Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/
My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa
Tuesday, July 21, 2015
Chapter 13: ความสัมพันธ์ขาดสะบั้น
เฮอร์ไมโอนี่ตรงไปที่ห้องสมุดทันทีแทนที่จะไปกินข้าว ถึงแม้เธอจะไม่มีอารมณ์จะอ่านหนังสือก็ตาม แต่ถึงเธออยู่ที่ห้องโถงเธอก็ไม่มีความรู้สึกอยากอาหารเช่นกัน
เฮอร์ไมโอนี่เดินไล่ไปตามชั้นหนังสืออย่างเหม่อลอย แววตาของเธอไม่ได้จับจ้องเจ้าวัตถุสี่เหลี่ยมที่ถูกจัดวางเรียงบนชั้นอย่างสวยงามอย่างที่เธอควรจะทำแต่อย่างใด แต่แววตาของเธอก็ไม่ได้จับจ้องที่อะไรเลย มันเหม่อลอยราวกับไร้สติ เธอเดินไปตามชั้นหนังสือเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่เขาหวงห้ามที่มีลูกกรงกั้นอย่างแน่นหนาโดยที่ไม่รู้ตัว เฮอร์ไมโอนี่มองเข้าไปข้างในเขตหวงห้าม เรื่องราวที่เคยผ่านไปได้ไม่นานนักก็กลับมาเด่นชัดในความทรงจำของเธออีกครั้ง
เธอคงคิดสินะว่าฉันตั้งใจจะขโมยคนรักของเธอ แต่ขอให้คิดใหม่ได้เลยนะเพราะว่าเดรโกน่ะไม่ได้เป็นของเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจำไว้นะว่าฉันรักเธอเกรนเจอร์
ใบลอเรนซ์ก็แปลว่า ‘ ชัยชนะ ’ ยังไงล่ะ
ก็ได้ เกรนเจอร์
ถ้าเธอต้องการ ก็ได้!
และแล้วน้ำตาใส ๆ ของเฮอร์ไมโอนี่ก็รินเอ่อดวงตาคู่สวยนั้น เธอรีบปาดมันทิ้งในทันที
เธอต้องไม่ร้องไห้ เฮอร์ไมโอนี่
ต้องไม่ร้องไห้เพียงเพราะเรื่องแค่นี้!
เฮอร์ไมโอนี่สั่งตัวเองอย่างลำบากยากเย็น
หลังจากเลือกหนังสือที่นี่สนใจได้ราว 2 – 3 เล่มแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็ยืมมันมาจากห้องสมุดและกะจะกลับไปอ่านที่ห้องนั่งเล่นรวมเพราะที่ห้องสมุดนั้นมีคนพลุกพล่านจนเธอออาจจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ( วันนี้เป็นวันอาทิตย์คนจึงมาเข้าห้องสมุดเยอะ ) แต่เมื่อเฮอร์ไมโอนี่คิดอีกทีถ้าเธอกลับไปที่ห้องสมุดเธอคงจะต้องเจอแฮร์รี่ กับรอนเป็นแน่ เพราะว่าตอนนี้การแข่งควิดดิชก็เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดแล้ว แอนเจลิน่าจึงให้พวกเขาพักซ้อมได้ชั่วคราว ( รอนนั้นดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต ) ซึ่งเมื่อเจอทั้งสองคนนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ขี้เกียจที่จะตอบคำถามซ้ำซากอีก ( ต้องคอยพูดว่า ’ ฉันไม่เป็นไร ’ ) โดยเฉพาะแฮร์รี่ที่รู้เรื่องของเธอกับมัลฟอยดีกว่ารอน ( ที่ไม่รู้อะไรเลย ) เฮอร์ไมโอนี่จึงไม่อยากเสียงที่จะถูกถามในเรื่องที่เธอไม่อยากพูดถึงมันอีก เธอเลยตัดสินใจที่จะตรงไปที่ทะเลสาปแทน
เฮอร์ไมโอนี่ทรุดตัวลงข้าง ๆ ต้นบีชริมทะเลสาป ถึงแม้อากาศนอกปราสาทจะหนาวเย็นไปหน่อยแต่ก็เงียบสงบดีกว่าที่ไหน ๆ เฮอร์ไมโอนี่เอาหนังสือเล่มหนึ่งมากางมันมีชื่อว่า ‘ ประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์ในโลกยุคกลาง ’ และเริ่มอ่าน สายลมอ่อน ๆ แต่หนาวเหน็บพัดมาปะทะที่ตัวเด็กสาวเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่เอามือลูบแขน “น่าจะเอาเสื้อหนาวลงมาด้วย” เธอคิด และทันใดนั้นเองก็มีร่าง ๆ หนึ่งมายืนอยู่ใกล้ ๆ เธอ เขายืนพิงต้นไม้อยู่อย่างสบายอารมณ์ หากแต่ในมือมีเสื้อโค้ชตัวใหญ่
“ใส่ซะสิ” เสียงยานคางที่คุ้นเคยดังขึ้น มันออกมาจากริมฝีปากเรียวที่ดูซีดกว่าทุกวัน
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่อุทานอย่างตกใจ แววตาก็มองมัลฟอยที่สวมเพียงแค่เสื้อยืดกับเสื้อสแวตเตอร์ เพราะเขาเอาเสื้อของเขามายื่นให้เธอ แต่เธอก็ไม่ได้รับมันมาสวมแต่อย่างใด
“ฉันนั่งด้วยได้ไหม” เขาเอ่ยแต่ไม่ทันที่เธอจะอนุญาติ มัลฟอยก็ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เธอหลังพิงต้นบีช
“ใครให้นายนั่งน่ะ ลุกไปเลยนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ตวาด
“แค่ขอนั่งไม่ได้รึไง” มัลฟอยพูด ดูงง ๆ กับท่าทีของเฮอร์ไมโอนี่ “ไม่ให้นั่งนี่หรือว่า จะให้นั่งตักเธอแทน” เขาพูดอย่างกวนอารมณ์พร้อมกับส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เธอ
“เงียบไปเลยนะมัลฟอย นายมัน…” เฮอร์ไมโอนี่ตั้งท่าจะด่าเขา แต่เธอก็คิดได้ว่าเปล่าประโยชน์ที่จะไปด่าว่าคนที่ไม่มีท่าที่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของเธอ
“ได้ ถ้านายไม่ไปฉันไปเอง!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงแข็งพลางหอบหนังสือทั้งหมดไว้ในอ้อมแขนและลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวเกรนเจอร์” มัลฟอยพูด ฉุดแขนเด็กสาวไว้ “เธอจะไปจริง ๆ เหรอเกรนเจอร์” เขาถาม
“ก็จริงน่ะสิ ปล่อยฉัน!” เฮอร์ไมโอนี่ตวาดพร้อมกับสะบัดมือมัลฟอยออก แต่เขาไม่ยอมปล่อยมือเธอ
“เธอรังเกียจฉันขนาดนั้นเชียวเหรอ เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดเสียงเศร้า ใบหน้าซีดเซียวของเขานั้นมีความรู้สึกผิดแฝงอยู่ เฮอร์ไมโอนี่อึ้งกับคำพูดเขา
“นายต่างหากมัลฟอย นายต่างหากที่รังเกียจฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดพยายามแกะมือเขาออกจากแขนเธอ ซึ่งคราวนี้มัลฟอยยอมปล่อยเธอแต่โดยดี “นายเองไม่ใช่เหรอที่รังเกียจเลือดสีโคลนอย่างฉันนักหนา ทำไมไม่เอาเวลาอันแสนมีค่าของนายไปอยู่กับแม่คู่หมั้นเลือดบริสุทธ์ของนายล่ะมัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ประชดเขา ส่วนมัลฟอยนั้นไม่ได้ทำอะไรนอกจากนิ่งเงียบ และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เห็นเช่นนั้น เธอก็กำลังจะเดินขึ้นไปที่ปราสาท
“ฉันขอโทษ เกรนเจอร์” คำพูดของมัลฟอยนั้นทำให้เฮอร์ไมโอนี่ถึงกับชะงัก ก็มัลฟอยเคยพูดขอโทษเธอจริง ๆ จัง ๆ ซักกี่ครั้งเชียวล่ะ แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังคงนิ่งเงียบ เธอปล่อยให้มัลฟอยพูดต่อไป
“ฉันหึงเธอ” มัลฟอยพูดขึ้นอย่างช้า ๆ “ฉันไม่พอใจที่เธอเป็นห่วงเจ้าวีสลีย์นั่น จนไล่ฉันออกจากห้อง”
“รอนเป็นเพื่อนรักฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง ไม่อยากเชื่อว่ามัลฟอยจะคิดมากขนาดนี้
“และเธอก็เป็นห่วงมันมาก” เขาพูดน้ำเสียงน้อยใจ
“ก็นายเป็นคนสาปรอนเองนะมัลฟอย ฉันจะไม่ห่วงเขาได้ยังไง” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขา
“แต่ที่เธอทำอย่างนั้นกับฉัน” มัลฟอยพูดมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาสีซีดของเขา “เธอรู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไง” มัลฟอยยังคงพูดต่อไป ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นไม่รู้เลยว่าเธอควรจะพูดอะไรออกไปดี
“แล้วยิ่งเรื่องไอ้เจ้าครัมนั่นอีก” มัลฟอยพูดกัดริมฝีปากอย่างเคียดแค้น
“ไรอันเป็นเพื่อนฉัน” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขา ดูหนักใจไม่น้อยกับการหึงไม่เลือกหน้าของมัลฟอย
“แล้วถ้ามันไม่ได้คิดอย่างเดียวกับเธอล่ะ” มัลฟอยพูด
“แล้วฉันจะทำยังไงได้ล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมา ทำไมเขาถึงไม่ยอมเข้าใจอะไรบ้างนะ
“แปลว่าเธอจะยอมให้มันเป็นอย่างนี้เหรอ เธอจะสนิมสนมกับมันไปอย่างนี้เหรอ” มัลฟอยพูดจากน้ำเสียงสังเกตได้ว่าอารมณ์เสียขึ้นมาอีกแล้ว
“แล้วเธอต้องการให้ฉันทำอะไรล่ะ มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาอย่างรำคาญ “เธอจะให้ฉันเลิกคบกับไรอันเพียงเพราะเธอคิดว่าเขาจะไม่คิดกับฉันแค่เพื่อนงั้นเหรอ”
“แล้วทำไมมันต้องมาสนิทสนมกับเธอด้วยล่ะ!” มัลฟอยเริ่มขึ้นเสียง
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันกับไรอัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง “เป็นแค่เพื่อนกัน!”
“เพื่อน เพื่อน เพื่อน!” มัลฟอยคำรามอย่างเหลืออด “กับไอ้เจ้าวีสลีย์ก็บอกว่าเป็นเพื่อน ไอ้เจ้าพอตเตอร์ก็เหมือนกันแล้วเป็นไงล่ะ มันคิดกับเธอแค่เพื่อนไหม!”
“อย่าพาดพึงถึงแฮร์รี่นะมัลฟอย เขาไม่เกี่ยว!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง
“ไม่เกี่ยว!” มัลฟอยพึมพำรอดไรฟันออกมา “ใช่ซิปกป้องกันเข้าไป ทั้งเจ้าพอตเตอร์ วีสลีย์ แล้วก็ไอ้เจ้าครัมนั่นด้วย” เขาตะโกน
“ทีนายล่ะมัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเจ็บแค้นพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา “ทีนายยังไปสนิทกับยัยซิลเวียนั่นเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบือนหน้าหนีเขา
“เห็นตามติดกันไม่ห่าง ขนาดยัยนั่นมาพูดจาถากถางฉัน นายยังไม่เห็นพูดอะไรซักคำเลย!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนออกมา น้ำตาของเธอไหลมาอย่างสุดกลั้น เธอสุดจะทนกับความไร้เหตุผลของมัลฟอยแล้วจริง ๆ แล้วตอนนี้น้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่ก็ไหลอาบแก้มขาวเนียนของเธอ และเมื่อมัลฟอยเห็นมันเขาก็เหมือนกับว่าจะรู้ตัวว่าเขาทำรุนแรงไปแล้ว
“เกรนเจอร์ ฉันขอโทษ” มัลฟอยเอ่ยตะกุกตะกัก เขารู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูกทุกทีเวลาเฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้
เขายื่นมือจะไปซับน้ำตาให้เธอ หากแต่เด็กสาวปัดมือของเขาทิ้งซะก่อน
“เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดเหมือนวิงวอนให้เธอหันมาคุยกับเขา แต่เฮอร์ไมโอนี่นั้นกลับทำในทางตรงกันข้าม คือเบือนหน้าหนีเขา
“ฉันขอโทษเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดเดินเข้าไปหาเด็กสาวที่ยืนเช็ดน้ำตาอยู่
“อย่ามายุ่งกับฉัน” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยเสียงสั่นเครือ
“เกรนเจอร์ เธอโกรธฉันเหรอ” มัลฟอยถามเธอ ซึ่งความจริงเขาก็น่าจะรู้คำตอบอยู่ดี
แต่เฮอร์ไมโอนี่นั้นกลับนิ่งเงียบ ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่มัลฟอยถามเธอ
“เกรน…” มัลฟอยเดินเข้ามาข้างหน้าเธอ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าอยู่ เธอเอามือปาดน้ำตา
“นายถาม….ใช่มั้ย….ว่าฉัน…โกรธนายรึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับเขา พยายามจะควบคุมอารมณ์อย่างมาก หากแต่เสียงที่มัลฟอยได้ยินนั้นกลับยังสั่นเทาอยู่
“แล้วนาย…ก็ถาม…ว่ารู้มั้ยว่านาย…รู้สึกยังไงใช่มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่พูดไปเรื่อย ๆ พยายามอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้มาก่อนพูดจบ “แล้วนายเคย…ถามฉันมั้ยว่า…ฉันรู้สึก…ยังไงตอนที่นาย…อยู่กับยัยซิลเวียนั่น!”
“เกรนเจอร์!” มัลฟอยพูดออกมาอย่างตกใจ ราวกับเขาเพิ่งรู้ตัวว่าทำเด็กสาวเสียใจเพียงไร
“นายรู้ไหมว่าฉันเสียใจแค่ไหน” เฮอร์ไมโอนี่พูด ครั้งนี้เสียงของเธอไม่สั่นแล้ว หากแต่เธอกลับเบือนหน้าหนีสายตาของมัลฟอยที่จ้องหน้าเธออยู่
“ตอนที่นายไม่สนใจฉัน ไม่แม้แต่จะมองตาฉันเลย!” เฮอร์ไมโอนี่ ระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อม ๆ กับน้ำตาที่ไหลมาอีกรอบ
“เกรนเจอร์ฉันขอโทษ” มัลฟอยพูดด้วยแววตาสำนึกผิด อีกทั้งยังสงสารเธอด้วย “ตอนนั้นฉันหึงเธอ เธอก็รู้ว่าฉันอารมณ์ไม่ดี”
“งั้นเหรอ!” เฮอร์ไมโอนี่พูด “อารมณ์ไม่ดีก็เลยควง ยัยนั่นมาให้ฉันเห็นตำตางั้นเหรอมัลฟอย!”
“ทีเธอยังมากับเจ้าครัมเลย” มัลฟอยพูดแก้ตัว แต่มันยิ่งเหมือนกับเอาน้ำมันไปราดกองไฟมากกว่า
“นายจะหาว่าทั้งหมดเป็นเพราะฉันงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดน้ำตาคลอเอ่อ เธอรีบเอามือปาดมันทิ้ง
“เกรนเจอร์ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น” มัลฟอยรีบอธิบาย แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีทีท่าว่าจะฟังเขาเลย
“ได้” เธอเอ่ยออกมาในที่สุด “ถ้านายคิดอย่างนั้นก็ได้มัลฟอย”
“ขอโทษด้วยและกันนะ กับอะไรก็ตามที่ฉันทำไป” เฮอร์ไมโอนี่พูดประชดเขา “ขอโทษจริง ๆ !”
พอพูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็วิ่งกลับไปที่ปราสาทอย่างรวดเร็ว เร็วเกินกว่าที่มัลฟอยจะได้กล่าวคำขอโทษหรือจะได้อธิบายอะไรด้วยซ้ำ
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งกลับไปที่ปราสาทอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเสียงเรียกของมัลฟอยที่ตะโกนเรียกเธอมาจากทางทะเลสาปแม้สักนิดเดียว ที่เธอต้องการตอนนี้คือให้พ้นจากตรงนั้น
เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาในตัวปราสาทเธอก็หยุดวิ่ง หอบหายใจอย่างรุนแรงเพราะความเหนื่อยและรู้สึกเจ็บซี่โครงจากการวิ่งเมื่อกี๊นี้ และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเดินขึ้นบันได
“ว่าไงยัยเลือดสีโคลน!” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นไปมองก็พบกับกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงสลิธีรินกลุ่มใหญ่ยืนขวางทางอยู่ ส่วนเจ้าของเสียงนั้นก็ไม่ใช่ใคร แพนซี่ พาร์กินสัน นั่นเองเธอยืนอยู่ข้าง ๆ มิลลิเซนด์ บัลสโตรด เด็กหญิงร่างใหญ่ที่เฮอร์ไมโอนี่เคยจับคู่ต่อสู้ด้วยในชมรมการสู้ตัวต่อตัวเมื่อปี 2
“ขอทางด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างรำคาญ นี่วันนี้เธอยังเจอเรื่องร้าย ๆ มาไม่พออีกเหรอไงนะ
“สงบเสงี่ยมเจียมตัวเชียวนะยัยเลือดสีโคลน” แพนซี่พูดขึ้นพร้อม ๆ กับมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาดูถูก
“วันนี้ไม่มีองค์รักษ์มาด้วยนี่” เสียงของนักเรียนบ้านสลิธีรินคนหนึ่งดังขึ้น
“ใช่ วันนี้แกไม่มีองค์รักษ์มาด้วย เราจะทำยังไงกับแกก็ได้!” แพนซี่พูดขึ้นพร้อมกับหยิบไม้กายสิทธ์มาชี้ที่เฮอร์ไมโอนี่ แต่ช้าไปเสียแล้ว เพราะตอนนี้เองก็มีร่าง ๆ หนึ่งชี้ไม้กายสิทธ์มาที่แพนซี่เช่นเดียวกัน
มัลฟอยนั่นเอง
“เดรโก!” แพนซี่พูดด้วยเสียงแผ่วเบาแต่แฝงไว้ด้วยความตกใจ ส่วนนักเรียนที่เหลือต่างมองการกระทำของมัลฟอยอย่างงง ๆ
“ฉันบอกเธอแล้วใช่มั้ยแพนซี่ ว่าอย่าทำอย่างนี้อีก” มัลฟอยเอ่ยเสียงกร้าว ชี้ปลายไม้กายสิทธิ์ของเขาไปที่ลำคอของแพนซี่
“ทำไม เดรโก ทำไมเธอต้องปกป้องมันอีกแล้ว” แพนซี่กรีดเสียงร้องออกมา ส่วนมัลฟอยนั้นยังไม่ได้ลดไม้กายสิทธ์ลงแต่อย่างใด
“ฉันไม่ได้ปกป้องใคร เธอต่างหากที่ผิดแพนซี่ เธอต่างหากที่มาหาเรื่องยัยนี่ก่อน” มัลฟอยพูด และคำพูดของเขาก็สร้างความประหลาดใจอย่างมหาศาลให้กับทุก ๆ คนในที่นี้รวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ด้วย
“เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าเดรโกหลงยัยนี่ เธอหลงมันจนลืมเพื่อน ลืมแม้กระทั่งสายเลือดตัวเอง!” แพนซี่ตะโกน ส่วนมัลฟอยนั้นยิ่งได้ยินคำพูดของเธอเขายิ่งเดือดดาล
“ฉันไม่ได้หลงใคร!” มัลฟอยตวาด “เธอจะทำให้บ้านเราเสียคะแนนได้ถ้าหากคนที่มาเห็นไม่ใช่ฉัน”
“ไม่ได้หลง ใช่ซิ เธอคงไม่รู้ตัวหรอกเดรโกว่าเธอน่ะหลงมันแค่ไหน” แพนซี่พูดน้ำตาคลอเบ้า
“ฉันบอกแล้วไงพาร์กินสันว่าฉันไม่ได้หลงใคร!” มัลฟอยตะโกนก้อง เสียงดังจนเด็กสลิธีรินทุกคนสะดุ้งขึ้นพร้อมกัน “แล้วยัยนี่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันด้วย” มัลฟอยพูดเสียงเย็น
“ไม่จริง เมื่อวันก่อนเธอยังบอกว่าเธอรักยัยนี่อยู่เลย” แพนซี่กรีดเสียงร้องขึ้นอีกครั้ง น้ำตาที่คลอเอ่อดวงตาบัดนี้ไหลอาบข้างแก้มของเธอ “เธอหลงมันจนทำร้ายฉัน!”
“ฉันไม่ได้รักยัยนี่!!!” มัลฟอยแผดเสียงดังกว่าเดิมจนแพนซี่สะดุ้งขึ้นอีกครั้ง เขาหันมามองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาเย็นชา “ไม่เลยซักนิด” มัลฟอยกัดฟันพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับจิตใจของเขาโดยสิ้นเชิงออกไป ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด
อีกแล้วรึนี่
เธอทำฉันเจ็บอีกแล้ว เฮอร์ไมโอนี่คิด
“จริงรึเดรโก” แพนซี่พูดเสียงสั่น ใบหน้าหงิกงอนั้นกลับมีรอยยิ้มขึ้นมาทันตา “เธอบอกว่าไม่รักยัยเลือดสีโคลนนี่จริงรึ”
“ใช่” มัลฟอยพูดเสียงเย็นเยียบค่อย ๆ ลดไม้กายสิทธ์ในมือลงช้า ๆ “ฉันไม่รักยัยนี่เลย” มัลฟอยพูดออกมาแต่ดวงตาของเขานั้นไม่ได้จ้องมองเฮอร์ไมโอนี่ในขณะที่พูดเลย มันดูเหมือนเขาจงใจหลบตาเธอด้วยซ้ำ
“เดรโก!” แพนซี่พูดอย่างดีใจทำท่าจะกระโดดกอดเขาแต่มัลฟอยเบี่ยงตัวหลบทันท่วงที
“งั้นคงไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้วใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเย็น มองมัลฟอยด้วยสายตาแข็งกร้าวหากแต่แฝงแววเศร้าเอาไว้
“นายพูดออกมาอย่างนี้ก็ดีมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันพูด พยายามห้ามน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาจากดวงตาของเธอ ท่ามกลางความงงงวยของเด็กสลิธีรินคนอื่น ๆ
“ทุกอย่างมันจะได้จบซักที” เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปาก
“เกรนเจอร์…”
“ระหว่างฉันกับนายไม่มีอะไรเกี่ยวกันอีกแล้ว!” เฮอร์ไมโอนี่พูดรอดไรฟันออกมา ถึงแม้เสียงจะแผ่วเบาแต่มัลฟอยกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน ทุกถ้อยคำ!
ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกไปนั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็วิ่งจากเขาไปแล้ว
มัลฟอยทำได้เพียงมองด้านหลังของเฮอร์ไมโอนี่ที่วิ่งไปตามทางเดินด้วยสายตาที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน!
TBC
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment