Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Monday, July 20, 2015

V: Candle in the Dark


ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาในชีวิตของ เดรโก มัลฟอย เขาจำได้ว่าไม่เคยรู้สึกเสียใจในการกระทำของตัวเองเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งแฮร์รี่ พอตเตอร์ หรือใช้วิธีไม่ซื่อในการแย่งชิงตำแหน่งซีกเกอร์ของทีมสลิธีรินมาเป็นของตน หรือแม้แต่การหาทางกำจัดแฮกริดให้พ้นไปจากฮอกวอตส์ แต่เหตุการณ์ในครั้งที่ผ่านมานี้นั้นเขากลับไม่รู้สึกยินดีในการกระทำซึ่งได้รับผลสำเร็จอันงดงามและเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่งเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดใบหน้าของตนเองด้วยความรู้สึกปวดร้าวในใจเมื่อนึกถึงสายตาที่จ้องมองมาอย่างเจ็บแค้นระคนเสียใจของหญิงสาวที่เขารักยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ แห่งบ้านกริฟฟินดอร์

ในวันที่เขาและเหล่าลูกสมุนของบ้านสลิธีรินได้ช่วยเหลืออัมบริดจ์บุกเข้าไปทำการจับกุมเหล่าบรรดาสมาชิกกองทัพดัมเบิลดอร์ในห้องต้องประสงค์ เขารู้สึกสะใจอย่างที่สุดเมื่อเห็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ล้มคว่ำลงด้วยคาถาสกัดขาของเขา แต่แล้วความยินดีปรีดาทั้งหลายก็มลายไปสิ้นเมื่อเฮอร์ไมโอนี่มองจ้องมายังเขา มัลฟอยจะรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากหากได้ยินถ้อยคำด่าทอต่อว่าออกมาจากริมฝีปากของเธอ สิ่งที่เขาได้รับนั้นมีเพียงความเงียบและสายตาที่ฉายแววแห่งความเสียใจ ผิดหวังและเจ็บแค้น ความหมางเมินได้บังเกิดขึ้นหลังจากวันนั้น แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างที่สุดที่จะหาทางพูดคุยกับเธอ แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะไม่ไยดีเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำสายตาที่เธอมองมายังเขานั้นเต็มไปด้วยความชิงชังรังเกียจและเยาะหยันอย่างเห็นได้ชัด มัลฟอยกัดปากของตนเองแน่นในขณะที่ค่อยๆลดมือทั้งสองซึ่งปิดใบหน้าของเขาลง

"ฉันจะต้องพูดกับเธอให้ได้ เกรนเจอร์ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามฉันจะต้องหาทางพูดกับเธอให้ได้” มัลฟอยพึมพำกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนและก้าวออกจากห้องพักของเขา เสียงร้องทักทายดังออกมาจากกลุ่มของแพนซี่ พาร์กินสัน แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ได้สนใจ เขาเดินผ่านเลยเธอและก้าวออกจากประตูลับของบ้านสลิธีรินไปอย่างรวดเร็ว

เฮอร์ไมโอนี่เดินใจลอยไปตามทางระเบียง ความตั้งใจแรกนั้นเธอคิดจะไปยังห้องสมุด สถานที่ที่เธอโปรดปราน แต่ความขุ่นมัวที่วนเวียนอยู่ในใจทำให้เธอเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย กว่าจะรู้ตัวเฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่าเธอกำลังยืนอยู่ที่ริมทะเสสาบเสียแล้ว หญิงสาวมองไปรอบๆอย่างงงงันเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจทรุดตัวนั่งลงบนพื้นหญ้าริมชายฝั่ง สายลมอ่อนๆที่พัดโชยมาทำให้ผิวน้ำเป็นริ้วระลอกคลื่นเล็กๆวิ่งไล่กันเข้าหาฝั่ง เฮอร์ไมโอนี่มองดูอย่างเพลิดเพลินในขณะที่ความคิดของเธอล่องลอยไปไกลแสนไกล หญิงสาวถอนหายใจน้อยๆด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อยเมื่อนึกถึงมัลฟอย สีหน้าที่เบิกบานของเขายามที่บุกเข้ามาจับกุมเพื่อนๆของเธอทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกโกรธจัด เธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันให้อภัยเขาอีกต่อไป

“สิ่งที่เธอทำนั้นร้ายกาจมาก มัลฟอย เธอเลือกที่จะยืนอยู่ด้านมืดมากกว่าฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาเบาๆราวกับรำพึงกับตัวเองก่อนจะซบใบหน้าของเธอลงบนแขนของเธอ

“เกรนเจอร์” เสียงเรียกที่แผ่วเบาราวกระซิบดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง เฮอร์ไมโอนี่หันขวับไปมองดูทันทีก่อนจะรีบลุกขึ้น เธอมองผู้ที่กำลังก้าวเข้ามาหาด้วยความรู้สึกหลากหลายในใจ ทั้งเกลียดชัง ทั้งเศร้าใจ ทั้งรักและแค้นในเวลาเดียวกัน ต่างกับมัลฟอยที่กำลังจ้องมองดูเธอด้วยสายตาที่ฉายแววแห่งความรักออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“คิดไม่ผิดที่ออกมาที่นี่” เขาพูดเบาๆขณะที่มองไปรอบๆ “เธอชอบที่นี่ที่สุดนี่นะ” สายตาสีเทาเลื่อนมามองดูเธออีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกร้อนวูบขึ้นมาในทันที เธอเม้มปากตนเองน้อยๆก่อนจะก้าวเท้าออกเดินทันทีอย่างเร็วราวกับจะหลีกหนีเขาแต่มัลฟอยกลับยึดข้อมือของเธอไว้ราวกับรู้ทัน

“อย่าหลบฉันได้ไหม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราวกับวิงวอน เฮอร์ไมโอนี่ดึงข้อมือของเธอเบาๆโดยไม่ยอมหันหน้ามามองดู

“ฉันน่ารังเกียจมากถึงขนาดนั้นเลยหรือ” มัลฟอยถาม “ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าฉันเลยหรือยังไง”

เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบคำถามของเขา เธอยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น มัลฟอยถอนหายใจออกมาหนักๆ

“สมควรแล้วที่เธอจะเกลียดฉัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ “สิ่งที่ฉันทำลงไปมันเลวร้ายมากเหลือเกินในสายตาของเธอ”

มัลฟอยมองดูหญิงสาวที่ยังคงยืนนิ่งเฉยไม่ตอบคำถามใดๆ ไม่แม้แต่จะเหลือบสายตามามองดูเขาแม้แต่น้อย ชายหนุ่มกัดฟันตนเองเบาๆก่อนจะพูดต่อ

“จะไม่มีวันให้อภัยกันเลยหรือ” น้ำเสียงนั้นราวกับตัดพ้อจนผู้ฟังรู้สึกใจหาย มัลฟอยมองดูหญิงสาวที่ตนรักด้วยความหวังที่จะได้รับคำตอบแม้เพียงสักคำ แต่สิ่งที่เขาได้รับคือท่าทางที่หมางเมินและเฉยชา มัลฟอยรู้สึกปวดร้าวใจอย่างที่สุด และแล้วความหยิ่งในสายเลือดที่มีมาแต่กำเนิดก็บังเกิดขึ้น ทำไมคนอย่างเขาจึงต้องมางอนง้อขอโทษผู้หญิงเลือดสีโคลนที่ไม่เคยเห็นว่าเขาคือคนเดียวในดวงใจเลยสักครั้ง มัลฟอยปล่อยมือที่เกาะกุมเฮอร์ไมโอนี่ออกและก้าวถอยหลังออกมาสองสามก้าวก่อนจะพูดขึ้น

“ก็ได้ เกรนเจอร์” น้ำเสียงของมัลฟอยเต็มไปด้วยทิฐิและทรนง เขาเชิดใบหน้าขึ้นก่อนจะพูดต่อ

“ฉันขอเลือกเส้นทางเดินตามที่เธอต้องการ เส้นทางคู่ขนานที่เราสองคนจะไม่มีวันบรรจบพบกันได้ เส้นทางแห่งความมืดที่ชั่วร้ายอย่างที่ใจเธอต้องการ จงจำเอาไว้ว่านับแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอและฉันคือศัตรูที่ต้องต่อสู้กันจนกว่าจะพ่ายแพ้กันไปข้างหนึ่ง” เขานิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

“ลาก่อน เกรนเจอร์!"

มัลฟอยมองจ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนตะลึงในคำพูดของเขาชั่วอึดใจก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในปราสาทโดยไม่หันกลับมามองเธออีกเลย เฮอร์ไมโอนี่มองตามหลังเขาด้วยหัวใจที่หมองเศร้าและหดหู่ น้ำตาแห่งความเสียใจไหลรินลงมาอาบแก้ม

“เราสองคนคงไม่มีวันได้เดินเคียงคู่อยู่บนเส้นทางเดียวกันจริงๆ มัลฟอย”



***************



เฮอร์ไมโอนี่ รอนและแฮร์รี่เดินไปตามระเบียงพร้อมๆกับเออร์นี่ มักมิลลัน นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ ทั้งสี่คนกำลังคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่อัมบริดจ์ได้ขึ้นนั่งบนตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ เออนี่นั้นมีท่าทางมั่นอกมั่นใจอย่างมากว่าดัมเบิลดอร์จะได้กลับมานั่งในตำแหน่งเดิมของเขา ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นั้นวิจารณ์ในตัวของอัมบิรดจ์อย่างเผ็ดร้อนและรุนแรงโดยไม่ทันรู้ตัวว่ามัลฟอยและสมุนของเขานั้นได้ย่องเข้ามายืนฟังอยู่ใกล้ๆ

“ฉันคิดว่ายายอัมบริดจ์นี่คงอยากนั่งบนเก้าอี้ในห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ใจแทบขาด” เออร์ไมโอนี่พูดอย่างดุร้าย

“จะได้ทำตัวเป็นเจ้าเหนือหัวอาจารย์คนอื่นๆทั้งหมด ยายแก่บ้าอำนาจ ยายหลงตัวเอง งี่เง………”

“หักคะแนนกริฟฟินดอร์ห้าสิบคะแนน” เสียงพูดยานคางน้อยๆดังขึ้นอย่างสะใจ มัลฟอยเดินส่ายอาดๆเข้ามาหาเด็กทั้งสี่พร้อมๆกับแครปและกอยล์ลูกสมุนคู่ใจ เขายิ้มหยันๆที่มุมปากขณะที่มองดูเด็กสาวซึ่กำลังอ้าปากค้างอย่างงงัน

“มีแต่อาจารย์เท่านั้นที่หักคะแนนพวกเราได้” เออนี่พูดขึ้นทันที รอนพยักหน้า

“และเราก็เป็นพรีเฟ็คเหมือนกันด้วย” เขาพูดสมทบ มัลฟอยหัวเราะด้วยน้ำเสียงหยันๆ

“ฉันรู้ว่าพรีเฟ็คหักคะแนนไม่ได้ แต่หน่วยสอบสวนทำได้ วีเซิล” มัลฟอยชูหัวแม่มือของเขาไปที่หน้าอกของตัวเอง ตัวอักษร “ส” สีเงินตัวเล็กๆส่องแสงแวววาวบนเสื้อคลุมของเขาด้วยท่าทางภาคภูมิใจ เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วย่น

“หน่วยสอบสวนอะไรกัน” เธอถามเสียงห้วนๆ มัลฟอยหันหน้าไปมองดูเธอ ด้วยสายตาหยิ่งๆ

“หน่วยสอบสวน เกรนเจอร์ เป็นกลุ่มนักเรียนที่เลือกสรรแล้วว่าเป็นผู้สนับสนุนกระทรวงเวทมนตร์ ศาสตราจารย์อัมบริดจ์เป็นคนคัดเลือกเองกับมือเชียวนะ สมาชิกของหน่วยทุกคนมีอำนาจที่จะหักคะแนนนักเรียนได้ ดังนั้นเกรนเจอร์”

มัลฟอยเหยียดรอยยิ้มที่น่ารังเกียจอย่างที่เขาชอบทำเสมอๆเมื่อพบกับแฮร์รี่ก่อนจะพูด

“ห้าคะแนนสำหรับการนินทาว่าร้ายท่านอาจารย์ใหญ่ และอีกห้าคะแนนสำหรับมักมิลันที่พูดจาไม่เข้าหูฉัน อ้อ…พวกนายแต่งตัวไม่เรียบร้อยนะ พอตเตอร์ วีสลีย์ คนละห้าคะแนน” เขาหัวเราะเสียงดังราวกับถูกใจ เฮอร์ไมโอนี่กำมือของตัวเองแน่นขณะที่มองดูมัลฟอย

“เป็นการแก้แค้นที่น่าทุเรศที่สุด ว่าไหมมัลฟอย” เธอพูดเสียงราวกับเค้นออกมาจากลำคอ มัลฟอยมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่นิ่ง

“สิบคะแนน สำหรับเลือดสีโคลนสกปรกของเธอ เกรนเจอร์” เขาพูดเสียงเรียบ สายตามองดูเด็กสาวนิ่ง เฮอร์ไมโอนี่เห็นประกายตาที่ฉายแววเจ็บปวดเต้นระริกอยู่ในดวงตาสีเทาซีดนั้นก่อนจะเลือนหายไป รอนถึงกับชักไม้กานสิทธิ์ของเขาออกมาทันที

“อย่ารอน!" เฮอร์ไมโอนี่ร้องห้ามและผลักมือของรอนออก มัลฟอยยิ้มกว้างพลางกระซิบ

“ฉลาดมากเกรนเจอร์ ฉลาดแต่เดินผิดข้าง มันยังไม่สายเกินไปหรอกนะถ้าเธอจะเปลี่ยนใจ”

เฮอร์ไมโอนี่ถอยหลังออกมาสองสามก้าว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองดูมัลฟอยแน่วนิ่ง ด้วยความน้อยใจและผิดหวัง

“ออกไปห่างๆจากตัวฉันจะดีกว่านะ มัลฟอย” เธอพูดเสียงเบาพอให้เขาได้ยิน มัลฟอยชะงักเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะเสียงต่ำๆ

“ถ้าอย่างนั้นทำตัวให้ดีๆก็แล้วกัน เกรนเจอร์” เขาตวัดสายตามองดูแฮร์รี่แลรอน

“อาจารย์ใหญ่คนใหม่ ยุคใหม่ จะทำอะไรก็ขอให้คิดกันให้ดีก่อนนะ พอตตี้ วีเซิล”

มัลฟอยเดินจากไปพร้อมๆกับสมุนของเขา เออนี่ส่ายหน้าไปมาทั้งๆที่ยังคงซีดเผือด

“เขาเพียงแค่ขู่เราเท่านั้น ใช่เขาเพียงแค่ขู่พวกเราเท่านั้นเองใช่ไหม”

แฮร์รี่ รอนและเฮอรืไมโอนี่หันไปมองดูนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ฝังอยู่ในกำแพงพร้อมๆกัน กรวดสีแดงและเหลืองของบ้าน กริฟฟินดอร์และบ้านเรเวนคลอค่อยๆลอยกลับขึ้นไปบนที่เก็บในขณะที่กรวดสีเขียวของบ้านสลิธีรินนั้นร่วงลงมารวมกันอยู่ในกระเปาะ

“พวกนั้นพยายามหักคะแนนพวกเราเหมือนกัน” เสียงเฟร็ดดังขึ้น

“ใช่ เจ้ามอนตาคิวก็พยายามจะหักคะแนนพวกเราตอนพัก”จอร์จบอก รอนทำหน้าฉงน

“เขา “พยายาม” อย่างนั้นหรือ”

“ใช่” เฟร็ดตอบด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง “แต่ยังไม่ทันได้ทำหรอกนะ พวกเราจับหัวของเขากระแทกเข้าไปในตู้อันตรธานที่ชั้นหนึ่ง ป่านนี้คงไปโผล่ที่ไหนสักแห่งในฮอกวอตส์แล้ว”

“ถ้าโชคดีคงได้เจอในวันสองวันนี้นะ” จอร์จตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยี่หระในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำลงไป เฮอร์ไมโอนี่หน้าเสียเล็กน้อย

“พวกเธอต้องเจอเรื่องเดือดร้อนแน่ๆ” เฮอร์ไมโอนี่พูดแผ่วๆ เฟร็ดกับจอร์จยักไหล่น้อยๆ

“คงใช่แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าพวกเธอควรจะหลบไปที่อื่นก่อนดีกว่านะ” จอร์จพูดเร็วๆพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู

“พวกนายทำอะไรอีล่ะ” รอนถามอย่างสงสัย เฟร็ดและจอร์จมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะ

“ไปทานอาหารเที่ยงกันดีกว่า ปล่อยทางนี้ไว้ให้เป็นหน้าที่ของ “ท่านอาจารย์ใหญ่” เถอะ”

ทั้งคู่เดินจากไปทันทีที่พูดจบ ทิ้งให้พวกแฮร์รี่ยืนงงันอยู่เพียงชั่วครู่ เสียงกัปนาทก็ดังขึ้น แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่หันไปมองทางต้นเสียงที่ระเบียงทางเดิน มังกรไฟเวทมนตร์ตัวมหึมากำลังลอยขึ้นลงอยู่ มันส่งเสียงระบิดลั่นพร้อมกับพ่นไฟหลากสีออกมา กงล้อเพลิงหมุนเร็วจี๋ผ่านเด็กทั้งสี่ไปและแตกออกเมื่อกระทบกับผนังของปราสาท ฟิลซ์และอัมบริดจ์ยืนจังงังอย่างงงงันก่อนจะเริ่มต้นร่ายคาถาใส่เจ้ามังกรไฟ มันระเบิดและแตกออกเป็นสองเท่าของตัวแรกทันที แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ถึงกับหัวเราะออกมาดังๆก่อนจะรีบหลบไปยังห้องอาหารเพื่อรับประทานมื้อเที่ยงอย่างมีความสุข

**************************

หลังเหตุการณ์มังกรไฟอาละวาดในโรงเรียน อัมบริดจ์ดูเหมือนจะเคร่งเครียดมากขึ้น ดูเหมือนหล่อนจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อขับไล่แฮร์รี่ออกไปจากโรงเรียน แต่ไม่สำเร็จ เพราะความเฉลียวฉลาดของเฮอร์ไมโอนี่ประกอบกับความร่วมมือร่วมใจกันของเหล่าบรรดานักเรียนในฮอกวอตส์ทุกคน เว้นบ้านสลิธีริน อำนาจของเหล่าหน่วยสืบสวนพิเศษดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น มัลฟอยถึงกับตัดคะแนนของนักเรียนบ้านอื่นถึง 10 คะแนนเพียงแค่ลมพัดชายผ้าคลุมของพวกเขามาโดนปลายนิ้ว เหล่านักเรียนบ้านสลิธีรินพากันเดินกร่างไปมาทั่วโรงเรียน แม้จะมีหลายคนหายสาบสูญไปเพราะฝีมือของเฟร็ดและจอร์จ แต่ดูเหมือนว่าอัมบริดจ์นั้นจะไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะในอีกสองสามวันต่อมาเหล่านักเรียนพวกนั้นก็จะกลับมาเองในสภาพต่างๆตามแต่สถานที่ที่พวกเขาปรากฏตัวพร้อมกับอาการความจำเสื่อมชั่วคราว

“ฉันจะต้องกำจัดเจ้าพอตเตอร์ไปให้พ้น” มัลฟอยพูดขึ้นในห้องนั่งเล่นของบ้านสลิธีริน แครบเงยหน้าขึ้นมาจากกองโดนัทแล้วถามอย่างสงสัย

“นายจะทำยังไงกัน มัลฟอย พวกนั้นระวังตัวอยู่ตลอดเวลานะ”

“โดยเฉพาะยายเลือดสีโคลนนั่น” กอยล์พูดต่อ มัลฟอยมองดูสมุนทั้งสองของเขาก่อนจะเม้มปากเมื่อได้ยินชื่อเรียกของเฮอร์ไมโอนี่

“ฉันอยากจะจัดการกับยายนี่ก่อนคนอื่น” แพนซี่ พาร์กินสันพูดขึ้นอย่างแค้นเคือง “มันฉลาดมากเกินไป ฉลาดมากจนน่าหมั่นไส้”

“เธอไม่มีทางทำได้หรอก แพนซี่” กอยล์หันไปพูดกับแพนซี่ เธอถลึงตาใส่เขาทันทีก่อนจะหันไปทางมัลฟอย

“เธอมีวิธีการดีๆบ้างไหม เดรโก” หล่อนถาม

“ตอนนี้ยัง” มัลฟอยตอบห้วนๆขณะที่ยกมือขึ้นกอดอกอย่างใช้ความคิด “แต่ถ้าสมองของฉันโล่งกว่านี้ คงมีวิธีจัดการกับยายเลือดสีโคลนจอมยุ่งนี้อย่างแน่นอน”

“แล้วเมื่อไหร่หัวของนายจะโล่งล่ะ มัลฟอย” แครบถามขึ้นก่อนจะสะดุ้งน้อยๆเมื่อเห็นสายตาของมัลฟอยที่มองจ้องกลับมา

“ตอนที่ฉันจับหัวโตๆของแกโขกกับกำแพงมั้ง จะได้ไม่ต้องมานั่งทนฟังคำถามโง่ๆแบบนี้น่ะ” เขาตอบก่อนจะลุกขึ้น แพนซี่รีบยืนตามทันที

“เธอจะไปไหนกันน่ะเดรโก”

“ฉันจะไปไหนมาไหนมันก็เรื่องของฉัน อย่ามายุ่งแพนซี่” มัลฟอยพูดห้วนๆก่อนจะก้าวยาวๆเดินออกจากห้องโถงไปพร้อมกับความคิดวุ่นวายสับสนในใจ

เฮอร์ไมโอนี่เดินถือหมวกไหมพรมที่เธอทำขึ้นไปวางตามจุดต่างๆของโรงเรียนด้วยความตั้งใจและหวังว่าเหล่าบรรดาเอลฟ์ประจำบ้านคงมาเก็บไปใช้และได้รับความเป็นไทแก่ตัวเอง เธอยืนมองดูผลงานของเธอหลังจากที่หมวกใบสุดท้ายถูกวางลงด้วยความภาคภูมิใจก่อนจะหมุนตัวเพื่อจะเดินกลับไปยังห้องโถงรวม โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ด็อบบี้กำลังเดินตามเก็บเหล่าบรรดาหมวกไหมพรมของเธอมาสวมไว้เสียเองที่ละใบจนหมด เอลฟ์ตัวน้อยมองตามหลังเด็กสาวดวยดวงตาที่กลมโตพลางส่ายหน้าไปมาอย่างนึกระอาแก่ใจ

“นั่นแกกำลังทำอะไรอยู่น่ะ ด็อบบี้” เสียงถามห้วนๆดังขึ้น เอลฟ์ประจำบ้านสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปทางต้นเสียง

“นายน้อย” ด็อบบี้ตอบด้วยเสียงสั่นเทา มัลฟอยเบ้หน้า

“แกไม่ใช่คนของบ้านมัลฟอยอีกต่อไปแล้ว เจ้าเอลฟ์รับใช้ ไม่ต้องมาทำท่าทางแบบนั้นหรอก” เขามองดูหมวกไหมพรมหกเจ็ดใบที่วางซ้อนกันบนหัวของด็อบบี้แล้วขมวดคิ้วย่น

“แล้วนั่น ทำไมแกถึงได้แต่งตัวได้พึลึกพิลั่นแบบนั้นกัน” เขาถาม ด็อบบี้ปาดน้ำตาของตัวเองก่อนจะตอบเสียงแผ่ว

“เป็นของขวัญจากเพื่อนหญิงของแฮร์รี่ พอตเตอร์ครับ”

มัลฟอยรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองกระตุกวาบเมื่อได้ยินด็อบบี้เรียกด้วยถ้อยคำเช่นนั้น เขาบีบมือตัวเองแน่นก่อนจะพูด

“ของขวัญเรอะ อ้อ ฉันเพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้พวกเอลฟ์ประจำบ้านก็นิยมการรับของขวัญจากพวกกริฟฟินดอร์ด้วยเหมือนกัน”

ด็อบบี้มีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาในทันทีราวกับรู้ตัวว่าคำพูดของตนนั้นกำลังสร้างภัยให้กับแฮร์รี่และบ้านกริฟฟินดอร์

“มันไม่ใช่…อย่างที่…..นายน้อยคิด….คือว่านี่เป็น…” เอลฟ์ประจำบ้านพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักจนมัลฟอยนึกรำคาญใจ

“เธอ! ไปทางไหน!" เขาถามด็อบบี้เสียงห้วน เอลฟ์ตัวน้อยตัวสั่นเทาขณะที่ส่ายหัวที่โตไปมา มัลฟอยจ้องมองดูด้วยสีหน้าขคุณถึง

“ตอบมาเดี๋ยวนี้!" เขาพูดเสียงดังและห้วนกระชาก ด็อบบี้ถึงกับยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองและเริ่มต้นร้องไห้

“เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ไปทางนั้นขอรับ ท่านนายน้อย” มือที่สั่นเทาชี้ไปทางด้านหลัง มัลฟอยมองตาแล้วยิ้ม

“ขอบใจ แกไปได้แล้ว ไปให้พ้นๆจากสายตาของฉัน เดี๋ยวนี้เลย!"

ด็อบบี้โค้งให้กับมัลฟอยจะหัวแทบโขกพื้นก่อนจะหายวับไป ชายหนุ่มรีบก้าวขายาวๆเพื่อที่จะเดินไปให้ทันเฮอร์ไมโอนี่ หัวใจของเขานั้นกำลังสับสนด้วยกลัวว่าเมื่อพบหน้าของเธอแล้วเขาควรจะทำตัวเช่นไรดี

“ฉันคือหน่วยสอบสวนของกระทรวงเวทมนตร์ สิ่งที่ฉันควจะทำก็คือจัดการพวกก้างขวางคอและศัตรูของกระทรวงให้หมดไป”

มัลฟอยพยายามบอกกับตัวเอง หัวใจของเขาเต้นระรัวราวกับตีกลองเมื่อเห็นเงาผมที่ฟูฟ่องของเฮอร์ไมโอนี่ เธอกำลังเดินอย่างสบายๆไม่เร่งร้อนและตรงไปยังห้องสมุด มัลฟอยสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะร้องเรียกด้วยเสียงอันดัง

“หยุดตรงนั้น! เกรนเจอร์!"



ร่างที่กำลังก้าวเท้าเดินอย่างกระฉับกระเฉงหยุดชะงักกึกแทบจะทันทีที่สิ้นเสียงของมัลฟอย เด็กหนุ่มรู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาบ้างเล็กน้อยเมื่อเห็นเครื่องประดับผมสีเขียวเหลือบเงินที่รวบผมฟองฟูสีน้ำตาลไว้ทางด้านหลัง เขาอมยิ้มน้อยๆก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือยังไงกัน เกรนเจอร์”

เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปากตนเองแน่นก่อนจะค่อยๆกันหน้ากลับมามองดูมัลฟอยที่กำลังยืนกอดอกมองดูเธอด้วยท่าทางกระหยิ่มในหน้า ใบหน้าของเธอเชิดสูลขึ้นเล็กน้อยก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงกระด้าง

“ไม่ทราบว่าหน่วยสืบสวนของกระทรวงมีธุระอะไรกับนักเรียนอย่างฉันกัน”

คิ้วของมัลฟอยขมวดย่นทันทีด้วยความรู้สึกไม่พอใจก่อนจะตอบ

“เธอเดินนำหน้าฉัน” เขาตอบอย่างเร็วๆด้วยนึกเหตุผลที่ดีพอไม่ทัน ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าข้ออ้างที่เขาพูดขึ้นมานั้นช่างไม่เข้าท่าเอาเสียเลย เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะเบาๆในลำคอก่อนจะพูด

“อ้อ พวกสลิธีรินไม่ชอบให้ใครก้าวหน้ากว่าตัวเอง ถ้าอย่างงั้นก็เชิญเธอเดินนำหน้าฉันไปได้เลย มัลฟอย”

หญิงสาวโค้งตัวน้อยๆด้วยอาการประชดก่อนจะเอียงตัวให้ชิดผนังระเบียงพร้อมๆกับผายมือน้อยๆราวกับเชื้อเชิญ มัลฟอยเม้มปากตัวเองแน่น โทสะเริ่มปะทุขึ้นในสมองของเขา ทำไมคนที่เขารักยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมดจึงทำกิริยาเย็นชาและกระแทกแดกดันเขาแบบนี้ เด็กหนุ่มคิด

“เฮอะ! ใครจะไปรู้ความคิดของพวกกริฟฟินดอร์ที่เดินตามหลัง”

เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างอย่างสนเทห์ใจในคำพูดของมัลฟอย เธอเปล่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ดังนักก่อนจะตอบ

“ไม่เคยไว้ใจใครเลยสักคนสินะในชีวิตนี้ถึงได้มีความคิดแคบๆและหวาดระแวงแบบนั้น เดรโก มัลฟอย” เธอลงท้ายชื่อของเขาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างสูงอย่างประชดและถากถาง ใบหน้าของมัลฟอยมีสีเข้มขึ้นมาในทันที เขาอ้าปากจะตอบโต้คำพูดของเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าแต่เสียงคุยจ่อกแจ่กดังขึ้นมาจากทางด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มชะงักก่อนจะหันไปมองดูด้วยความรู้สึกไม่พอใจ

“หักคะแนนบ้านเรเวนคลอคนละ 3 คะแนน โทษฐานคุยกันทำให้ฉันรำคาญใจ” มัลฟอยพูดขึ้น นักเรียนหญิงบ้านเรเวนคลอสี่ห้าคนชะงักและอ้าปากค้างทันที

“ยังไม่รีบไปให้ไกลๆฉันอีก หรืออยากจะโดนหักคะแนนอีกคนละสิบคะแนน” มัลฟอยพูดด้วยเสียงที่ดังลั่น เด็กหญิงทั้งหมดรีบเดินหนีเขาไปด้วยท่าทางลนลาน มัลฟอยยิ้มเยาะไล่หลังพวกเธออย่างสะใจ เสียงเฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น

“คงดีใจและพอใจกับอำนาจจอมปลอมที่ล้นเหลือนี่มากสินะ”

มัลฟอยหันขวับไปมองหน้าเธอทันที เขาขมวดคิ้วจนหน้าผากย่นก่อนจะตอบ

“เธอไม่ลองดูบ้างหรือ ฉันรับรองได้เลยว่าศาสตราจารย์อัมบริดจ์คงยินดีและยอมรับคนฉลาดๆแบบเธอให้เข้ามาร่วมงานในหน่วยสืบสวนของกระทรวงอย่างแน่นอน เกรนเจอร์”

เฮอร์ไมโอนี่แค่นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เธอมองดูมัลฟอยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสมเพชก่อนจะพูด

“ขอบคุณในความหวังดีของเธอนะ มัลฟอย แต่ฉันไม่สนใจหน่วยอะไรที่ว่านั่นหรอก มันก็แค่หุ่นเชิดที่น่าสังเวชของ อัมบริดจ์ที่สร้างขึ้นมาข่มขู่นักเรียนเท่านั้น จะว่ากันตามจริงแล้วหน่วยอะไรที่นายภูมิใจนั่นน่ะมันไม่มีค่าอะไรเลยสักนิดเมื่อเทียบกับหน่วยงานจริงๆในกระทรวง อาจจะต่ำกว่าภารโรงในนั้นเสียด้วยซ้ำเพราะอย่างน้อยๆต่ำแหน่งนั่นก็ยังได้ค่าตอบแทนบ้างเล็กๆน้อยๆ จริงไหม”

มัลฟอยหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาในทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่พูดจบ เขาลดมือที่กำลังกอดอกลงก่อนจะเริ่มก้าวเท้าเข้าไปหาเด็กสาวด้วยท่าทางมุ่งร้ายจนเธอต้องถอยหลังหลบอย่างระวัง

“อย่ามาทำปากดีกับฉัน เกรนเจอร์ นี่ถ้าเป็นคำพูดทีออกมาจากปากของคนอื่นฉันคงสั่งตัดคะแนนสักร้อยคะแนนแล้ว”

“นายก็สั่งเสียเลยสิ คนอย่างนายก็ทำได้เพียงเท่านี้นี่ มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องท้าทั้งๆที่ในใจเริ่มระแวง มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมและกระชับไม้กายสิทธิ์อย่างเตรียมพร้อม มัลฟอยหัวเราะหึๆก่อนจะยกมือของเขาขึ้นจับมือของเธอไว้และบีบแน่น

“เก่งดีปากนะ เกรนเจอร์ เธอก็รู้ว่าฉันไม่มีทางทำแบบนั้นกับเธออย่างแน่นอน” เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย

“ทำไมถึงต่อต้านฉัน เกรนเจอร์ ทำไมถึงไม่ยอมเดินร่วมบนเส้นทางเดียวกันกับฉันทั้งๆที่เธอรักฉัน”

ดวงตาที่แข็งกร้าวของเฮอร์ไมโอนี่อ่อนลงเล็กน้อย เธอส่ายหน้าไปมาก่อนจะตอบ

“เธอต่างหากมัลฟอย ทำไมเธอถึงได้พยายามเดินอยู่ในหนทางแห่งความมืดทั้งๆที่เธอสามารถจะเปิดประตูและก้าวออกมาหาแสงสว่างได้ ทำไมเธอถึงได้ทำทุกอย่างตามที่พ่อของเธอชี้นำ” เธอมองจ้องมัลฟอยด้วยสายตาที่อ่อนโยนลงก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่นุ่มนวล

“ทั้งๆที่เธอเองก็รักฉัน”

มัลฟอยนิ่งงันในคำพูดของหญิงสาว เขาถอนหายใจหนักๆ มือข้างหนึ่งของมัลฟอยลูบไปบนเรือนผมของเฮอร์ไมโอนี่ อย่างแผ่วเบาและทะนุถนอม

“เธอไม่มีวันเข้าใจหรอกเกรนเจอร์ พวกเราคือเหล่าพ่อมดที่มีสายเลือดที่บริสุทธิ์ พวกเรายินดีที่จะทำทุกๆอย่างเพื่อปกป้องสายเลือดที่เก่าแก่และแสนจะภาคภูมิใจนี่”

เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยด้วยสายตาที่ฉายแววแห่งความผิดหวังก่อนจะปัดมือของเขาออก

“รอนเองก็เป็นพ่อมดที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ ทำไมเขาไม่เป็นแบบพวกเธอ ฉันว่านั่นเป็นเพียงข้ออ้างที่เห็นแก่ตัวของพวกพ่อมดใจแคบมากกว่า”

ดวงตาสีซีดเทาของมัลฟอยหรี่ลงทันทีที่ได้ยินชื่อของรอน วีสลีย์ด้วยความรุ้สึกไม่พอใจอย่างที่สุด เฮอร์ไมโอนี่เชิดหน้าน้อยๆก่อนจะพูดต่อ

“เธอจะทำยังไง มัลฟอย ถ้าพ่อแม่ของเธอรู้เรื่องของเรา ฉันมั่นใจว่าพวกเขาคงต้องสั่งให้เธอกำจัดฉันในทันทีอย่างแน่นอน และฉันคิดว่าเธอคงไม่ลังเลใจเลยสักนิดที่จะทำตามคำสั่งนั้นใช่ไหม”

มัลฟอยกัดฟันตัวเองแน่นก่อนจะตอบ

“เธอก็รู้ว่าฉันไม่มีวันทำร้ายเธออย่างแน่นอน เกรนเจอร์ เหมือนกับเธอที่ไม่มีวันทำร้ายฉัน”

“ฉันไม่แน่ใจสำหรับเรื่องนั้นนะมัลฟอย ถ้าการกระทำของเธอมันเลวร้ายลงกว่าที่เป็นอยู่นี่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเธอทำร้ายเพื่อนๆของฉัน ฉันก็ยินดีและเต็มใจที่จะยืนอยู่ด้านตรงข้ามกับเธอ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบด้วยสีหน้าที่จริงจัง โทสะของมัลฟอยเดือดพล่านขึ้นมาในทันที เขาผละออกห่างจากหญิงสาวก่อนจะพูดขึ้น

“ที่แท้ก็เป็นห่วงเจ้าพอตเตอร์กับเจ้าวีสลีย์นี่เอง พวกมันมีอะไรดีหนักหนาถึงทำให้เธอรักและห่วงใยมากถึงขนาดนี้”

เขามองดูเฮอร์ไมโอนี่ด้วยดวงตาที่ลุกวาวก่อนจะยิ้มเยาะ

“อ้อ คงเพราะหน้าตากับชื่อเสียงของพวกมันสินะ”

“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องหน้าตาหรือชื่อเสียงอะไรนั่นหรอกมัลฟอย” เด็กสาวตอบอย่างสิ้นความอดทน “มันเกี่ยวกับความดีและความถูกต้องที่เธอไม่มีวันเข้าใจ”

“ใช่! ฉันเป็นพวกที่ไม่มีความดีเลยสักนิด และสิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดนั่นมันคือเรื่องที่ไม่ถูกต้องในสายตาของเธอเลย เกรนเจอร์” มัลฟอยจ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่นิ่ง มือทั้งสองข้างบีบหัวไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่แน่นจนเธอต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด

“มัลฟอย ฉันเจ็บนะ” เด็กสาวร้องเบาๆ มัลฟอยหัวเราะก่อนตอบ

“คำคำนี้ควรจะออกมาจากปากของฉันมากกว่า เกรนเจอร์” เขาพูด “เธอไม่มีวันรู้หรอกว่า ‘เจ็บ’ จริงๆน่ะเป็นยังไงเพราะเธอไม่เคยสนใจฉันอย่างจริงจังเลยสักครั้ง สายตาของเธอน่ะมีไว้เพื่อมองดูเพื่อนๆที่แสนดีของเธอเท่านั้น ความห่วงใยของเธอก็เหมือนกัน มันมีไว้สำหรับเจ้าพอตเตอร์กับเจ้าวีสลีย์ ไม่ได้มีไว้เพื่อฉันเลยสักนิด”

“ฉันเป็นห่วงเธอเสมอนะ มัลฟอย” เฮอร์ไมดอนี่ตอบเสียงแผ่วก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อมัลฟอยออกแรงกดลงบนไหล่ของเธออย่างหนักหน่วงขึ้น

“ทำให้ฉันเชื่อสิ เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากตนเองแน่น

“ถ้าด้วยวิธีที่ต้องเดินอยู่ในด้านมืดนั่นคือการพิสูจน์ที่เธอต้องการแล้วล่ะก็ ฉันขอปฏิเสธ” เธอตอบ มัลฟอยจ้องหน้าหญิงสาวที่ตนเองรักนิ่งก่อนจะพยักหน้าช้าๆ

“งั้นเราสองคนก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกันอีกแล้ว เกรนเจอร์ เธอเดินตามทางของเธอไป เดินตามหลังเพื่อนแสนดีที่ไม่เคยเห็นคุณค่า ไม่เคยรักษาน้ำใจของเธอสองคนนั่น ส่วนฉันจะทำทุกอย่างเพื่อทำลายพวกมัน ทุกอย่างจำเอาไว้ เกรนเจอร์”

น้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่ปริ่มอยู่ที่ขอบตาทั้งสองข้าง เธออ้าปากจะโต้ตอบมัลฟอยแต่เสียงร้องตะโกนเรียกชื่อของเธอทำให้เธอต้องชะงัก มัลฟอยหันหลังกลับไปมองดูแฮร์รี่และรอนที่กำลังชี้ไม้กายสิทธิ์มาทางเขาด้วยท่าทางตกใจ

“ปล่อยเฮอร์ไมโอนี่เดี๋ยวนี้นะ มัลฟอย!" รอนร้องขึ้นด้วยความโกรธจัด มัลฟอยยิ้มเยาะก่อนจะคลายมือทั้งสองข้างของเขาออกจากไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่และหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับแฮร์รี่และรอน

“ฉันแค่ตักเตือนยายเลือดสีโคลนนี่ไม่ให้มาเดินเพ่นพ่านเกะกะสายตาฉันเท่านั้น พอตเตอร์ คิดว่าฉันอยากจะโดนตัวยายเลือดสีโคลนนี่นักหรือไงกัน เชอะ!" มัลฟอยทำเสียงขึ้นจมูกอย่างดูถูกก่อนจะปรายตามาทางเฮอร์ไมโอนี่ เธอนิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่งเมื่อเห็นประกายตาที่ฉายแววขอโทษออกมาจากดวงตาสีซีดแว่บหนึ่งก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แต่การกระทำนั้นกลับเป็นการดูถูกและเหยียดหยามในสายตาของแฮร์รี่และรอน ทั้งสองรู้สึกโกรธขึ้นมาในทันทีโดยเฉพาะรอนที่มีสีหน้าแดงจัดเหมือนสีผมของเขา

“อย่ามาทำสายตาดูถูกเฮอร์ไมโอนี่แบบนั้นนะ มัลฟอย!" รอนร้องเสียงดังก้องไปจนทั่วระเบียงจนแม้แต่กระทั่งแฮร์รี่เองก็ตกใจ เขามองหน้าเพื่อนของเขาอย่างงงๆด้วยความรู้สึกแปลกใจที่เห็นรอนโกรธเคืองแค้นแทนเฮอร์ไมโอนี่ได้ถึงขนาดนั้น มัลฟอยเองก็มีความคิดเช่นเดียวกันกับแฮร์รี่ เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเอียงคอพูดด้วยท่าทางเยาะหยัน

“อ้อ โกรธแทนเพื่อน หรือท่าจะให้ถูกต้องพูดว่าโกรธแทนคนรักน่าจะถูกต้องกว่าสินะ”

“แล้วยังไง” รอนเถียงขึ้นมาในทันที มัลฟอยรู้สึกฉุนกึกขึ้นมาในบัดดลกับคำตอบนั้น เขายกมือขึ้นชี้หน้ารอนทันที

“หักคะแนนกริฟฟินดอร์ห้าสิบคะแนน ที่ถือไม้กายสิทธ์ด้วยท่าทางที่คุกคามเจ้าหน้าที่หน่วยสอบสวน” รอยยิ้มเหยียดบนริมฝีปากซีดบาง รอนนิ่งอึ้งไปในทันทีเขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเองอย่างโกรธจัดก่อนจะสะบัดไม้กายสิทธิ์ของเขา

“อย่า! รอน!" เสียงเฮอร์ไมโอนี่ร้องห้ามขึ้นมาในทันที ในขณะที่แฮร์รี่นั้นปัดไม้กายสิทธิ์ในมือของรอนให้เบี่ยงไปอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว แสงสีเขียวสว่างวาบไปกระทบผนังห้องจนระเบิดกระจาย มัลฟอยหน้าซีดเล็กน้อยขณะที่มองดูศัตรูทั้งสอง เฮอร์ไมโอนี่ถือโอกาสวิ่งกลับไปหาเพื่อนของเธอทันทีพร้อมกับเสียงดุดังลั่น

“ทำไมทำอะไรโง่ๆแบบนี้นะรอน ถ้าเธอทำร้ายคนแบบนั้น คะแนนบ้านของพวกเราก็คงไม่เหลือเลยสักคะแนนสิ แล้วที่สำคัญ” เฮอร์ไมโอนี่มองหน้ารอนเขม็ง

“อัมบริดจ์คงไม่ใจดีปล่อยให้เธอได้เรียนต่อไปอีกแน่ๆ”

รอนหน้าเผือดลงเล็กน้อย เขาเม้มปากตัวเองก่อนจะพยักหน้าอย่างจำนนใจแล้วเก็บไม้กายสิทธิ์กลับเข้าเสื้อคลุมของตัวเอง

“ฉันแค่โมโหที่เห็นหมดนั่นมันกำลังจะทำร้ายเธอเท่านั้น” รอนพูดอ่อยๆ เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า

“โธ่ รอน มันไม่ใช่อย่างที่เธอเห็นหรอก” เด็กสาวพูดอย่างอ่อนใจและดีใจที่รู้ว่ารอนทำไปเพราะความเป็นห่วงในตัวของเธอ

“หักคะแนนกริฟฟินดอร์ร้อยคะแนน” เสียงมัลฟอยพูดห้วนๆ แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาพร้อมๆกันด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง

“นายทำแบบนั้นไม่ได้นะ มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี้ท้วงขึ้น มัลฟอยถลึงตาใส่เธอก่อนจะตอบเสียงกร้าว

“เจ้าวีเซิลนั่นคิดจะฆ่าฉัน แค่ร้อยคะแนนนี่นับว่าปราณีมากเกินไปแล้วนะ เกรนเจอร์” มัลฟอยจ้องหน้ารอนเขม็ง เขาจ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น

“ให้ฉันต่อยหน้ามันสักทีเถอะ แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ ไหนๆพวกเราก็โดนหักคะแนนไปอีกตั้งร้อยคะแนนแล้ว โดนอีกสักร้อยคงไม่เป็นอะไรมั้ง”

“ไม่ได้นะรอน” เฮอร์ไมโอนี่ร้องห้ามเสียงเข้ม เธอมองหน้ามัลฟอยด้วยสายตาที่ผิดหวังก่อนจะหันกลับไปทางเพื่อนทั้งสองของเธอ

“เขามีอำนาจเหนือพวกเรา จะทำอะไรต้องคิดให้ดีๆก่อน ฉันคิดว่าวันของเขาคงไม่ยาวนานเท่าไหร่นักหรอก ไปกันเถอะ รอน แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ดันเพื่อนทั้งสองของเธอให้ออกเดินก่อนจะหันมาทางมัลฟอย

“เธอคิดจะจมอยู่ในความมืดเพียงลำพังคนเดียวจริงๆเหรอ มัลฟอย”

เด็กสาวถามก่อนจะสะบัดหน้าและเดินจากไป มัลฟอยมองตามหลังเธอและเพื่อนทั้งสองด้วยสีหน้าที่ขุ่นแค้นก่อนจะฟาดกำปั้นของเขาลงบนกำแพงปราสาทอย่างแรง เลือดไหลซึมออกมาตามรอยแตกบนมือของเขาทันที มัลฟอยมองดูเลือดนั้นด้วยสายตาที่แค้นใจอย่างที่สุด

“ฉันยินดีที่จะเดินไปในความมืดเพียงลำพังคนเดียว เกรนเจอร์ ถ้าเทียนที่คอยส่องทางให้กับฉันมันไม่เต็มใจที่จะฉายแสงให้แบบนี้”

มัลฟอยกัดฟันพูดเบาๆกับตัวเอง

*********************



ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่จะร้าวฉานลงทุกๆวัน มัลฟอยนั้นอาละวาดทุกๆคนที่ผ่านหน้าเขาโดยไม่สนใจว่าคนคนนั้นจะทำความผิดหรือไม่ เหตุการณ์ต่างๆเลวร้ายลงจนถึงขั้นที่สุดเมื่อเฟร็ดและจอร์จพี่น้องฝาแฝดตระกูลวีสลีย์อาละวาดใส่อัมบริดจ์และออกจากฮอกวอตส์ไปตลอดกาล แม้การกระทำนั้นจะดูเหมือนเป็นการกระทำของวีรบุรุษ แต่นั่นกลับทำให้อัมบริดจ์ยิ่งเพิ่มความบ้าอำนาจมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดเมื่อทั้งแฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ได้รับข่าวร้ายว่าซีเรียสกำลังได้รับอันตราย แฮร์รี่และรอนจึงคิดจะหนีออกจากโรงเรียน ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของเฮอร์ไมโอนี่ แต่เธอก็ยังอุตส่าห์วางแผนล่ออัมบริดจ์ให้ออกไปจากห้องอาจารย์ใหญ่เพื่อที่เด็กทั้งสามจะได้ใช้เตาผิงในการเดินทาง

“เร็วเข้าแฮร์รี่ เราไม่มีเวลาแล้วนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน แฮร์รี่และรอนวิ่งพลางหลบพลางไปจนตลอดทางจนกระทั่งทั้งหมดเข้าไปในห้องของอัมบริดจ์ได้สำเร็จ

“ในที่สุดพวกเราก็ทำได้” รอนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดีใจ

“ยินดีด้วยนะเด็กๆ” เสียงxxx;มเกรียมของอัมบริดจ์ดังขึ้นที่ประตูห้องทำงานของเธอ ข้างๆมีมัลฟอยและลูกสมุนยืนล้อมกรอบอยู่ เฮอร์ไมโอนี่มองรอยยิ้มที่ฉายแววเยาะหยันของมัลฟอยด้วยสายตาที่เกลียดชัง

“อัมบริดจ์” รอนครางเบาๆ อัมบริดจ์จ้องหน้าเขาเขม็ง

“ท่านอาจารย์ใหญ่ต่างหาก” เสียงมัลฟอยดังแทรกขึ้นมา อัมบริดจ์ส่งรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียดไปให้เขาก่อนจะหันกลับมาทางแฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่

“พวกเธอคิดว่าฉันโง่มากถึงขนาดที่จะหลงกลกับแผนการเด็กๆของพวกเธออย่างนั้นหรือ พอตเตอร์” เธอถามเสียงแหลมราวกับเยาะ แฮร์รี่รู้สึกสะอิดสะเอียนกับคำพูดและสีหน้าของอัมบริดจ์จนต้องก้มหน้าลง

“ทีนี้ ช่วยกรุณาบอกให้ฟังหน่อยจะได้ไหมว่าพวกเธอมาที่นี่ทำไมกัน” อัมบริด์ถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น แฮร์รี่กัดปากตัวเองเองจะตอบ

“ผมเข้ามาดูข้อสอบปลายภาค…..”

“โกหก!" อัมบิรดจ์ตะโกนเสียงดังลั่นก่อนจะหันไปทางรอน

“พวกเธอมาที่นี่ทำไมกัน หา! วีสลีย์ !เกรนเจอร์!" เธอหันไปไล่เบี้ยกับรอนและเฮอร์ไมโอนี่

“คือผมมาดูข้อสอบเหมือนกับแฮร์รี่น่ะ…..ครับ…..” รอนตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เห็นท่านอาจารย์ใหญ่อยู่ในสายตาเลยนะครับ” มัลฟอยพูดขึ้นหลังจากยืนเงียบมานาน “ผมคิดว่าพวกนี้คงคิดจะมาทำอะไรสักอย่างในห้องของท่าน บางทีอาจจะเป็นยาพิษ หรือสัตว์ร้ายของเจ้ายักษ์เพื่อนของมันมาปล่อยไว้ในห้องนี้”

ตาพองๆของอัมบริดจ์ยิ่งปูดโปนจนแทบถลนออกมาจนอกเบ้าขณะที่หล่อนถลึงตาจ้องมองดูแฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ มือของหล่อนสั่นระริกก่อนจะเอื้อมไปที่คอของแฮร์รี่และเริ่มต้นเขย่า

“พวกเธอเข้ามาในนี้ทำไมกัน พอตเตอร์!" หล่อนตะคอกเสียงดัง มัลฟอยอมยิ้มอย่างสะใจโดยไม่ชำเลืองสายตามามองดูเฮอร์ไมโอนี่เหมือนทุกครั้ง หญิงสาวมองดูเขาด้วยความเคียดแค้นในขณะที่เริ่มใช้ความคิด

“ถ้าเธอไม่ยอมบอกกับฉันดีๆล่ะก็นะ พอตเตอร์ เห็นทีฉันคงจะต้องใช้วิธีโบราณกับเธอ” หล่อนลดเสียงลงเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “เอาเป็นอะไรดีล่ะ เอาโซ่ดึงแขนขาออกจากตัวดีหรือจับเธอมัดห้อยหัวลงมาจากเพดานดี”

อัมบริดจ์คงจะพูดขู่ต่อไปหากเฮอร์ไมโอนี่ไม่ส่งเสียงร้องไห้โฮขัดขึ้นมาเสียก่อน ทั้งหมดมองดูเด็กสาวด้วยความรู้สึกตกใจระคนแปลกใจในขณะที่มัลฟอยมองดูเธอด้วยสายตาประหลาดใจมากกว่า

“บอกท่านอาจารย์ใหญ่ไปดีกว่าแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดปนสะอื้น “บอกเธอว่าพวกเราเข้ามาในนี้ทำไมกัน”

แฮร์รี่และรอนอ้าปากค้างอย่างงงงันในขณะที่อัมบริดจ์คลายมือออกจากคอของแฮร์รี่และหันมาทางเธอ

“หนูว่าอะไรนะจ๊ะ” เธอทำเสียงให้ฟังดูอ่อนหวานแต่น่าขนลุกเมื่อพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ “พวกหนูเข้ามาในนี้ทำไมกัน”

“เฮอร์ไมโอนี่!" ทั้งแฮร์รี่และรอนร้องออกมาพร้อมๆกัน อัมบริดจ์ขมวดคิ้วก่อนจะร้องสั่งมัลฟอย

“ทำให้พวกนั้นหุบปากที”

มัลฟอยตวัดไม้กายสิทธิ์ของเขาทันทีที่อัมบริดจ์พูดจบ ราวกับมีมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นกำลังปิดปากแฮร์รี่และรอนเอาไว้จนแน่น ทั้งคู่ได้แต่กลอกสายตาไปมาให้กัน อัมบริดจ์ยังคงก้มหน้าลงไปหาเฮอร์ไมโอนี่โดยไม่สนใจคนทั้งสองพลางถามอย่างคาดคั้น

“ว่ายังไงจ๊ะ หนู” เธอถามเสียงหวาน “พวกเธอมีแผนการอะไรกัน”

เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าลังเลใจก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าของเธอและร้องไห้ไม่หยุด

“ถ้าเธอยังเอาแต่มัวร้องไห้อยู่อย่างนี้ ฉันคงไม่มีวันรู้เรื่องกันพอดี” อัมบริดจ์พูดอย่างหมดความอดทน “เลิกร้องไห้และเงยหน้าขึ้นมาพูดกับฉันได้แล้ว เกรนเจอร์!"

เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าราวกับกำลังปาดน้ำตาของเธอก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองดูอัมบริดจ์ เธอมีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจพูด

“คือพวกเรากำลังมารับอาวุธพิเศษที่จะใช้ต่อต้านพวกกระทรวงน่ะค่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ อัมบริดจ์ตาโตขึ้นมาทันทีอย่างสนใจ

“อาวุธพิเศษหรือ” เธอลดเสียงลงเล็กน้อย “มันพิเศษขนาดไหนกัน”

“ขนาดที่สามารถสะกดมือปราบมารเก่งๆได้ครั้งละยี่สิบคนในเวลาเดียวกัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดโดยไม่สนใจสีหน้าที่กำลังฉายความพิศวงงงงันอย่างที่สุดของแฮร์รี่และรอน

“แล้วมันอยู่ที่ไหนหรือจ๊ะ” อัมบริดจ์ถามเสียงหวานหยาดเยิ้มจนน่าขนลุก เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าอึกอักก่อนจะเหลือบสายตาไปทางมัลฟอยและลดเสียงลงจนเบาราวกระซิบ

“มันไม่ได้อยู่ในนี้หรอกค่ะ” เธอบอกอัมบริดจ์ “ที่เรามานี่ก็แค่มารับข่าวเรื่องสถานที่เก็บมันต่างหาก”

“แล้วเธอรู้แล้วหรือยัง” อัมบริดจ์ถามเสียงรัวเร็ว เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าน้อยๆแทนคำตอบ

“งั้นรีบบอกฉันมาเลย เร็วๆเข้าเกรนเจอร์” หล่อนพูดเสียงสั่นด้วยความที่ระงับอารมณ์ตื่นเต้นไม่อยู่ เฮอร์ไมโอนียิ้มในหน้าก่อนจะพูดต่อ

“หนูไม่คิดว่าควรจะบอกคุณในเวลานี้ต่อหน้าคนอื่นเลยค่ะ ท่านอาจารย์ใหญ่” เธอปรายตาไปทางมัลฟอย เขาพยายามเก็บสีหน้าอยากรู้ไว้แต่ไม่มิด อัมบริดจ์ยืดตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะออกคำสั่ง

“คุณมัลฟอย ฉันขอให้คุณและเพื่อนๆของคุณควบคุมตัวคุณวีสลีย์ไว้ที่นี่”

“แต่ท่านอาจารย์ใหญ่ครับ เราจะเชื่อได้ยังไงว่าเกรนเจอร์ไม่ได้โกหก” มัลฟอยท้วง คราวนี้อัมบริดจ์หันขวับมาทางเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง เด็กสาวรีบยกมือของตัวเองขึ้นปิดหน้าทันทีพร้อมกับส่งเสียงร้องไห้ดังลั่น

“หนูไม่ได้โกหกนะคะ ท่านอาจารย์ใหญ่” เธอพูดปนสะอื้นที่ฟังดูน่าสงสาร “หนูคิดว่าคงไม่มีทางโกหกคนเก่งอย่างคุณได้อย่างแน่นอน”

คราวนี้อัมบริดจ์ถึงกับฉีกยิ้มกว้างอย่างพอใจก่อนจะกระชากคอเสื้อของแฮร์รี่และเหวี่ยงเขาไปทางประตูห้อง

“นำหน้าฉันไป พอตเตอร์ ส่วนหนู” หล่อนส่งยิ้มหวานที่น่าสะอิดสะเอียนไปทางเฮอร์ไมโอนี่ “กรุณานำทางฉันไปด้วย รับรองได้ว่าจะไม่มีใครทำร้ายเธอตราบใดที่ยังคงมีฉันเดินตามหลัง”

แฮร์รี่เดินนำหน้าอัมบริดจ์ทั้งๆที่ในใจยังคิดสงสัยในคำพูดของเฮอร์ไมโอนี่ แต่เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนสาวของเขาที่ส่งมาให้แว่บหนึ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกว่าเพื่อนของเขากำลังวางแผนการอะไรบางอย่างเพื่อกำจัดอัมบริดจ์ไปให้พ้นทางอย่างแน่นอน ทั้งสามคนเดินออกจากปราสาทและตรงดิ่งไปยังป่าต้องห้าม อัมบริดจ์ส่ายสายตามองไปรอบๆอย่างระมัดระวังก่อนจะถามเฮอร์ไมโอนี่เสียงสั่นๆ

“เธอแน่ใจนะว่ามาถูกทางแล้ว เกรนเจอร์”

“ค๋ะ ท่านอาจารย์ใหญ่ หนูจำทางที่จะไปได้ดีพอๆกับจำตัวอักษรรูนทั้งหมดในหนังสือเลยทีเดียว” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงใส แฮร์รี่ทำท่าเหมือนกำลังกลืนหนอนฟลอบเบอร์เข้าไปทั้งตัวเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาแอบยื่นหน้าเข้าไปกระซิบถามเฮอร์ไมโอนี่เบาๆอย่างอดรนทนไม่ได้

“เธอแน่ใจนะว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นี่น่ะมันจะได้ผล”

“รับรองได้เลย แฮร์รี่ แต่ฉันยังไม่แน่ใจผลกระทบที่เราทั้งสองจะได้รับสักเท่าใดนักนะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบด้วยสีหน้ากังวลน้อยๆ แฮร์รี่สะอึกเบาๆ แต่ยังไม่ได้ทันถามคำถามใดๆออกมา ทั้งหมดก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงหวีดหวิวดังขึ้น ธนูดอกหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านในของป่าทึบและปักตรึงอยู่บนพื้นดินห่างจากเท้าของเฮอร์ไมโอนี่ไม่กี่นิ้ว ราวกับเป็นการเตือน เสียงห้าวๆที่ฟังราวกับขู่คำรามดังขึ้น

“พวกแกเข้ามาที่นี่ทำไมกัน เจ้าพวกมนุษย์”

แฮร์รี่อ้าปากค้างเมื่อเห็นเซ้นทอร์ไม่ต่ำกว่ายี่สิบตัวกำลังยืนรายล้อมพวกเขาอยู่ อัมบริดจ์ชี้ไม้กายสิทธิ์สั้นๆของหล่อนออกไปข้างหน้าทั้งที่มือที่กุมยังสั่นระริก

“ฉันคืออาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนฮอกวอตส์ และเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงพ่อมด พกวแก เจ้าคนครึ่งสัตว์! หลีกทางไปให้พ้อนอย่าได้มาขวางการทำงานของฉัน”

เสียงพ่นลมหายใจอย่างขุ่นแค้นดังออกมาจากเซ็นทอร์ที่ยืนรอบๆ แฮร์รี่เห็นเซ็นทอร์ตัวที่ชื่อเบนกำลังเคาะกีบเท้าหน้าของเขาลงบนพื้นอย่างไม่สบอารมณ์

“แก! พูดว่าอะไรนะ!" เขาร้องถามด้วยน้ำเสียงโกรธจัด “พวกมนุษย์ชั้นต่ำอย่างแก ล่วงล้ำเข้ามาในป่าของเรา แล้วยังจะมาพูดจายะโสโอหังอีก”

“สำหรับพวกคนครึ่งสัตว์ชั้นต่ำแบบพวกแก ฉันมีสิทธิ์ และมีอำนาจที่จะขับไล่พวกแกออกไปจากป่าแห่งนี้เสียด้วยซ้ำไป” อัมบริดจ์พูดเสียงดังอย่างอวดดีทั้งๆที่เริ่มหวาดกลัว ดวงตาปูดโปนของหล่อนส่ายล่อกแล่กราวกับจะหาทางหนีในขณะที่เบนนั้นยกขาหน้าทั้งสองของเขาขึ้นและพุ่งเข้ามาหาหล่อนอย่างประสงค์ร้าย

“ข้าจะสั่งสอนให้แกรู้จักกับคำว่าควรกับไม่ควร เจ้ามนุษย์”

ทันทีที่เบนพูดจบ เซ็นทอร์อีกหลายตัวก็พากันกรูเข้ามาลากอัมบริดจ์และพาหายเข้าไปในป่าท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน เซ็นทอร์ที่เหลือหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่และแฮร์รี่

“จะทำยังไงกับสองคนนี่” เซ็นทอร์ตัวหนึ่งถามขึ้น

“เอามันไปลงโทษแบบยายผู้หญิงคนนั้น” เซ็นทอร์สีน้ำตาลตัวหนึ่งพูด เฮอร์ไมโอนี่หน้าซีดขึ้นมาทันที

“คุณ คงไม่ทำร้ายคนบริสุทธิ์ ใช่ไหมคะ”

“เราไม่เหมือนฟีเรนเซ่หรอกนะ เจ้ามนุษย์ผู้หญิง” เซ็นทอร์ที่มีสีเทาตอบเสียงกร้าว “เราไม่เคยสนใจกฏหมายของพวกแก เราไม่มีวันก้มหัวให้กับพวกพ่อมดอย่างพวกแก….”

ยังไม่ทันที่เซ็นทอร์ตัวนั้นจะทันได้พูดอะไรจนจบ เสียงต้นไม้หักดังสนั่นขึ้น เหล่าเซ็นทอร์พากันมองหน้าก่อนจะยกธนูของพวกเขาขึ้นอย่างระวัง ต้นไม้ขนาดมหึมาเบื้องหน้าถูกมือยักษ์ฉีกออกเป็นสองส่วน ใบหน้าสีเทาหม่นค่อยๆปรากฏขึ้น ดวงตาสีขุ่นของมันกวาดมองไปรอบๆขณะทีปากอันใหญ่โตนั้นเผยออ้าออก

“แฮกเกอร์”

เซ็นทอร์ทั้งหมดพร้อมใจกันถอยหลัง เฮอร์ไมโอนี่คว้าแขนแฮร์รี่พลางพูดเบาๆ

“ฉันคิดว่ามันกำลังร้องเรียกหาแฮกริดอยู่นะ”

คราวนี้เจ้ายักษ์นั่นเบนสายตาลงมาทางเฮอร์ไมโอนี่ ราวกับกำลังครุ่นคิด ปากกว้างๆของมันก็เผยอออกอีกครั้ง

“เฮอร์มี่”

เฮอร์ไมโอนี่เขย่าแขนแฮร์รี่อย่างลืมตัวทันที

“ตายแล้วแฮร์รี่ เขา…จำฉันได้ กรอว์ปจำฉันได้ด้วยแย่แน่คราวนี้”

จริงอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่พูด กรอว์ป ยักษ์ร่างมหึมาผู้เป้นน้องชายของแฮกริดเอื้อมมืออันใหญ่โตของมันออกมาข้างหน้าพร้อมกับส่งเสียงที่ฟังดูเหมือนคร่ำครวญ

“เฮอร์มี่ แฮกเกอร์ ไหน….”

“ฉัน..ไม่รู้” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงตะกุกตะกัก อย่างหวาดกลัว

“กรอว์ป อยากได้….แฮกเกอร์”

มือที่ใหญ่มหึมายื่นต่ำลงมา เฮอร์ไมโอนี่หวีดร้องอย่างหวาดกลัวพลางถอยหลังหนี พวกเซ็นทอร์พากันระดมยิงธนูเข้าใส่กรอว์ป มันร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดก่อนจะยืดตัวสูงขึ้นและเริ่มอาละวาดหักต้นไม้รอบๆอย่างบ้าคลั่ง พวกเซ็นทอร์เริ่มถอยหนีและวิ่งตะบึงไประหว่างแนวไม้หายเข้าไปในป่าโดยมีร่างอันใหญ่โตของกรอว์ปตามไปติดๆ เสียงร้องคำรามเริ่มดังห่างออกไป เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหันไปทางแฮร์รี่

“พวกเรารีบกลับไปกันเถอะ เสียเวลามามากแล้ว”

“ใช่ ป่านนี้ซีเรียสคงจะตายไปแล้วก็ได้” แฮร์รี่พูดอย่างโกรธๆ เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขา

“แล้วจะให้ฉันทำยังไง เราไม่มีไม้กายสิทธิ์นี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างหมดหวัง “เราจะไปที่นั่นได้ยังไงกัน ป่านนี้ทางกระทรวงคงปิดเส้นทางของผงฟลูไว้หมดแล้ว”

ทั้งคู่เดินโต้เถียงกันมาจนกระทั่งถึงชายป่าต้องห้าม รอนเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มกว้างและส่งไม้กายสิทธิ์ของทั้งสองคนให้ เฮอร์ไมโอนี่รับมาถือไว้อย่างงงๆ

“เธอเอามันมาได้ยังไงกันน่ะ รอน”

“ก็แค่ใช้คาถาสะกดนิ่ง คาถาปลดอาวุธ ส่วนจินนี่ใช้คาถาเสกค้างคาวใส่มัลฟอย มันยอดมากเลยนะพวกเธอน่าจะได้เห็นเจ้าหมอนั่นวิ่งไปรอบๆโดยมีปีกค้างคาวกระพืออยู่บนหน้าซีดๆของมันน่ะ” รอนเล่าพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง เฮอร์ไมโอนี่นิ่วหน้าน้อยๆ ความรู้สึกสับสนกำลังวิ่งอยู่ในหัวใจของเธอ ทั้งเป็นห่วง ทั้งสงสารมัลฟอยที่โดนคำสาบของจินนี่

“เขาทำตัวของเขาเอง สมควรแล้วที่โดนแบบนั้น” เธอคิดก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับเพื่อนทั้งสองของเธอต่อ

“แล้วเราจะไปที่ลอนดอนได้ยังไงกัน”

“ผงฟลูคงใช้ไม่ได้อีกแล้วในฮอกวอตส์นี่” แฮร์รี่พูดอย่างหมดหวัง รอนทำท่าคิด

“ใช้ไม้กวาดดีไหม” เขาเสนอแต่ต้องหดคอย่นเมื่อเห็นสายตาของเฮอร์ไมโอนี่

“เธอคิดว่าที่นี่อยู่ห่างจากลอนดอนแค่ไหนกันรอน ลำพังเด็กๆอย่างพวกเราน่ะไม่มีทางขี่ไม้กวาดบินข้ามเขาข้ามทุ่งเป็นระยะทางไกลๆได้แบบนั้นหรอก ไหนจะบรรดาพวกมือปราบมารของกระทรวงอีกล่ะ”

“แล้วตกลงจะเลือกใช้วิธีไหนกันดีล่ะ” แฮร์รี่พูดขึ้นมาอย่างเหลืออด “โน่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้ หรือจะรอให้ซีเรียสตายไปเสียก่อนถึงจะคิดออก”

เฮอร์ไมโอนี่ปิดปากเงียบพลางใช้ความคิด ลูน่า เลิฟกู๊ดซึ่งเดินมากับจินนี่ยิ้มอย่างฝันๆก่อนจะพูดกับแฮร์รี่

“รู้จักเธสตรอลไม่ใช่หรือ”

ทั้งเฮร์ไมโอนี่และรอนต่างหันมามองหน้าแฮร์รี่พร้อมๆกัน เขาทำท่าอึกอักก่อนจะพูดเบา

“อย่าบอกนะว่าเธอจะให้ฉันขี่เจ้าตัวประหลาดนั่น ไม่มีทางหรอก”

“แต่มันเป็นหนทางสุดท้ายที่เธอมีอยู่ในเวลานี้นะ แฮร์รี่” ลูน่าพูด “ไม่อย่างนั้นเธอก็จะต้องจมอยู่ที่นี่ รอฟังข่าวร้ายจากคนที่เธอรัก”

แฮร์รี่ทำท่าครุ่นคิดอย่างหนักก่อนจะพยักหน้าอย่างยอมจำนน จินนี่รีบพูดขึ้นโดยเร็ว

“ให้ฉันไปด้วยคนนะ”

“ฉันด้วย” เนวิลล์ร้องขึ้นมาบ้าง รอนพ่นลมหายใจออกแรงๆ

“ไม่มีทางหรอกจินนี่ เธอยังเด็กเกินไป”

จินนี่มองหน้ารอนพลางทำถลึงตาดุๆใส่เขาก่อนจะเถียง

“ขอโทษ ฉันอาจจะเด็กกว่าพวกพี่ แต่ใครกันที่เผชิญหน้ากับโวลเดอร์มามาเมื่อสามปีก่อน ใครกันที่เสกคาถาใส่มัลฟอยในวันนี้ ใครกันที่…..”

“เอาล่ะๆ เธอจะไปด้วยก็ได้” แฮร์รี่พูดขึ้นอย่างหมดความอดทน รวมทั้งพวกเธอด้วย” เขาพยักหน้าให้กับเนวิลล์และ ลูน่า ฝ่ายหลังยิ้มน้อยๆด้วยท่าทางมีความสุข

“แล้วเราจะไปพาเจ้าเธสตอลอะไรนั่นมาได้ยังไงกัน” รอนถามขึ้นมาบ้างลูน่าหันไปทางเขาก่อนจะตอบ

“ตามฉันมาเลย เงียบๆด้วยล่ะ”

ทั้งหมดเดินตามกันมาอย่างเงียบกริบ ผ่านห้องต่างๆนปราสาทและมุ่งสู่อีกอ้านหนึ่งของตัวอาคาร ลูน่าเดินผ่านรูปปั้นนักรบอัศวินที่กำลังทำท่าขึงขังอยู่หน้าผ้าม่านหนาหนักผืนหนึ่ง เธอพูดอะไรเบาๆสองสามคำ ผ้าม่านผืนนั้นค่อยๆแข็งตัวขึ้นและกลายเป็นประตูบานหนึ่ง เด็กสาวหันมายิ้มให้กับแฮร์รี่

“ตามฉันมาเลยทุกๆคน”

เธอค่อยๆดันประตูให้เปิดออกและก้าวผ่านออกไป ตามด้วยจินนี่ เนวิลล์และรอน แฮร์รี่หันมามองดูเฮอร์ไมโอนี่ที่ยังคงทำหน้าอึ้งกับการกระทำของลูน่าก่อนจะเร่งให้เธอตามออกไป ขณะที่เท้าของเขากำลังจะก้าวผ่านพ้อนประตู ลำแสงสีเขียวก็สว่างวาบขึ้นและพุ่งเข้ากระแทกพื้นเบื้องหน้าเขาตกกระเบื้องแตกกระจาย ทั้งแฮรืรี่และเฮอรืไมโอนี่ต่างหันไปทางด้านหลังพร้อมๆกันอย่างตกใจ มัลฟอยกำลังก้าวออกมาจากมุมมืดพร้อมกับไม้กายสิทธิ์ที่ชี้ตรงนิ่งมายังเด็กทั้งสอง รอยยิ้มที่น่ากลัวฉาบอยู่บนริมฝีปากซีดบางของเขา

“จับได้คาหนังคาเขาเลย พอตเตอร์” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกระหึ่ม “พวกแกคิดจะหนีออกจากโรงเรียนจริงๆ”

“หลีกไปให้พ้น มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น “เธอกำลังทำสิ่งที่ผิดอย่างมหันต์อยู่นะ”

ดวงตาของมัลฟอยจับจ้องมองดูเฮอร์ไมโอนี่แน่วนิ่งก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น

“เธอต่างหาก เกรนเจอร์ที่กำลังทำสิ่งที่ผิดอยู่” เขาเหลือบสายตาไปทางแฮร์รี่ “ถ้าจะเปลี่ยนใจแล้วเดินกลับมาหาฉัน ยังไม่สายเกินไปนะ บางทีฉันอาจจะขอให้พ่อของฉันยกโทษให้กับคนแบบเธอก็ได้”

“คนอย่างนายเนี่ยนะจะทำเรื่องแบบนั้นกับเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูดขึ้นอย่างโกรธๆ “เจ้าคนปลิ้นปล้อนหลอกลวง”

“หุบปาก พอตเตอร์ คนอย่างแกจะไปรู้อะไรกัน!" มัลฟอยตวาดเสียงดัง “แกมันก็แค่คนที่คิดแต่เรื่องของตัวเอง แกเคยสนใจเพื่อนรอบๆตัวบ้างหรือเปล่า เคยแคร์บ้างไหมว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่”

แฮร์รี่ทำหน้าราวกับกำลังฟังสเนปเล่านิทานตลกขำขันอยู่เมื่อได้ยินสิ่งที่มัลฟอยพูด เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายแล้วหัวเราะ

“ไม่คิดว่าคนแบบนายจะรู้จักเรื่องแบบนี้ มัลฟอย ฉันคิดว่าพวกนายคิดเป็นแต่เรื่องแย่ๆเสียอีก”

มัลฟอยถลึงตาใส่แฮร์รี่ด้วยควมโกรธจัด เขาสะบัดไม้กายสิทธิ์ของเขาอีกครั้ง เสียงระเบิดดังกึกก้อง ประตูผ้าม่านที่กำลังจะปิดลงถูกแรงจากคาถากระแทกให้เปิดอ้าออกอีกครั้ง แฮร์รี่ที่ก้มตัวหลบคาถาสะกัดภัยของมัลฟอยยืดตัวขึ้นก่อนจะชี้ไม้กายสิทธิ์ของเขาออกไปข้างหน้า

“อิมเปดิเมนต้า!"

แสงสว่างวาบพุ่งออกจากปลายไม้ของแฮร์รี่ มันกระแทกเข้ากับกำแพงด้านข้างของมัลฟอยอย่างแรง เศษหินที่แตกกระจายออกมาปลิวว่อนไปทั่ว เด็กหนุ่มผิวซีดก้มตัวหลบอย่างรวดเร็วพร้อมกับตั้งท่าจู่โจม

“พอกันได้แล้วทั้งสองคน!"

เฮอร์ไมโอนี่ร้องตะโกนขึ้นมาอย่างเสียขวัญ ก่อนจะหันไปมองแฮร์รี่ด้วยท่าทางห่วงใย มัลฟอยชะงักเล็กน้อยขณะที่มองดูกิริยาของเธอ โทสะของเขาพลุ่งพล่านจนระงับไม่อยู่ ไม้กายสิทธิ์ในมือโบกสะบัดอย่างเร็วและรุนแรงทันที

“ครูซิโอ!"

"ไม่!"

แสงสีแดงสว่างเจิดจ้าพุ่งเข้าหาแฮร์รี่ที่กำลังยืนตะลึงงันอยู่ เฮอร์ไมโอนี่พุ่งตัวเขาหาเพื่อนรักของเธอทันที เสียงระเบิดดังสนั่น กลุ่มควันฟุ้งกระจายตลบอบอวนไปจนทั่ว มัลฟอยมองดูหญิงสาวที่ตนรักด้วยความตกใจในการกระทำของเธอก่อนจะร้องตะโกนเรียกเสียงดังลั่น

“เกรนเจอร์!"

"รีบออกมาเร็วๆเข้าแฮร์รี่” เสียงพูดที่ฟังดูร้อนรนของจินนี่ดังขึ้นท่ามกลางกลุ่มควันที่หนาทึบ มัลฟอยเห็นเงารางๆของเด็กสาวตระกูลวีสลีย์กำลังลดไม้กายสิทธ์ในมือของเธอลงพร้อมกับกระชากร่างของแฮร์รี่ให้พ้นออกไปจากประตู รอนรีบถลาเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ด้วยท่าทางที่ห่วงใย แต่ยังไม่ทันที่จะได้ขยับหรือสัมผัสตัวของเด็กสาว บานประตูผ้าม่านก็ปิดเข้ามาอีกครั้งพร้อมๆกับเสียงร้องเรียกของรอน

“เฮอร์ไมโอนี่ รีบหนีออกห่างจากเจ้าหมอนั่นเร็วๆ”

เฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆสะบัดหน้าของตัวเองอย่างมึนงงขณะที่พยายามยันตัวให้ลุกขึ้น กลุ่มควันจากคาถาที่กระแทกใส่กันเมือ่ครู่ค่อยๆจางหายไป มัลฟอยก้าวเข้าไปหาเธอด้วยสีหน้าและท่าทางที่เป็นห่วงและกังวล

“เกรนเจอร์ ฉัน ขอโทษ…..เธอเป็นอะไรหรือเปล่า…” น้ำเสียงของมัลฟอยค่อยๆแห้งหายไปเมื่อเห็นเศษของบางอย่างที่แตกกระจายเกลื่อนรอบๆตัวของเฮอร์ไมโอนี่ แสงระยิบระยับสีเขียวเหลือบเงินที่คุ้นตาทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบ ต่างจากเฮอร์ไมโอนี่ที่มองดูเศษที่ติดผมของเธอด้วยสายตาที่ชาเย็นและเหินห่าง

“น่าเสียดายนะที่คาถานั่นมันโดนเครื่องประดับผมของฉัน แทนที่จะเป็นกลางหัวใจของฉัน มัลฟอย” เด็กสาวพูดขึ้นขณะที่มองดูชายที่เธอรักตรงหน้า

“ฉัน จะหามาให้เธอใหม่ก็ได้ เกรนเจอร์ ฉัน….” มัลฟอยกลืนคำพูดที่เหลือเข้าไปในลำคอของตัวเองเมื่อเห็นดวงตาที่ฉายแววผิดหวังออกมาจากเฮอร์ไมโอนี่

“ของบางอย่างมันไม่สามารถใช้เงินหาซื้อมาทดแทนกันได้หรอก มัลฟอย” เธอตอบ “ต่อให้เธอซื้อเครื่องประดับมาให้ฉันอีกเป็นร้อยเป็นพันชิ้น มันก็ไม่มีวันเทียบค่าได้กับของขวัญชิ้นแรกที่เธอเพิ่งทำลายมันลงไปได้ เพราะมันเป็นของเพียงสิ่งเดียวที่ยังผูกพันหัวใจของฉันที่มีให้กับเธอไว้ จนกระทั่งถึงเวลานี้”

มัลฟอยมองดูเฮอร์ไมโอนี่แน่วนิ่ง ราวกับทุกๆสิ่งทุกๆอย่างบนโลกนี้กำลังหยุดนิ่ง เขามองจ้องดูหญิงสาวเบื้องหน้าด้วยหัวใจที่ปวดร้าวก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง

“ฉันขอโทษ”

“สายเกินไปแล้วสำหรับคำคำนี้ มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเครือ น้ำตาใสๆปริ่มอยู่ในขอบตาก่อนจะหยดลงสู่พื้น

“เธอเลือกเส้นทางเดินของเธอแล้ว มัลฟอย เส้นทางที่มืดมิดและโดดเดี่ยว เส้นทางที่เธอจะไม่มีวันได้เห็นสิ่งสวยงามอีก ตลอดกาล”

“เกรนเจอร์” มัลฟอยรู้สึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถนึกหาคำพูดใดๆออกมาได้ในเวลานี้ เขาทำได้แต่เพียงมองดูหญิงสาวอันเป็นที่รักที่ยืนอยู่ตรงหน้านิ่ง ริมฝีปากซีดบางของเขาขบกันแน่นจนระบม

“เธอเลือกที่จะเดินไปกับเพื่อนของเธอสินะ” เขาพูดออกมาในที่สุด “เส้นทางที่เธอเดินนั้นมันไม่มีวันจะบรรจบกับเส้นทางของฉันอย่างแน่นอน เกรนเจอร์”

“ฉันยินดีที่ได้เลือกเส้นทางสายนั้นมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ตอบด้วยน้ำเสียงที่ชาเย็นจนอีกฝ่ายสะท้าน

“ลาก่อน ตลอดกาล จากนี้ต่อไปเราสองคนคือศัตรูที่ไม่มีวันแม้แต่จะมองหน้ากันได้อีกต่อไป เดรโก”

เฮอร์ไมโอนี่หมุนกายหันไปทางประตูผ้าม่านที่ปิดสนิท เธอหยิบไม้กายสิทธืของเธอและชี้ไปที่บานประตูพร้อมกับพูดเบาๆสองสามคำ ประตูค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆพร้อมๆกัยเวียงของมัลฟอยที่ดังขึ้นแผ่วๆจากทางด้านหลัง

“ลาก่อน ตลอดกาล เฮอร์ไมโอนี่ แสงสว่างเพียงแสงเดียวในชีวิตฉัน”

น้ำตาของหญิงสาวไหลพรากลงอาบแก้ม เธอเชิดหน้าขึ้นและก้าวออกไปจากห้องอย่างมั่นคงท่ามกลางเสียงร้องเรียกด้วยความเป็นห่วงของแฮร์รี่และรอน บานประตูกระแทกปิดลงเสียงดังสนั่นพร้อมๆกับกระแสลมกรรโชกที่พัดวูบสวนเข้ามาในห้อง เทียนที่ส่องแสงริบหรี่เต้นไหวระริกก่อนจะดับวูบลงพร้อมๆกัน มัลฟอยทรุดกายลงอย่างอ่อนแรงท่ามกลางความมืดมิด มือข้างหนึ่งค่อยๆหยิบเศษเสี้ยวสีเขียวเหลือบเงิน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเครื่องประดับผม ของขวัญชิ้นแรกและชิ้นเดียวที่เขาเคยมอบให้กับเฮอร์ไมโอนี่ด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรัก มือข้างที่ถือเศษเครื่องประดับนั้นสั่นระริกและกำแน่นเมื่อภาพในอดีตของเขาและเธอค่อยๆย้อนเข้ามาในความทรงจำ เลือดสีแดงเข้มไหลผ่านซอกนิ้วที่ซีดเซียว ราวกับจะทดแทนน้ำตาที่แห้งเหือด เสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นจากทางด้านหลัง มัลฟอยค่อยๆคลายสิ่งที่กำแน่นไว้ในมือออก

“เดรโก มาทำอะไรตรงนี้” แพนซี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยเธอมองไปรอบๆตัวอย่างหวาดๆเมือ่เห็นร่องรอยที่พังยับเยินของกำแพงปราสาท

“เกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมที่นี่มันมืดแบบนี้ล่ะ”

“ฉันทำเทียนที่มีอยู่ในมือเพียงเล่มเดียวดับ” มัลฟอยตอบเบาๆหลางก้มหน้าลงมองดูเศษเครื่องประดับผมในมือของเขา แพนซี่ส่ายหน้าไปมาน้อยๆก่อนจะพูด

“ไร้สาระน่าเดรโก เธอเป็นพ่อมดนะ เธอไม่ต้องใช้เทียนอะไรนั่นสำหรับส่องทางหรอก” แพนซี่ยกไม้กายสิทธืในมือของเธอขึ้นพร้อมกับพูดเบาๆ

“ลูมอส”

แสงสว่างเรืองรองสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้นบนปลายไม้กายสิทธิ์ของเธอ มัลฟอยมองดูแพนซี่นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มในความมืด

“ถูกของเธอ แพนซี่ ฉันเป็นพ่อมด ฉันเป็นหนึ่งในสลิธีริน” มัลฟอยมองดูเศษเสี้ยวเครื่องประดับในมือของเขาก่อนจะปล่อยมันให้ตกลงสู่พื้นและเชิดหน้าขึ้น

“และฉันไม่ต้องการแสงเทียนอะไรนั่น” ปลายไม้กายสิทธิ์ของเขาสว่างวาบขึ้นเมื่อมัลฟอยพูดคาถาเบาๆ รอยยิ้มที่ดูเยือกเย็นและxxx;มเกรียมปรากฏบนใบหน้าที่ขาวซีด แววตาที่เย็นชาของเขากลับคืนมาอีกครั้ง

“ต่อจากนี้ไปฉันจะทำทุกๆอย่างเพื่อความรุ่งโรจน์ของตัวฉัน ตระกูลของฉัน และเลือดพ่อมดที่บริสุทธิ์ของฉัน แม้ว่าสิ่งที่ฉันทำลงไปนั้นจะต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อ หรือชีวิตของใครก็ตาม”

มัลฟอยเหลือบสายตามองกลับไปยังเศษระยิบระยับของเครื่องประดับซึ่งเคยติดอยู่เป็นประจำบนเรือนผมอันฟูฟ่องของเฮอร์ไมโอนี่ที่แตกกระจายอยู่บนพื้นก่อนจะเมินหน้าหนีอย่างไม่ไยดี เขาก้าวยาวๆเดินนำหน้าแพนซี่ที่กำลังมองดูเขาอย่างไม่เข้าใจตรงกลับเข้าไปในปราสาท พร้อมกับความหยิ่งทรนง และเจ็บแค้นที่สุมอยู่เต็มหัวใจ

"นับแต่นี้ต่อไป ฉันและเธอจะไม่มีวันมองหน้ากันอย่างคนที่เคยมีหัวใจให้กันได้อีกตลอดกาล เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ไม่ว่าเธอและเพื่อนของเธอจะทำอะไร ฉันขอสาบานกับตัวเองว่าจะตามจองล้างจองผลาญและทำลายทุกๆคนที่เธอรัก ทุกๆอย่างที่เธอและเพื่อนชั้นต่ำของเธอทุกๆคนทำให้พินาศย่อยยับ แหลกละเอียดไปในพริบตา”






END

Next: Draco Wedding (END)





No comments:

Post a Comment