Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Wednesday, September 10, 2014

Chapter 6: Hogwart's homestay



ณ โรงเรียนเวทมนตร์ฮอกวอตส์ 

แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่วางแผนที่จะไปอยู่ที่บ้านของรอนตอนช่วงปิดเทอมแรกและทำการบ้านทุกวิชาด้วยกัน
 แต่แผนการณ์ของพวกเขาก็เป็นอันจบลงเมื่อศาสตราจารย์มักกอนนากัลเอาป้ายประกาศขนาดใหญ่มาแขวน
ไว้ตรงทางเดิน นักเรียนหลายคนรีบเข้ามามุงอ่านกัน รอนอ่านแล้วก็ส่ายหน้าอย่างเซ็ง ๆ 
“เราต้องแยกย้ายกันไปพักกับครอบครัวอุปถัมภ์ตามที่โรงเรียนกำหนดเป็นคู่ ๆ” เขาพูดจบก็ถอนใจ 
“มันเป็นยังไงเหรอ” แฮร์รี่ถาม เขาเคยได้ยินมาบ้างเรื่องการไปพักกับครอบครัวอุปถัมภ์ แต่ในฐานะพ่อมดแม่มดแล้ว
 เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน เฟร็ดที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ พูดขึ้น 
“ก็เหมือนกับการไปฝึกฝนตัวเอง ครอบครัวที่จะไปอยู่เขาจะเชี่ยวชาญเรื่องใดเรื่องหนึ่ง” 
“ให้เราไปเรียนรู้จากเขา แล้วก็ทำรายงานด้วย” จอร์จเสริม 
“พวกเธอเคยไปบ้างหรือเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ถามเฟร็ดกับจอร์จ 
“เคย” ฝาแฝดตอบ 
“เราเคยไปพักกับครอบครัวมีเบอร์ เขาเชี่ยวชาญเรื่องการเพาะพันธุ์ต้นไม้” เฟร็ดเล่า 
“คุณนายมีเบอร์เพาะต้นไม้กินแมลงแบบหอยกาบอันใหญ่เท่าเนี้ย” เขากางแขนประกอบ แล้วหันไปแซวจอร์จ 
“เอาไว้จับขโมย แต่จอร์จโดนมันฮุบเข้าไปเพราะจะเอาระเบิดเหม็นไปแกล้งมัน” 
“นายได้ไปกับจอร์จนี่ดีนะ” แฮร์รี่พูด 
“ความจริงอาจารย์จะเป็นคนกำหนดคู่ให้” จอร์จพูดบ้าง 
“แต่บังเอิญเราได้ไปด้วยกัน” ฝาแฝดยักคิ้วให้กันอย่างมีเลศนัย แฮร์รี่คิดว่าสองคนนี้คงหาวิธีให้ไปพักด้วยกัน
ได้มากกว่า 
นักเรียนคนอื่น ๆ พึมพำถึงครอบครัวที่จะต้องไปพัก มีนักเรียนชั้นสูงกว่าบางคนเริ่มเล่าเหตุการณ์ตอนที่พวกเขา
ไปพักกับครอบครัวแปลกหน้าให้ฟัง 
“ไม่รู้ว่าฉันจะได้จับคู่กับใคร” แฮร์รี่พูด ขณะที่กำลังเดินไปห้องอาหารรวมกับรอนและเฮอร์ไมโอนี่ 
บนโต๊ะเริ่มมีอาหารปรากฏแล้ว 
“อย่าให้เป็นเนวิลล์เลย” รอนพึมพำ เมื่อเห็นไก่ในจานของเนวิลล์ที่เขากำลังพยายามหั่นกระเด็นไปถูกศรีษะของดีน 
.................................................................... 
นับเป็นโชคดีของรอนและแฮร์รี่ เพราะพวกเขาสองคนถูกจับคู่ให้ไปพักกับครอบครัวโมเรลที่เชี่ยวชาญเรื่อง
การแปลงร่างเป็นพิเศษ ทั้งสองคนคิดว่าศาสตราจารย์มักกอนนากัลน่าจะมีส่วนร่วมในการจัดบ้านให้ 
เพราะเธออาจจะไม่พอใจที่สองคนนี้แอบเล่นในคาบเรียนแปลงร่างของเธอบ่อย ๆ 
“เธอล่ะได้ไปกับใคร” แฮร์รี่ถามเฮอร์ไมโอนี่ พวกเขากำลังเรียนอยู่ในคาบวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ของศาสตราจารย์
บินส์ (แน่นอนว่าน่าเบื่อจนพอมีเวลาคุยกัน) 
“ฉันได้ไปกับปาราวตี” เฮอร์ไมโอนี่ตอบทั้งที่มือยังจดตามกระดาน เธอพูดต่อ 
“ไปอยู่กับครอบครัวเคนท์ เขาเชี่ยวชาญเรื่องสัตว์มหัศจรรย์กับสมุนไพร” 
“ฉันจำได้ว่าเพอร์ซี่เคยไปพักกับครอบครัวนี้นะ” รอนทำท่าคิด 
“รู้สึกว่ายายแม่ม่ายเคนท์นี่จะเก่งมาก เพอร์ซี่กลับมาสรรเสริญให้ฟังตลอดปิดเทอมเลย” 
“เขาพูดว่าไงบ้างล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างสนใจ 
“จำไม่ได้แล้ว ฉันไม่สนใจจะฟังเขาหรอก” รอนพูดแล้วก็ก้มหน้าเขียนตามกระดานต่อ เขาสนใจจะฟังคำพูดพี่
ชายคนนี้น้อยพอ ๆ กับการอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เก่า ๆ 
จนวันปิดเทอมมาถึง แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ก็เก็บของลงหีบเสร็จแล้ว แต่ไม่ได้เพื่อกลับบ้านเหมือน
นักเรียนชั้นปีอื่น ๆ พวกเขาเตรียมตัวจะไปพักกับครอบครัวอุปถัมภ์ 
“ฉันกับดีนได้ไปพักกับครอบครัวมีเบอร์” เนวิลล์พูดเสียงจ๋อย ครอบครัวนั้นเฟร็ดกับจอร์จเคยไปพักด้วย 
แฮร์รี่คิดว่าทั้งสองคนคงขู่เนวิลล์ด้วยข้อมูลผิด ๆ ที่พวกเขาแต่งขึ้น 
“นายต้องระวังต้นหอยกาบจับแมลงหน้าบ้านนะ มันกินคนล่ะ” เฟร็ดขู่ 
“ช่าย แล้วต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงหลังบ้านก็ชอบพ่นน้ำย่อยออกมาด้วย” จอร์จรีบเสริมอย่างสนุกเมื่อเห็นหน้า
ของเนวิลล์ซีดลงเรื่อย ๆ 
สถานีรถไฟคือจุดเริ่มต้นของการเดินทาง แฮกริดทำหน้าที่พานักเรียนทุกคนมาพร้อม ๆ กัน 
“เอ้า เนวิลล์กับดี เธอสองคนลงสถานีแรกนะ ไม่ต้องยกของเดี๋ยวจะมีคนยกให้ ครอบครัวมีเบอร์ไม่ว่าง
 พวกเขาส่งต้นปาล์มเดินได้มารับ แค่พวกเธอเดินตามมันไป” 
แฮร์รี่ฝืนไม่หัวเราะเมื่อเห็นหน้าของทั้งสองคนเป็นสีม่วง ดูเหมือนเฟร็จกับจอร์จคงขู่เขาพวกเขาไว้เต็มที่ 
“แฮร์รี่กับรอนลงสถานีที่สอง คุณนายโมเรลจะมารับเธอสองคนต้องดูให้ดี ๆ เพราะคุณนายโมเรลอาจจะแปลง
ร่างเป็นหมีมา ต้องดูหมีตัวที่ใส่สร้อยมุกล่ะ แถวนั้นหมีจริงมันชุมด้วย” 
คราวนี้แฮร์รี่กับรอนกลืนน้ำลายดังเอื้อก หน้าซีดยิ่งกว่าเนวิลล์ 
“เราคงมีเวลาดูหรอกนะว่าหมีตัวไหนใส่สร้อย!” รอนประชด 
แฮกริดพูดแจงสถานี้ที่แต่ละคู่ต้องลง จนถึงคิวของเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเป็นคู่สุดท้าย 
“ปาราวตียังไม่มาเลยค่ะ” เธอบอก 
“อ๋อ เธอบอกฉันแล้วล่ะว่าอาจจะมาช้าหน่อย เธอไม่ค่อยสบายอ้ะ แล้วก็ดูเหมือนจะมีนักเรียนอีกคนด้วยที่ป่วย” 
แฮกริดหยิบรายชื่อขึ้นมาอ่านแล้วพูดต่อ 
“เธอลงสถานีสุดท้ายเลย คุณนายเคนท์จะมารับ ไม่มีปัญหาอะไร เอาล่ะ ทุกคนขึ้นรถได้” 
นักเรียนพูดคุยกันเสียงดังถึงครอบครัวที่จะไปอยู่ด้วยขณะเดินขึ้นไปบนรถไฟ แต่ละตู้ภายในจัดไว้เป็นห้อง ๆ
 สำหรับนักเรียนที่เป็นคู่กัน 
“เธอนั่งตู้ไหนล่ะ” แฮร์รี่ถามเฮอร์ไมโอนี่ 
“ตู้แรกสุดเลย” เธอตอบ 
เสียงหวูดรถไฟดังขึ้นสามครั้ง แฮกริดโบกมือให้เด็ก ๆ 
“โชคดีนะ ฝึกให้สนุกล่ะ อ้อ! เฮอร์ไมโอนี่รับนี่ไปด้วย อาจารย์ฝากมาให้เมื่อกี้นี้เองอ้ะ” 
แฮกริดเดินมาที่หน้าต่างแล้วยื่นซองจดหมายให้ 
ทั้งสามคนโบกมือให้แฮกริดขณะที่รถไฟเคลื่อนตัวออกจากสถานี เมื่อรถแล่นด้วยความเร็วคงที่แล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็พูด 
“ฉันต้องไปห้องของฉันแล้วล่ะ ปาราวตีอาจจะรออยู่ แล้วเจอกันนะ” 
ทั้งสามคนกล่าวลากัน 
“เจอกันวันกลับนะ” รอนบอก 
เฮอร์ไมโอนี่เดินมาที่ห้องของตัวเอง พอเลื่อนประตูก็ต้องแปลกใจที่ไม่เห็นคู่ของเธออยู่ในนั้น
 เธอเดาว่าปาราวตีอาจจะไปนั่งกับเพื่อนคนอื่นก่อน เฮอร์ไมโอนี่นั่งแล้วหยิบจดหมายขึ้นมาแกะแต่ยังไม่ทัน
ได้หยิบกระดาษในซองออกมาอ่านเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น- - ปาราวตีแน่ ๆ 
“เข้ามาสิ” เธอบอกแล้วก้มหน้าลงสนใจกับจดหมายเหมือนเดิม 
“เธอไปไหนมา…” เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นแล้วก็อ้าปากค้าง 
เดรกโก มัลฟอยยืนอยู่ตรงนั้น 
**********2*********** 
มัลฟอยยืนอยู่ตรงประตู มีสายกระเป๋าสีดำหนึ่งสายคล้องอยู่ที่ไหล่ เขาเดินเข้ามาวางกระเป๋าที่เก้าอี้ฝั่งตรง
ข้ามกับเฮอร์ไมโอนี่แล้วนั่งลง 
"ไง เกรนเจอร์ ไม่น่าเชื่อนะ" เขาพูดแล้วพิงพนักเก้าอี้เฉย 
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวว่ากำลังอ้าปากค้างอยู่ เธอรีบหุบแล้วพูด 
"เธอเข้ามาผิดแล้วล่ะ ฉันจับคู่กับปาราวตีนะ" 
"เหรอ" มัลฟอยตอบหน้าตาเฉย เขาส่งสายตาเหมือนจะบอกว่า'แล้วไง' 
"ออกไปนะ!" เฮอร์ไมโอนี่เริ่มโกรธ เธอชี้มือไปที่ประตู 
มัลฟอยเอื้อมมือมาที่เธอ เฮอร์ไมโอนี่ตกใจ คว้าไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาขวางไว้ 
"อย่านะ! ไม่งั้นฉันจะ.." 
"หวงจังแฮะ!" มัลฟอยพูดเสียงดังขัดขึ้นซะก่อน แล้วเขาก็หยิบซองจดหมายหน้าตาเหมือนของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา 
"ฉันแค่อยากดูว่าจดหมายของเธอเหมือนของฉันหรือเปล่า" เขาหมายถึงจดหมายที่เธอวางไว้ข้างตัวต่างหาก 
มัลฟอยยื่นจดหมายในมือให้เฮอร์ไมโอนี่ 
เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยอย่างระแวงแล้วหยิบจดหมายจากเขามาอ่าน ภายในมีข้อความเขียนว่า 
"ถึงมิสเตอร์เดรโก มัลฟอย 
ทางโรงเรียนได้รับแจ้งจากครอบครัวของเกรกอรี่ กอยล์ว่า เขาป่วยหนักไม่สามารถไปพักกับครอบครัวอุมปถัมภ์
ร่วมกับเธอได้ ทางโรงเรียนจึงให้เธอไปพักร่วมกับมิสเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์แทน โดยครอบครัวที่ไปพัก
จะเปลี่ยนเป็นครอบครัวเคนท์ที่มิสเกรนเจอร์จะไปพัก 
ลงชื่อศาสตราจารย์มักกอนนากัล" 
เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นจากจดหมายแล้วพูด 
"แล้วปาราวตี" มัลฟอยพยักเพยิดไปทางจดหมายของเฮอร์ไมโอนี่ 
"อ่านของเธอสี" เฮอร์ไมโอนี่รีบหยิบจดหมายของเธอขึ้นมาอ่าน ข้อความมีอยู่ว่า 
"ถึงมิสเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ 
ทางโรงเรียนได้รับแจ้งจากครอบครัวของมิสปาราวตี พาติลว่า มิสพาติลป่วยกะทันทันเพราะติดโรคอีสุกอีใส
 ทางโรงเรียนจึงขอให้คุณจับคู่กับมิสเตอร์เดรโก มัลฟอย โดยครอบครัวอุปถัมภ์คือครอบครัวเคนท์เช่นเดิม 
ลงชื่อ ศาสตราจารย์มักกอนนากัล" 
"ฉันจับคู่กับกอยล์ แต่เมื่อคืนมันกินแซนวิชวิซซิ่งวิซบี้เข้าไปสี่สิบอัน เลยปวดท้อง" มัลฟอยพูดเมื่อเห็่นเฮอร์ไมโอนี่
เงยหน้าขึ้นจากจดหมาย เธอพยักหน้าเข้าใจ แล้วทั้งคู่ก็เงียบไป 
เป็นบรรยากาศที่ชวนให้อึดอัดมาก เพราะต่างฝ่ายต่างไม่กล้าเป็นฝ่ายเริ่มชวนคุยก่อน แล้วรถไฟก็ชะลอความเร็วลง
เพื่อจอดสถานีแรก เฮอร์ไมโอนี่เห็นว่าเป็นโอกาสที่เธอจะหนีจากความอึดอัดนี้ และเพื่อลาเนวิลล์ 
เธอจึงลุกขึ้นไปยืนที่หน้าต่าง 
สถานีนั้นไม่มีเงาของคนเลยสักคน เนวิลล์กับดีนเดินลงจากรถไฟด้วยท่าทางหวาด ๆ นักเรียนคนอื่น ๆ 
บนรถไฟพากันชะโงกหน้าออกมาดู พวกเขาโบกมือและส่งเสียงอำลาเพื่อนทั้งสองกันเสียงดัง 
ทันใดนั้นเอง ต้นปาล์มที่สูงราวสองเมตรครึ่ง เดินด้วยรากของมัน ก็เดินขึ้นมาบนสถานีรถไฟอย่างช้า ๆ
 เด็กหลายคนปรบมือด้วยความอัศจรรย์ใจ มันหยุดที่เบื้องหน้าของเนวิลล์และดีนที่กำลังตกตะลึง 

"คุณเนวิลล์ ลองบัตท่อมกับคุณดีน โทมัสใช่ไหมขอรับ" ต้นปาล์มถาม เสียงเหมือนกับหุ่นยนต์กำลังหัดพูด 
"ใช่" ดีนรับ 

"ไปกันเถอะขอรับ"ื แล้วต้นปาล์มก็เอื้อมกิ่งต่ำ ๆ ที่ดูเหมือนจะใช้แทนแขนทั้งสองข้างของมันออกมาคล้อง
ไว้รอบเอวของเนวิลล์กับดีน แล้วหิ้วทั้งสองคนไว้แนบลำต้น เนวิลล์กับดีนร้องจ๊าก 
"ฉันเดินเองได้! ฉันเดินเองได้!" ดีนร้องพร้อมกับดิ้นพราด 

"ไม่ได้ขอรับ นอกสถานีมีหญ้าเจ้าชู้เกเรอยู่ มันอาจจะเกาะกางเกงคุณ แกะไม่ออก" ต้นปาล์มพูดอย่างมีเหตุผล 

นักเรียนที่กำลังมุงดูทั้งสองจากบนรถไฟพากันหัวเราะเสียงดัง เมื่อต้นปาล์มยักษ์ต้นนั้นหิ้วเนวิลล์กับดีนลง
ไปจากสถานีอย่างหมดท่า บางคนหัวเราะจนน้ำตาไหล 

เฮอร์ไมโอนี่โบกมือลาเพื่อนทั้งสอง เธอพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ เพราะไม่อยากให้มัลฟอยได้ยินเสียง
 แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากข้างหลัง เมื่อเธอหันไปดูก็เห็นมัลฟอยกำลังหัวเราะจนตัวงอ 

จากนั้นดูเหมือนว่าการที่รถจอดแต่ละสถานีกลายเป็นเรื่องสนุกที่น่ารอคอยสำหรับเด็กที่เหลืออยู่

 พอถึงสถานีที่สองก็มีภูตตัวเล็กจิ๋วมารับซูซานกับแมนดี้ไป แต่พอถึงสถานีที่สามก็เป็นคิวของแฮร์รี่และรอน 

ทั้งสองคนเดินลงไปที่สถานีว่างเปล่านั้นด้วยหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ รอนหันซ้ายหันขวาราวกับว่าอาจจะมีโจรวิ่ง
มายิงเขาในระยะเผาขน ส่วนแฮร์รี่ก็เหงื่อท่วมตัวเหมือนคนที่เพิ่งวิ่งมาราธอนมา 

หมีสีน้ำตาลตัวหนึ่งเดินต้วมเตี้ยมเข้ามาหาทั้งสอง เด็กบนรถไฟร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ 
รอนพยายามเพ่งดูที่คอของมันอย่างรวดเร็วก่อนที่ขาของเขาจะขยับวิ่งเอง ว่าหมีตัวนั้นสร้อยมุกหรือเปล่า แล้วเขาก็ร้อง 
"ใส่สร้อยมุก! แฮร์รี่ นี่ต้องใช่คุณนายโมเรลแน่ ๆ!" รอนวิ่งไปเกาะมัน แฮร์รี่ถอนใจโล่งแล้วจะเดินเข้าไปหาหมีตัว
นั้นอีกคน 
"นั่นไม่ใช่ฉันหรอกจ๊ะ" คุณนายโมเรลเดินเข้ามาในสถานีพร้อมกับหัวเราะ รอนกับแฮร์รี่ร้องจ๊าก
 โผเข้ากอดกันแน่นขณะที่เจ้าหมีตัวนั้นยิ้มแยกเขี้ยวให้เขา 
กว่าจะรู้เรื่องว่าหมีตัวนั้นเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณนายโมเรล และเธอเพิ่งยกสร้อยมุกให้มันเมื่อเช้า
 ก็ทำให้แฮร์รี่กับรอนตัวซีดเหลืองดูเหมือนไก่ที่ถูกถอนขนต้ม 
เสียงหวูดรถไฟดังขึ้นสามครั้ง เฮอร์ไมโอนี่ที่หัวเราะจนหยุดแล้วก็โบกมือลาเพื่อนทั้งสอง
 แฮร์รี่กับรอนโบกมือตอบจนกระทั่งรถไฟแล่นลับไป 
"เอ....ฉันว่าฉันเห็นมัลฟอยแวบ ๆ นะ" รอนพูดขณะลดมือลง 
********************3***************** 
จนกระทั่งเสียงลาของนักเรียนทุกคนเบาลงจนเงียบไปหมด บนรถไฟก็เหลือเพียงเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอย 
รถไฟจอดที่สถานีสุดท้าย ทั้งคู่เดินลงจากรถอย่างเกรง ๆ ในสถานีนั้นว่างเปล่าเช่นทุกสถานี 
“สวัสดีจ๊ะ เฮอร์ไมโอนี่กับปาราวตี” ผู้หญิงคนหนึ่งเดินตรงมาหาทั้งสอง 

คุณนายเคนท์นั่นเอง เธอเป็นผู้หญิงตัวสูงมาก เกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร เป็นคนตัวใหญ่ แต่ไม่อ้วน
 ผมยาวสีน้ำตาลไหม้รวบเรียบร้อย เธอสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์เหมือนมักเกิ้ล แต่สวมถุงมือสีดำและร้องเท้าบู้ต
หนังมังกร ดูแคล่วคล่องว่องไว 

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ทักทายพร้อมกับแหงนหน้ามองร่างสูง ๆ ของอีกฝ่ายอย่างทึ่งจัด 
“แล้วนี่ก็ปาราวตีสินะ” คุณนายเคนท์ขมวดคิ้วงงขณะมองมาที่มัลฟอย 

“ฉันนึกว่าเป็นผู้หญิงซะอีก” 

“คือเรามีเรื่องจะแจ้งให้คุณทราบค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ส่งจดหมายของเธอและมัลฟอยให้ 

คุรนายเคนท์หยิบไปอ่านทั้งสองฉบับ แล้วยื่นคืนให้เจ้าของทีละคน 

“เอาล่ะ! ไปกันเถอะจ้ะ” 

คุณนายเคนท์เดินนำเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยไปตามทางเดินเแคบ ๆ ที่อยู่ไม่ห่างจากสถานีนัก เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกหนาว ๆ
 เพราะตลอดทางเดินสองข้างทางเป็นป่าทึบ มีหมอกลงหนาแม้แต่ตอนนี้ที่เป็นตอนเที่ยงแล้วก็ตาม
 เธอพยายามเดินไม่ให้ทิ้งระยะจากคุณนายนักเพราะกลัวหลงทาง คุณนายเคนท์ดูเหมือนจะรู้ 
“ที่นี่อาจจะเย็นกว่าภายนอกนะจ๊ะ แต่หมอกพวกนี้ล่ะ ช่วยบังบ้านฉันจากพวกมักเกิ้ลได้” เธอพูดเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่
เริ่มกอดอกตัวเอง 
ในที่สุดพวกเขาก็เดินมาถึงปลายทาง ไม่น่าเชื่อเลยว่าปลายสุดทางเดินจะมีบรรยากาศแตกต่างไปจากทางเดิน
โดยสิ้นเชิง แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาเหมือนจะกั้นหมอกให้หยุดไว้แต่เพียงทางเดินเท่านั้น 
บ้านสองชั้นขนาดกะทัดรัดตั้งอยู่ตรงกลางสนามหญ้าและมีสวนที่ปลูกต้นไม้หน้าตาแปลก ๆ เต็มไปหมด
 ภายในบ้านตกแต่งไว้อย่างน่าอยู่ 

“ห้องของพวกเธออยู่ข้างบนจ้ะ ห้องน้ำกับห้องนอนของฉันอยู่ชั้นล่าง” คุณนายพาเด็กทั้งสองขึ้นบันไดที่ทอดยาว
จากชั้นบนลงมาที่ห้องครัวพอดี เฮอร์ไมโอนี่เดินตามไปติด ๆ ส่วนมัลฟอยหลังจากที่หมุนตัวดูรอบบ้านแล้ว
ก็ก้าวขึ้นบันไดตามไป ปลายบันไดเป็นทางเดินยาวทอดผ่านหน้าห้องสองห้องที่อยู่ติดกันทางซ้ายมือ 
“เป็นห้องของลูก ๆ ฉันตอนนี้พวกเขาย้ายออกไปอยู่ใกล้ที่ทำงานกันหมดแล้ว” 

เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปในห้องที่ตกแต่งไว้อย่างน่ารักมีของจำเป็นสำหรับเด็กหนึ่งคนครบรวมทั้งโต๊ะเขียนหนังสือ 
ทุกอย่างเป็นสีครีมสะอาดตา 

“น่ารักจัง” เธอพูดอย่างดีใจแล้วไปนั่งบนเตียง หีบของเธอตั้งอยู่ในห้องแล้ว 

“แล้วห้องของเดรโกนะจ๊ะ” คุณนายเคนท์พามัลฟอยมาที่ห้องที่ติดกัน ภายในเหมือนห้องของเฮอร์ไมโอนี่ทุกอย่าง
เพียงแต่ตกแต่งด้วยสีฟ้า 

“เปลี่ยนชุดแล้วลงมาข้างล่างนะจ้ะ พวกเธอคงหิวกันแล้ว” 

หลังจากที่คุณนายลงไปแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็รีบเปิดหีบหยิบเสื้อผ้าออกมาเปลี่ยนเพื่อลงมาช่วยจัดโต๊ะอาหาร 

“นั่งได้เลยเฮอร์ไมโอนี่ ของทุกอย่างฉันเตรียมไว้หมดแล้ว” 

เฮอร์ไมโอนี่เลื่อนเก้าอี้ลงนั่ง มัลฟอยเดินลงมากจากชั้นบนพอดี เธอเห็นเขาแล้วก็หน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู 
เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาใส่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ มัลฟอยเองก็หน้าเป็นสีเดียวกัน เขานั่งลงบ้างพร้อมกับคุณนายเคนท์

วางจานลงตรงหน้าเด็กทั้งสอง แล้วหม้อใบใหญ่มีควันกรุ่นก็ถูกยกมาวางไว้บนโต๊ะ เจ้าของบ้านตักซุปกลิ่นหอม
ใส่จานให้ทีละคน 

น่าแปลกใจที่ผู้หญิงที่ดูเหมาะกับงานหนักและสมบุกสมบันอย่างคุณนายเคนท์จะเป็นแม่บ้านที่ดีมาก 
อาหารที่เธอทำล้วนมีรสชาติอร่อย เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยอย่างแปลกใจ เขากินจุกว่าที่เธอคิดมาก 
คุณนายเคนท์ตักสตูชามที่สามให้ชามที่ว่างเปล่าอย่างรวดเร็วของมัลฟอยพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ 
“กินเก่งดีมากจ้ะ พ่อหนุ่ม” มัลฟอยชะงักช้อนในมือแล้วหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแล้วสนใจชาม
ของตัวเองตามเดิม 
หลังรับประทานอาหารเที่ยงจนเกือบจุกแล้ว คุณนายเคนท์ก็ไม่ปล่อยให้เด็กสองคนที่เริ่มง่วงนอนอยู่กันเฉย ๆ 
เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยถือสมุดจดและปากกาเดินตามเธอไปที่สนามหน้าบ้าน 

“วันนี้ฉันจะสอนให้พวกเธอรู้จักต้นไม้ชนิดใหม่ ๆ บ้างนะจ๊ะ ต้นไม้ทุกชนิกสามารถปลูกในบริเวณนี้ได้หมด
 ถ้าเป็นพืชที่ชอบอากศร้อนก็จะอยู่ใกล้บ้านฉัน แต่ถ้าชอบอากาศเย็นก็จะอยู่ลึกเข้าไปในป่า” คุณนายเคนท์ชี้ไปใ
นป่าที่ยังคงมีหมอกคลุมอยู่ 

“ยิ่งเป็นพืชที่ชอบอากาศเย็นเท่าไหร่ก็จะยิ่งอยู่ลึก ฉันเลยไม่ต้องสร้างเรือนกระจก” เธอว่าจบก็เด็ดกิ่งไม้ขึ้นมาชูกิ่งหนึ่ง 

“นี่คือต้นโอลีฟ เธอสองคนรู้ไหมว่ามันมีประวัติยังไง” 

เฮอร์ไมโอนี่ชูมือหรา มัลฟอยเลิกคิ้วอย่างแปลกใจขณะหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ แต่คุณนายมัวร์อมยิ้ม 

“ไม้ต้องยกมือก็ได้จ้ะ ไม่ใช่ห้องเรียน” 

เฮอร์ไมโอนี่ลดมือลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเป็นสีชมพู แล้วส่งสายตาขุ่นเขียวไปให้มัลฟอย เขากำลังเบือนหน้า
ไปทางอื่นและกำลังปิดปากเพื่อกลั้นหัวเราะ ทั้งสามคนใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายอยู่ในสนาม
 เพื่อศึกษาพรรณไม้รวมไปถึงแมลงบางชนิดที่สามารถนำมาปรุงยาได้ 

“สัตว์วิเศษส่วนใหญ่จะอยู่ลึกเข้าไปในป่า อย่างตัวเคลปี้ก็มีอยู่ในหนองน้ำบางแห่งข้างในนะจ๊ะ” 

มัลฟอยหน้าเผือดไปนิดหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่ได้แอบยิ้มบ้าง แต่เมื่อทั้งสองคนหันมาสบตากัน
 ใบหน้าของทั้งคู่ก็เปลี่ยนเป็นสีชมพู 

*********4******* 

“เธอดำขึ้นเยอะเลยนะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ล้อ 

พวกเขามาอยู่บ้านของคุณนายเคนท์ได้สามวันแล้ว และทุกวันจะใช้เวลาอยู่กลางแจ้งเสียเป็นส่วนใหญ่เพื่อปลูก

และศึกษาต้นไม้ จับแมลง ดูสัตว์แปลก ๆ ที่อาจจะเดินหลงออกมาจากป่าที่อยู่ติดบ้านหรือที่คุณนายเคนท์นำมาให้ดู
 วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พวกเขามาทดลองปลูกต้นไม้กันสองคน 

มัลฟอยพลิกแขนของตัวเองขึ้นดู แล้วเหลือบตาขึ้นมองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังหัวเราะในลำคอ 

“แล้วเธอชอบหรือเปล่าล่ะ” เขาถามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ อันที่จริงสามวันมานี้เขาไม่มีโอกาสได้พูดกับเธออย่างนี้เลย
 เฮอร์ไมโอนี่หน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู เธอรีบก้มหน้าพรวนดินต่อ 

“ว่าไงล่ะ” เขาแกล้งถามซ้ำ 
“ไม่รู้สิ แต่เขาว่าคนตัวดำจะอายุยืนกว่า” เฮอร์ไมโอนี่รีบเปลี่ยนเรื่อง ยังไม่ยอมสบตาเขา 

“ฉันไม่ได้อยากดำเพราะเรื่องนั้นสักหน่อย” มัลฟอยว่า 

“เสร็จกันหรือยังจ๊ะ” คุณนายเคนท์ตะโกนมาขณะที่กำลังเดินมาหาเด็กทั้งสอง เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยจึงไม่ได้พูดอะ
ไรกันต่อ 

คืนนั้นเฮอร์ไมโอนี่คลี่ม้วนกระดาษสำหรับทำรายงานถึงเรื่องที่ได้ศึกษาเพิ่มเติม ขณะที่กำลังเขียนอยู่นั้น 
นกฮูกตัวจิ๋วของรอนที่ชื่อพิกก็บินมาที่หน้าต่าง มีจดหมายผูกที่ขา เฮอร์ไมโอนี่รีบเปิดหน้าต่างให้มันเข้ามาพิกสะ
บัดตัวเบา ๆ อย่างภูมิใจที่งานสำเร็จ เธอแกะจดหมายออกอ่าน 

“หวัดดีเฮอร์ไมโอนี่ ฉันกับรอนตัดสินใจว่าจะเขียนจดหมายมาหาเธอด้วยกัน พอดีเฮดวิกต้องไปส่งจดหมาย
ถึงซีเรียสให้ฉัน เราสองคนฝึกเรื่องการแปลงร่างก้าวหน้าไปได้มากแล้ว เธอล่ะ อยู่กับปาราวตีเป็นไงบ้าง…” 

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแฮรืรี่กับรอนจะทำหน้ายังไงถ้ารู้ว่าคนที่นอนอยู่ห้องข้าง ๆ เธอตอนนี้คือมัลฟอย แสงไฟจากห้อง
เขายังไม่ดับ เขาอาจจะกำลังเขียนรายงานอยู่เช่นกัน 

“- - ครอบครัวโมเรลใจดีมาก พวกเขาจะจัดงานเลี้ยงส่งพวกเราตอนที่เรากลับด้วยล่ะ แล้วครอบครัวของคุณนายเคนท์
เป็นไงบ้าง หวังว่าเธอคงสบายดี เล่าเรื่องที่บ้านของเธอให้เราฟังบ้างสิ ส่งคำตอบมากับพิกนะ รัก แฮร์รี่และรอน” 

เฮอร์ไมโอนี่หยิบกระดาษขึ้นมาเขียนจดหมายตอบทันที เมื่อเขียนจบเธอก็เดินมาหาพิก แต่ว่า…มันหายไปแล้ว 

“พิก อยู่ไหน” เธอร้องแล้วหันไปรอบห้อง หน้าต่างเปิดค้างไว้- -พิกคงบินกลับไปหารอนแล้วแน่ ๆ 

“พิก ปัทโธ่เอ๊ย!” เฮอร์ไมโอนที่วิ่งไปที่เกาะกรอบหน้าต่าง แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนกฮูกจิ๋วตัวนั้น
 เธอมองจดหมายในมือแล้วคิดหาวิธี เธอไม่มีนกฮูก และในบ้านนี้ก็ไม่เคยเห็นว่าคุณนายเคนท์จะเลี้ยงนกฮูกไว้สักตัว
 และดึกขนาดนี้เธอก็ไม่อยากรบกวนปลุกเจ้าของบ้าน 

ในบ้านนี้มีใครที่มีนกฮูกอีก?… 
…………………………….. 

เรื่องหงุดหงิดกับปากกาขนนกไม่ได้เกิดบ่อยครั้งกับมัลฟอย เขาแทบจะจุดไฟเผาทั้งด้ามทิ้งเมื่อมันไม่ยอมสูบหมึก
 มิหนำซ้ำยังปล่อยหมึกออกมาหยดลงบนรายงานที่เขาตั้งใจเขียนมาสามวัน 

มัลฟอยเอากระดาษซับเช็ดปลายปากกาอย่างรำคาญ เสียงเคาะประตูดังขึ้น 

“ผมไม่ได้ล็อกครับ คุณนายเคนท์” เขาตะโกนตอบ แต่ก็ไม่ได้สนใจจะหันไปมอง แต่หลังจากที่ได้ยินเสียงเปิดประตูแล้ว
 อีกฝ่ายกลับเงียบ มัลฟอยขมวดคิ้ว เขาหยุดเช็ดปลายปากกา หันไปมองแล้วก็ต้องแปลกใจ 
“เกรนเจอร์” 
เฮอร์ไมโอนี่ถือจดหมายยืนอยู่หน้าประตู ธอมีท่าทางกระวนกระวาย 

“ฉัน เอ่อ…จะขอยืมนกฮูกของเธอหน่อยได้ไหม” เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่กรงนกฮูกเหยี่ยวซึ่งตั้งอยู่ติดหน้าต่าง
 มันเชิดจงอยใส่เธออย่างไว้ตัว มัลฟอยมองปฏิกิริยายาของมันแล้วก็หันกลับมา 

“ไม่มีนกฮูกแต่อยากส่งจดหมาย” เขายิ้มกวน 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูจัด ตามปกติเธอจะใช้นกฮูกของโรงเรียนเพราะครุกแชงก์แมวของเธอไม่เหมาะกับการส่ง
จดหมายแต่การที่ต้องยอมให้มัลฟอยได้ทีอยู่อย่างนี้เธอก็ไม่พอใจเช่นกัน 

“ขี้เหนียว! ฉันใช้ของคุณนายเคนท์ก็ได้” เฮอร์ไมโอนี่ว่า 

“เธอก็รู้นี่ว่าคุณนายเคนท์ไม่มี” มัลฟอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วยืนขึ้น 

เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากมองมัลฟอยที่เดินไปเปิดกรงนกฮูกเหยี่ยวของตัวเอง มันออกมาเกาะแขนที่เขา 
ยื่นให้อย่างว่าง่าย 

“แกอยากช่วยเขารึเปล่า” เด็กชายถามนก มันสะบัดหน้าใส่เฮอร์ไมโอนี่ แล้วบินไปเกาะไหล่ของมัลฟอยแทน
เหมือนประจบ 

“ไม่ต้องแล้ว!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง หันหลังกลับไปที่ประตู 

ประตูปิดฉับลงมาพร้อมกับเสียงกลอนดังกริ๊ก เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองมัลฟอยทันที 

“นาย!” เธอกระแทกเสียง มัลฟอยหมุนไม้กายสิทธิ์ในมืออย่างกวน ๆ นกฮูกที่อยู่บนไหล่กระพือปีกชื่นชม 

“น้อยใจง่ายจริง ฉันยังไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้ยืมสักหน่อย” เขาว่า 

“แล้วทำไมต้องล๊อกประตูด้วยล่ะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูด ยังไม่ลดความดังของเสียงลง 
มัลฟอยแกล้งเลิกคิ้ว 

“ฉันไม่รู้เลยนะ สงสัยไม่ชินกับคาถานี้มั้ง” 

เฮอร์ไมโอนี่เริ่มนับหนึ่งถึงสิบให้ใจเย็น ท่องอยู่ในใจว่าเธอต้องพึ่งนกฮูกของเขาเพื่อส่งจดหมายหาเพื่อน 
จึงควรสงบสติอารมณ์เสียก่อน 

“คิดค่าจ้างดีไหม” มัลฟอยถามนกฮูกอีกครั้งเหมือนได้ใจที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่โมโหออกมา
 มันกระพือปีกรับอย่างกระตือรือร้น 

“เอาอะไรดี” เขาหัวเราะแล้วมองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังยืนคิ้วขมวดอยู่ นกฮูกเหยี่ยวมองมัลฟอยแล้วจิกเบา ๆ
 ที่ศรีษะของเขา 

“ตกลง ตกลง ฉันจะรับไว้ให้” แล้วนกฮูกก็บินไปที่เตียงขนาดเล็กในห้องนั้น มันมองเฮอร์ไมโอนี่
 เอาจงอยจิกที่เตียงพร้อมกับกระทืบเท้าเป็นเชิงบอกว่า ‘ตรงนี้’ 
แล้วหันไปมองมัลฟอย 

“นิสัยเหมือนเจ้าของ!!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกน หน้าเป็นสีชมพูจัด มัลฟอยก็เช่นกัน 

“ฉันไม่ได้สอนมันนะ” เขารีบแก้ตัว แล้วรีบไปจับตัวมันไว้ 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงเหมือนระเบิดเวลา มัลฟอยรู้ตัวว่าไม่ควรยั่วให้เธอโกรธมากไปกว่านี้ เขายื่นนกฮูกให้
 เธอผูกจดหมายเข้าที่ขาของมันแล้วเปิดหน้าต่าง ทันใดนั้นเองลมหนาวก็พัดวูบเข้ามา 

“หนาวมากเลย” เธอบอก 

“ก็จะวันคริสมาสต์แล้วนี่นา” มัลฟอยมองไปภายนอก ต้นไม้สูงที่อยู่ห่างออกไปเอนไปเอนมาเพราะแรงลม 

นกฮูกของมัลฟอยบินออกไปอย่างชำนาญ มันหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว 

“ไม่กลัวคนรับรู้รึไงว่าเธออยู่กับฉัน” มัลฟอยถาม 

“ก็คงไม่เป็นไรมั้ง นกเธอคงไม่ได้มีตัวเดียวในโลกหรอกนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด แต่เธอความกังวลใจก็ยังแสดงออกมาบ้าง
 มัลฟอยพูดต่อ 

“ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าคนส่งไม่ใช่ฉันมันจะกัดสายผูกจดหมายแล้วบินหนีเมื่อผู้รับรับแล้ว” 

เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจโล่งอก ลมหนาวพัดมาอีกวูบหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่รีบปิดหน้าต่างกันลมหนาวแล้วหันมาหามัลฟอย 

“ขอบใจ…” เธอยังพูดไม่จบมัลฟอยก็รวบตัวเข้ามากอดแล้วก้มหน้าลงจูบเธอทันที 

****************5************* 

เฮอร์ไมโอนี่ตกใจจนตัวแข็งทื่อ แต่มัลฟอยขยับริมฝีปากอย่างพอใจ เฮอร์ไมโอนี่ใช้วิธีเดิม 
“โอ๊ย!” มัลฟอยผละออก แล้วเอาปลายนิ้วแตะที่ปลายลิ้นของตัวเอง 
“กัดลิ้นฉันอีกแล้ว!” เขาบ่นเสียงดัง 

“นายนี่ไว้ใจไม่เคยได้เลย!” เธอพูดเหมือนตะโกน เฮอร์ไมโอนี่เดินหนีไป มัลฟอยคว้าไหล่ไว้ได้ 

“ไม่เอาน่า เกรนเจอร์ อย่าโกรธสิ” 

เฮอร์ไมโอนี่ก้มลงกัดกร้วมเข้าที่มือของมัลฟอยที่อยู่บนไหล่ 

“โอ๊ย! ดุจัง” เขาสะบัดมือข้างนั้น 

“สมน้ำหน้า!” เฮอร์ไมโอนี่วิ่งไปเปิดล็อกประตู 

“เกรนเจอร์” มัลฟอยเรียกไว้เสียก่อน เธอชะงัก 
“ติดกระดุมหน่อยสิ อากาศเย็นนะ” เขาเลิกคิ้วยั่ว 

เฮอร์ไมโอนี่ก้มลงดูเสื้อของตัวเองก็เห็นว่ากระดุมหลุดออกเม็ดหนึ่ง เธอหน้าเป็นสีแดงจัด 
มัลฟอยไหวไหล่แล้วก็หัวเราะ 

“เวลาน้อยน่ะ” 

เฮอร์ไมโอนี่อยากคว้าอะไรแถวนั้นปาใส่หน้ายียวนของเขาเหลือเกิน แต่ที่เธอทำได้ก็คือปิดประตูใส่หน้าเขาปังใหญ่
 มัลฟอยตะโกนตามหลังมา 
“ฝันถึงฉันบ้างนะ เกรนเจอร์” 
………………………………….. 

“เอาล่ะจ้ะ มาถึงตอนนี้แล้ว ฉันคิดว่าพวกเธอก็ได้เรียนรู้จากฉันไปจนหมดแล้ว หรือพูดอีกอย่างก็คือจบหลักสูตร” 
คุณนายเคนท์พูดกับเด็กทั้งสอง ขณะที่พวกเขาอยู่ในสนามหน้าบ้าน เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่หายโกรธมัลฟอย
 เธอไม่ยอมพูดกับเขาเลยตั้งแต่เช้า 

“แล้วก็อย่างสุดท้ายนะจ๊ะ เพื่อเป็นการทดสอบเล็ก ๆ น้อย ๆ” คุณนายเคนท์ยกกระเป๋าขนาดย่อมสอง
ใบที่เธอถือมาด้วยวางไว้หน้าเด็กทั้งสอง 

“ฉันจะให้เธอสองคนเข้าไปในป่านี้นะจ๊ะ ในนี้จะมีแผนที่บอกทางชัดเจน” มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่เปิดกระเป๋า
แล้วหยิบแผนที่ขึ้นมากาง 

“ฉันจะให้พวกเธอเข้าไปเก็บพืชสำหรับใช้ปรุงยารักษาแผลที่เกิดจาการระคายเคืองของกรดจากพืชมีพิษ”
 คุณนายเคนท์พูดเรื่อย ๆ แล้วชี้ไปที่ป่าซึ่งยังคงมีหมอกคลุม 

“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ ไม่มีอันตราย ฉันรู้จักป่านี้ดีพอ ๆ กับลายมือของตัวเอง ถ้าพวกเธอมีเรื่องฉุกเฉินอะไรล่ะก็ให้
โบกไม้กายสิทธิ์นะจ๊ะ ฉันจะมาทันที” 
“ใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่ได้คะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามขณะดูแผนที่อย่างละเอียด 

“ก็แล้วแต่ ถ้าหาได้เร็วเย็นนี้ก็ครบ หรืออาจจะหนึ่งคืน ไหวไหม อาหารกับของใช้จำเป็นอยู่ในนี้แล้ว” 
คุณนายเคนท์ตอบ แล้วยื่นกระเป๋าให้ที่ละคน เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยรับคำอย่างตื่นเต้นก่อนจะเดินเข้าไปในป่าทึบ 
…………………………………. 
พระอาทิตย์ส่องแสงทะลุหมอกบาง ๆ ลงมา อากาศเย็นสบายจนเฮอร์ไมโอนี่นึกอยากให้ทางเดินในป่านี้ไม่มีที่สิ้นสุด 
“เฮ้อ…อยากอยู่ในนี้นาน ๆ จัง” เธอพูด ยกแขนสองข้างขึ้นสูงแล้วสูดหายใจเต็มปอด 

มัลฟอยที่กำลังมองหาพืชที่จะใช้ปรุงยาตามที่กำหนด พูดโดยไม่หันมามอง 

“หมายถึงหลงทางหรือเปล่า” 

เฮอร์ไมโอนี่หยุดเดินแล้วส่งสายตาขุ่นเขียวให้เขา มัลฟอยหยุดบ้าง หันมามองอีกฝ่ายอย่างงง ๆ 

“เธอนี่ไม่โรแมนติกเอาซะเลย” 

เขาหัวเราะแล้วเดินเข้ามาใกล้ ๆ เฮอร์ไมโอนี่ 

“งั้นก็อยู่ในนี้ด้วยกันซักคืนสิ จะได้รู้ว่าฉัน…” มัลฟอยยื่นหน้ามา 

“โรแมนติกขนาดไหน” 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู เธอหันหน้ากลับแล้วเดินฉับ ๆ นำไปทันที 

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกน่า” มัลฟอยตะโกนไล่หลังมา 

“รู้ได้ไงว่าลึกเข้าไปจะไม่มีงู” 

เฮอร์ไมโอนี่หยุดเดินทันที เธอหันกลับมามองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าซีดขาว มัลฟอยกลั้นหัวเราะเต็มที่
 เดินเข้าไปหาเฮอร์ไมโอนี่แล้วยกกระเป๋าในมือขึ้น 
“กินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว” 

แล้วทั้งสองก็นั่งกินอาหารกันใต้ต้นไม้ใหญ่ เฮอร์ไมโอนี่มองพืชที่เก็บได้สองสามชนิดในกระเป๋าแล้วพูด 

“หายากกว่าที่คิดเยอะเลย” เธอหยิบรายการพืชขึ้นมานับ 

“สงสัยได้อยู่ในนี้สักคืนจริง ๆ” มัลฟอยพูดแล้วยกกระติกน้ำฟักทองขึ้นดื่ม 

“ไม่เอานะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องแล้วทำท่าขนลุกขนพอง 

“ในนี้จะมีสัตว์ประหลาด ๆ น่ากลัวบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้” 

“งั้นก็ออกไปบอกคุณนายเคนท์ว่าหาได้ไม่ครบ” มัลฟอยบอกวิธีอีก 

“ไม่เอา” เฮอร์ไมโอนี่ค้านอีก เธอไม่อยากให้คุณนายเคนท์ผิดหวัง 

“โน่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา หรือเธอคิดว่าเราจะหาครบก่อนมืดได้จริง ๆ” มัลฟอยพูดอย่างสงสัยขณะดูรายการพืชยาว
เหยียดบนกระดาษในมือเขา 

แล้วก็จริงอย่างที่มัลฟอยว่า เพราะจนพระอาทิตย์อ่อนแสงลงและเริ่มเคลื่อนตัวอยู่ชิดกับขอบฟ้าสีส้มแล้ว
 พวกเขาก็ยังขาดพืชสำคัญอยู่อีกสองชนิด แต่เฮอร์ไมโอนี่หมดแรงแล้ว เธอทรุดนั่งลงกับพื้นแล้วบ่น 

“จะหาครบไหมเนี่ย” เธอยกกำปั้นขึ้นทุบไหล่ตัวเอง มัลฟอยวางกระเป๋าลงแล้วนั่งข้าง ๆ เฮอร์ไมโอนี่ 

“ให้คุณนายเคนท์มารับไหมล่ะ” เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา 

“ไม่เอา!” เฮอร์ไมโอนี่รีบคว้าไม้กายสิทธิ์ในมือของมัลฟอยมาถือ 

“เกรนเจอร์…” มัลฟอยพูดเสียงอ่อนใจ 

“เราจะหาครบได้ยังไงเล่า นี่มันก็มืดจนมองอะไรไม่เห็นแล้ว” 

“นอนในนี้ก็ได้นี่ แล้วพรุ่งนี้ค่อยหาให้ครบ” เฮอร์ไมโอนี่ว่า 

“ก็ได้ ก็ได้” มัลฟอยยอมแพ้ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อกี้ใครกันเล่าที่ไม่ยอมนอนในนี้ 

ทั้งสองคนเดินตามแผนที่ไปสู่สระน้ำเล็ก ๆ บริเวณนั้น หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้วต่างฝ่ายต่างก็ปูผ้า
ที่นอนที่คุณนายเคนท์เตรียมไว้ให้ในกระเป๋าแล้วออกมากาง เฮอร์ไมโอนี่เดินไปล้างหน้าที่ริมสระ
 แล้วก็หันมาเห็นมัลฟอยที่ยังยืนเกรง ๆ อยู่ริมน้ำ 
“ไม่มีตัวเคลปี้หรอกน่า” เธอพูดล้อ ๆ 

มัลฟอยหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู แล้ววักน้ำเย็น ๆ มาล้างหน้าตัวเองบ้าง พอเขาเดินกลับขึ้นมาเฮอร์ไมโอนี่ก็
กำลังเก็บของใส่กระเป๋า เธอเว้นระยะห่างระหว่างที่นอนไกลพอสมควร- - ก็เขาไว้ใจได้ที่ไหนกันเล่า 

“ถ้าเธอนอนห่างฉันมาก ๆ แล้วโดนตัวอะไรลากไปล่ะก็ฉันไม่รู้ด้วยนะ” มัลฟอยแกล้งแหย่ 

เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลายแล้วลากผ้าของตัวเองให้เข้ามาใกล้อีกฝ่ายให้มากขึ้นกว่าเดิม มัลฟอยยิ้ม 
เขาเหยียดตัวนอนบนผ้าของตัวเองแล้วยกแขนขึ้นหนุนศรีษะ 

เวลาผ่านไปได้สักครู่ ก็มีลมพัดผ่านกิ่งไม้ทำให้เกิดเสียงชวนให้วังเวงขึ้นเป็นระยะ เฮอร์ไมโอนี่ที่ยังคงลืมตา
โพลงอยู่ในความมืดรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ เธอขยับตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นอีก 
“มัลฟอย” เธอเรียกเด็กชาย 
“หือ…” เขาตอบ 

“ฉันนอนไม่หลับน่ะ คุยกันหน่อยสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูด 

มัลฟอยลุกขึ้นนั่งแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ 

“ขยับเข้ามาทำไม!” เฮอร์ไมโอนี่โวยวาย 

มัลฟอยเลิกคิ้วงงแกมไม่พอใจ 
“เธอคงไม่คิดว่าเราจะตะโกนคุยกันหรอกนะ” 

เฮอร์ไมโอนี่นึกขึ้นได้ เธอรีบขยับตัวให้มัลฟอยมานั่งในผ้าปูนอนของตัวเอง 

*********************6**************** 
มัลฟอยมองเฮอร์ไมโอนี่แล้วถาม 
“คุยเรื่องอะไรกันดีล่ะ” 

“เอ่อ…” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก ถึงแม้ว่าจะบอกให้เขามาคุยด้วยแต่พอเอาเข้าจริง เธอก็ไม่รู้ว่าจะชวนเขาคุยเรื่องอะไร 
มัลฟอยจึงพูดก่อน 

“อีกไม่นานเราก็ต้องกลับแล้วสินะ เธอจำได้หรือเปล่าว่าวันที่เท่าไหร่” 

“เราออกไปพรุ่งนี้ก็จะได้นอนบ้านคุณนายเคนท์คืนหนึ่ง แล้วก็กลับวันรุ่งขึ้น” เฮอร์ไมโอนี่นับ 

“งั้นก็วันมะรืน” มัลฟอยพูดแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนหนุนแขนตัวเอง เขาพูดต่อ 

“เฮ้อ…นี่ถ้ามีหมากรุกก็ดีจะได้มีอะไรทำ” 

“เธอเล่นด้วยเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างแปลกใจ 

“ฮื่อ เล่นกับกอยล์ แต่มันก็ไม่เคยชนะฉันเลยนะ” 

“เหรอ แล้ว…..” 
……………………………….. 
เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาตื่นตอนที่รู้สึกว่ามีน้ำค้างหยดลงบนหน้า เธอขยี้ตาแล้วขยับตัวอย่างเกียจคร้าน 

จำไม่ได้เลยว่าเมื่อคืนหลับไปตั้งแต่เมื่อไร แต่สายหมอกเย็นฉ่ำรอบตัวยังแสนสบายจนไม่อยากลุก 

แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อแขนของคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ขยับมาพาดไว้ที่ตัว 

“เกรนเจอร์…” มัลฟอยงึมงำพูดทั้งที่ยังหลับตา เขาซุกหน้ามาที่แก้มของเฮอร์ไมโอนี่ 

เฮอร์ไมโอนี่คว้าไม้กายสิทธิ์ไว้ได้ขณะที่อีกฝ่ายกำลังเอาขามาพาดไว้บนตัวเธออีก ทันใดนั้นเองมัลฟอยก็ลืมตา
โพลงแล้วหัวเราะจนตัวงอ เพราะโดนเล่นงานด้วยคาถาจี้เส้น 

“ทำอะไรของเธอน่ะ!” มัลฟอยพูดเสียงหอบเพราะหัวเราะอยู่นาน 

“นั่นมันเป็นคำพูดของฉันต่างหาก!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง เธอรีบถอยให้ห่างเขา 

“ฉันทำอะไร ก็เธอ…” มัลฟอยขยับจะเถียง แล้วก็ทำท่านึกออก 

“ฉันคงฝันไป ไม่น่าโกรธนี่นา” เขาแก้ตัว 

"ฝันว่าอะไรล่ะ!" เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงดัง 

คราวนี้ต่างฝ่ายต่างเงียบและหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่เฮอร์ไมโอนี่นั้นดูเหมือนจะมีความโกรธปนอยู่ด้วย เธอพูดต่อ 
“ฝันพิเรนทร์ล่ะสิเนี่ย” 

มัลฟอยเลิกคิ้ว 

“อิจฉาหรือไง” เขาขยับตัวเข้ามาใกล้แล้วแกล้งพูด 
“อยากรู้เหรอว่าฉันฝันว่าอะไร สาธิตให้ดูเอาไหม” 
เฮอร์ไมโอนี่เอาไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่คอของเขาแล้วพูดเสียงเฉียบ 
“เก็บของแล้วไปกันต่อ ไม่งั้นฉันจะใช้คาถากรีดแทง” มัลฟอยถอนใจอย่างเซ็ง ๆ แล้วก็ลุกไปเก็บของ 
หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้ว พวกเขาก็หาพืชที่เหลือครบได้ง่ายกว่าที่คิด 
“สงสัยเมื่อคืนที่หาไม่เจอ เพราะมันจะบานตอนเช้ามั้ง” เฮอร์ไมโอนี่ชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีดอกสีเหลืองบานอยู่เต็มต้น 
………………………….. 
คุณนายเคนท์ยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นเด็กทั้งสองเดินกลับออกมาอย่างปลอดภัย 

“ถ้าพวกเธอไม่กลับมาภายในห้านาทีนี้ฉันว่าจะไปตามพอดี” 

เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยยื่นกระเป๋าสัมภาระที่มีพืชครบตามที่กำหนดไว้ในรายการ 

“เก่งมากจ้ะ” คุณนายเคนท์ก้มลงจูบที่แก้มของเฮอร์ไมโอนี่ 

วันที่พวกเขาออกมานั้น คุณนายเคนท์ได้เตรียมงานเลี้ยงส่งไว้เรียบร้อยแล้ว 

“อีกไม่นานก็จะวันคริสมาสต์แล้ว ฉันก็เลยคิดว่าเราน่าจะจัดงานร่วมไปด้วยเลย” 

คุณนายจัดโต๊ะด้วยอาหารนานาชนิด ไก่งวงตัวใหญ่สองตัว เค้กทรงขอนไม้อันใหญ่ตกแต่งด้วยน้ำตาลไอซิ่
ง สตูเข้มข้นและยังมีมันฝรั่งชามใหญ่ ต้นคริสมาสต์ตกแต่งด้วยเครื่องประดับมีประกายระยิบระยับ
 และเทียนจำนวนมากถูกจุดให้แสงสว่างทั่วบ้าน 

เฮอร์ไมโอนี่ได้รับของขวัญวันคริสมาสต์จากคุณนายเคนท์เป็น”หนังสือพืชร้อยชนิดพร้อมตัวอย่าง” 
ที่เปิดออกมาแล้วหน้าทางด้านซ้ายจะเป็นรายละเอียดของพืชหนึ่งชนิด ส่วนหน้าทางด้านขวาจะมีกล่องกระจกเล็ก ๆ 
แบน ๆ ติดอยู่ ภายในบรรจุพืชตัวอย่างที่สามารถนำไปใช้ได้จริงทุกหน้า 

“ฉันเคยซื้อให้ลูกชายจ้ะ แต่พวกเขาชอบแกะกล่องตัวอย่างเอาพืชไปปรุงยาแผลง ๆ” 

มัลฟอยได้หนังสือแบบเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่เพียงแต่ของเขาเป็นสัตว์หายากและแมลง
(กล่องตัวอย่างจะมีสัตว์และแมลงจำลองขนาดเล็กเคลื่อนไหวได้จริง) 

คุณนายเคนท์รินไวน์ผลไม้ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำให้เด็กทั้งสอง เฮอร์ไมโอนี่ดื่มได้นิดเดียวแก้มก็เป็นสีชมพู
 แต่มัลฟอยไม่มีอาการใด ๆ ทั้งสิ้น หลังจากที่เครื่องดื่มรสหวานอร่อยนี้หมดไปหลายขวดพร้อมกับการ
พูดคุยที่สนุกสนาน เฮอร์ไมโอนี่ก็ผล็อยหลับไปที่โซฟา 

“เดี๋ยวฉันพาขึ้นไปเองจ้ะ” คุณนายเคนท์อุ้มเฮอร์ไมโอนี่ได้อย่างสบาย ๆ แล้วก็พาเธอขึ้นไปนอนที่ห้อง 

เมื่อคุณนายเดินลงมาก็เห็นมัลฟอยกำลังมองเข้าไปในเตาผิงเขายังถือแก้วไวน์ไว้ในมือ 

“ยังไม่ง่วงหรือจ้ะ งั้นเรามาดื่มกันต่อนะ” เธอพูดจบก็รินไวน์ใส่ลงในแก้วของมัลฟอยเพิ่มขึ้นอีก 

มัลฟอยยิ้มมุมปากแล้วก็ยกแก้วขึ้น คุณนายเคนท์มองเขาด้วยแววตาเอ็นดู 

“เดรโกจ้ะ” เธอเรียก 

มัลฟอยชะงักแก้วแล้วมองคุณนาย เธอยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน 

“เธอชอบเฮอร์ไมโอนี่ใช่ไหมล่ะ” 

มัลฟอยเผยอริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะเม้มแน่น 

“ผมไม่ทราบครับ” เขาตอบโดยไม่หลบสายตาอ่อนโยนที่ดูเหมือนจะมองทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่งของอีกฝ่าย
 เหมือนตัวเขาจะต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองและสู้กับสายตาคู่นั้น 
“ถ้าฉันเข้าใจผิดไปล่ะก็ต้องขอโทษด้วย” คุณนายเคนท์ยังคงยิ้ม แล้วพูดต่อ 
“แต่ถ้าเธอไม่ยอมบอกความรู้สึกของเธอให้เขาเข้าใจ” เธอเว้นระยะเพื่อมองดวงตาสีซีดของเด็กชายเริ่มรุ่นที่ยัง
คงมองเธออยู่ 
“เธอก็ไม่มีวันได้ในสิ่งที่เธอต้องการหรอก” 

**************7************* 

หีบสัมภาระสองใบของเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยถูกยกมาวางไว้ที่สถานีรถไฟตามเวลาที่กำหนด
 ที่สถานีนั้นว่างเปล่าไร้ผู้คนเช่นวันแรก คุณนายเคนท์พูดกับเด็กทั้งสอง 

“แล้วส่งข่าวมาบ้างนะจ๊ะ ฉันคงคิดถึงพวกเธอมาก” เธอลูบศรีษะของเฮอร์ไมโอนี่แล้วยิ้มให้กับมัลฟอย 

เสียงหวูดรถไฟดังแว่วมาก่อนที่รถไฟจะจอดเทียบสถานีอย่างช้า ๆ คุณนายเคนท์ช่วยยกหีบสองใบขึ้นไปบนรถให้
 เฮอร์ไมโอนี่โบกมือให้กับคุณนายขณะที่รถไฟเคลื่อนตัวออก จนสถานีนั้นลับหายไปในหมอกหนา
 เธอหันกลับมาพูดเพื่อนร่วมทาง 

“ฉันคงคิดถึงคุณนายแย่” 

“ฮื่อ” มัลฟอยรับ เขาเท้าคางมองไปที่หน้าต่าง 

เฮอร์ไมโอนี่มองอีกฝ่ายแล้วขมวดคิ้ว มัลฟอยไม่ได้พูดอะไรกับเธอเลยตั้งแต่เช้าจนเธอรู้สึกประหลาดใจ
 เฮอร์ไมโอนี่เอานิ้วไขว้กันแล้วกลั้นใจถาม 

“เมื่อคืนเธอคุยอะไรกับคุณนายเคนท์เหรอ ตอนที่ฉันหลับไปน่ะ” 

มัลฟอยไม่ตอบ เขาเพียงแต่หันมามองเธอนิ่ง 

“ไม่ต้องตอบก็ได้” เฮอร์ไมโอนี่รีบพูด ไม่อยากให้เขาคิดว่าเธออยากรู้อยากเห็นจนเกินไปนัก 
มัลฟอยหัวเราะก่อนจะยิ้มแล้วมองเฮอร์ไมโอนี่เต็มตา 

“เกรนเจอร์ จูบฉันหน่อยสิ” 
เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูจัด เธอรีบเบือนหน้าไปที่หน้าต่างทันทีเหมือนกับไม่ได้ยินประโยคนั้น 
“ไม่ได้เหรอ” มัลฟอยถาม 

“ไม่ได้!” เธอหันกลับมามองเขาแล้วตอบเสียงเฉียบ 

“งั้น ให้ฉันจูบ” เขาพูดอีก 

เฮอร์ไมโอนี่ตะครุบปากตัวเองไว้หมับด้วยสองมือ แล้วส่ายหัวดิก 

“อย่าใจร้ายไปหน่อยเลย” มัลฟอยพ้อแล้วหันไปมองที่หน้าต่างบ้าง ต้นไม้สองข้างทาง
ราวกับกำลังวิ่งสวนทางกับรถไฟอย่างสุดฝีเท้า 

“เธอไม่ยอมเพราะไม่รู้ความรู้สึกของฉันรึไง” 

มัลฟอยหันกลับมามองอีกฝ่ายที่กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน 

“แล้วเธอล่ะ” เขาสบตาเฮอร์ไมโอนี่เต็มตา 

“คิดยังไงกับฉันบ้าง” 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีแดงขึ้นอีก เธอลดมือที่ปิดปากลง มัลฟอยลุกขึ้นมายืนหน้าเฮอร์ไมโอนี่ 
เขาก้มหน้าลงมาแนบหน้าผากกับเธออย่างแผ่วเบา เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลง แล้วเธอก็รู้สึกงัวเงียเพราะ
ได้กลิ่นหอมประหลาดจากมัลฟอย 

“เกรนเจอร์ อย่าตอบ” เสียงของเขาราวกับดังมาจากที่ไกลแสนไกล 

“ฉันจะกลับไปคิด เธอก็เหมือนกัน” มัลฟอยยกศรีษะขึ้นแล้วจูบที่หน้าผากของเธออย่างนุ่มนวล 

เฮอร์ไมโอนี่เซเหมือนจะหล่นจากเก้าอี้ด้วยความง่วง มัลฟอยรับตัวเธอไว้ก่อนจะเอนให้เธอพิงกับกรอบหน้าต่างช้า ๆ 
………………………… 

“เฮอร์ไมโอนี่ ตื่นเถอะ” 

“หือ…ถึงแล้วเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ตื่นขึ้นพร้อมกับขยี้ตา 

“ยังหรอก เราแค่มาหา ปาราวตีล่ะ” รอนนั่นเอง เขาเข้ามาในห้องพร้อมกับแฮร์รี่ที่กำลังมองไปรอบ ๆ

“ปาราวตีเหรอ ก็ มัลฟอย เอ่อ…” เฮอร์ไมโอนี่รีบปิดปากตัวเอง 

“มัลฟอยเหรอ” รอนทำท่าขยะแขยงแล้วพูดต่อ 

“เราเพิ่งสวนกับเขาเมื่อกี้นี้เอง เห็นอยู่กับแครบ สงสัยอยู่ตู้นี้มั้ง” 

“ไปนั่งกับเราไหมล่ะ” แฮร์รี่ชวน 

เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าขณะที่ปล่อยให้เพื่อนทั้งสองเดินนำออกไปก่อน เธอก็มองไปที่เก้าอี้ว่างเปล่าที่อยู่ตรงข้าม 

“ฉันนะแทบแย่แน่ะ เกือบต้องเป็นแพะไปหลายวัน” 

รอนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนที่เขาพักอยู่กับครอบครัวโมเรลเมื่อทั้งสามคนเข้ามานั่งในห้องส่วนตัวแล้ว
 แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้สนใจจะฟัง เธอเหม่อมองไปที่หน้าต่างจนแฮร์รี่แปลกใจ 

“เธอเป็นอะไรไปน่ะ เฮอร์ไมโอนี่” เขาถาม 

“เปล่า” เธอปฏิเสธแล้วลดมือที่เท้าคางลงก่อนจะซุกมือเข้าไปในเสื้อคลุม 

แล้วเธอก็รู้สึกเหมือนสะดุดบางสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุม เฮอร์ไมโอนี่ล้วงมือเข้าไปหยิบของข้างในออกมา
 มันเป็นกล่องของขวัญใบเล็ก ๆ ที่ห่อด้วยกระดาษสีแดง คาดด้วยริบบิ้นสีเขียว 

“เฮอร์ไมโอนี่ มีคนให้ของขวัญคริสมาสต์เธอด้วยนี่ ที่จริงพวกเราก็ได้จากครอบครัวโมเรลเหมือนกัน” แฮร์รี่พูด 

เฮอร์ไมโอนี่มองกล่องของขวัญในมืออย่างแปลกใจ - - เธอได้รับมาจากใครกัน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้แกะก็มีเสียง
เคาะประตูดังขึ้น 

“ต้องการอะไรจากรถเข็นไหมจ๊ะ เด็ก ๆ “ แม่มดที่ขายของบนรถไฟนั่นเอง 

แฮร์รี่กับรอนเฮไปที่ระเข็นคันนั้น ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยของขวัญและขนมที่เป็นบรรยากาศของวันคริสมาสต์
ที่กำลังจะมาถึง ขณะที่เพื่อนทั้งสองกำลังเลือกซื้อของอยู่นั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็แกะกล่องของขวัญออก… 
ภายในเป็นนาฬิกาเรือนสีเงินที่มีสายสีเดียวกัน มีการ์ดแนบมาข้างในมีข้อความเขียนว่า 

“ต่อไปเวลาคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเธอ 
สุขสันต์วันคริสมาสต์” 

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกขอบตาร้อนผ่าว เธอกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไม่ให้แฮร์รี่และรอนที่กำลังหอบขนมจำนวนมากเดินกลับ
เขามาเห็นว่าเธอกำลังจะร้องไห้ รอนวางขนมลงที่เก้าอี้ของเขาก่อนจะทิ้งตัวลง 
“เฮ้อ…ถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องบ้างตอนที่เราไปพักกับครอบครัวอุปถัมภ์นะ แต่ฉันว่าโฮมเสตย์คราวนี้ดีที่สุดล่ะ” 

เฮอร์ไมโอนี่หยิบนาฬิกาออกมาจากกล่อง เธอกดปุ่มเปิดฝาสีเงินด้านหน้าออกพร้อมกับหยิบการ์ดขึ้นมาอ่านอีก 
พลางนึกถึงตอนที่มัลฟอยกำลังเขียนการ์ดใบนี้ 
“ใช่” เฮอร์ไมโอนี่รับคำพูดของรอนแล้วยิ้ม 
“เป็นโฮมเสตย์ที่วิเศษที่สุด” 


TBC

No comments:

Post a Comment