึมพำอย่างขุ่นใจ ขณะที่ทั้งสองเดินลงบันไดมากับคนอื่นๆ เพื่อกลับไปรับประ
ทานอาหารค่ำที่ห้องโถงใหญ่ 

“การบ้านแยะเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงใส เมื่อตามพวกเขามาทัน เธอหันไปยิ้มเย้ยๆ ใส่รอน 

“ศาสตราจารย์วิคเตอร์ไม่ได้ให้การบ้านพวกเราเลยละ” เธอยิ้มร่าอวดรอนซึ่งกำลังทำหน้างออย่างอารมณ์เสีย 

ขณะที่ทั้งสามเดินมาถึงโถงทางเข้าและกำลังต่อคิวอยู่ท้ายแถวเพื่อรออาหารค่ำ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง 

“วิสลีย์!” ทั้งสามหันไปมอง มัลฟอย แครบ และกอยล์ ยืนอยู่ตรงนั้น ทั้งสามมีท่าทีพออกพอใจอะไรสักอย่าง 

“มีอะไร” รอนถามห้วนๆ เขายิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่แล้วด้วย 

“พ่อนายอยู่ในหนังสือพิมพ์แน่ะ วิสลีย์” มัลฟอยพูดพลางโบกหนังสือพิมพ์เดลี่ พรอเฟ็ต แล้วอ่านข้อความด้วยเสียงอันดัง
 เพื่อให้ทุกคนในโถงทางเข้าที่แออัดได้ยินกันทั่ว เนื้อความในหนังสือพิมพ์เป็นเรื่องเกี่ยวกับอดีตมือปราบมาร 
‘แม้ด-อาย’ มู้ดดี้ ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนก่อนเปิดเทอม และพ่อของรอนต้องไปจัดการลบความจำมักเกิ้ลหลายคนที่เห็นเหตุ
การณ์ประหลาดๆ ที่มู้ดดี้ก่อขึ้น เมื่อมัลฟอยอ่านจบ ก็พูดขึ้นว่า 

“มีรูปพ่อแม่นายด้วยนะ วิสลีย์ แม่นายน่าจะลดน้ำหนักสักหน่อยไม่ดีเหรอ” 

รอนตัวสั่นด้วยความโกรธปนอาย เกิดการปะทะคารมกันขึ้น และจบลงด้วยประโยคที่มัลฟอยพูดว่า 

“นายอย่าได้กล้าสบประมาทแม่ของฉันนะ พอตเตอร์” มัลฟอยเงื้อไม้กายสิทธิ์ขึ้น แล้วมีเสียงดังปัง! 
พร้อมกับเสียงหวีดร้องของนักเรียนหลายคน ตอนนี้มัลฟอยกลายเป็นตัวเฟเร็ตสีขาวไปแล้ว 

ศาสตราจารย์มู้ดดี้ เดินโขยกเขยกมาทางเด็กๆ เขาเสกให้มัลฟอยในร่างของตัวเฟเร็ต ลอยขึ้นไปกลาง
อากาศสามเมตร ก่อนจะปล่อยให้ตกลงมา และเสกให้กระเด้งxxxนแบบนั้นอยู่อีกหลายครั้ง
 โชคดีที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลมาพบเข้า
 หลังจากที่เธอทราบว่าตัวเฟเร็ตนั้นคือนักเรียน เธอจึงรีบเข้าไปห้ามไว้ และบอกศาสตราจารย์มู้ดดี้ด้วยความตกใจว่า
 ทางโรงเรียนไม่มีนโยบายให้ทำโทษนักเรียนแบบนี้ พร้อมกับชักไม้กายสิทธิ์ออกมา เกิดเสียงดังเปรี๊ยะ
 และมัลฟอยก็กลายร่างตามเดิม เขานอนกองอยู่บนพื้น ผมสีบลอนด์ลู่ลงปรกใบหน้าที่บัดนี้เป็นสีชมพูจัด
 เขาร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด แครบกับกอยล์รีบเข้าไปพยุงเขา ดวงตาสีซีดของเขามีน้ำตาคลออยู่ด้วย 
เขาทั้งเจ็บทั้งอาย มัลฟอยเหลือบไปมองเฮอร์ไมโอนี่ เด็กหญิงยังคงมองเขาด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด 
เขาหลบสายตาเธอทันที
 รู้สึกเสียหน้าที่ให้เธอมาเห็นเขาในสภาพเช่นนี้ แครบและกอยล์พยุงเขาไปห้องพยาบาล โดยพยายามเดินเลี่ยงผ่าน
กลุ่มคนไป เมื่อเขาคล้อยหลังไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็หันไปพูดกับแฮร์รี่และรอนว่า 

“ศาสตราจารย์มู้ดดี้เขาทำมัลฟอยเจ็บมากเลยนะ ดีจริงๆ ที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลมาหยุดไว้...” 
น้ำเสียงของเธอแสดงความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด จนรอนพูดอย่างฉุนโกรธว่า 

“เฮอร์ไมโอนี่! เธอสงสารหมอนั่นเหรอ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย!” เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจและถามรอนว่า 

“ถ้าเป็นเธอโดนแบบนั้นบ้างล่ะรอน..เธอจะรู้สึกยังไง” แล้วเธอก็เดินนำเข้าไปในห้องโถงใหญ่
 เพื่อรับประทานอาหารค่ำ ถึงแม้ว่าจะยังรู้สึกขุ่นใจอยู่นิดๆ ที่มัลฟอยมาดูถูกเพื่อนเธอ แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่มู้ดดี้
ทำกับเขาแล้ว มันทำให้เด็กหญิงสงสารมัลฟอยอย่างจับใจ
....................................................................................

คืนนั้นเฮอร์ไมโอนี่แอบย่องออกมาจากหอนอนกริฟฟินดอร์ เพื่อไปเยี่ยมมัลฟอยที่ห้องพยาบาล เธอไม่อยากไ
ปเยี่ยมเขาตอนกลางวัน เพราะแครบกับกอยล์ต้องคอยเฝ้าเขาอยู่แล้ว และเธอก็เกรงว่าจะมีคนมาเห็นด้วย
 เธอมาถึงห้องพยาบาลอย่างปลอดภัยโดยรอดพ้นจากสายตาของคุณนายนอร์ริสและฟิลช์มาอย่างหวุดหวิด
 เธอค่อยๆ เดินมาหยุดอยู่ที่เตียงของมัลฟอย โชคดีที่ตอนนี้เขาหลับอยู่ เพราะเธอเองก็ไม่อยากให้เขารู้หรอกว่า
 เธอลุกจากเตียงออกมาเยี่ยมเขา 

มีร่องรอยฟกช้ำตามเนื้อตัวและใบหน้าของเขาเต็มไปหมด เด็กหญิงเม้มริมฝีปากมองเขาด้วยความสงสาร 
เธอเอื้อมมือไปปัดผมที่ตกลงมาปรกหน้าเขาออกเบาๆ 

“คงเจ็บมากเลยซินะ..” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ 

“ขอให้หายเร็วๆ นะมัลฟอย” 

แล้วเธอก็ล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุม หยิบการ์ดภาพปโทเลมีออกมาวางไว้ข้างๆ หมอนของเขา แล้วหมุนตัวกลับ 
แต่ยังไม่ทันออกเดิน เธอก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อมัลฟอยคว้าข้อมือเธอไว้ เธอหันกลับมามองเขา 

“นายตื่นอยู่เหรอ” มัลฟอยยันตัวขึ้นนั่ง แล้วตอบว่า 

“ก็ตื่นตั้งแต่ตอนที่เธอเดินเข้ามาน่ะแหละ” เขาดึงเธอเข้ามาใกล้แล้วพูดต่อ 

“จะไปแล้วเหรอ เกรนเจอร์..” เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ ตอนนี้หน้าเธอเป็นสีชมพูจัด มัลฟอยหันไปเห็นการ์ดภาพข้างหมอน
 เขาหยิบขึ้นมาดูแล้วพูดขึ้น
“ไหนบอกว่าทิ้งไปแล้วไง” เฮอร์ไมโอนี่ยังคงเงียบ 

“ที่แท้ก็เก็บไว้ให้ฉันนี่เอง....ดีใจจัง..” เขาแกล้งพูดยั่ว และส่งยิ้มยียวนมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ 
เขาดึงเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาใกล้อีก แล้วรวบเอวเธอไว้ เฮอร์ไมโอนี่ไม่ทันตั้งตัว จึงถลาไปตามแรงของเขา 

“นายจะทำอะไร” เธอดันหน้าอกของเขาไว้ มัลฟอยยิ้มพร้อมหรี่ตามองเธอก่อนจะตอบว่า 

“ก็ให้รางวัลที่เธอเอาการ์ดนี้มาให้ฉันไง” ว่าแล้วเขาก็เอามืออีกข้างเลื่อนขึ้นไปโน้มหน้าเธอเข้ามาใกล้เขา 
เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนเขา พลางพูดรอดไรฟันออกมาว่า 

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ มัลฟอย” 

“ชู่ว์...เบาๆ สิ..เดี๋ยวฟิลช์กับแมวโรคจิตของเขาก็มาเจอเข้าหรอก” เขาปรามเธอแต่แล้วก็ยอมปล่อยแต่โดยดี 
เฮอร์ไมโอนี่หอบฮั่กด้วยความตื่นเต้น เธอถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง เขามองเธอขำๆ แล้วถามว่า 

“เป็นห่วงฉันเหรอ...” เฮอร์ไมโอนี่นิ่งไม่ตอบ เธอจ้องหน้าเขาเขม็ง แววตายังมีความขุ่นเคืองอยู่นิดๆ
 ที่โดนเขาจู่โจมเมื่อครู่นี้ มัลฟอยเหมือนจะอ่านสายตาเธอออก เขาจึงเปลี่ยนเป็นแกล้งพูดยั่วเธอเรื่องอื่นแทน 

“ถ้าวิสลีย์กับพอตเตอร์รู้ว่าเธอเอาการ์ดนี่มาให้ฉัน พวกเขาจะโกรธเอานะ” มัลฟอยหยุดพูด เขาคอยดูปฏิกิริยาของ
เฮอร์ไมโอนี่ แต่เด็กหญิงกลับมองหน้าเขานิ่งเฉย ไม่ตอบว่าอะไร เขาจึงพูดต่อ 

“เธอว่าฉันควรบอกให้พวกเขารู้ดีไหม” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัวดิก เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ 

“งั้นต้องมีค่าปิดปากบ้างหละ” เขาว่าพร้อมยื่นมือมาหวังจะดึงเธอเข้ามาหาเขาอีก แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่หลงกลเขาอีกแล้ว
 เธอถอยหลังหนี แล้วรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า

“ดึกมากแล้ว ฉันคงต้องไปก่อน ราตรีสวัสดิ์นะมัลฟอย” พูดจบ เธอก็รีบผลุนผลันออกไปทันที  

มัลฟอยมองตามเด็กหญิงไปอย่างพอใจ เขาล้มตัวลงนอน หยิบการ์ดปโทเลมีขึ้นมาดู เขาเอามือกุมการ์ดนั้น
ไว้แล้วนำมาแนบไว้กับอก ก่อนจะผล็อยหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าซีดเซียวนั้น

*****2*****

เฮอร์ไมโอนี่ตื่นแต่เช้าลงมานั่งอ่านหนังสือที่ห้องนั่งเล่นรวม เพื่อรอไปรับประทานอาหารเช้าพร้อมรอนและแฮร์รี่
ตามปกติ

“รอนานมั้ยเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ทักขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ผละสายตาจากหนังสือเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนทั้งสองแล้วยิ้มกว้าง 

“ไม่หรอก” เธอปิดหนังสือแล้วลุกขึ้น แฮร์รี่กับรอนสังเกตว่าวันนี้เธอดูสดชื่นกว่าเมื่อวานมาก 

“รอน...ฉันเจอการ์ดภาพคลิโอดน่า จากกบช็อคโกแลตที่ซื้อมาคราวก่อนละ เธอจะเอามั้ย” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่าง
อารมณ์ดี

“จริงเหรอ” รอนถามอย่างตื่นเต้น เฮอร์ไมโอนี่ล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุมเพื่อหยิบการ์ดออกมาให้รอน
 เขารับมาด้วยท่าทางดีใจสุดๆ เฮอร์ไมโอนี่หันไปยิ้มกับแฮร์รี่ 

“ทีนี้ก็เหลืออีกแค่สองอันเท่านั้น” รอนพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง แล้วหันไปถามเฮอร์ไมโอนี่ว่า 

“แล้วภาพปโทเลมีล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่หุบยิ้มทันที 

“เธอทิ้งไปแล้วจริงๆ เหรอ” เด็กหญิงหน้าง้ำ เธอกระแทกเสียงพูด 

“ขอบใจมากนะรอน ที่เธอรับภาพคลิโอดน่าจากฉัน!” แล้วก็เดินกระแทกเท้าออกไป รอนหันมามองหน้าแฮร์รี่แบบงงๆ

“ฉันทำอะไรผิดอีกเนี่ย?!?” 

แฮร์รี่ส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจกับเพื่อนทั้งสองของเขา แล้วเดินนำหน้ารอนเพื่อตรงไปรับประทานอาหารเช้า
 โดยมีรอนเดินตามหลังมาอย่างงงงัน 

เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ แล้วเหลือบๆ ตามองไปทางฝั่งสลิธีริน แต่เธอก็ไม่เห็นมัลฟอย 
นั่นแปลว่าเขาคงยังนอนอยู่ในห้องพยาบาล เธอจึงลงมือรับประทานอาหารของเธอตามปกติ เธอรีบสลัดความคิดที่
จะไปเยี่ยมเขาอีกครั้งทิ้งไปทันทีที่ได้ยินเสียง แพนซี่ พาร์กินสัน เด็กหญิงหน้างอบ้านสลิธีรินพูดขึ้นมาด้วยเสียงอันดังว่า

“แครบ กอยล์ เธอจะไปเยี่ยมเดรโกกับฉันไหม” ทั้งสองพยักหน้ารับ 

“ดี..ฉันละเป็นห่วงเขาจัง..” 

เฮอร์ไมโอนี่เบ้ปากอย่างหมั่นไส้ เมื่อได้ยินแพนซี่พูดแบบนั้น พอรับประทานอาหารเสร็จเธอก็ลุกขึ้นยืน
 แฮร์รี่หันมามอง เธออ้าปากจะพูด รอนก็ขัดขึ้นมาว่า 

“ฉันไปห้องสมุดก่อนนะ เจอกันที่ห้องเรียนเลยแล้วกัน..” 

เขาดัดเสียงและทำหน้าตาท่าทางเลียนแบบเฮอร์ไมโอนี่ เด็กหญิงค้อนขวับ แล้วหมุนตัวเดินกระแทกส้นเท้าออกไปทันที
 รอนหันมาหัวเราะกับแฮร์รี่ แต่เขากลับทำหน้าเหมือนจะบอกรอนว่า ‘ไม่เข้าท่า’ แล้วจึงก้มหน้ารับประทานอาหารต่อไป
…………………………………………………………. 

หลังจากหมดชั่วโมงเรียนวิชาแปลงร่าง เด็กๆ ก็เริ่มทยอยเข้ามารับประทานอาหารกลางวันตามปกติ เฮอร์ไมโอนี่
สังเกตเห็นว่า มัลฟอยกลับออกมาจากห้องพยาบาลแล้ว เขายังดูอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่ก็รู้สึกว่าดูดีกว่าเมื่อคืนนี้มากแล้ว
 มัลฟอยหันมามองเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นว่าเด็กหญิงมองเขาอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงแกล้งหลิ่วตาให้เธอ เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง
ด้วยความอาย เธอรีบหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อจัดการอาหารเสร็จเรียบร้อย 
เธอก็รีบออกไปที่ห้องสมุดเหมือนเดิม โดยไม่ได้สังเกตเลยว่า มัลฟอยก็ลุกจากโต๊ะเดินตามเธอออกมาเช่นกัน 

เฮอร์ไมโอนี่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมโปรดของเธอ สักพักก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น 

“นั่งด้วยคนได้ไหม” เธอหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยท่าทีแปลกใจ มัลฟอยไม่รอฟังคำตอบ เขาลากเก้าอี้ข้างๆ
 เธอแล้วนั่งลง พร้อมทำหน้าตัดพ้อเธอนิดๆ 

“ทำไมเมื่อเช้าเธอไม่แวะไปเยี่ยมฉัน” เฮอร์ไมโอนี่หันหน้าหนี 

“เวลาฉันพูด เธอต้องมองหน้าฉัน เกรนเจอร์” เขาสั่ง 

เฮอร์ไมโอนี่หันขวับมาจ้องเขาเขม็งอย่างไม่พอใจ พร้อมพูดเสียงแข็งว่า 

“นายไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน มัลฟอย ฉันไม่ใช่ลูกสมุนของนาย” มัลฟอยเหยียดยิ้มที่มุมปาก เขาลุกขึ้นยืน
 เอามือเท้าพนักเก้าอี้ของเธอไว้ 

“ถ้าเธอเป็นแบบพวกนั้นล่ะก็นะ...ฉันก็คงไม่ยินดีให้เธอมองหน้าฉันนักหรอกน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีจัด 

“ว่าไง..ทำไมเมื่อเช้าไม่ไปเยี่ยมฉันล่ะ ฉันรอเธอตั้งนานนะ” เขามองหน้าเธอเพื่อรอฟังคำตอบ เด็กหญิงจึงโพล่งออกมาว่า 

“คงไม่จำเป็นมั้ง ก็ฉันเห็นพาร์กินสันไปเยี่ยมแล้วนี่” เฮอร์ไมโอนี่เบือนหน้าไปอีกทาง มัลฟอยยิ้มน้อยๆ
 ก่อนจะถามเธอต่อ 

“เธอไม่พอใจเหรอ” 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าง้ำ เธอตอบสั้นๆ 

“เปล่า” 

“ถ้าเธอไม่ชอบ ฉันจะไม่เข้าใกล้เขาอีก” เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หน้าเธอเริ่มมีรอยสีชมพูจางๆ
 ผุดขึ้นมาอีกแล้ว แต่เธอกลับหันไปพูดกับเขาว่า 

“นั่นมันไม่เกี่ยวกับฉัน” เธอจ้องมองดวงตาสีซีดของเขาซึ่งจ้องตอบกลับอย่างล้อเลียน 

“เหรอ.....” เขาทำเสียงได้น่าหมั่นไส้ที่สุดในความรู้สึกของเฮอร์ไมโอนี่ เขายิ้มอย่างยียวนจนเธอแทบจะเอาหนัง
สือตรงหน้าทั้งตั้งทุ่มใส่เขา 

“ฉันก็หลงดีใจ นึกว่าเธอจะหึงฉันซะอีก” ว่าแล้วเขาก็จ้องลึกลงไปในดวงตากลมโตคู่นั้น เด็กหญิงไม่ได้หลบตาเขา 
เธอยังคงจ้องเขากลับด้วยความตกใจในคำพูดของเขา แต่สายตาของมัลฟอยที่จ้องเธอนั้นแสดงถึงความพึงพอใจ
อย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองจ้องมองกันอยู่สักพัก เฮอร์ไมโอนี่ก็หรุบตาลงต่ำพร้อมพึมพำเบาๆ 

“หลงตัวเอง..” 

มัลฟอยไม่พูดว่าอะไร และโดยไม่ได้คาดคิด เขาก้มหน้าลงมาชิดและจุมพิตที่แก้มเธอเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่ไม่ทันตั้งตัว
 เธอมีท่าทีตกใจที่เขาจู่โจมรวดเร็วแบบนี้ มัลฟอยยืดตัวตรงแล้วพูดขึ้น 

“นี่เป็นค่าปิดปากเรื่องการ์ดนั่น” 

แล้วเขาก็รีบเดินออกไป เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขึ้นมาสัมผัสแก้มตัวเองเบาๆ เธอเหม่อมองตามหลังมัลฟอยที่กำลังเดินจากไป
 พลางเริ่มนึกสงสัยในความสัมพันธ์แปลกๆ  ของพวกเขาทั้งสองขึ้นมาบ้างแล้ว 

..................................................................................... 

คาบเรียนปรุงยายังคงเป็นคาบเรียนหฤโหดสำหรับเด็กบ้านกริฟฟินดอร์เหมือนเดิม 

“ลองบัตท่อม ทำไมน้ำยาของเธอถึงเป็นสีน้ำตาลไหม้แบบนั้น!” เสียงสเนปดังขึ้น เนวิลล์ตัวสั่น 

“นี่แปลว่าสิ่งที่ฉันพูดไม่ได้ซึมซาบเข้าไปในกะโหลกหนาๆ ของเธอเลยใช่มั้ย! หักกริฟฟินดอร์ 10 คะแนน!!” 

เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากโต๊ะสลิธีริน เฮอร์ไมโอนี่เหล่ไปมองมัลฟอย ซึ่งกำลังเหลือบมองเนวิลล์อยู่ 

“ปัญญาอ่อน” เขาพูดพร้อมเบ้หน้านิดๆ เป็นเชิงดูถูก แล้วจึงหันกลับไปปรุงยาของตนตามเดิม 

เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เธอคิด และพยายามแอบสอนวิธีปรุงยาที่ถูกต้อง
ให้เนวิลล์เหมือนเคย โดยพยายามระวังไม่ให้สเนปเห็น แต่.. 

“ใครใช้ให้เธอทำตัวอวดรู้สอนลองบัตท่อม หา! เกรนเจอร์!!” สเนปตวาดลั่น 

“หักกริฟฟินดอร์ 5 คะแนน ฐานรู้มากและทำเกินคำสั่ง แล้วเธอ..เกรนเจอร์..” สเนปคำราม 

“ย้ายไปนั่งข้างๆ มิสเตอร์มัลฟอยโน่น!” 

เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง แฮร์รี่กับรอนหันขวับมามองเธออย่างเป็นห่วง มัลฟอยแสยะยิ้มอย่างพอใจ  เขาหันไปยักคิ้วให้
ทั้งสองพร้อมส่งยิ้มอย่างยียวนที่สุดไปให้ รอนกัดกรามแน่น เขารีบหันกลับมาสนใจหม้อปรุงยาต่อ เส้นเลือดที่ขมับ
เต้นตุบๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาไม่โง่ขนาดที่จะมีเรื่องกับมัลฟอยในคาบเรียนของสเนปหรอก 
เฮอร์ไมโอนี่เก็บรวบรวมข้าวของเพื่อย้ายไปทำงานข้างๆ มัลฟอยอย่างเสียไม่ได้ เธอนึกฉุนกับ
ท่าทีพออกพอใจของเขา 

“สเนปนี่รู้ใจฉันจริงๆ” เขากระซิบ เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง 

“ฉันนึกไม่ออกเลยนะ ว่าลองบัตท่อมจะปรุงยาให้สำเร็จได้ยังไงโดยไม่มีเธอคอยบอกบทอยู่ข้างๆ”
 มัลฟอยพูดอย่างสะใจ
 เฮอร์ไมโอนี่หันขวับไปจ้องหน้าเขาเขม็ง เขาเลิกคิ้วมองเธอแล้วยิ้มกวนๆ เด็กหญิงหันกลับมาปรุงยาของเธอต่อ 
เธอเม้มริมฝีปากแน่น พลางเหลือบตาไปมองเนวิลล์อย่างเห็นใจ เพราะตอนนี้เนวิลล์เริ่มลนลานหยิบจับอะไร
ไม่ถูกแล้ว เมื่อสเนปมายืนจ้องจับผิดอยู่ข้างๆ 

“ถ้าเธอแก้ไขน้ำยาในหม้อไม่ถูกต้องล่ะก็นะ ลองบัตท่อม...” สเนปพูดเสียงเย็นเยียบ 

“เธอลืมที่นอนนุ่มๆ ในหอนอนไปได้เลยคืนนี้” 

เนวิลล์หน้าซีด ตัวสั่น และเริ่มทำท่าเหมือนพร้อมจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา เด็กๆ บ้านสลิธีรินหัวเราะคิกคักอย่างสนุก
สนาน ไม่เว้นแม้กระทั่งมัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาเขม็ง 

“พวกนายนี่ใจร้ายจริงๆ” เธอพูดเบาๆ พอให้เขาได้ยิน มัลฟอยเหล่มองเธอยิ้มๆ แล้วพูดว่า 

“ก็มันตลกนี่นะ...หรือเธอว่าไม่..” พูดจบเขาก็ยักไหล่อย่างไม่แยแส และหันไปปรุงยาต่อ เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขาด้วยแวว
ตาขุ่นเคืองอย่างไม่ลดละ มัลฟอยเลิกคิ้ว แล้วหันมามองหน้าเธอ 

“เป็นอะไรไปอีกล่ะเกรนเจอร์ ทำไมไม่ปรุงยาของเธอต่อ หรืออยากให้บ้านเธอโดนหักคะแนนเพิ่มอีก ฉันจะได้สง
เคราะห์ให้” เขาถาม เฮอร์ไมโอนี่รีบหันกลับไปสนใจหม้อยาของเธอทันที แต่แววตาเธอยังคงเต็มไปด้วยความขุ่นใจ 
มัลฟอยเห็นดังนั้นจึงค่อยๆแอบเอามือโอบเอวเธอเบาๆ โดยระวังไม่ให้ใครเห็น เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง เธอหน้าแดงขึ้นมาทันที 
มัลฟอยหันมายิ้มยียวนตามแบบฉบับของเขา เฮอร์ไมโอนี่เอาศอกกระทุ้งเขาแรงๆ ด้วยความโกรธ 

“โอ๊ย!” มัลฟอยร้องอย่างลืมตัว เขาชักมือกลับมากุมท้องตัวเองทันที สเนปได้ยินเสียงมัลฟอยร้องก็รีบหันขวับมามอง 
และเดินตรงไปยังเด็กทั้งสองทันที 

“เธอก่อเรื่องอะไรอีกล่ะทีนี้ มิสเกรนเจอร์” สเนปถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่าฟัง เขาหันมามองมัลฟอยเป็นเชิงถาม 

“เกรนเจอร์เอาศอกมากระทุ้งผมครับ” เขามองหน้าเด็กหญิงอย่างมีชัย 

มัลฟอยรู้ดีว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่มีวันกล้าพูดแน่นอนว่าเธอเอาศอกกระทุ้งเขาเพราะอะไร และเขาเองก็อยากจะแกล้ง
ให้บ้านเธอถูกหักคะแนนเพิ่มขึ้นอีกสัก 5-10 คะแนน 

“หักกริฟฟินดอร์10 คะแนน ฐานหาเรื่องก่อเหตุวิวาทในชั้นเรียนของฉัน....เธอกล้ามากนะเกรนเจอร์..” สเนปคำราม
 เขาส่งรอยยิ้มที่ไม่น่าดูมาที่เธอ  เฮอร์ไมโอนี่หน้าบึ้ง เธอแอบค้อนมัลฟอยพร้อมกัดฟันกระซิบเบาๆ พอให้เขาได้ยิน
คนเดียว ทันทีที่สเนปเดินผละออกไป 

“แสบมากเลยนะมัลฟอย” 

เด็กชายยิ้มอย่างพอใจ เขายักคิ้วให้เธอทีนึง แล้วหันไปคนหม้อยาของตัวเองต่อ เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้พูดกับเขาอีกเลย
ตลอดชั่วโมงนั้น มัลฟอยมีทีท่ากระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ตลอดเวลาจนเธอรู้สึกรำคาญ เด็กหญิงถอนหายใจอย่างโล่งอก
 เมื่อเสียงสัญญาณหมดชั่วโมงดังขึ้น เธอรีบเก็บของๆ เธออย่างรวดเร็ว มัลฟอยมองซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่
มีคนเห็น ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูของเธอว่า 

“หลังอาหารเย็นมาพบฉันที่ทะเลสาบ” เฮอร์ไมโอนี่หันขวับไปจ้องหน้าเขา เธอยังไม่หายขุ่นใจเรื่องที่เขาทำ
ให้เธอถูกหักคะแนน 

“ทำไมฉันจะต้องไปด้วย” เธอแค่นเสียงถามเขา 

“เธอต้องอยากไปแน่นอน” เขาว่าพลางยืดตัวขึ้นแล้วยิ้มมุมปาก 

“ไม่-มี-ทาง” เฮอร์ไมโอนี่เน้นเสียง เขามองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ แล้วพูดเบาๆ ว่า 

“เดี๋ยวก็รู้” แล้วจึงหันไปหยิบสัมภาระของเขาเดินออกไปจากคุกใต้ดิน เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างโกรธๆ 
 ระคนสงสัย แล้วจึงหันไปเก็บของต่อ แล้วเธอก็รีบเดินตามแฮร์รี่กับรอนไปทันที 

เมื่อกลับมาถึงหอนอนกริฟฟินดอร์ เฮอร์ไมโอนี่จัดข้าวของของเธอเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว จึงถอดเสื้อคลุมออก
วางพาดไว้ข้างๆ ตัว แล้วนั่งลงบนเตียง เธอคิดว่าน่าจะเอาไม้กายสิทธิ์ออกมาขัดเสียหน่อย จึงหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาอีกครั้ง
 แล้วล้วงมือเข้าไปหาไม้กายสิทธิ์ของเธอ แต่ปรากฏว่าภายในเสื้อคลุมของเธอว่างเปล่า ไม่มีไม้กายสิทธิ์อยู่ในนั้น
 เด็กหญิงหน้าเสีย เธอพยายามค้นดูอีกหลายครั้ง ทั้งในเสื้อคลุมและรอบๆ บริเวณนั้น แต่ก็ไม่พบ สักพักเธอก็ฉุก
คิดถึงคำพูดของมัลฟอยได้ เฮอร์ไมโอนี่โยนเสื้อคลุมลงบนเตียงอย่างหัวเสีย เธอเจ็บใจที่เสียรู้มัลฟอยอีกจนได้ 
เขาคงหยิบไม้กายสิทธิ์ของเธอไปตอนที่เขาโอบเอวเธอนั่นเอง 

......................................................................................

แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ นั่งลงตรงโต๊ะกริฟฟินดอร์เพื่อรับประทานอาหารเย็น เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองมัลฟอยซึ่ง
กำลังมองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าของผู้ที่เหนือกว่า เขายิ้มเยาะๆ แล้วหลิ่วตาให้เธอทีนึง ก่อนจะหันกลับไป
รับประทานอาหารของเขา เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปาก กระแทกส้อมลงไปที่เนื้อแกะอบอย่างลืมตัว จนรอนหันมามอง
 เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย 

“เอ็นอะไออีกอ่ะ” (เป็นอะไรอีกล่ะ) 

รอนถามขณะกำลังเคี้ยวเนื้อแกะอบอยู่เต็มปาก ส่วนมืออีกข้างก็ถือน่องไก่เตรียมรอไว้ เฮอร์ไมโอนี่ชำเลืองมอง
รอนอย่างเบื่อหน่ายต่อท่าทางการกินของเขา เธอไม่ตอบว่าอะไร ได้แต่หันไปจัดการอาหารตรงหน้าด้วยท่าทางเซ็งๆ
รอนยักไหล่ เขาหันมากัดน่องไก่ในมือ แล้วรีบคว้าอีกน่องไว้ทัน ขณะที่อาหารบนโต๊ะกำลังเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน 

หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อย เฮอร์ไมโอนี่ก็สังเกตเห็นว่า มัลฟอยได้ลุกออกไปจากห้องแล้ว เธอนั่งทำใจอยู่
ครู่หนึ่งจึงลุกตามออกไปบ้าง รอนมองตามแล้วหันไปพูดกับแฮร์รี่ 

“ทายซิว่า เพื่อนผู้แสนฉลาดของพวกเรากำลังจะไปไหน” แฮร์รี่ไม่ตอบ แต่หันไปถามเฮอร์ไมโอนี่แทน 

“ไปห้องสมุดเหรอ” 

“ฮื่อ” เฮอร์ไมโอนี่รับคำสั้นๆ แล้วจึงเดินออกไป 

“ว่าแล้ว..” รอนทำหน้าเซ็งๆ เขาพ่นลมหายใจพรืด แล้วหยิบของหวานเข้าปากอย่างรวดเร็ว 

...................................................................... 

“มาช้าจัง” มัลฟอยพูดขึ้นเมื่อเห็นเด็กหญิงเดินตรงมาที่เขา 

“เอาคืนมา!” เธอไม่สนใจคำพูดของเขา รีบเข้าเรื่องทันที

“อยากได้คืนเหรอ..” เขาถามพลางหยิบไม้กายสิทธ์ของเธอขึ้นมาหมุนเล่น แล้วเหยียดยิ้ม 

“พอไม่มีไม้กายสิทธิ์..เธอก็กลายเป็นมักเกิ้ลธรรมดาๆ นี่เอง” เขาพูดอย่างดูถูก เฮอร์ไมโอนี่ฉุนกึก แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร
 มัลฟอยก็เริ่มพูดต่อ 

“ถ้าอยากได้คืน เธอก็น่าจะทำตัวให้มันน่ารักกว่านี้นะ เกรนเจอร์” 

“นายจะให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ” เธอถามเสียงเขียว มองเขาอย่างไม่ไว้ใจ มัลฟอยไม่ตอบ แต่ชี้ไปที่แก้มของเขา
 เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง เธอเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ก็แกล้งพูดว่า 

“อยากถูกฉันตบอีกทีหรือไง คุณหนูมัลฟอย” 

“ใช่” มัลฟอยตอบ เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่สุด แล้วเดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น 

“...แต่ไม่ใช่ด้วยมือนะ..” แล้วเขาก็เอื้อมมือเอานิ้วไปแตะที่ริมฝีปากของเธอ 

แม้แต่ผมของรอนก็คงไม่แดงเท่าหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ตอนนี้ เด็กหญิงอึกอัก ทำอะไรไม่ถูก
 มัลฟอยมองดูกิริยาของเธออย่างขำๆ 

“ว่าไง...อยากตบฉันอีกรึเปล่า ยัยหัวกระเซิง” เขายิ้มยั่ว แล้วยื่นหน้ามาใกล้เธอพลางหลับตาลง
 เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น เธอเบือนหน้าไปอีกทาง เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายเงียบไป เขาจึงลืมตาขึ้นมอง
 และเห็นว่าเธอหันหน้าไปทางอื่น มัลฟอยดันตัวเด็กหญิงไปชิดต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง แล้วจับไหล่เธอไว้
 เฮอร์ไมโอนี่หันกลับมาหาเขาด้วยสีหน้าหวาดๆ
“จะทำอะไร”
เขาไม่ตอบ แต่มองตาเธอนิ่ง เฮอร์ไมโอนี่พยายามแกะมือของเขาออก แต่ดูเหมือนเธอจะคิดผิด
 เพราะนั่นทำให้มัลฟอยเลื่อนมือมายึดข้อมือทั้งสองข้างของเธอมาตรึงไว้แทน ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ยิ่งหมดทางขัดขืน 

“มัลฟอย ปล่อยฉันนะ” เธอพูดเสียงสั่น 

เขายังคงจ้องหน้าเธอนิ่งอย่างเดิมด้วยแววตาสีซีดคู่นั้น ที่จ้องเขม็งเหมือนจะทะลุทะลวงเข้าไปในจิตใจของเธอให้ได้
 เขาจ้องเธอนิ่งอยู่นานโดยปราศจากคำพูดใดๆ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกอึดอัดที่เขาจ้องเธออยู่อย่างนี้ 
และแล้วเขาก็พึมพำขึ้นมาเบาๆ 

“น่าแปลกนะ” 

เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก มองเขาอย่างแปลกใจ 

“อะไร” 

เธอถามห้วนๆ เขานิ่งไปอีกครั้ง ขมวดคิ้วน้อยๆ เหมือนกำลังใช้ความคิด เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเริ่มหมดความอดทนกับ
บรรยากาศอันชวนอึดอัดนี้แล้ว เริ่มพูดด้วยเสียงไม่พอใจว่า 

“นี่นายจะเอายังไงกับฉันกันแน่ มัลฟอย” เขานิ่งไปอีกซักพักก็พูดขึ้น 

“ยังจำได้ดีนี่นะ ที่เธอเคยตบฉัน” เขาพูดพลางจ้องตาเธออย่างเอาเรื่อง เฮอร์ไมโอนี่ตกใจ และเริ่มกังวลใจขึ้นมานิดๆ 

“แล้วทำไม” เธอพยายามบังคับเสียงให้ดูเป็นปกติที่สุด 

“ฉันว่า....ฉันน่าจะตบเธอคืนนะ..” เขาตอบเสียงเย็น หรี่ตาลงเล็กน้อย 

“แล้วฉันถึงจะคืนไม้กายสิทธิ์ให้เธอ....ดีมั๊ย..” เฮอร์ไมโอนี่อึ้ง เธอหน้าซีด 

“อยากได้ไม้กายสิทธิ์คืนรึเปล่า” เขาถามอีก เฮอร์ไมโอนี่เงียบ เธอกำลังชั่งใจ เพราะแน่นอน เธอย่อมอยากได้
ไม้กายสิทธิ์คืน แต่เธอก็กลัว ที่จะต้องถูกเขาตบ 

“...อยากได้สิ..แต่..นาย..เอ่อ..จะตบฉัน...จริงๆ น่ะเหรอ..” เธออึกอัก 

“อืม..” เขารับคำในลำคอเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลาย 

“อย่าแรงนักนะ...ได้มั้ย..” เธอพูดเสียงสั่น พยายามทำใจดีสู้เสือ ริมฝีปากมัลฟอยกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มนิดๆ 

“ได้สิ...ฉันไม่รุนแรงแน่นอน..เกรนเจอร์” 

พูดจบ เขาก็ปล่อยข้อมือของเธอแล้วเงื้อมือขึ้น เฮอร์ไมโอนี่หลับตาปี๋ด้วยความกลัว แต่แล้วก็ใจหายวาบ
 เมื่อรู้สึกว่ามีสิ่งหนึ่งมาสัมผัสที่ริมฝีปากของเธอ เธอลืมตาขึ้นมองอย่างตกตะลึง มัลฟอยประกบริมฝีปากของเขา
เข้ากับเธออย่างแผ่วเบา เขาเริ่มขยับริมฝีปากช้าๆ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงความอบอุ่นและนุ่มนวลที่ถูกถ่ายทอด
มาทางริมฝีปากซีดเซียวนั้น มัลฟอยค่อยๆ คลายริมฝีปากออกมาจากเธอเบาๆ เขามองหน้าเธอแว่บหนึ่ง
 ก่อนจะหยิบไม้กายสิทธิ์มาใส่มือเธอพร้อมพูดเบาๆ ว่า 

“เราหายกันแล้วเรื่องตบ” 

แล้วเขาก็รีบเดินผละจากไป ทิ้งให้เฮอร์ไมโอนี่ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นนั่นเอง 

*****3*****

มัลฟอยนั่งเหม่อมองไฟในเตาผิงที่ลุกโชนอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมบ้านสลิธีริน เขากำลังนึกทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
 เด็กชายไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ตลอดคืน เพราะความคิดของเขาวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
 เขารู้สึกสับสนและไม่เข้าใจตัวเองว่าเขาทำแบบนั้นทำไม แถมกับคนที่เขาเหยียดหยามว่าเป็นพวก 
“เลือดสีโคลน” และนึกแปลกใจที่ระยะหลังมานี้ เขารู้สึกว่าการที่ได้ปะทะคารมกับเฮอร์ไมโอนี่เป็นสิ่งที่
เขาตั้งตารอให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ เขามักจะกวาดสายตามองหาเธอตามทางเดินต่างๆ เพียงเพื่อได้เข้าไปพูดจาหาเรื่อง
เธอและเพื่อนๆ เขาก็จะรู้สึกดี และมักจะรู้สึกเหมือนมีอะไรขาดหายไปเสมอ ถ้าวันไหนไม่ได้เจอะเจอ 
หรือมีเรื่องโต้เถียงกับเธอ มันเหมือนกับว่า เฮอร์ไมโอนี่ได้มาเติมเต็มส่วนที่เหมือนจะขาดหายไปในแต่ละวันของเขา 

มัลฟอยค่อยๆ ไล้นิ้วไปตามเรียวปากบางซีดของเขาอย่างลืมตัว นัยน์ตาสีซีดของเขายังคงมองอย่างเลื่อนลอยไปยัง
กองไฟในเตาผิงที่เต้นระริกอยู่ตรงหน้า พลางนึกถึงรสสัมผัสที่เขาได้รับจากเธอ แล้วเขาก็เริ่มรู้สึกเหมือนเลือด
สูบฉีดขึ้นมารวมอยู่ที่ใบหน้า เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นกระตุกอย่างไม่เป็นจังหวะ ‘เธอจะรู้สึกยังไงบ้างนะ’ เขาคิด 
และเริ่มรู้สึกว่า เฮอร์ไมโอนี่คงจะต้องตีหน้าลำบากแน่ๆ เวลาที่ต้องเจอหน้าเขา มัลฟอยตัดสินใจว่า
 เขาจะต้องพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อเฮอร์ไมโอนี่จะได้ไม่อึดอัดใจ 
และคนอื่นๆ จะได้ไม่สงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอด้วย 

“นายตื่นนานแล้วเหรอมัลฟอย” เสียงแครบดังขึ้น ปลุกมัลฟอยให้ตื่นจากภวังค์ เขาสะดุ้งนิดๆ 
แล้วหันไปมองต้นเสียง ก็เห็นสมุนร่างยักษ์ทั้งสองของเขากำลังเดินงุ่มง่ามลงมาจากบันไดหอนอน 

“อืมม์..”  เขารับคำเบาๆ ในลำคออย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก 

“รีบไปทานอาหารเช้ากันเถอะมัลฟอย ฉันหิวจะแย่แล้ว” กอยล์พูดขึ้นบ้าง มัลฟอยทำหน้าเซ็งๆ แต่ก็ลุกออกไปโดยดี 

พอไปถึงโถงทางเข้า เขาก็เจอกับเฮอร์ไมโอนี่ ที่กำลังเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่พร้อมกับเพื่อนทั้งสองของเธอ
 มัลฟอยเบ้ปากให้รอนกับแฮร์รี่ แล้วชำเลืองสายตาไปทางเฮอร์ไมโอนี่เล็กน้อย เมื่อเด็กหญิงเห็นเขา เธอก็รีบหันหน้า
หนีทันที มัลฟอยสังเกตเห็นว่า มีรอยสีชมพูจางๆ ปรากฏขึ้นตรงแก้มของเธอ แล้วเธอก็รีบเดินนำหน้าเพื่อนทั้งสอง
เข้าไปทันที เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อเห็นกิริยาของเฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่กับรอนหันมาเห็น แต่พวกเขาตีความหมาย
รอยยิ้มของมัลฟอยไปอีกอย่าง 

“นายยิ้มอะไร” รอนตะคอก และมองหน้ามัลฟอยอย่างเอาเรื่อง แต่ก็ต้องแปลกใจ ที่มัลฟอยเพียงแต่ส่งสายตาชิงชัง
มาที่พวกเขา แล้วเดินผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ปริปากเลยซักคำ วันนี้เขาอารมณ์ดีเกินกว่าจะมามีปากเสียงกับพวกแฮร์รี่
 แครบกับกอยล์ก็ดูจะงงงันกับท่าทางของลูกพี่ตัวเองไม่น้อย ทั้งสองหันมาทำหน้าข่มขู่รอนกับแฮร์รี่
 ก่อนจะรีบเดินตามมัลฟอยเข้าไปอย่างรวดเร็ว แฮร์รี่กับรอนหันมามองหน้ากัน แล้วยักไหล่อย่างไม่เข้าใจ 
และเดินเข้าไปในห้องโถงเพื่อรับประทานอาหารเช้าอย่างงงๆ 

มัลฟอยนั่งลงที่โต๊ะสลิธีริน เขาชายตามองไปทางเฮอร์ไมโอนี่ ก็เห็นว่าเด็กหญิงกำลังก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร
ของเธออย่างรีบเร่ง โดยพยายามไม่เงยหน้าขึ้นมามองเขา แต่แล้วก็อดเหลือบๆ ไปไม่ได้ เมื่อเธอเห็นเขากำลังจ้องมาทาง
เธอ เฮอร์ไมโอนี่ก็สะดุ้งโหยง แล้วรีบก้มหน้ารับประทานอาหารของเธอต่อไป มัลฟอยเห็นกิริยาของเธอก็ยิ้มมุมปากนิดๆ
 ก่อนจะลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าของตัวเองบ้าง 

"เดรโก...เมื่อวานเธอไปไหนมา..ฉันหาเธอทั่วปราสาทก็ไม่เจอ" เสียงแหลมแสบแก้วหูของแพนซี่ดังขึ้น
 มัลฟอยหน้าบึ้งทันที 

"นั่นมันเรื่องของฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ 
"แล้วก็อย่าเรียกฉันว่าเดรโกอีก เธอไม่มีสิทธิ์!" เด็กชายกระแทกเสียง แพนซี่จึงหน้าเจื่อนไป 

เฮอร์ไมโอนี่รับประทานอาหารของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอแอบชำเลืองมองมัลฟอยแว่บหนึ่ง ก่อนจะลุกเดินไป
ห้องสมุด มัลฟอยหันมามองตามเธอไป พลางตักข้าวโอ๊ตต้มเข้าปากช้าๆ อย่างใจลอย 

ระหว่างทาง เฮอร์ไมโอนี่พบ พีฟส์  ผีโพลเตอร์ไกส์ที่นิสัยน่ารังเกียจที่สุด กำลังหมุนตัวเล่นอยู่ตรงสุดทางเดินที่
จะเลี้ยวไปห้องสมุด เด็กหญิงทำหน้าเซ็งๆ เธอไม่อยากเดินผ่านผีเกเรตัวนี้เลย เธอจึงตัดสินใจหมุนตัวกลับ 
ตั้งใจว่าจะกลับหอนอน เจ้าพีฟส์ก็หันมาเห็นเข้าพอดี 

"ฮั่นแน่!!!" พีฟส์พุ่งตัวมาที่เฮอร์ไมโอนี่ทันที 

"ไม่ไปห้องตะหมุดเหรอ ยายหนอนหนังสือหัวฟู" มันแสยะยิ้มอย่างประสงค์ร้าย เด็กหญิงไม่ตอบ เรื่องอะไรจะต้อง
มามีเรื่องกับผี คิดดังนั้นแล้วเธอก็เชิดหน้าเดินผ่านพีฟส์ไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่เจ้าพีฟส์ก็ไม่มีทางยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ
 มันเริ่มไม่พอใจที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจ จึงรีบตามไปตอแยเธอทันที 

"ยายเด็กน่าเกลียด ไม่มีมารยาท! ยายหัวกระเซิงเซ่อซ่า!!" พีฟส์ทำเสียงล้อเลียนเธอ และรีบพุ่งตัวมาขวางหน้าเธอไว้
 เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนกลับด้วยความรำคาญ 

"อย่ามายุ่งกับฉันน่ะ พีฟส์!" พีฟส์กลอกตาล้อหลอกเธออย่างได้ใจ มันหมุนตัวขึ้นไปเหนือศีรษะเธอ 3-4 รอบ
 ก่อนจะทิ้งตัวลงมาด้วยความรวดเร็วพร้อมตะโกนก้องว่า 

"ยายเด็กเลือดสีโคลนโสโครก!!!" แล้วมันก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น เฮอร์ไมโอนี่โกรธจนตัวสั่น
 พีฟส์เห็นว่ากำลังได้ที จึงลอยวนไปวนมารอบๆ ตัวเธอ เพื่อยั่วโมโหเฮอร์ไมโอนี่ แต่ยังไม่ทันที่มันจะได้ทำอะไรต่อ
 เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้น 

"หยุดอยู่แค่นั้นแหละพีฟส์ ไม่งั้นฉันให้บารอนเลือดมาจัดการกับแกแน่!" เขาพูดเสียงเฉียบ เด็กหญิงหันขวับไป
มองต้นเสียง มัลฟอยสบตาเธอแว่บหนึ่ง แล้วหันกลับไปจ้องพีฟส์เขม็ง 

"แกไม่มีสิทธิ์มาเรียกเกรนเจอร์แบบนั้น ไอ้ผีชั้นต่ำ!" เขาตะเบ็งเสียงใส่พีฟส์อย่างมีอารมณ์ 
พีฟส์แลบลิ้นใส่เขาพร้อมตะโกนลั่น 

"ไอ้เด็กซีด!" แล้วรีบพุ่งตัวไปอีกทางอย่างรวดเร็ว 

"เฮอะ!" เขาเบ้หน้าอย่างดูถูก แล้วหันมาหาเฮอร์ไมโอนี่ 

เด็กหญิงรู้สึกเคอะเขินเมื่อสบตากับเขา มัลฟอยก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงไว้ท่า เด็กชายแอบสูดลมหายใจลึกๆ 
ก่อนจะถามเธอว่า 

"ไม่มีอะไรจะทำแล้วหรือไงเกรนเจอร์ ถึงได้มาทะเลาะกับผีน่ะ" เฮอร์ไมโอนี่นึกฉุน
 เธอเม้มริมฝีปาก แล้วพูดใส่หน้าเขา 

"ก็ยังดีกว่าต้องมาทะเลาะกับนายแหละน่า" ว่าแล้วเธอก็หมุนตัวกลับไปยังทิศตรงข้าม มุ่งหน้าสู่ห้องสมุด
 มัลฟอยรีบตะโกนไล่หลัง 

"ขอบใจนะเกรนเจอร์ ที่ให้ฉันช่วยไล่พีฟส์ไปให้น่ะ" เฮอร์ไมโอนี่ชะงักฝีเท้า เธอรู้ว่าเขาพูดประชด
 ที่เธอไม่ได้ขอบคุณที่เขาช่วยไล่พีฟส์เมื่อครู่ เด็กหญิงหันมามองเขา แล้วยิ้มอย่างยียวนเลียนแบบเขาบ้าง 

"ด้วยความยินดีย่ะ นายซีด!" แล้วเธอก็กลับหลังหัน เดินตรงสู่ห้องสมุดต่อไป มีรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนแก้ม
ที่เริ่มมีสีชมพูระเรื่อนิดๆ ของเธอ มัลฟอยมองตามเธอไป เขาอมยิ้มน้อยๆ และนึกพอใจที่เหตุการณ์ครั้งนี้
 ทำให้ความอึดอัดที่มีต่อกันเบาบางลงบ้าง..
...........................................................................................

เฮอร์ไมโอนี่ปิดหนังสือที่กำลังอ่านอยู่อย่างเหม่อๆ เธอไม่มีสมาธิพอที่จะอ่านหนังสือเล่มหนาตรงหน้าได้
 เด็กหญิงมองไฟในเตาผิงที่ห้องนั่งเล่นรวมบ้านกริฟฟินดอร์ด้วยดวงตาเหม่อลอย แฮร์รี่กับรอนกำลังนั่งเล่นหมากรุก
พ่อมดอยู่ จึงไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีอันผิดปกติของเพื่อนหญิงของพวกเขา เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกโล่งใจที่วันนี้ทั้งวัน
ไม่มีเรียนกับบ้านสลิธีรินเลย ถึงแม้ความรู้สึกอึดอัดเวลาที่จะต้องพบหน้ามัลฟอยจะลดลงไปบ้างแล้วก็ตาม
 แต่เธอก็ยังคงห้ามตัวเองไม่ให้ใจเต้นแรงทุกครั้งที่เจอเขาไม่ได้ โดยเฉพาะเวลาที่เขามองเธอด้วยดวงตาสีซีดคู่นั้น 
เด็กหญิงยังคงไม่เข้าใจว่าระยะหลังนี้ ทำไมความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงเป็นไปในลักษณะนี้ได้
 เธอเคยนึกสงสัยว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นแผนการณ์ที่เขาก่อขึ้นเพื่อกลั่นแกล้งเธอก็ได้
 แต่เมื่อนึกถึงสายตาที่เขามองมาทุกครั้งนั้น เธอรู้สึกว่ามันสื่อความหมายบางอย่าง และมัลฟอยก็ไม่ได้มอง
เธอด้วยสายตาดูถูกอย่างที่เขาเคยทำมาตลอดแล้วด้วย แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่า นิสัยที่ชอบเหยียดหยามคน
อื่นของเขาจะเปลี่ยนไปเลย สังเกตได้จากการปฏิบัติตัวต่อเด็กคนอื่นๆ โดยเฉพาะเพื่อนรักทั้งสองของเธอ
 เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เด็กหญิงก็ถอนใจพรืด เฮอร์ไมโอนี่กำลังเริ่มวิตกกังวลว่า การที่เธอเริ่มมีความสัมพันธ์แปลกๆ 
กับมัลฟอย จะรู้ไปถึงหูแฮร์รี่กับรอน เธอนึกไม่ออกเลยว่าสองคนนั้นจะพูดว่าอะไรกับเธอบ้าง 
แต่ที่แน่ๆ ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน และเธอจะไม่มีวันบอกพวกเขาเด็ดขาด 

ความกังวลใจดังกล่าว ไม่ได้เกิดกับเฮอร์ไมโอนี่แต่เพียงผู้เดียว มัลฟอยเองก็กังวลใจไม่แพ้เธอ 
อาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ 
เพราะถ้าผู้เป็นพ่อของเขาล่วงรู้ว่าเขาหันไปสนใจคนที่ไม่ใช่พวก "เลือดบริสุทธิ์" ล่ะก็ พ่อเขาคงไม่อยู่เฉยแน่
 เด็กชายกุมขมับ 

"บ้าเอ๊ย!" 

เขาสบถกับตัวเองเบาๆ เขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และไม่เข้าใจว่าความรู้สึกเหล่านี้คืออะไร เท่าที่รู้ 
ตอนนี้เขาสนใจในตัวเฮอร์ไมโอนี่มาก เขารู้สึกดีกับเธอมากกว่าเมื่อก่อน และเริ่มอยากใกล้ชิดเธอมากขึ้น
 ทุกครั้งที่อยู่กันตามลำพัง เขาต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตนเองอย่างยากลำบากที่จะไม่เผลอจูบเธอ 
แต่เขาก็ทำไปแล้ว และอยากจะทำอีกทุกครั้งที่พวกเขาอยู่กันสองต่อสอง เขาคิดว่า เขาคงจะต้องเป็นพวกโรคจิต
 หรือมีความผิดปกติอะไรซักอย่างแน่ๆ แต่เขาก็ไม่รู้จะห้ามหัวใจที่มันเรียกร้องอยู่ตลอดเวลาได้อย่างไร

มัลฟอยลุกขึ้นเดินตรงไปยังบันไดขึ้นสู่หอนอนของเขา เขารู้ว่าคืนนี้คงเป็นคืนที่ยากลำบากอีกคืนสำหรับเขา...ใช่...
เขานอนไม่ค่อยหลับตั้งแต่ครั้งที่เขาถูกกักบริเวณกับเฮอร์ไมโอนี่แล้ว เรื่องราวทั้งหมด เริ่มมาตั้งแต่คราวนั้นสินะ.
.เขาคิด มัลฟอยหยิบการ์ดภาพปโทเลมีออกมาจากลิ้นชัก เขามองภาพนั้นนิ่ง จิตใจล่องลอยไปหาคนที่มอบ
ภาพนี้ให้กับเขา เด็กชายถอนหายใจ เขาเลื่อนลิ้นชักออกมาอีกครั้ง เพื่อเก็บการ์ดไว้อย่างเดิม ก่อนจะล้มตัวลงนอน
 พลางนึกถึงวันใหม่ที่กำลังจะมาถึงอย่างเลื่อนลอย...

*****4*****


ค่ำนี้ เด็กทุกคนคึกคักเป็นพิเศษ เพราะเป็นวันที่นักเรียนจากโบซ์บาตง และเดิร์มสแตรงก์กำลังจะเดินทางมาถึง
 ประธานนักเรียนของแต่ละบ้านต่างก็ช่วยกันจัดแถวให้เด็กนักเรียนทุกคน โดยมีศาสตราจารย์มักกอนนากัลคอย
ตรวจตราความเรียบร้อยอีกทีหนึ่ง 



เมื่อทุกอย่างเป็นระเบียบดีแล้ว พรีเฟ็คก็จัดแจงให้เด็กๆ เดินเรียงแถวมาอยู่หน้าปราสาท เพื่อรอต้อนรับนักเรียนต่าง
แดนที่กำลังจะมาถึง พวกนักเรียนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอการมาของเพื่อนต่างโรงเรียนอย่างตื่นเต้น
 ความมืดเริ่มโรยตัวลงมาทีละนิด ไม่นานคณะของโบซ์บาตงก็มาถึงด้วยรถม้า ซึ่งม้ามีปีกพันธุ์พาโลมิโนสี
ทองตัวเท่าช้าง 12 ตัวลากมา เด็กๆ ส่งเสียงฮือฮาด้วยความทึ่ง จากนั้นไม่นาน คณะจากเดิร์มสแตรงก์ก็มาถึงเช่นกัน
พวกเขาเดินทางมาโดยเรือขนาดยักษ์ที่โผล่พ้นมาจากทะเลสาบของฮอกวอตส์นั่นเอง

เมื่อคณะอาจารย์และนักเรียนจากโบซ์บาตงและเดิร์มสแตรงก์ออกมายืนเรียงแถวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 
บรรดาอาจารย์ก็สั่งให้พรีเฟ็คนำแถวเด็กๆ ให้เดินตรงไปสู่ห้องโถงใหญ่ เพื่อรับประทานอาหารค่ำ 
ซึ่งอาหารมื้อนี้ถือเป็นการเลี้ยงรับรองแขกจากต่างแดนไปในตัวด้วย 

หลังจากที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์กล่าวต้อนรับพอเป็นพิธีเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็เริ่มลงมือรับประทานอาหาร 
ซึ่งอาหารในวันนี้ มีความพิเศษแตกต่างจากปกติมาก มีอาหารหลากหลายเพิ่มมากขึ้น มีอาหารต่างชาติที่เด็กๆ 
ไม่รู้จักอยู่หลายชนิด แต่รอนก็ไม่ใคร่จะใส่ใจนัก เขายังคงรีบตักอาหารทุกอย่างใส่จานตัวเองอย่างน่ากลัวไม่เปลี่ยน
 และแทบจะไม่มองเพื่อนต่างโรงเรียนเลย นอกจากวิกเตอร์ ครัม ซีกเกอร์ทีมบัลแกเรีย ที่มาจากโรงเรียนเดิร์ม
สแตรงก์เท่านั้น 

หลังจากที่รอนตะลุมบอนกับอาหารตรงหน้าได้สักพัก เขาก็เริ่มเงยหน้าขึ้นมองสภาพแวดล้อมบ้าง
 เด็กชายมองไปทางกลุ่มนักเรียนจากโบซ์บาตง แล้วก็ต้องตกตะลึงตาค้าง น่องไก่หลุดออกจากมือเขาทันที 
เฮอร์ไมโอนี่หันมองตามสายตาของเขาอย่างแปลกใจ ว่ายังมีอะไรที่ทำให้เขาสนใจได้มากกว่าการกินอีก
 เพราะรอนไม่ใช่คนที่จะยอมปล่อยให้อาหารหลุดออกจากมือง่ายๆ 

สิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่เห็นคือ เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งของโบซ์บาตง ซึ่งขณะนี้ เธอปลดผ้าคลุมผมออก
 เผยให้เห็นผมยาวสีเงินสุกสว่าง ตาโตสีน้ำเงินเข้ม ผิวขาวสะอาด หน้าตาสะสวยมาก เฮอร์ไมโอนี่หันกลับไป
มองเพื่อนของเธอซึ่งตอนนี้กำลังมองตาค้าง เขาเริ่มครางเหมือนเพ้อ 

“เธอเป็นวีล่า..” 
เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างรำคาญใจ 

“ไม่ใช่หรอก ฉันไม่เห็นคนอื่นอ้าปากหวอมองจนตาค้างเหมือนเธอสักหน่อย” เธอว่า แต่เด็กหญิงก็รู้ว่าที่เธอพูดนั้น
ไม่ถูกนัก เพราะตอนนี้ นักเรียนส่วนใหญ่ทั้งชายและหญิงเริ่มมองตามเด็กคนนั้น และดูเหมือนทุกคนจะตกตะลึงไปตามๆ
 กัน 

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกไม่ค่อยพอใจ ที่เพื่อนของเธอดูจะตื่นเต้นกับเด็กหญิงต่างโรงเรียนแบบนั้น เธอเบ้หน้านิดๆ 
แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ 

“เชอะ..พวกผู้ชาย..” แต่แล้วเธอก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรได้ แล้วรีบหันขวับไปทางฝั่งสลิธีริน 

มัลฟอยกำลังทำสีหน้าเบื่อหน่ายสุดขีด ดูเขาจะไม่สนใจเลยซักนิด ว่าเพื่อนต่างโรงเรียนจะมีหน้าตาอย่างไร
 เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอย่างลืมตัว เธอรู้สึกดีใจที่เขาไม่ตื่นเต้นไปกับเด็กนักเรียนหญิงของโบซ์บาตงเหมือนคนอื่นๆ 
ที่จริงเขาอ้าปากหาวนิดๆ ด้วยซ้ำ สมกับเป็นมัลฟอยจริงๆ เธอคิดอย่างพอใจ แล้วก็นึกโมโหตัวเองที่ไปดีใจกับ
เรื่องแบบนี้

มัลฟอยหันมามอง เห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังอมยิ้มมองมาทางเขา เด็กชายรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ยิ้มตอบพร้อมหลิ่วตา
ให้เธออย่างมีความหมาย เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง เธอรีบหันหน้ากลับทันที รู้สึกเสียหน้าที่ไปแสดงกิริยาแบบนั้นให้เขาเห็น 
มัลฟอยยังคงมองเธออย่างพอใจอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าตัวเองต่อเหมือนเดิม 

………………………………………………………. 

และแล้วก็ถึงวันที่ถ้วยอัคนีจะประกาศรายชื่อตัวแทนทั้งสามที่จะได้เข้าร่วมการประลองเวทย์ไตรภาคี เด็กๆ ต่างตื่นเต้น
 เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กดังลั่นไปหมด ดูเหมือนทุกคนจะตั้งหน้าตั้งตารอผลการประกาศมากกว่าอาหารตรงหน้ามาก
กว่าทุกครั้ง ถึงแม้จะยังคงมีเด็กนักเรียนบางคน เช่น รอน แครบ และ กอยล์ ที่ยังคงสนใจอาหารมากกว่าเหมือน
เดิมก็ตาม  

ทุกคนในห้องโถงเงียบกริบทันที ที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ลุกขึ้นยืน และบอกทุกคนว่าถึงเวลาประกาศชื่อตัวแทน
ทั้งสามแล้ว

ทันใดนั้น เปลวไฟในถ้วยกลายเป็นสีแดง ลูกไฟปะทุออกมา และมีกระดาษแผ่นหนึ่งลอยออกมาจากถ้วย 
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์คว้ากระดาษไว้ได้ เขาหยิบมาอ่านดู และประกาศว่า 

“ตัวแทนจากเดิร์มสแตรงก์ คือ….” เขาเน้นเสียงหนักแน่น 

“วิกเตอร์ ครัม!!” 

ทุกคนปรบมือ มีเสียงร้องเชียร์ดังขึ้นทั่วห้องโถง ครัมลุกจากโต๊ะสลิธีริน เดินไปตามแนวโต๊ะของอาจารย์และ
ผ่านประตูหายเข้าไปในห้องติดกัน 

สักพัก กระดาษชิ้นที่สองก็พุ่งขึ้นมาอีก 

“ตัวแทนของโบซ์บาตง คือ..” ดัมเบิลดอร์เว้นจังหวะ ก่อนจะประกาศต่อด้วยเสียงอันดัง “เฟลอร์ เดอลากูร์” 

“ผู้หญิงคนนั้นล่ะ รอน!” แฮร์รี่ตะโกนอย่างตื่นเต้น รอนชะงักมองตามเธอไป นักเรียนชายคนอื่นๆ
 ก็มีท่าทางไม่ต่างกันเท่าไรนัก เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองมัลฟอยทันที แล้วเธอก็ถอนใจอย่างโล่งอก
 ที่เห็นเขากำลังนั่งเท้าคางอย่างเบื่อๆ และไม่ได้สนใจมองเด็กหญิงคนนั้นเลยแม้แต่น้อย 

หลังจากที่ เฟลอร์ เดอลากูร์ เดินเข้าไปยังห้องข้างๆ แล้ว กระดาษแผ่นที่สามก็พุ่งขึ้นมา 

“ตัวแทนฮอกวอตส์…..” ดัมเบิลดอร์ประกาศ “คือ เซดริก ดิกกอรี่!!” 

เสียงกึกก้องดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว เด็กบ้านฮัฟเฟิลพัฟทุกคนกระโดดลุกยืนขึ้นด้วยความยินดีเป็นที่สุด
 เสียงปรบมือดังอยู่เนิ่นนานพอดู จนในที่สุด ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็กล่าวว่า 

“เอาละ..บัดนี้ เราก็ได้ตัวแทนทั้งสามคนแล้ว ฉันแน่ใจว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากพวกเธอทุกคน…..” 

จู่ๆ ดัมเบิลดอร์ก็หยุดพูด ทุกคนเงียบกริบ เพราะไฟในถ้วยกลายเป็นสีแดงอีกครั้ง กระดาษอีกชิ้นหนึ่งพวยพุ่งออกมา
 ดัมเบิลดอร์เอื้อมมือไปคว้ากระดาษแผ่นนั้นไว้ เขามองชื่อที่ปรากฏอยู่ในกระดาษนั้นแล้วนิ่งไป ทั่วทั้งห้องโถงเงียบกริบ
ทุกคนจ้องมองไปที่เขาเป็นตาเดียว และแล้วดัมเบิลดอร์ก็กระแอมขึ้น ก่อนจะอ่านออกเสียงว่า 

“แฮร์รี่ พอตเตอร์” 

คนทั้งห้องโถงตกตะลึง แม้แต่ตัวแฮร์รี่เอง เขานั่งหน้าชาตัวแข็งอยู่ตรงนั้น สายตาทุกคู่เปลี่ยนมาจับจ้องที่เขาทันที 
ไม่มีเสียงปรบมือสักแปะ 

“แฮร์รี่ พอตเตอร์” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เรียกเขาอีกครั้ง 

“แฮร์รี่ พอตเตอร์! โปรดออกมาตรงนี้ด้วย” 

“ไปสิ!” เฮอร์ไมโอนี่ผลักแฮร์รี่เบาๆ เขาหันมามองหน้าเพื่อนทั้งสอง 

“ฉันไม่ได้ใส่ชื่อลงไป เธอสองคนก็รู้ว่าฉันไม่ได้ใส่!” เขาพูดงงๆ รู้สึกคอแห้งผากด้วยความตระหนก 

“แต่ยังไงเธอก็ต้องไปอยู่ดี แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่เตือนเขา 

แฮร์รี่ลังเลอยู่พักนึง จึงตัดสินใจเดินออกไป เฮอร์ไมโอนี่แอบเหลือบไปมองมัลฟอย
 ซึ่งกำลังหรี่ตามองมาทางแฮร์รี่อย่างสงสัย และหันมามองหน้าเธอด้วยสายตาที่แสนจะเย็นชา 

………………………………………………………………… 

ถ้าไม่นับรวมวิชาพยากรณ์ศาสตร์ คาบเรียนวิชาปรุงยาเป็นคาบเรียนที่เลวร้ายที่สุดสำหรับแฮร์รี่ 
หลังจากที่มีการประกาศรายชื่อตัวแทนแล้ว 

เฮอร์ไมโอนี่เดินมากับแฮร์รี่สองคน รอนไม่ได้มากับพวกเขาด้วย เขาโกรธแฮร์รี่เพราะเข้าใจผิดเรื่องการเป็นตัวแทน
โรงเรียนเหมือนกับคนอื่นๆ ตอนนี้แฮร์รี่จึงมีแต่เฮอร์ไมโอนี่เท่านั้นที่เชื่อเขา และไปไหนมาไหนกับเขาตลอดเวลา
 เฮอร์ไมโอนี่เองก็แทบจะไม่ห่างแฮร์รี่เลย เพราะความสงสารและเป็นห่วงเพื่อน แต่นั่นก็สร้างความไม่พอใจ
ให้กับมัลฟอยเป็นอย่างมาก 

เมื่อทั้งสองเดินมาถึงหน้าห้องเรียนวิชาปรุงยา ก็พบว่าพวกบ้านสลิธีรินมาดักรออยู่ก่อนแล้ว
 ทุกคนติดเข็มกลัดอันใหญ่ไว้บนเสื้อคลุม ทุกอันมีข้อความเหมือนกันหมด มันเป็นตัวหนังสือให้ร่วมเชียร์ 
เซดริก ดิกกอรี่ ตัวแทนฮอกวอตส์ตัวจริง 

“ชอบไหม พอตเตอร์” มัลฟอยถามเสียงดัง 

“ไม่หมดแค่นี้นะ ดูให้ดี!” เขากดเข็มกลัดที่อก ข้อความเปลี่ยนไปทันที กลายเป็นคำว่า “พอตเตอร์ห่วย” 

แพนซี่ พาร์กินสัน กับแก็งค์นักเรียนหญิงบ้านสลิธีรินหัวเราะเสียงดังกว่าใคร เฮอร์ไมโอนี่เหลือบมองอย่างดูแคลน 

“โอ๊ย ขำตายแล้ว เข้าใจคิดจริงนะ” เธอกระแทกเสียงใส่แพนซี่ มัลฟอยหันขวับมามองเฮอร์ไมโอนี่ทันที
 เขารู้สึกไม่พอใจที่เธอปกป้องแฮร์รี่ 

“อยากได้สักอันไหม เกรนเจอร์” เขาถามพลางยื่นเข็มกลัดให้ 

“ฉันมีเยอะเลย แต่อย่าโดนมือฉันล่ะ ฉันเพิ่งล้างมือมา” เขาแกล้งเย้ยหยันเฮอร์ไมโอนี่ เพราะโกรธที่เธอทำท่าทีเข้า
ข้างแฮร์รี่ต่อหน้าเขา แต่แล้วนั่นก็ทำให้เกิดเรื่องขึ้น เมื่อแฮร์รี่โกรธจัดจนทนไม่ไหว เขาล้วงไม้กายสิทธิ์ออกมา
 มัลฟอยเห็นดังนั้นจึงดึงไม้กายสิทธิ์ของเขาออกมาบ้าง 

“เอาเลยซิ พอตเตอร์ ถ้านายแน่จริง” เขาพูดเย้ยหยัน 

“เฟอร์นันคูลัส!” แฮร์รี่ร้องตะโกน 

“เด็นเซากีโอ!” มัลฟอยแผดเสียงลั่น 

ลำแสงพุ่งออกมาจากไม้กายสิทธิ์ทั้งสองอันและชนกันกลางอากาศ ก่อนจะสะท้อนกลับมาในมุมกลับกัน
 ลำแสงของแฮร์รี่โดนใบหน้าของกอยล์เต็มที่ กอยล์ร้องโหยหวน มีฝีหนองขนาดใหญ่น่าเกลียดปูดออกมาจากจมูก
ของเขา 

ส่วนของมัลฟอยโดนเฮอร์ไมโอนี่ เธอร้องครวญครางอย่างตกใจ พลางยกมือขึ้นปิดปากไว้ 

“เฮอร์ไมโอนี่!!” รอนร้องลั่น พลางรีบวิ่งมาดูว่าเธอเป็นอะไร 

เมื่อมัลฟอยเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ตกใจแทบสิ้นสติ รู้สึกเย็นวูบไปถึงสันหลัง เขาพยายามบังคับตัวเองให้แสยะ
ยิ้มใส่แฮร์รี่อย่างยากลำบาก เพื่อไม่ให้ใครสงสัย แต่โชคร้ายที่เฮอร์ไมโอนี่เหลือบมาเห็นเข้าพอดี
 เธอตะลึงที่เห็นมัลฟอยทำหน้าเหมือนสะใจที่เธอเป็นแบบนี้ มัลฟอยเองก็ตกใจไม่น้อย ที่เฮอร์ไมโอนี่หันมามองเขา
ในขณะนั้นพอดี 

ตอนนี้ฟันของเฮอร์ไมโอนี่ยาวออกมาเลยริมฝีปากแล้ว และกำลังยาวลงไปถึงคาง เธอคลำมันอย่างตกใจกลัว
และกรีดร้องออกมา 

“นี่มันเสียงอะไรกัน” เสียงเย็นชาของสเนปดังขึ้น พวกเด็กสลิธีรินรีบแย่งกันเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังทันที
 เด็กๆ ต่างฟ้องว่าคาถาของแฮร์รี่ไปโดนกอยล์เข้า สเนปเดินไปสำรวจใบหน้าของกอยล์ใกล้ๆ 
และสั่งให้เขาไปห้องพยาบาล รอนจึงรีบพูดขึ้นบ้างว่า 

“ของมัลฟอยโดนเฮอร์ไมโอนี่ครับ ดูซิครับ” 

เขาบังคับให้เฮอร์ไมโอนี่เอาฟันให้สเนปดู เธอพยายามเอามือบังไว้ แต่ก็ทำได้ยาก
 เพราะตอนนี้มันงอกยาวเลยคอเสื้อของเธอแล้ว แพนซี่หัวเราะคิกคักดังขึ้นกว่าเดิม สเนปจ้องเฮอร์ไมโอนี่อย่างเย็นชา
 ก่อนจะพูดอย่างใจร้ายว่า 

“ฉันไม่เห็นจะมีอะไรแปลกไป” เขาแสยะยิ้มมุมปากอย่างไม่น่าดู 

เฮอร์ไมโอนี่ส่งเสียงคราง น้ำตาคลอ เมื่อได้ยินดังนั้น เธอหมุนตัวและออกวิ่งไปจนหายไปจากสายตา
 มัลฟอยแอบหันไปมองเด็กหญิงอย่างเป็นห่วง เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เสียแล้ว และมันคงทำให้ความสัมพันธ์
ของทั้งสองไม่พัฒนาไปกว่าเดิม หรืออาจจะเลวร้ายกว่าเดิมมาก และไม่ง่ายเลยที่จะประสานรอยร้าวที่รุนแรงครั้งนี้
…………………………………………………………………….. 

คืนนั้นมัลฟอยแอบลุกออกจากเตียงนอนเดินตรงไปยังห้องพยาบาล เขาเดินมาหยุดอยู่ที่เตียงที่เด็กหญิงนอนอยู่
 ฟันของเฮอร์ไมโอนี่ตอนนี้เป็นปกติดีแล้ว แต่บาดแผลในใจของเธอยังต้องเยียวยาอยู่ มัลฟอยสังเกตเห็นว่า
มีคราบน้ำตาปรากฏอยู่บนใบหน้าที่หลับสนิทของเธอ 

เด็กชายยืนนิ่งมองเธอ ความรู้สึกผิดรุมเร้าเข้ามาในห้วงคำนึงของเขา เขานั่งลงข้างๆ เตียงเด็กหญิง
 พยายามให้เสียงเบาที่สุด ไม่อยากให้เธอตื่นมาพบเขาตอนนี้ มัลฟอยเอื้อมมือไปลูบผมเฮอร์ไมโอนี่เบาๆ 
อย่างทะนุถนอม เขารู้สึกปวดร้าวกับสายตาที่เธอมองเขาในตอนนั้น 

“ฉันขอโทษ…..” มัลฟอยครางออกมาเบาๆ 

“เธอคงไม่ยกโทษให้ฉันอีกแล้วใช่ไหม…” เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง มองภาพเด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้า
 ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ อีกครั้ง 

“ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะอภัยให้ฉันหรอกนะ เกรนเจอร์” มัลฟอยสูดลมหายใจลึก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย 

“ฉันอยากให้เธอรู้แค่ว่า ฉันไม่เคยคิดจะทำร้ายเธอเลยแม้แต่น้อย” เด็กชายค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กลับหลังหัน แล้วเดินจากไป 

เมื่อเสียงเดินของเขาค่อยๆ ห่างออกไป ร่างกายของเฮอร์ไมโอนี่ก็สั่นเทิ้ม น้ำตาใสๆ ไหลอาบแก้มของเธออีกครั้ง เ
ด็กหญิงสะอื้นเบาๆ เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงไม่มีวันให้อภัย และรู้สึกเกลียดเขา
ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่เดี๋ยวนี้ เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงเกลียดเขาไม่ลง เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าคง
ไม่สามารถลืมเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ง่ายนัก และไม่แน่ใจว่าควรจะให้อภัยเขาดีไหม เธอรู้แต่ว่า ความรู้สึกโกรธที่มีต่อ
เขานั้นเริ่มลดน้อยลงบ้างแล้ว 
………………………………………………………………….


มัลฟอยตื่นแต่เช้ามืด เขารีบเดินตรงไปที่ห้องพยาบาลทันทีเพื่อไปเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง เมื่อเขาเดินไปถึง 
ก็พบว่าเตียงนั้นว่างเปล่า เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว เด็กชายยืนคิดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจเดินออกจากห้องพยาบาล
 แล้วตรงไปยังห้องสมุดทันที 

เด็กหญิงผมสีน้ำตาลฟูฟ่องยืนอยู่ข้างหน้าต่างห้องสมุดตรงมุมโปรดของเธอ เธอเหม่อมองออกไปอย่างใจลอย 
ในหัวครุ่นคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ตอนนี้ภายในจิตใจของเธอเกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรง
 เธอเสียใจที่มัลฟอยพูดจาดูถูกเธอต่อหน้าคนอื่นอีก ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำแบบนั้นอีกเลยหลังจากที่ทั้งสองเริ่มมีความ
สัมพันธ์แปลกๆ ต่อกัน เขาเสกคาถานั้นมาโดนเธอ ทำให้เธอต้องอับอาย และเขาก็หาเรื่องกลั่นแกล้งเพื่อนรักของเธอ
ได้ตลอดเวลา 

ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่กำลังนึกสงสัยว่า เรื่องนี้ควรจะลงเอยอย่างไรดี ควรจะยกโทษให้เขาดีไหม ก็พอดีกับที่เสียง
ของคนที่เธอกำลังนึกถึงดังขึ้นจากด้านหลัง 

“อยู่นี่จริงๆ” เด็กชายทักขึ้นเบาๆ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้หันมามองเขา 

“เกรนเจอร์ เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันไม่ได้ตั้งใจเสกคาถานั้นใส่เธอ” เขาถามขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่เงียบกันไปพักใหญ่ 
แต่เธอก็ยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบเขา ไม่..แม้แต่จะหันมามอง 

“นี่ตกลงเธอจะไม่หันมาพูดกับฉันเลยใช่มั้ย” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแสดงอาการหงุดหงิด 

เฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆ เบือนหน้ามาหาเขา เธอมองเขาด้วยแววตาที่ดูห่างเหิน 

“นายดูถูกฉัน และทำให้ฉันต้องอับอายต่อหน้าคนเยอะแยะ นายคิดว่า ฉันสมควรที่จะพูดคุยกับนายเหมือนปกติงั้นเหรอ
 มัลฟอย” เธอกล่าวเสียงเรียบเย็น แล้วเธอก็เหลือบไปเห็นเข็มกลัดที่มีข้อความ “พอตเตอร์ห่วย” ที่อกของมัลฟอย
 เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปาก ก่อนจะพูดต่อ 

“นายดูถูกฉันคนเดียวไม่พอ ยังดูถูกและกลั่นแกล้งแฮร์รี่ด้วยเข็มกลัดบ้าๆ นั่นอีก” 

มัลฟอยมีสีหน้าฉุนโกรธขึ้นมาทันที 

“อย่ามาพูดถึงเจ้าหัวแผลเป็นน่าเกลียดนั่นต่อหน้าฉัน!” เขาพูดอย่างมีอารมณ์ เฮอร์ไมโอนี่โต้กลับทันควัน 

“นายไม่มีสิทธิ์มาเรียกแฮร์รี่แบบนั้น!” 

“ปกป้องกันดีเหลือเกินนะ เกรนเจอร์ ฉันไม่เข้าใจเธอเลย ว่าทำไมถึงยังทนคบกับมันอยู่ ขนาดเจ้าวิสลีย์ยังเลิกคบ
มันไปแล้วเลย” เขาพูดด้วยเสียงเย็นเยียบ ทว่าแฝงไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างเย็นชา 
เธอพูดใส่หน้าเขาอย่างเย้ยหยัน 

“ก็เพราะเขาเป็นเพื่อนรักของฉันน่ะสิ มัลฟอย นายคงไม่เข้าใจล่ะสิ เพราะนายไม่มี!” 

มัลฟอยโกรธจัด เขากระชากแขนเธอที่กำลังจะเดินหนีไป เฮอร์ไมโอนี่เซถลาตามแรงของเขา 
มัลฟอยกระชากคอเสื้อเด็กหญิงเข้ามาใกล้ เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง คำรามลอดไรฟันออกมา 

“อย่ามาพูดกับฉันอย่างนี้นะ เกรนเจอร์” 

เฮอร์ไมโอนี่พยายามแกะมือเขาออก 

“ทำไมจะพูดไม่ได้ แล้วปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะมัลฟอย ไม่กลัวมือเปื้อนแล้วเหรอ” เธอพูดเสียงเขียวอย่างไม่เกรงกลัว
 ตอนนี้ความโกรธทำให้เธอลืมนึกถึงความกลัวไปจนหมดสิ้น 

มัลฟอยหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินประโยคหลัง และเริ่มนึกโมโหตัวเองที่กำลังทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
 ทั้งๆ ที่สิ่งที่เขาต้องการ มันตรงข้ามกับการกระทำของเขาในตอนนี้โดยสิ้นเชิง เขาปล่อยคอเสื้อเธอ 
แต่อีกมือยังคงจับข้อมือเธอไว้ 

“หมอนั่นน่ะ ขี้โกง เธอคงจะชื่นชมมันมากสินะ ที่เจ้านั่นหาวิธีโกงเส้นอายุจนสำเร็จ” เขาพูดเสียงเข้ม 
เฮอร์ไมโอนี่สวนขึ้นมาทันที 

“แฮร์รี่ไม่ได้โกง!! เขาไม่ได้ใส่ชื่อลงไปในถ้วยนั่น!” เธอกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ มัลฟอยบีบข้อมือเธอแน่น 

“เชื่อมั่นกันดีเหลือเกินนะ” เขาแค่นเสียงออกมาอย่างโกรธๆ 

“แล้วมันกงการอะไรของนายด้วย ถ้านายไม่เชื่อ ฉันก็ไม่ได้ขอร้องให้เชื่อ เพราะนายก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขานัก
 นายมันก็ดีแต่คอยหาเรื่องเยาะเย้ยถากถางแฮร์รี่ไปวันๆ แค่นั้นแหละ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 

“ฉันไม่เข้าใจเธอเลย ว่าทำไมเธอต้องเข้าข้างหมอนั่นด้วย” มัลฟอยถามเสียงห้วน 

“ฉันก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกันว่าทำไมนายต้องหาเรื่องแฮร์รี่ขนาดนี้ด้วย” 

“ก็เพราะฉันไม่พอใจที่เธอไปขลุกอยู่กับมันทั้งวันน่ะซิ ฉันถึงต้องทำแบบนี้!” มัลฟอยโพล่งออกมาอย่างลืมตัว 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็หน้าแดงทันที มัลฟอยเองเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปก็หน้าแดงไม่แพ้เด็กหญิง
 เขาหันหน้าหนีไปอีกทางทันที ตอนนี้ทั้งสองเริ่มเงียบกันไปอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
 เธอพูดออกมาเบาๆ 

“ทีนี้ปล่อยฉันได้หรือยัง ฉันเจ็บนะ” มัลฟอยได้ยินก็รีบปล่อยข้อมือเธอทันที 

“เอ่อ…” เขาอึกอัก 

“เกรนเจอร์ ฉัน…เอ่อ…ฉัน..ขอโทษ..เธอจะยกโทษให้ฉันได้ไหม..” 

เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างตะลึง เธอรู้สึกดีใจที่คนที่สุดแสนจะหยิ่งอย่างมัลฟอยมาง้อเธอแบบนี้ 
แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้อภัยเขาง่ายนัก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย  

“นายจะให้ฉันยกโทษให้เรื่องอะไรล่ะ..” 

“ทุกเรื่อง” มัลฟอยตอบสั้นๆ เฮอร์ไมโอนี่ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น 

“นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของนายหลังจากนี้” เขามองเธออย่างสงสัย 

“เธอหมายความว่ายังไง” 

“ฉันอยากให้นายเลิกติดเข็มกลัดบ้าๆ นั่น และเลิกแดกดันแฮร์รี่เรื่องเป็นตัวแทน” มัลฟอยชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ
 ซึ่งเธอก็สังเกตเห็น 

“นั่นคงไม่ได้” เขาตอบเสียงห้วน จ้องหน้าเธอเขม็ง 

“งั้นฉันก็ไม่ยกโทษให้” เฮอร์ไมโอนี่ตอบทันควัน เธอจ้องหน้าเขาคืนอย่างท้าทาย มัลฟอยกัดฟันกรอด 

“ฉันไม่เคยยอมให้ใครขนาดนี้นะเกรนเจอร์” วูบหนึ่งดวงตาของเขาวาวขึ้นอย่างน่ากลัวด้วยความโกรธ 

“ถ้าเธอหยิ่งนักก็เรื่องของเธอ และถ้าเจ้าพอตเตอร์ห่วยๆ นั่น มันมีความสำคัญต่อเธอมากขนาดนั้นก็ตามใจ!” 

เขากระแทกเสียงด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง จนเฮอร์ไมโอนี่ตกใจกับท่าทางของเขา แน่นอน..สิ่งที่เธอคาดหวัง
ไว้ไม่ใช่แบบนี้ และนี่ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นตัวของเขาได้ 

มัลฟอยมองหน้าเด็กหญิงด้วยแววตาที่แสนจะเย็นชา แต่แฝงไปด้วยความปวดร้าว แล้วเขาก็สะบัดผ้าคลุมเดินหนีไป
 แต่หลังจากวันนั้น ทุกครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่เดินผ่านกลุ่มนักเรียนบ้านสลิธีริน เข็มกลัดบนเสื้อของเขาจะปรากฏแต่คำว่า
 “ร่วมเชียร์ เซดริก ดิกกอรี่ ตัวแทนฮอกวอตส์ตัวจริง” เท่านั้นเสมอ..
*****5***** 

หลังจากภาระกิจแรกของการประลองเสร็จสิ้นลง ก็ทำให้รอนเชื่อแฮร์รี่อย่างสนิทใจว่าเขาไม่ได้เป็นคนใส่ชื่อตัวเอง
ลงไปในถ้วยนั้นจริงๆ ทั้งสามจึงกลับมาเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิม 

เมื่อรอนกลับมาไปไหนมาไหนกับแฮร์รี่เหมือนเดิมแล้ว ทำให้เฮอร์ไมโอนี่มีเวลาเป็นของเธอเองมากขึ้น
 เธอสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันของเธอได้ตามปกติ คือ ใช้เวลาว่างที่มีอยู่ให้หมดไปกับการอ่านหนังสือเหมือนเดิม 

วันนี้ก็เช่นกัน เฮอร์ไมโอนี่มานั่งอ่านหนังสือที่มุมโปรดของเธอในห้องสมุด เด็กหญิงนั่งทบทวนบทเรียนอย่างสบาย
อารมณ์ เมื่ออ่านหนังสือไปได้พักใหญ่ เธอก็รู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเธออยู่ เธอจึงหันไปมอง
 เขาคือวิคเตอร์ ครัม นักเรียนจากเดิร์มสแตรงก์นั่นเอง เฮอร์ไมโอนี่จึงยิ้มให้เขา ครัมหลบตาเธอทันที 
เขาเอาหนังสือขึ้นบังหน้าอันแดงจัดของตัวเอง เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกงงงันกับท่าทางของเขามาก แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะ
ไรมากนัก เด็กหญิงก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อไป โดยมีวิกเตอร์ ครัม คอยแอบมองอยู่โดยที่เธอไม่รู้ตัว

มัลฟอยรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ เดินผ่าน เพราะเขารำคาญแครบกับกอยล์ที่คอยถามอยู่ตลอด
 เรื่องข้อความบนเข็มกลัดนั่น 
มัลฟอย ทำไมนายต้องเปลี่ยนข้อความบนเข็มกลัดทุกครั้งที่เจ้านั่นเดินผ่าน” 

หลายครั้งที่กอยล์ถามอย่างสงสัย ซึ่งเขาก็มักจะตอบว่า 

“มันเรื่องของฉัน” หรือไม่ก็ “ฉันอยากให้เจ้านั่นมันรู้ว่า ใครคือตัวแทนตัวจริง” และมักจะลงท้ายด้วย 

“อย่าถามมากได้มั้ย ถ้ายังอยากอยู่ครบ 32 ในชั่วโมงเรียน” ทำนองนี้เป็นประจำ 

ท่าทางดุดันของเขาทำให้ทั้งสองไม่กล้าซักอะไรต่อ แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่หายข้องใจนัก
 ยิ่งช่วงหลังนี้ มัลฟอยมักอารมณ์เสียบ่อยอย่างไม่มีสาเหตุจนลูกสมุนทั้งสองแปลกใจ และไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้เขาเท่า
ไรนัก 

มีมัลฟอยคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าทำไมเขาถึงหงุดหงิดอยู่บ่อยๆ เขาหมั่นไส้แฮร์รี่ก็จริง ที่ตอนนี้รอนกลับมาคบหา
ไปไหนมาไหนด้วยเหมือนเดิมแล้ว แต่นั่นก็เป็นเรื่องดีที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่มีเวลาอยู่ตามลำพังมากขึ้น เธอมักจะ
ไปห้องสมุดบ่อยๆ เหมือนปกติแล้ว แต่ทุกครั้งที่เขาเดินไปหาเธอที่นั่น เขามักจะพบ วิกเตอร์ ครัม นั่งอยู่แถว
นั้นเป็นประจำ เท่านั้นยังไม่พอ บรรดาแฟนๆ ที่คอยติดตามครัมก็มาวนเวียนอยู่แถวนั้นเต็มไปหมด
 ทำให้เขาไม่มีโอกาสเข้าใกล้เฮอร์ไมโอนี่เลย  

วันนี้ก็เช่นกัน เด็กชายรู้สึกเบื่อหน่ายและอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก บรรดาแฟนคลับของครัมป้วนเปี้ยนในห้องสมุดเต็ม
ไปหมด และเขายิ่งโมโหมากยิ่งขึ้น เมื่อจำเพาะเจาะจงที่วิกเตอร์ ครัม ต้องมานั่งอยู่แถวบริเวณที่เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ด้วย
 ทำให้เขาหมดโอกาสที่จะเข้าไปคุยกับเฮอร์ไมโอนี่อีกตามเคย มัลฟอยสะบัดหน้าเดินออกไปทันที

“บ้าเอ๊ย!!!” 

เขาตะโกนเสียงลั่นพลางขว้างกิ่งไม้ลงไปในทะเลสาบอย่างหัวเสีย หลังจากเหตุการณ์วันนั้น เขาไม่ได้พูดกับเฮอร์ไม
โอนี่มาเป็นอาทิตย์แล้ว เด็กชายรู้สึกร้อนรุ่มในอก เขาหงุดหงิดกับอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเองเป็นอย่างมาก
 มัลฟอยทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เหม่อมองออกไปทางทะเลสาบ เขาพยายามสะกดอารมณ์อย่างที่สุด 

เด็กชายนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นครู่ใหญ่ สักพักก็มีเสียงใบไม้กรอบแกรบดังขึ้นด้านหลัง เมื่อเขาหันไปมอง
 ก็พบแมวขนสีส้มยืนเอียงคอมองเขาอยู่ และมีเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นด้านหลังแมวตัวนั้น 

“อย่าซนสิ ครุกแชงก์” เสียงเด็กหญิงดุแมวของเธอ 

“ฉันตามเธอจนเหนื่อยแล้วนะ อุตส่าห์หนีเสียงหนวกหูของบรรดาแฟนคลับตานั่นมาถึงนี่ จะได้อ่านหนังสือมั้ยเนี่ย 
วันนี้..” เสียงเธอบ่นยืดยาว เมื่อเธอเดินตามมาถึง และพบมัลฟอยนั่งอยู่ เธอก็หยุดกึก 

“ไง..เกรนเจอร์” เขาทักขึ้น “ไม่เจอกันนานนะ” 

เฮอร์ไมโอนี่ไม่พูดว่าอะไร แต่มีริ้วรอยสีชมพูบางๆ ปรากฏขึ้นที่แก้มเล็กน้อย มัลฟอยทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
 แล้วรีบเอามือกดเข็มกลัดที่อกเสื้อโดยระวังไม่ให้เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุเห็น แต่เด็กหญิงก็เหลือบมาเห็นเข้าพอดี
 เธอแอบยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าเขาพยายามทำตัวให้น่ารักขึ้น ถึงแม้ว่าจะเฉพาะต่อหน้าเธอก็เถอะ 

“ทำอะไรน่ะมัลฟอย” เธอแกล้งถาม เขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วตอบว่า 

“เปล่านี่” หน้าเขาเป็นสีชมพูขึ้นมาทันที เด็กหญิงยิ้ม แล้วถามขึ้น 

“นั่งด้วยคนได้ไหม” 

มัลฟอยหันมามองเธอ ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินเธอพูดแบบนี้ เมื่อเห็นว่าเขานิ่งไป 
เธอก็เลยหันไปหาแมวของเธอ พลางพูดว่า 

“ไปกันเถอะครุกแชงก์ ท่าทางเขาจะไม่อยากต้อนรับเรา” มัลฟอยมีท่าทีตกใจ เขารีบพูดทันที 

“เธอจะนั่งก็ได้” เด็กหญิงชำเลืองตามองเขา ซึ่งมีท่าทีไว้เชิงนิดๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่นั่งลง เขาจึงพูดต่อว่า 

“หรือจะต้องให้เชิญ” 

เฮอร์ไมโอนี่ส่ายศีรษะอย่างระอาในนิสัยแย่ๆ และความวางท่าของเขา เธอนั่งลงแล้วเอาหนังสือวาง
ไว้ตรงกลางระหว่างเธอกับเขา ครุกแชงก์เดินตามมานั่งข้างๆ นายของมันอย่างประจบ 
เฮอร์ไมโอนี่เหม่อมองออกไปทางทะเลสาบพลางเกาคางให้แมวสีส้มของเธอเบาๆ ครุกแชงก์ครางอย่างพอใจ
 มัลฟอยเหลือบมอง เบ้ปาก แล้วพูดเบาๆ 

“เชอะ หมั่นไส้” เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้วสูงมองเขา 

“อิจฉากระทั่งแมว?” เธอพูดแล้วยิ้มให้ครุกแชงก์ “เนอะ…ครุกแชงก์” มัลฟอยหน้าแดง 

“ฉันไม่ได้อิจฉา! อย่ามาหาเรื่องนะเกรนเจอร์” 

เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบว่าอะไร เธออมยิ้มเล็กน้อย สูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วยกแขนขึ้นบึดตัวอย่างเกียจคร้าน 

“วันนี้อากาศดีจัง” เธอเปรยขึ้นอย่างอารมณ์ดี มัลฟอยมองเธออย่างแปลกใจที่คราวนี้เธอไม่โต้ตอบเขา แต่ก็ยิ้มรับ 

“ใช่..” 

ทั้งสองทอดสายตาออกไปทางทะเลสาบ เงียบกันไปเป็นครู่ มัลฟอยจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน 

“เธอ…..หายโกรธฉันแล้วเหรอ” เขาหันมามองหน้าฝ่ายหญิง เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้หันมามองหน้าเขาแต่รับคำเบาๆ

“อือม์..” เธอรู้สึกพอใจที่อีกฝ่ายใส่ใจความรู้สึกเธอ 

“เมี๊ยว” 

เสียงครุกแชงก์ร้องขึ้น เมื่อมัลฟอยขยับตัวเข้ามาใกล้ เฮอร์ไมโอนี่หันขวับมามอง เด็กชายเอื้อมมือมากุมมือที่วาง
ไว้บนหนังสือของฝ่ายหญิง เขามองตาเธอนิ่ง 

“มีอะไร..มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ถาม เมื่อถูกเขาจ้องแบบนี้ เธอก็เริ่มหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ 

“เปล่า…ฉันแค่รู้สึกว่าไม่ได้มองเธอเต็มตาแบบนี้มานานแล้วก็เท่านั้น..” 

มัลฟอยจ้องมองเฮอร์ไมโอนี่ จนเธอรู้สึกอึดอัด เธอขยับตัวจะลุก แต่เขารีบคว้าไหล่เธอไว้ มัลฟอยเริ่มก้มหน้าลง
มาหาเด็กหญิง สายตาที่เขามองมาทำให้เฮอร์ไมโอนี่ใจสั่นระทึก หน้าเริ่มเป็นสีจัดขึ้น มัลฟอยเลื่อนหน้าเข้ามาหาเธอช้าๆ
 เขาหลับตา และเผยอริมฝีปาก แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกว่ามีสิ่งหนึ่งจี้มาที่คางของเขา มัลฟอยลืมตาขึ้นทันที 

“อย่าคิดว่าจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจนะคุณหนู” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเยาะๆ แต่หน้ายังคงเป็นสีชมพู 

“ถ้าอยากจะนั่งด้วยกันดีๆ นายต้องหัดอยู่เฉยๆ บ้าง มัลฟอย” เด็กหญิงพูดเสียงเฉียบ ในมือยังคงชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่เขา 
มัลฟอยเบ้หน้า 

“เชอะ!” เขาสบถเบาๆ แล้วจึงเลื่อนตัวกลับไปนั่งที่เดิมอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก 

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มน้อยๆ อย่างพอใจ เธอหยิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วเริ่มต้นอ่าน มัลฟอยเหลือบมองเธอแล้วทำหน้าเซ็งๆ
 เขาเบือนหน้าออกไปทางทะเลสาบอีกครั้ง แล้วถอนหายใจเบาๆ สักพักเขาก็ลุกขึ้นยืน
 เฮอร์ไมโอนี่ละสายตาจากหนังสือขึ้นมามองเขา 
“จะไปแล้วเหรอ” 

“ก็เธอเอาแต่อ่านหนังสือนี่ ฉันก็ไม่รู้จะนั่งอยู่ทำไม” 

เด็กหญิงเลิกคิ้ว เธอมองหน้าเขาแบบงงๆ มัลฟอยเห็นท่าทางของเธอ ก็ถอนใจอีกครั้ง แล้วถามเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่น 

“เธอคงไม่คิดหรอกนะ ว่าฉันอยากจะนั่งอยู่เฉยๆ เวลาเธออยู่ใกล้ๆ แบบนี้ เกรนเจอร์..” 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงทันทีเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น มัลฟอยมองเธออย่างต้องการคำตอบ ใบหน้าเขาเริ่มมีริ้วรอยสีชมพู
ปรากฎขึ้นเช่นกัน 

“เอ่อ…” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก “งั้น…ฉันว่า…ฉันก็ควรจะกลับเข้าไปในปราสาทแล้วเหมือนกัน..” ว่าแล้วเธอก็ลุกขึ้นยืน
 พยายามหลบสายตาของเขาที่ยังคงจ้องมองมาอย่างไม่ลดละ 

“ไปกันเถอะครุกแชงก์” เด็กหญิงหันไปเรียกแมวของเธอ และรีบก้าวยาวๆ ผ่านหน้าเขาไป แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น
 มัลฟอยรวบเอวเธอไว้จากด้านหลังและกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของเธอ 

“ใจร้ายจัง เกรนเจอร์..” เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ปะทะต้นคอเธออยู่ เด็กหญิงหน้าเป็นสีชมพูจัด 

“เราไม่ได้คุยกันตั้งหลายวัน เธอไม่คิดถึงฉันบ้างเหรอ” มัลฟอยเงียบรอฟังคำตอบ แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับนิ่งเฉย 
ไม่ตอบว่าอะไร 

“ว่าไง..เกรนเจอร์” เขากระซิบแผ่วเบาพร้อมกับแนบหน้าลงชิดข้างๆ หูเธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเธอแข็งค้าง
ไปหมด ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับปากพูดกับเขา 

มัลฟอยจับตัวเธอหมุนมาหาเขาช้าๆ แล้วโอบรอบเอวเธอกระชับแน่นขึ้นอีก เด็กชายจ้องตาอีกฝ่ายอย่างมีความหมาย
 เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้หลบตาเขา เธอจ้องตอบกลับไปเหมือนต้องการจะค้นหาอะไรบางอย่างจากดวงตาสีซีดคู่นั้น 

“คือ…ฉัน….” เธอพูดตะกุกตะกัก มีทีท่าลังเล ก่อนจะเงียบไปอีกครั้ง มัลฟอยจ้องมองเธอเหมือนต้องการตรึกตรอง
อะไรบางอย่างก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า 

“ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร..มันคงจะเร็วเกินไปซินะ..” 

เฮอร์ไมโอนี่เบือนหน้าหลบสายตาเว้าวอนนั้น 

“วันนี้เธออาจจะยังไม่รู้สึก แต่สักวันเธอต้องรู้สึกแน่”
มัลฟอยปล่อยเธอออกจากวงแขน สูดลมหายใจลึกแล้วหลับตา เขากำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอย่างหนัก
 ก่อนจะลืมตามองเธอ ซึ่งกำลังมองเขาตอบอย่างงงงันกับท่าทางแปลกๆ ของเขา เด็กชายค่อยๆ 
ประคองมือของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมาจุมพิตอย่างแผ่วเบาและเนิ่นนาน เด็กหญิงรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว 

“เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง เกรนเจอร์..” เขาพูดทิ้งท้าย แล้วเดินผละออกไปทันที 

เฮอร์ไมโอนี่ยืนนิ่ง คำพูดของเขาก้องสะท้อนอยู่ในหู เธอหันไปมองแมวขนสีส้มซึ่งกำลังแหงนมองนายของมันอย่างเอาใจ
 เด็กหญิงยิ้ม แล้วพูดว่า 

“บางทีความสัมพันธ์ของคนเรามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาเสมอไปหรอกนะ” 

เธอหันไปมองตามเด็กชายผมสีบลอนด์ซึ่งกำลังเดินห่างออกไปแล้วยิ้มกับตัวเองพลางพูดเบาๆ กับแมวของเธอว่า 

“ไปกันเถอะครุกแชงก์” 

แล้วเธอก็เดินตรงเข้าไปในปราสาท ด้วยความรู้สึกยินดีในความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดของเธอและเขา
 ที่เริ่มก่อตัวขึ้นช้าๆ ณ ปราสาทฮอกวอตส์นี้







No comments:

Post a Comment