Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Wednesday, September 10, 2014

13 The decision 16 (END)



แสงสว่างจากพระจันทร์ดวงกลมที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าส่องผ่านหน้าต่างห้องพยาบาลตรงมายังเตียงนอนผ้าลินินสี
ขาวตัวสุดท้ายที่ตั้งอยู่ภายในห้อง เด็กชายผิวซีดเซียวที่มีผมสีบลอนด์ สวมชุดนอนของห้องพยาบาลนอนอยู่
บนนั้นโดยที่ข้างกายมีเด็กหญิงผมสีน้ำตาลพองฟูจับมือเขาไว้แน่น

เป็นภาพที่ไม่มีทางที่ใครจะได้เห็น และ ยิ่งถ้าใครได้รู้ว่าเด็กชายคนนั้นคือ “เดรโก มัลฟอย” ส่วนเด็กหญิงก็คือ
 “เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์”....เลือดสีโคลน ที่เขารังเกียจนักหนา....นี่ย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!

“ฉันฝันร้าย” มัลฟอยพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ เธอเลิกคิ้ว

“ฝันว่าเธอถูกลูกบลัดเจอร์ชน” เด็กชายยกมือขึ้นลูบผมอีกฝ่ายราวกับต้องการจะดูบาดแผล

“คนที่ถูกชนคือเธอต่างหาก” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มก่อนจะเช็ดน้ำตา มีแววร่าเริงอยู่ในน้ำเสียงบ้างแล้ว 

“ฮื่อ คงงั้น....เจ็บแทบตาย” มัลฟอยจับแผลแล้วหยัดตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง  เฮอร์ไมโอนี่เดินไปดึงเก้าอี้ที่
อยู่ใกล้มือมานั่งข้างเตียงเขา

เสียงกระพือปีกของนกฮูกตัวหนึ่งที่บินมาทางหน้าต่างดังขึ้น ทั้งสองหันไปมองก็เห็นว่ามันคือนก
ฮูกเหยี่ยวของมัลฟอยที่มาพร้อมจดหมายฉบับหนึ่งนั่นเอง มันชะงักกลางอากาศก่อนจะเกาะอยู่
ตรงขอบหน้าต่าง ตาจ้องเขม็งมาที่ทั้งสอง - - มัลฟอยหัวเราะหึ ๆ 

“เห็นผู้หญิงอยู่กับฉัน คงอยากฟ้องพ่อใจจะขาด” เขาผิวปากเรียก มันจึงบินมาหาแล้วทิ้งจดหมายลงบนมือ
เขาพอดี ก่อนจะไปเกาะอยู่ที่หัวเตียงข้าง ๆ แต่ตายังคงจ้องมาที่เฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยแกะจดหมายฉบับนั้น
ออกอ่านแล้วถอนใจพรืด...จดหมายจากพ่ออย่างที่เขาเดาไว้จริง ๆ

“โกรธตามเคย - - หาว่าฉันทำแผนพัง”

“แผน” เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างสงสัย มัลฟอยส่ายศีรษะปฏิเสธที่จะตอบก่อนจะโยนจดหมายฉบับนั้น
ไปบนโต๊ะว่างเปล่าข้าเตียงอย่างไม่สนใจ

“ช่างเถอะ....เรื่องควิดดิชว่าไงล่ะ ฉันคงแพ้อีกแล้วสิเนี่ย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งจัด

“ฉันก็มีส่วนผิดนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงอ่อย

“ฉันจะชนะได้อีก ปีนี้ไม่ได้ก็ปีหน้านั่นแหละ - - แต่ขอรางวัลให้ฉันที่ ควรจะ ชนะหน่อยสิ” 

มัลฟอยไม่พูดเปล่า เขาดึงเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมา เฮอร์ไมโอนี่อุทานด้วยความตกใจเมื่อรู้
สึกว่าตัวลอยจากเก้าอี้มาอยู่ในวงแขนของเขาที่นั่งอยู่บนเตียงสูง 

“เธอเจ็บแขนอยู่ไม่ใช่เหรอ!” เด็กหญิงร้อง

มัลฟอยมองแขนขวาของเขาที่ยังมีผ้าพันแผลพันอยู่แล้วยักไหล่

“รู้นี่....งั้นก็ให้ความร่วมมือหน่อยสิ” เขาก้มหน้าลงมาหา

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีจัดเมื่อได้ยินคำต่อรองที่ดูจริงจังเกินเหตุ เธอคล้องแขนไว้รอบคอของเขาแล้ว
หลับตาลงก่อนจะรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่น ๆ ที่ค่อยแนบลงมากับริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล - -
 และในครั้งนี้ดูเหมือนมัลฟอยต้องการจะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่ผ่านมาของเขาให้เธอได้รับรู้
 ทั้งความรู้สึกผิดและความรู้สึกคิดถึงเธอตลอดเวลาที่ผ่านมา เฮอร์ไมโอนี่โอบแขนไว้รอบคอเขาอย่างสุขใจ

“ฉันขอโทษนะ” มัลฟอยพูดเมื่อผละออกจากเธอแล้ว เด็กหญิงมองหน้าเขาแล้วเลิกคิ้ว

“พ่อฉันไม่เกี่ยวกับเรื่องของเราสักหน่อย ฉันมันงี่เง่าไปเอง”

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแล้วก้มศีรษะลงมาพิงอกของอีกฝ่าย

“เธอไม่ได้งี่เง่าหรอก แล้วฉันก็ไม่ได้โกรธด้วย”

มัลฟอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“นึกว่าจะบอกว่า - - ฉันเกลียดนาย นายมันแย่ที่สุด  ซะอีก”

“ก็ตอนนั้น...” เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาแล้วเม้มปาก เลือดเริ่มฉีดขึ้นมาที่แก้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา

“ต่อละกัน” มัลฟอยเอนตัวอีกฝ่ายลงบนที่นอน

“เดี๋ยว!” เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นออกจากวงแขนเขา

“ไม่ต้องใช้แขนฉันก็ทำได้น่า เชื่อมือเถอะ” มัลฟอยพูดเหมือนรู้ดีแล้วดึงปมเนคไทตรงคอของอีกฝ่าย

“ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น - - นี่! ถ้านายไม่ปล่อยได้หักอีกข้างแน่!” เด็กหญิงขัดขวางมือที่พยายามจะเอา
เปรียบอยู่เต็มที่ แต่มัลฟอยไม่ได้สนใจคำขู่นั่นเลย

“ไม่เอาน่า....ถ้าตอนนั้นฉันไม่ได้มัวแต่ตาค้างอยู่ คราวนี้เธอก็ไม่มีอะไรจะอ้างแล้วนะ”

เมื่อแค่พูดไม่ได้ผล....เฮอร์ไมโอนี่จึงกัดกร้วมที่มือเขา มัลฟอยร้องโอ๊ยเสียงดังแล้วปล่อยเธอทันที 
รอยฟันครบทุกซี่ของเด็กหญิงปรากฏขึ้นที่หลังมือเขา

“เจ็บนะ!” มัลฟอยต่อว่า แล้วกดตัวอีกฝ่ายให้นอนลงได้สำเร็จ

“นายจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ!” เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นขลุกขลักอยู่บนที่นอน
 เมื่อไหร่จะไว้ใจเขาได้ตลอดแม้จะไม่ได้ถือไม้กายสิทธิ์เสียที

“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ”

เสียงมาดามพอมฟรีย์ดังขึ้น - - มัลฟอยกับเฮอร์ไมโอนี่ชะงักกึก เมื่อหันไปก็เห็นมาดามพอมฟรีย์ยืน
อยู่ไม่ไกลจากเตียงจริง ๆ เสียด้วย ไม่ใช่เพียงแค่เสียงของเธอที่สะท้อนขึ้นมาจากห้องโถงกลาง
 เธอกำลังยืนจ้องตาค้างมองทั้งสอง เนื่องจากมัวแต่ทะเลาะกันจึงไม่มีใครได้ยินฝีเท้าของเธอที่เดินเข้ามาในห้อง

เฮอร์ไมโอนี่ขยับหลุดจากวงแขนของมัลฟอยทันทีแล้วลุกขึ้นนั่งลูบผมที่เริ่มยุ่งของตัวเอง 
ถึงจะดีใจที่มาดามพอมฟรีย์มาช่วยไว้ทัน - - แต่พอมาคิดว่าถูกเธอเห็นในสภาพนี้ความดีใจก็หายไปหมด

เด็กหญิงพยายามนึกคำพูดแก้ตัวที่ดีที่สุด

“ขะ...เขา หายดีแล้วค่ะ” 

มาดามพอมฟรีย์กระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพยักหน้านิด ๆ

“จ้ะ ฉันก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน”



**~~:**~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**~~**:~~**:

เช้าวันรุ่งขึ้นบรรยากาศเคร่งเครียดภายในโรงเรียนฮอกวอตส์ดูเหมือนจะคลายลงไปหมดเมื่อทุกคนทราบว่าเดรโก
 มัลฟอยหายดีจากอาการบาดเจ็บแล้วแต่ต้องพักฟื้นที่ห้องพยาบาลอีกสองสามวัน
 แครบกับกอยล์จึงได้โอกาสไปเยี่ยมเขาสักทีหลังจากได้แต่มองม่านกั้นมานาน
 นอกจากนี้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็เริ่มลดจำนวนของโทรล์ที่คอยเฝ้ายามอยู่รอบโรงเรียนเพราะ
พวกมันไม่เคยพบสิ่งผิดปกติใด ๆ และเริ่มหันไปให้ความสนใจกับเด็กนักเรียนที่เดินผ่านไปมาแทน 

แฮกริดเริ่มงานที่จะทำหลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันควิดดิชหรือก็คือเมื่อเข้าเดือนธันวาคมด้วยการเข้า
ไปในป่าต้องห้ามเพื่อเลือกต้นสนขนาดมหึมาที่สมบูรณ์แบบมาตั้งแต่เช้า โดยมียาช่าคอยช่วยงานเช่นคอย
ไล่สัตว์ที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ กับต้นสนที่ถูกเลือกเพื่อไม่ให้โดนต้นไม้ล้มทับเวลาถูกโค่นลง 
เด็กชายตั้งใจจะกลับไปฉลองคริสต์มาสที่บ้านเพราะโรงเรียนของเขาได้เวลาเปิดเทอมหลังจากที่หน่วย
กู้ภัยกำจัดหิมะออกไปได้จนหมดแล้ว

กำหนดการไปฮอกส์มี้ดมาถึงเพื่อให้เด็กนักเรียนที่ไม่กลับบ้านได้ไปซื้อของขวัญวันคริสต์มาส 
หลายคนไม่กลับบ้านเพราะต้องการอยู่ฉลองที่โรงเรียนรวมกับเพื่อน แฮร์รี่นั้นเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่จะ
อยู่ที่นี่ตลอด ส่วนรอนและเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็อาสาจะอยู่เป็นเพื่อน ทั้งสามคนเดินออกจากหอนอนมาพร้อม
กับเด็กกริฟฟินดอร์คนอื่น ๆ ที่จะไปฮอกส์มี้ดกันในวันนี้ทางเดินจึงมีเสียงคุยจ้อกแจ้กอย่างมีความสุข 

“หิมะตกแน่ะ” รอนชี้ไปนอกหน้าต่าง หิมะสีขาวสะอาดกำลังโปรยปรายลงมาขณะ
ที่พวกเขาลงมาถึงห้องโถงกลางซึ่งในเวลานี้กำลังวุ่นวายกับการจัดแต่งพอสมควร 
แต่ที่เด่นสะดุดตาที่สุดก็คงจะเป็นต้นคริสต์มาสสีเขียวเข้มที่ยังไม่มีการตกแต่งใด ๆ
 ตั้งอยู่กลางห้องร่วมกับต้นเล็ก ๆ ต้นอื่นที่จะนำไปวางที่ห้องนั่งเล่นรวมในบ้านต่าง ๆ 

ปาราวตี พาติลกับน้องสาวรวมทั้งลาเวนเดอร์ บราวน์กำลังชวนยาช่าที่ช่วยแฮกริดลากต้นสนเข้ามาตั้ง
ที่ห้องโถงกลางคุย (ใกล้ ๆ กันนั้นฟิลช์กำลังไล่จับมิสซิสนอร์ริสที่วิ่งหนีไปทันทีเมื่อเห็นเด็กชาย) 
แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่เดินไปทักแฮกริด เจ้าตัวดูเหมือนกำลังจะมีความสุขล้นเหลือ

“กรอว์ปชอบวันคริสต์มาส” แฮกริดพูดถึงน้องชายที่หมู่นี้เขาไปเยี่ยมบ่อยขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

“ฉันว่าจะให้ของขวัญเขาด้วย เป็นกระบองไม้เอาไว้ป้องกันตัว - - ฉันกลัวจริง ๆ ว่าจะมีใครรังแกเขา”

แฮร์รี่กับรอนมองหน้ากัน พวกเขารู้ดีว่ากรอว์ปคงแยกไม่ออกระหว่างวันธรรมดากับวันคริสต์มาสแน่ ๆ
 แล้วก็คงไม่มีทางแยกระหว่างคำว่าอาละวาดกับป้องกันตัวได้ แฮร์รี่นึกในใจว่าคงต้องวางแผน
โน้มน้าวให้แฮกริดซื้อพัดขนนกให้แทนที่จะเป็นกระบองอย่างที่ตั้งใจ 

เฮอร์ไมโอนี่หลบมาคุยกับยาช่าที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง

“ผมได้ยินว่าเขาหายแล้ว” เด็กชายหมาป่าเช็ดเหงื่อแล้วยิ้มให้ เด็กหญิงยิ้มกว้างแทนคำตอบแล้วเอ่ยปากชวนเขา

“เธอจะไปซื้อของขวัญคริสต์มาสกับเราไหมล่ะ”

“กาเบรียลกำลังจะมาฮะ” ยาช่าลูบผมตัวเองแก้เก้อเมื่อบอกออกไป

“จริงเหรอ ฉันอยากชวนเขาไปเที่ยวฮอกส์มี๊ดจัง”

“นั่นผมสัญญาเขาไว้แล้วฮะ ว่าจะพาไป” เด็กชายหมาป่ายิ้มกว้าง

เย็นวันนั้น งานฉลองวันคริสต์มาสถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างดีที่สุด จุดเด่นที่สุดของงานนี้คงไม่พ้นต้นสนสูง
ใหญ่กลางห้องโถงกลางที่ถูกประดับประดาด้วยลูกแก้วสีต่าง ๆ ดูแพรวพราว ผ้าม่านสีแดงสลับเขียวถูก
แขวนตรงหน้าต่างบานเก่าแทนผ้าสีเข้ม แสงนวลจากเตาผิงขนาดใหญ่ที่ถูกเนรมิตขึ้นทำให้ทั้งห้องสว่าง
ไสวดูอบอุ่น เหนือขึ้นไปคือเพดานที่สามารถมองทะลุเห็นท้องฟ้าสีหม่นที่กำลังมีหิมะตกลงมา 
นอกจากนี้ยังมีการจัดตกแต่งโต๊ะรับประทานอาหารของบ้านต่าง ๆ ด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดและแจ
กันดอกไม้สีสดใส

กระทั่งระฆังตีบอกเวลารับประทานอาหารเย็นดังขึ้น นักเรียนต่างทยอยเข้าสู้ห้องโถงกลางพร้อมกับ
คุยกันเสียงดังจ้อกแจ้ก และมีบ้างที่ฮัมเพลงเมอร์รี่คริสต์มาสอย่างมีความสุข บางคนสวมเสื้อคลุมที่ดู
อ้วนกว่าปกติเพราะซ่อนกล่องของขวัญที่จะมอบให้กันไว้หลังจากไปเลือกซื้อจากฮอกส์มี๊ดมา
 และคืนนี้พวกเขาอาจจะต้องใช้บริการของเอลฟ์ถ้าต้องการจะมอบให้กับเด็กบ้านอื่น 

ที่ห้องพยาบาล มาดามพอมฟรีย์แกะผ้าพันรอบศีรษะของมัลฟอยออกช้า ๆ
 ก่อนจะตรวจอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ โชคดีที่แผลนั้นหายสนิทจะเหลือก็แต่เพียงรอยแดงเท่านั้น

“ฉันคิดว่าเธอคงอยากไปงานฉลองเย็นนี้” เธอพูดพลางยิ้มแล้วหันกลับไปวางผ้าพันแผลไว้บนรถเข็น

“ผมขอยืมปากกากับกระดาษหน่อยได้ไหม” มัลฟอยลุกจากที่นอนแล้วหยิบเสื้อคลุมที่พาดอยู่ขึ้นมาสวม

“อยู่บนโต๊ะจ้ะ ตามสบายเลย ฉันต้องรีบหน่อยแล้ว” มาดามพอมฟรีย์ผละไปหยิบของที่เตรียมไว้แล้ว
 ก่อนจะเดินออกจากห้องพยาบาลเพื่อไปงานเลี้ยงที่ห้องโถงกลางทันที

มัลฟอยเดินไปยังโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย เขาเดินพลางผิวปากเรียกนกฮูกของตัวเองที่เกาะอยู่ที่โต๊ะ
ให้บินตามมาแล้วหยิบปากกาขนนกขึ้นมาเขียนโน้ตสั้น ๆ ลงไปบนกระดาษ

“เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์…อย่าให้ใครจับได้” มัลฟอยบอกชื่อผู้รับและกำชับมันขณะผูกจด
หมายเข้าที่ขาของนกฮูก มันกระพือปีกเล็กน้อยเหมือนรับคำก่อนจะบินออกไป มัลฟอยมองกระทั่ง
เห็นนกของตัวเองบินจากหน้าต่างห้องพยาบาล ผ่านยอดของปราสาทไป - - เด็กชายผมบลอนด์ยิ้ม
มุมปากแล้วเดินออกจากห้องพยาบาลไป

ที่ห้องโถงกลางกำลังอยู่ในระหว่างมื้ออาหารของงานเลี้ยงจึงไม่มีใครสังเกตเห็นนกฮูกเหยี่ยว
ของมัลฟอยบินมาเกาะตรงหน้าต่างสูง ๆ ที่อยู่เกือบจดเพดาน คำพูดของเจ้านายที่บอกมานั้นทำ
ให้มันต้องรอเวลาที่ใครต่อใครหันไปสนใจกับอาหารจนหมด และต้องกะระยะให้ตรงกับเก้าอี้ของเฮอร์ไมโอนี่
ที่นั่งอยู่โดยที่ตัวมันไม่ต้องร่อนลงไปถึงโต๊ะ

เมื่อสบโอกาสมันก็รีบบินโฉบไปเหนือโต๊ะบ้านกริฟฟินดอร์ กัดสายผูกจดหมายให้ร่วงลงไปตรง
หน้าเฮอร์ไมโอนี่ได้อย่างพอดีก่อนที่มันจะรีบบินหนีไปโดยที่ไม่ทันให้ใครสังเกตเห็น
 แฮร์รี่และรอนที่กำลังกินไก่งวงกับมันฝรั่งตกใจเล็กน้อย พวกเขาเงยหน้าขึ้นทันทีแต่ที่เห็นก็เป็นเพียงเงาแวบ ๆ 
ของนกฮูกเท่านั้น เฮอร์ไมโอนี่หยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาแกะอ่าน

“เกรนเจอร์
มาหาฉันที่หน้าหอสลิธีริน รูปอัศวินเกราะสีดำตอนนี้เลยนะ
มัลฟอย”

โน๊ตที่ได้รับมีใจความเพียงเท่านั้น แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เฮอร์ไมโอนี่วางช้อนส้อมแล้วลุกจากเก้าอี้
 รอนร้องถาม

“จะไปไหนล่ะ”

“กลับหอแป๊บเดียว” เด็กหญิงบอกแล้วเดินออกไป - - ในใจนึกตำหนิตัวเองที่รู้สึกว่าจะโกหกได้เก่งขึ้นแน่ ๆ
 เพราะรอนพยักหน้าเชื่อตามที่พูดก่อนจะรับประทานอาหารต่อ

เฮอร์ไมโอนี่เดินไปตามระเบียงโล่ง ๆ โดยที่สายตาก็มองหารูปอัศวินเกราะสีดำที่มัลฟอยพูดถึง
 โชคดีที่ได้ความช่วยเหลือจากภาพอื่น ๆ ที่ช่วยบอกทางให้ ในที่สุดเด็กหญิงก็มาหยุดที่รูปอัศวินเกราะสีดำ
 เธอหันซ้ายขวาหาคนที่นัด ไม่ทันไรภาพอัศวินก็เลื่อนออกดังครืด คนที่อยู่ด้านหลังรูปภาพยืนรอเธออยู่

“มัล...” เฮอร์ไมโอนี่พูดยังไม่ทันจบ มัลฟอยก็ดึงตัวเธอลอยผ่านรูปอัศวินเกราะสีดำเข้ามาในห้อง 
พริบตาเดียวรูปภาพก็ปิดทางเข้าออกดังฉับ

“ฉันเข้ามาในนี้ไม่ได้นะ!” เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นออกจากวงแขนอีกฝ่ายแล้วมองไปรอบ ๆ
 เธออยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านสลิธีรินที่มีเพียงแสงนวลตาจากเทียนหลายสิบเล่มที่ตั้งไว้ตามจุดต่าง ๆ 
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลยเพราะทุกคนกำลังรับประทานอาหารเย็นที่ห้องโถงกลาง ต้นคริสต์มาสขนาดเล็กที่ถูก
ตกแต่งด้วยเครื่องประดับและลูกแก้วสีต่าง ๆ ตั้งอยู่ด้านหน้าเตาผิงล้อมรอบด้วยโซฟาสีเขียวขนาดใหญ่
กำลังสะท้อนแสงจากเตาผิงที่ลุกโชนด้านหลังดูระยิบระยับสวยงาม

“แล้วกะใจเธอจะฉลองคริสต์มาสคราวนี้โดยที่ไม่มีฉันรึไง” มัลฟอยพูดเสียงขุ่นก่อนจะเอียงศีรษะไปทางด้านหลัง 

“มีคนอยากเจอ”

เอลฟ์ตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งเดินออกมาจากเงาของเขาอย่างประหม่า เฮอร์ไมโอนี่ร้องด้วยความดีใจ

 “ทูดา!” เธอตรงไปจับมือกับมันทันที

“เป็นนายน้อยเรียกทูดามา ทูดาอยากให้ของขวัญคุณ” มันพูดเสียงสั่นด้วยความดีใจเช่นกันก่อนจะ
หยิบกล่องของขวัญที่เตรียมไว้ออกมายื่นให้เฮอร์ไมโอนี่ ข้างในเป็นคุกกี้ชอกโกแลตรูปกลม

“ขอบใจมาก” เด็กหญิงยิ้มกว้าง

“เป็นคุณคืนดีกับนายน้อยแล้วเหรอคะ” เอลฟ์ตัวจ้อยถามอย่างร่าเริง

มัลฟอยกับเฮอร์ไมโอนี่มองหน้ากัน เป็นเขาที่พูดขึ้นก่อน

“ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ”

“เป็นทูดาดีใจที่สุด!” มันกระโดดโลดเต้นไปรอบห้อง มัลฟอยหยิบกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษสีเขียวเข้ม
เป็นมัน ผูกด้วยริบบิ้นเส้นเล็ก ๆ สีเงินในเสื้อออกมา เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เปิดกล่องออกเธอก็ต้องอุทาน
ออกมาด้วยความดีใจ ภายในเป็นสิ่งที่เธอเกือบจะลืมไปแล้ว - - ขวดน้ำหอมสีทองที่เธอเคยอยากได้นักหนา 

“ฉันหาแทบตาย แต่ตอนซื้อน่ะลำบากที่สุด เจ้าของร้านมองหน้าแล้วมองหน้าอีกเลยนะคงกลัว
ว่าฉันจะเอาไปใช้เอง”

“ใช่น้ำหอมแน่นะ” เฮอร์ไมโอนี่แกล้งถามยิ้ม ๆ - - เขายังคงจำได้...เธอเองก็ยังจำได้เช่นกันว่ามัลฟอยเคยมี 
“ยา” ชนิดหนึ่งที่หน้าตาเหมือนขวดน้ำหอมขวดนี้เปี๊ยบ และสรรพคุณของมันคือทำให้คนที่ได้กลิ่น
มึนงงและยอมทุกอย่างถ้าอีกฝ่ายเอ่ยชื่อและพูดว่า “รัก” แม้จะเป็นคำหลอกลวงก็ตาม

“อย่างฉันไม่ต้องใช้ของพวกนั้นหรอก” มัลฟอยตอบหยิ่ง ๆ ตามนิสัยเพราะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

“ฮื่อ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มด้วยใบหน้าสีชมพูก่อนจะยกขวดน้ำหอมนั่นขึ้นมาชิดจมูก...กลิ่นที่ยัง
คงติดในความทรงจำเหมือนจะย้อนกลับมาอีกครั้ง 

มัลฟอยยิ้มเมื่อได้ยินคำนั้น เขาดึงเฮอร์ไมโอนี่มากอดไว้แนบอกก่อนจะก้มหน้าลงมาจุมพิตที่ริมฝีปาก
ของอีกฝ่ายโดยที่ตัวเธอเขย่งปลายเท้าขึ้นเอาแขนโอบรอบคอเขาเช่นกัน

ภายนอกหน้าต่าง...หิมะในวันคริสต์มาสกำลังตกลงมากลบทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นโลกให้เป็นสีขาวสะอาด
 ยอดหลังคาทุกยอดของปราสาทโรงเรียนสอนเวทมนตร์ฮอกวอตส์เต็มไปด้วยหิมะ
 ดูสวยงามนุ่มนวลเหมือนภาพฝัน - - และก็คงเป็นภาพเพียงภาพฝันของใครต่อหลายคนที่คิดว่าเด็ก
ชายพ่อมดเลือดบริสุทธิ์แสนเย่อหยิ่งผู้มีผมสีบลอนด์กับเด็กหญิงแม่มดผมสีน้ำตาลจะหันกลับมาเป็นมิตรต่อกัน

แต่ ณ ที่แห่งนี้มันได้เกิดขึ้นแล้ว...และเมื่อมันเกิดขึ้น พวกเขาสองคนก็ยินดีที่จะต่อสู้เพื่อความ
รักของพวกเขาจนนาทีสุดท้ายของชีวิต...


The End


No comments:

Post a Comment