Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Wednesday, September 10, 2014

Chapter 8: ฉันและเธอ (At the beginning)



บทที่ 1

“เราโดนแย่งสนามซ้อมอีกแล้ว!!” 

โอลิเวอร์ วู้ด ระเบิดอารมณ์บอกลูกทีม ก่อนจะส่งสายตาขุ่นเขียวไปให้เฟร็ดกับจอร์จที่ทำท่าโล่งอก 

นักกีฬาควิดดิชของบ้านกริฟฟินดอร์มีนัดซ้อมกันตอนบ่ายนี้ เพราะวู้ด(ดูเหมือนจะเป็นเพียงคนดียว)คิดว่าพวกเขาซ้อมกันน้อยเกินไป แต่เมื่อวู้ดเดินลงมาที่สนามเป็นคนแรก มาร์คัส ฟลินต์ที่เป็นกับตันทีมควิดดิชของสลิธีรินก็ยืนรออยู่แล้ว เขายื่นแบบฟอร์มพร้อมลายเซ็นของศาสตราจารย์สเนปที่เขียนว่าอนุญาติให้ทีมสลิธีรินได้ใช้สนามแทนกริฟฟินดอร์ 

วู้ดโกรธจัดจนดูเหมือนตัวของเขาพองขึ้นกว่าเดิมเกือบเท่า เขาเดินกลับมาหาลูกทีมของตัวเองขณะที่บรรดาผู้เล่นของสลิธีรินพากันหัวเราะเยาะไล่หลังมา 

“พรุ่งนี้ค่อยซ้อมก็ได้นี่นา นายรู้ไหม หมู่นี้เราอยู่บนไม้กวาดนานกว่าอยู่บนพื้นแล้ว” เฟร็ดประชด คนอื่น ๆ พากันหัวเราะชอบใจ 

“นี่ไม่ตลกเลยนะ!” วู้ดบ่นเสียงดัง 

“ถ้าขืนบ้านสลิธีรินเอาไอ้แบบฟอร์มบ้า ๆ นั่นมาอ้างว่าสเนปขอสนามไว้ก่อนทุกครั้ง เราจะทำยังไง” 

แฮร์รี่มองวู้ดอย่างเห็นใจ -- -- เขาเป็นกับตันทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์ที่ออกจะทุ่มเทกับงานมากจนน่ากลัว 

“แต่เราก็มีมักกอนากัล…” จอร์จเสริม 

“อาจารย์ไม่มีทางยอมตลอดไปหรอก” 

นั่นจริงทีเดียว……วู้ดจึงสงบสติอารมณ์ลงได้บ้างแล้วบอกให้ลูกทีมทุกคนกลับไปพักได้ แฮร์รี่ที่สวมเครื่องแบบควิดดิชเต็มยศเดินมาหารอนและเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่ข้างสนาม 

“โดนแย่งสนามอีกแล้วเหรอ” รอนบ่น 

“ฮื่อ” แฮร์รี่ที่สวมเครื่องแบบควิดดิชเต็มยศตอบ แล้วหันไปมองผู้เล่นของทีมสลิธีรินที่สวมชุดสีเขียวและกำลังรวมตัวกันอยู่กลางสนาม 

“น่าโมโหจริง ๆ “ เฮอร์ไมโอนี่พลอยโกรธไปด้วย 

ผู้เล่นของทีมสลิธีรินยังไม่เริ่มซ้อม มัลฟอยเดินแยกตัวออกมาแล้วตรงมาหาเด็กทั้งสาม 

“ประทานโทษทีเถอะ คนไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด” เขาพูดแล้วยิ้มเหยียด 

“เราก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอก” รอนพูดห้วน ๆ 

มัลฟอยหรี่ตามองรอนราวกับว่าเขาเป็นตัวอะไรสักอย่างหนึ่ง 

“วิสลีย์ นายน่าจะอยากอยู่ต่อนะ ในเมื่อไม่ได้เป็นคนเล่น ก็รับจ้างเก็บกวาดสนามซักหน่อยเป็นไง” 

มีเสียงหัวเราะดังมาจากผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่เริ่มเงี่ยหูมาฟัง -- -- ใบหน้าของรอนเป็นสีแดงก่ำ เขากำไม้กายสิทธิ์ในมือแน่น แฮร์รี่จับมือข้างนั้นไว้เพื่อไม่ให้รอนทำร้ายมัลฟอย 

“ไปกันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่ดึงรอนกับแฮร์รี่ให้ออกจากสนามไปด้วยกันโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะเยาะของผู้เล่นสลิธีรินที่ดังตามหลังมาตลอดทาง 

“ฉันอยากจะฆ่ามันนัก!” รอนพูดลอดไรฟันออกมาขณะที่พวกเขาทั้งสามเดินไปที่ห้องนั่งเล่นรวมของบ้านตัวเอง 

“คงมีซักวันหรอก” แฮร์รี่พูดแล้วนั่งลง เขาชวนรอนให้เล่นหมากรุกพ่อมดด้วยกัน

“ฉันไม่คิดว่าพวกนั้นจะได้ซ้อมกันจริง ๆ หรอก” รอนยังไม่หยุดบ่น 

“คงเอาแต่เล่นสนุกกันมากกว่า” 

...+*+*+...

ความคิดของรอนผิดไปถนัด การฝึกซ้อมควิดดิชของบ้านสลิธีรินไม่ได้สบายอย่างที่คนอื่นคิด มาร์คัส ฟลินต์เข้มงวดกับลูกทีมเหมือนกับหัวหน้าทีมของบ้านอื่น ๆ จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินและท้องฟ้ามืดมิดจนแทบมองอะไรไม่เห็นแล้ว ฟลินต์ก็บอกให้มัลฟอยกลับไปได้เพียงคนเดียว 

แต่กว่าจะเป็นที่พอใจของฟลินต์ มัลฟอยก็ปวดเมื่อย เหงื่อท่วมตัว เสื้อผ้าและรองเท้าเต็มไปด้วยโคลน มัลฟอยเดินเข้าไปในห้องพักสำหรับผู้เข้าแข่งขัน แต่พอเขาเปิดก๊อกน้ำของอ่างล้างหน้ากลับไม่มีน้ำไหลออกมา เขาบิดก๊อกไปมาอย่างขุ่นใจ เมื่อเห็นว่าไม่เป็นผลเขาก็ถือไม้กวาดเดินกลับมาที่สนามอีก 

“น้ำไม่ไหล” เขาตะโกนบอกเพื่อนร่วมทีม 

“เออ จริงสิ เขาซ่อมท่อน้ำ” เซสเซอร์ของทีมตะโกนกลับมาแล้วเอาไม้ตีลูกบลัดเจอร์ที่พุ่งมาหาเขา 

“แล้วฉันจะอาบน้ำยังไงล่ะ” 

“ไปใช้ที่หอสิ… - - เฮ้ย! ระวังหน่อย!” เขาเอาไม้ฟาดลูกบลัดเจอร์ที่มาข้างหลังอีกลูก 

“เดินขึ้นไปทั้งอย่างนี้เนี่ยนะ - - ฟิลช์จะได้ฆ่าฉันน่ะสิ” มัลฟอยชี้ไปที่เท้าซี่งเต็มไปด้วยโคลน 

เซสเซอร์คนนั้นหันมาหาแล้วอ้าปากจะพูดต่อ แต่ลูกบลัดเจอร์ที่ย้อนกลับมาพุ่งกระแทกเข้ากับหน้าอย่างจังจนเขาร่วงลงมาพร้อมไม้กวาด ฟลินต์ตะโกนมาว่ามัลฟอยกำลังกวนสมาธิของคนอื่น 

“ไปใช้ก๊อกที่เรือนกระจกสิ” ฟลินต์บอกแล้วหมุนไม้กวาดกลับไป 

มัลฟอยเดินไปที่เรือนกระจกสำหรับปลูกต้นไม้ของวิชาสมุนไพรศาสตร์ อ่างสำหรับล้างมือตั้งเรียงอยู่ เขาวางไม้กวาดด้ามสำคัญไว้ข้างตัวแล้วลงมือล้างหน้าและล้างโคลนออกจากรองเท้า -- -- ทันใดนั้นเองก็มีเงาสีขาวปลิววูบมาทางด้านหลังของมัลฟอย 

“พิพส์!” เขาร้อง 

“ไอ้เด็กผมบลอนด์! ไอ้ซีดผีดิบ!” พิพส์แลบลิ้นปลิ้นตาหลอก มันฉวยไม้กวาดของมัลฟอยไปถือไว้ได้ 

“เอาคืนมานะ! พิพส์!” เด็กชายตะโกนก้อง 

“แน่จริงก็ตามมา - - ฮ่า! ฮ่า! ไอ้เด็กผีดิบ!” พิพส์พูดจบก็แลบลิ้นใส่จะบินหนีไปพร้อมไม้กวาด 

“แก…!” มัลฟอยโมโหจนคุมสติไม่อยู่ เขาวิ่งตามพิพส์ไปทันที 

ผีเกเรม้วนตัวหลบเข้าไปในเรือนกระจก เด็กชายกระโจนตามเข้าไป 

ไม้กวาดนิมบัสสองพันหนึ่งด้ามเป็นเงาวับตั้งอยู่กลางหมู่กระถางต้นไม้ มัลฟอยเอื้อมไปหยิบมาได้ แต่พอเขาจะเดินออก… 

“จ๊ะเอ๋!” พิพส์โผล่มาตรงประตู มันปิดประตูเรือนกระจกโครมแล้วลงกลอนข้างนอกปิดเสียงดังสนั่น 

“พิพส์! แก!” มัลฟอยกระแทกประตูให้เปิดออก 

“เปิด…ม่าย…ออก…! - - ฮ่า ฮ่า!” พิพส์หัวเราะแล้วบินหนีไปพร้อมกับร้องเพลงล้อเลียนอย่างมีความสุข 

มัลฟอยทุบประตูเรือนกระจกอย่างโกรธเกรี้ยว 

“โธ่เว้ย!” เขาหยุดทุบแล้วถอนใจเฮือกอย่างหมดหนทาง เหงื่อที่มีมากอยู่แล้วยิ่งไหลออกมาอีกจนชุ่มไปทั้งเสื้อ เด็กชายหันไปดูภายในพร้อมกับที่มีอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างในอยู่ก่อนแล้วเดินออกมา 

“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง 

“เกรนเจอร์” มัลฟอยตกใจเช่นกัน เขามองเด็กหญิงผมฟูที่ถือหนังสือเล่มใหญ่อยู่อย่างประหลาดใจ 

+-บทที่ 2-+

“มาทำอะไรในนี้ไม่ทราบ” มัลฟอยขมวดคิ้ว 

เฮอร์ไมโอนี่แบะปากแล้วซ่อนหนังสือที่ลืมไว้ข้างหลัง เธอยังโมโหที่มัลฟอยพูดจาดูถูกรอนจึงตั้งใจว่าจะไม่ตอบอะไรเขาทั้งนั้น 

“ไม่ตอบก็ตามใจ!” มัลฟอยตัดบทแล้วเดินไปคลำที่ประตูทางออก มันลงกลอนไว้แน่นทีเดียว 

“เอาไม้กายสิทธิ์มาซิ” เขาพูดเหมือนสั่งพร้อมกับแบมือมา 

“ทำไมฉันต้องให้!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง 

มัลฟอยหรี่ตาแล้วก้าวเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ช้า ๆ เด็กหญิงก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เมื่อเดินเข้ามาประชิดกัน เขาก็พูดเสียงเย้ยหยัน 

“หรืออยากอยู่ในนี้กับฉันทั้งคืน” 

เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปาก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู แล้วบอกเขา 

“ฉันไม่ได้เอาลงมา” 

“โกหก!” มัลฟอยตวาด 

“ทำไมฉันต้องโกหกด้วยล่ะ! ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่ในนี้นักหรอกนะ” เธอโต้ เสียงดังไม่แพ้กัน 

ทั้งสองคนเงียบเสียงลง เพราะเริ่มรู้สึกว่าป่วยการที่จะทะเลาะกันเอง มัลฟอยถอนใจเฮือกแล้วเดินไปพิงไม้กวาดต้นเหตุที่ทำให้เขามาติดอยู่ในนี้กับชั้นวางกระถาง 

“ช่างเถอะ ช่วยไม่ได้!” 

เฮอร์ไมโอนี่หันซ้ายหันขวาหาทางออก - - แฮร์รี่กับรอนจะรู้ไหมว่าเธออยู่ที่นี่ 

มัลฟอยเดินไปรอบ ๆ เรือนกระจก เขาขยับคอเสื้อที่ชุ่มเหงื่ออย่างรำคาญตัวแล้วถาม 

“ในนี้มีก๊อกน้ำไหม” 

“มีสิ” เธอชี้ไปที่ท้ายเรือนกระจก 

“ฉันเหนียวตัวจะตายอยู่แล้ว” เด็กชายเดินไปตามที่เธอบอก พอเขาจะบิดก๊อกน้ำก็หันมามองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังมองเขม็งมาอย่างระแวง 

“ช่วยหันไปทางอื่นก่อนได้ไหม - - ฉันไม่แก้หมดตัวก็จริง แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมายืนจ้องอยู่หรอกนะ” 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูอีกครั้ง เธอหันหลังให้มัลฟอยขณะที่ได้ยินเสียงน้ำและเสียงกุกกักเมื่อมัลฟอยถอดรองเท้าและถุงมือเปื้อนโคลนออก เสื้อคลุมสีเขียวของทีมสลิธีรินถูกพาดไว้บนชั้น ทันใดนั้น…. 

“เขาเป็นเพศผู้ใช่เปล่า แล้วคนนี้ก็เพศเมีย” 

“น่าสนใจดีฉันอยากรู้เรื่องพวกเขาบ้างจัง” 

“น่าจะลองถามดูได้นะ” 

เสียงซุบซิบเบา ๆ ลอยมาเข้าหูของเฮอร์ไมโอนี่ เด็กหญิงปากคอสั่นหันซ้ายหันขวาหาที่มาของเสียงเหล่านั้น แต่มัลฟอยที่ดูเหมือนเสียงน้ำจะกลบไปหมดจึงยังล้างเนื้อล้างตัวอยู่เหมือนเดิม เด็กหญิงพยายามคิดว่าเธอคงจะหูฝาดไป แต่….. 

“พวกเขาจะย้ายไปอยู่กระถางเดียวกันแบบเราหรือเปล่า” 

เฮอร์ไมโอนี่ร้องกรี๊ดลั่นแล้วกระโจนเข้าไปหามัลฟอย เขาแทบหงายหลัง 

“เป็นอะไรของเธอน่ะ!” เด็กชายไขก๊อกปิดอย่างร้อนรน แต่กว่าน้ำจะหยุดทั้งสองคนก็ตัวเปียกปอนไปตาม ๆ กัน 

“ฉันได้ยินเสียงอะไรก็ไม่รู้” เฮอร์ไมโอนี่บอกเสียงสั่น เธอเขย่าแขนมัลฟอยให้ฟังตาม 

“เสียง? มีคนมาตามเรารึไง” 

เขาเงี่ยหูฟังบ้าง แต่เหมือนจงใจแกล้ง ทุกอย่างรอบตัวเงียบสนิทเหมือนเดิม มัลฟอยขมวดคิ้วแล้วหันมามองเฮอร์ไมโอนี่ 

“ฉันพูดจริง ๆ นะ” เธอรีบยืนยัน 

“ฉันก็ยังไม่ได้บอกว่าเธอโกหกนี่” มัลฟอยมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง 

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่ายืนชิดเขาเกินไปแล้ว เธอปล่อยแขนมัลฟอยแล้วรีบถอยหลังออกห่าง เด็กหญิงสะดุ้งเฮือกเมื่อมัลฟอยยกแขนขึ้นโอบไว้รอบตัวเธอพร้อมกับรั้งให้เข้ามาใกล้ 

“นาย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง 

“เธอเริ่มก่อนนะ” มัลฟอยว่าแล้วก้มหน้าลงมาชิด 

+-บทที่ 3-+

เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นขลุกขลัก แต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยและดูเหมือนจะรัดแน่นขึ้นอีกด้วยซ้ำ 

"ดิ้นไปทำไมกัน!" เขาบ่นอย่างรำคาญ 

เฮอร์ไมโอนี่เบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากของเขาแล้วพูดเสียงดัง 

"เหม็นสาบที่สุด!!" เธอเบ้หน้าแล้วดันเขาให้ห่างอีก 

ใบหน้าของมัลฟอยเป็นสีชมพูจาง ๆ - - เหงื่อท่วมตัวขนาดนี้ก็ไม่แปลกหรอก 

"อย่าบ่นไปหน่อยเลยน่า" เขาโน้มหน้าลงมาอีก 

เฮอร์ไมโอนี่อยากจะแย้งว่าต่อให้เขาไม่เหม็นสาบเหมือนตอนนี้เธอก็ไม่มีทางยอมเขาหรอก แต่ทันใดนั้นก็เองก็มีแสงจากตะเกียงสาดมาเข้าตาของมัลฟอย เขาหันไปดูก็เห็นว่ามีคนกำลังเดินมาที่เรือนกระจกนี้…. เสียงแมวร้องดังมาพร้อมกัน 

“ฟิลช์!” มัลฟอยร้อง 

เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองทันที ตั้งท่าจะร้องเรียกภารโรงขี้หงุดหงิดคนนั้น 

“อย่าเรียกมัน!” มัลฟอยตะปบลงมาปิดปากเธอไว้แน่น แล้วลากให้ไปหลบอยู่ข้างชั้นวางกระถางสูง ๆ ในมุมมืดด้วยกัน 

เฮอร์ไมโอนี่ตาเบิกโพลงและพยายามดิ้น -- --ทำไม? หรือมัลฟอยไม่อยากให้ใครมาช่วย 

“อย่ากัดมือฉันนะเกรนเจอร์!” เขาพูดเสียงเฉียบขาดแววตาข่มขู่ เฮอร์ไมโอนี่แทบร้องไห้ 

คุณนายนอร์ริสเป็นแมวสีดำ ดูขี้โมโหพอ ๆ กับฟิลช์ที่เป็นเจ้าของ มันเดินดมตามพื้นเข้ามาใกล้เรือนกระจกทุกที ๆ 

“แม่หวานใจสุดที่รัก มีใครอยู่แถวนี้อีก” ฟิลช์พูดแล้วหันตะเกียงไปมา 

เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวจะออกไปหาฟิลช์ มัลฟอยเบียดตัวเข้าไปชิดเธออีก เฮอร์ไมโอนี่พยายามดันเขาออกแต่อีกฝ่ายไม่ขยับสักนิดและไม่ได้สนใจเธอเลย เด็กชายจ้องไปที่ฟิลช์ด้วยหัวใจเต้นระรัว 

แมวสีดำร้องเมี้ยวแล้วเดินมาทีเรือนกระจกช้า ๆ …. 

“มีไหม มีไหม” ฟิลช์ถามสัตว์เลี้ยงสุดที่รักของตัวเอง 

คุณนายนอร์ริสเดินผ่านเรือนกระจกไป ฟิลช์ทำท่าผิดหวังที่ไม่พบคนอยู่แถวนี้จึงเดินต่อไป เขาชอบที่จะลงโทษเด็กนักเรียนด้วยวิธีรุนแรงเสมอ 

พอเสียงฝีเท้าของฟิลช์เงียบไป เฮอร์ไมโอนี่ก็ผลักมัลฟอยออกให้ห่างจากตัวเต็มแรง 

“นายทำให้เราต้องติดอยู่ในนี้!” เธอพูดเหมือนตะโกน 

“แทนที่จะให้เขาช่วย!” เฮอร์ไมโอนี่กลั้นน้ำตา ความโมโหมีมากเกินกว่าจะร้องไห้ในตอนนี้ 

มัลฟอยดูโกรธจัด เขาพูดเสียงดัง 

“คิดว่าไอ้ซอมบี้เดินได้กับแมวโรคจิตนั่นจะปล่อยให้เรากลับไปนอนที่หอเฉย ๆ งั้นเหรอ!” 

เฮอร์ไมโอนี่เงียบไป - - ถ้าเป็นฟิลช์ ก็คงไม่ผิดอะไรกับที่มัลฟอยพูด ฟิลช์คงจะหาทางลงโทษพวกเขาแน่ และเรื่องที่เธอติดอยู่ในนี้กับมัลฟอยคงได้กระจายไปทั่ว (ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่) พร้อมกับคะแนนที่อาจจะต้องเสียไปคนละยี่สิบคะแนน เด็กชายเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่คงใช้ความคิดพอแล้ว เขาลุกขึ้นไปเดินรอบเรือนกระจก 

“มันก็ยังไม่คุ้มอยู่ดี!” เฮอร์ไมโอนี่ว่า ดินและทรายที่เธอนั่งทับอยู่สู้ที่นอนหนาบนหอไม่ได้เลยซักนิด 

“นั่นมันก็เรื่องของเธอ แต่ฉันไม่ยอมถูกจับไปกับเธอด้วยแน่” มัลฟอยพูด แต่ตายังคงมองไปรอบเรือนกระจก เฮอร์ไมโอนี่โกรธจัดกับคำตอบ 

“นายมันแย่มาก!” เธอโวยเสียงดังสนั่น 

มัลฟอยหันกลับมามองเด็กหญิง เขากัดฟันแน่นแล้วย่างสามขุมมาหาอีกฝ่ายที่ยังไม่ยอมลุกก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้า 

“อย่าพูดกับฉันอย่างนั้น - - อย่าลืมว่าเราอยู่กันสองคน” 

น้ำเสียงนั้นเหมือนเตือนและข่มขู่ เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลายแต่ก็ยังสู้สายตาเย็นเยียบของเขา 

“ฉันอยากรู้นักว่าถ้าเธอตะโกนให้ใครช่วย จะมีไอ้หน้าไหนโผล่มาบ้าง….” 

สีเลือดบนใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่หายไปสนิท มัลฟอยแค่นเสียงในลำคอแล้วกระชากแขนเฮอร์ไมโอนี่พร้อมกับบีบแน่น 

“ฉันเจ็บนะ!” เธอร้องแล้วพยายามแกะแขนมัลฟอยออก 

“อย่าเสียงดังไป…” มัลฟอยพูดเสียงเย้ยหยัน แล้วยกมือขึ้นปิดปากเฮอร์ไมโอนี่ช้า ๆ ราวกับจะท้าทาย 

“อยากให้คนอื่นรู้หรือไงว่าเธออยู่กับฉัน” 

เฮอร์ไมโอนี่ตาเบิกโพลง -- -- หรือว่าจะหมดหนทางหนีแล้ว ทันใดนั้นเอง... 

“อย่าบังสิ!” 

“ฉันอยากเห็นชัด ๆ นี่” 

“ให้ฉันดูบ้าง” 

ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลาย 

“ได้ยินไหม” มัลฟอยถามเสียงตื่น 

“ได้ยิน” 

เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยหันควับไปมองหมู่กระถางต้นเมนเดรกราวร้อยกระถางที่ตั้งเรียงอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่กลางเรือนกระจก ต้นในกระถางแถวที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุดสั่นยุกยิก มัลฟอยผละจากเฮอร์ไมโอนี่แล้วเดินเข้าไปเพ่งใกล้ ๆ 

“อะไรน่ะ…อ๊ะ!!” เด็กชายสะดุ้งจนตัวลอย 

ต้นเมนเดรกต้นหนึ่งโผล่หน้าออกมาจากกระถาง - - มันมีรูปร่างเปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นเด็กทารกเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่หน้าตาก็ยังคงน่าเกลียดเหมือนเดิม 

“หวัดดี” ต้นเมนเดรกต้นหนึ่งทัก แล้วต้นอื่น ๆ อีกราวสิบต้นก็โผล่หน้าออกมาบ้าง 

“ฉันไม่ยักรู้ว่าพวกนายพูดได้” มัลฟอยแปลกใจ 

“ต้องพูดได้สิ ในเมื่อตอนเป็นเด็กเราร้องได้ - - เสียงดังด้วย” อีกต้นบอกแล้วหัวเราะคิกคัก 

“ฉันไม่เคยคุยกับต้นเมนเดรกมาก่อนเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างทึ่ง ๆ แล้วเดินมาดูใกล้ขึ้นกว่าเดิม 

“เราไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูพวกเธอนะ” เมนเดรกต้นแรกแก้ตัว 

“แต่เรากำลังจะย้ายไปหากระถางอื่นเมื่อเราโตเต็มที่ ก็เลยอยากรู้ว่าเธอจะเหมือนพวกเราหรือเปล่า” 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูจัด เธอรีบพูด 

“ไม่เหมือนหรอก อีกอย่างถ้าเทียบกับพวกเธอแล้วฉันก็ยังเด็กเกินไป” 

“เหรอ แต่เราว่าเขาไม่ใช่นะ” เมนเดรกตอบซื่อ ๆ ชี้ไปที่มัลฟอย หน้าซีดเซียวของเขาเป็นสีชมพูจาง ๆ 

+-บทที่ 4-+

เฮอร์ไมโอนี่คุยกับต้นเมนเดรกอย่างอยากรู้อยากเห็น ข้อสงสัยที่มีมาก็ถูกขยายความให้ฟังจนหมด 

“นี่! เมื่อไหร่เธอจะมาช่วยกันหาทางออกไปจากที่นี่ซักที” มัลฟอยเริ่มหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเลิกเดือดเนื้อร้อนใจที่จะหาทางออก 

“เราจะออกไปยังไงล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่หันไปแย้ง 

“ทางออกหรือ” เมนเดรกต้นหนึ่งพูด 

“เราสองคนถูกขังอยู่ในนี้” เด็กหญิงพูดเสียงเศร้าแล้วเล่าสาเหตุที่ต้องมาติดอยู่ในนี้ให้พวกมันฟัง 

เมนเดรกทุกต้นมองหน้ากันด้วยความรู้สึกสงสารเฮอร์ไมโอนี่ 

“ไอ้ผีเกเรตัวนั้นน่ะเหรอ” เมนเดรกต้นหนึ่งพูดขึ้น เด็กหญิงพยักหน้า 

“ฉันเห็นมันเข้ามาในนี้ตอนเย็น ๆ แล้วปากระถางใส่กระจกตรงท้ายเรือนแตก” 

“บ้าเอ๊ย! มันเลยล่อฉันเข้ามาในนี้จะได้โทษว่าฉันทำล่ะสิ” มัลฟอยเข้าใจสาเหตุแล้วก็โมโห - - แต่ที่เฮอร์ไมโอนี่ต้องมาติดอยู่ในนี้ด้วยเป็นเพราะเธอโชคร้ายจริง ๆ 

“เราเองก็ไม่รู้ทางออกอื่นซะด้วยสิ” เมนเดรกพูด ทั้งสองคนถอนใจ…. 

เป๊าะ! 

“กรี๊ด!” 

“โอ๊ย! อะไร!” มัลฟอยร้อง 

เฮอร์ไมโอนี่หวีดร้องเมื่อหันไปเห็นดวงตาสีเขียวโปน ๆ เหมือนลูกเทนนิสปรากฎขึ้นตรงหน้าอย่างฉับพลันหลังเกิดเสียงเหมือนมีอะไรแตก - - ด๊อบบี้นั่นเอง แต่กว่าเธอจะตั้งสติได้ว่าเป็นมัน เฮอร์ไมโอนี่ก็กระโจนไปกอดมัลฟอยแน่นแล้ว 

“ด๊อบบี้! ฉัน…ฉันตกใจหมด!” เด็กหญิงพูดเสียงตื่น 

“ขวัญอ่อนเหลือเกิน ยายกระต่ายตื่นตูม!” มัลฟอยว่าแต่ก็กอดตอบไว้แน่น - - คงไม่มีมีอีกหรอก ที่ยายนี่จะกอดเขา 

“เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่นี่เอง ด๊อบบี้ออกมาตาม” เอลฟ์ประจำบ้านที่มาทำงานในฮอกวอตส์มองมาที่เด็กทั้งสอง มันตกใจเมื่อเห็นมัลฟอย 

“นายน้อยเดรโก!” 

“เออ ฉันเอง แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าอย่างนั้นได้แล้ว แกไม่ได้เป็นคนใช้บ้านฉันแล้ว” มัลฟอยพูดหงุดหงิด เขารู้สาเหตุที่เสียคนใช้ไปเพราะแฮร์รี่ 

“คุณสองคนอยู่ในนี้ด้วยกัน คุณสองคนอยู่ในนี้ด้วยกัน” ด๊อบบี้มีท่าทางแปลกใจ 

ทั้งสองคนหน้าเป็นสีชมพูแล้วรีบแยกออกจากกัน เฮอร์ไมโอนี่บอกด๊อบบี้ 

“บังเอิญน่ะ แต่เธอรู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ที่นี่” 

“ด๊อบบี้ไปเยี่ยมแฮร์รี่ พอตเตอร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์บอกว่าเพื่อนของเขายังไม่กลับมา เขาเป็นห่วงมาก ออกมาตามไม่ได้ ด๊อบบี้เลยอาสา - - อาสาออกมาตาม” 

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอย่างซาบซึ้งใจที่รู้ว่าแฮร์รี่เป็นห่วง แต่มัลฟอยไม่สนใจจะฟังเขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก 

“ด๊อบบี้เที่ยวตามจนทั่วแล้วก็เจอจนได้ แต่ด๊อบบี้ยังพาคุณกลับหอไม่ได้เพราะมีคนเดินเฝ้าไป ๆ มา ๆ อยู่” 

“ฟิลช์อีกแล้ว” มัลฟอยบ่น 

“ด๊อบบี้จะพาพวกคุณไปที่พักของด๊อบบี้ ด๊อบบี้อยากให้พวกคุณให้เกียรติ” 

เอลฟ์พูดอย่างนอบน้อมพร้อมกับค้อมตัวลง มันหมายถึงห้องพักที่ครัวชั้นใต้ดินที่เฮอร์ไมโอนี่เคยไปเยี่ยมมันกับแฮร์รี่และรอน มัลฟอยตอบก่อน 

“เออ ดี ไปสิ” 

“ได้ยังไงกัน!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง 

“ขอฉันไปอาบน้ำหน่อยเถอะ เหนียวไปทั้งตัวแล้ว” เขาบ่น 

เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจหนักแล้วรับคำเชิญของด๊อบบี้ด้วยคน เอลฟ์ตัวจ้อยดูดีใจมาก มันรีบพูด 

“ด๊อบบี้จะพาพวกคุณออกไปครับ” มันพูดจบก็หายตัววับไปโผล่นอกเรือนกระจก 

เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยแทบกระโจนออกจากเรือนกระจกที่แสนอึดนี้ทันทีที่ประตูเปิดออก แต่เด็กหญิงก็ไม่ลืมที่จะโบกมือให้ต้นเมนเดรกทุกตันที่ยอมเป็นเพื่อนคุย พวกมันโบกมือตอบอย่างดีใจที่เห็นว่ามีคนมาช่วยทั้งสอง 

“เดินระวังหน่อยนะครับ อาจจะมีคนมาเห็นเราได้” ด๊อบบี้เตือนให้ทั้งสองคนเดินหลบไปตามเงามืดของตึก 

ไม่ช้าพวกเขาก็เดินลงมาถึงห้องใต้ดินที่เฮอร์ไมโอนี่ กับแฮร์รี่ และรอนเคยลงมาเยี่ยมด๊อบบี้ เอลฟ์ราวสี่สิบตัวยังคงทำงานกันอยู่ ทั้งเตรียมอาหาร หอบเสื้อผ้าไปซัก บางตัวเดินถืออุปกรณ์ทำความสะอาดและจุดเตาผิงมาพร้อมกัน ทุกตัวดูดีใจมากที่เห็นคนลงมา 

“ด๊อบบี้จะพาพวกคุณไปห้องด๊อบบี้” มันพูดแล้วก็เดินผ่านกลุ่มเพื่อน ๆ ที่ขะมักเขม้นเม้นทำงานกันอยู่ไปเปิดประตูห้องที่อยู่ตอนท้ายห้องครัว 

เอลฟ์ทุกตัวดูเหมือนจะนอนรวมกัน เพราะด้านหลังประตูเหล็กเป็นห้องโถงกว้างมาก เพดานอยู่สูงลิบทำให้อากาศเย็นสบาย มีเตียงเหล็กราวสี่สิบตัว ปูด้วยผ้าลินินสีขาวสะอาด เรียงสองแถว 

“ด๊อบบี้จะพาไปห้องเก่าของด๊อบบี้” มันพูด มีความเศร้าเจืออยู่ในน้ำเสียง 

“เธอไม่ได้นอนกับเพื่อน ๆ ที่นี่เหรอ” เฮอร์ไมโอนี่แปลกใจ แล้วก็สะดุ้งเมื่อด๊อบบี้ร้องไห้โฮ 

“ตอนแรกไม่มีใครยอมนอนกับด๊อบบี้ครับ” มันสะอื้น เอลฟ์ทุกตัวรังเกียจเอลฟ์ที่เป็นไทแก่ตัว 

“ตอนหลังด๊อบบี้ค่อย ๆ ย้ายออกมานอนข้างนอก ไม่ให้ใครสังเกต” แล้วมันก็ชี้ไปที่เตียงที่อยู่ท้ายแถวพร้อมกับยกชายเสื้อขึ้นซับน้ำตา เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกสงสารมันมากเธอจึงลูบหลังลูบไหล่ปลอบมัน ขณะที่มัลฟอยพึมพำอย่างรำคาญ 

“ขี้แงไม่เปลี่ยน” 

เมื่อด๊อบบี้หายโศกเศร้าแล้วมันก็พาทั้งสองไปอีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกัน ห้องขนาดเล็กมีเตียงเหล็กตั้งอยู่ตรงกลาง มีหีบใส่ของและของใช้อีกนิดหน่อย เฮอร์ไมโอนี่สังเกตว่าของทุกอย่างล้วนเป็นของที่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ ทั้งสิ้น ของตกแต่งหรือของไม่มีประโยชน์ไม่มีอยู่ให้ห้องนี้เลย เอลฟ์ตัวน้อยเชิญให้เฮอร์ไมโอนี่บนเตียงของมัน(ในห้องไม่มีเก้าอี้) 

“ด๊อบบี้จะไปยกน้ำชามาให้ รอสักครู่นะครับ” มันพูดจบก็กระโดดหย็องแหย็งออกไปจากห้อง เฮอร์ไมโอนี่มองตามมันไปด้วยความซาบซึ้งและสงสาร…. 

มัลฟอยถอดเสื้อคลุมแล้วโยนลงมาบนเตียงที่เธอนั่งอยู่ 

“ถอดทำไม!” เด็กหญิงร้องอย่างตกใจ 

“ฉันจะอาบน้ำ!” มัลฟอยพูดเสียงดังบ้าง 

ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้เถียงอะไรกัน ด๊อบบี้ก็เข็นรถที่มี กาน้ำชาควันกรุ่น ถ้วยชาสองถ้วยและถาดใส่ขนมปังกรอบกับน้ำผึ้งเข้ามา 

“น้ำชาครับ แล้วนี่ก็ผ้าเช็ดตัวกับชุดเปลี่ยนของนายน้อย” 

มันยื่นผ้าขนหนูสีขาวกับชุดใหม่ให้มัลฟอย เขารับผ้าเช็ดตัวกับชุดแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป 

“เธอยังเรียกเขาว่านายน้อยอยู่” เฮอร์ไมโอนี่ถามด๊อบบี้อย่างแปลกใจ 

ด๊อบบี้ยกกาน้ำชาขึ้นรินชาใส่ถ้วยให้อีกฝ่ายแล้วพูด 

“นายน้อยไม่รักด๊อบบี้ แต่ก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายด๊อบบี้ครับ” 

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม แล้วชวนด๊อบบี้คุยเรื่องชีวิตที่นี่ (เพื่อโครงการส.ร.ร.ส.อ.ไปในตัว) แต่ไม่ช้าด๊อบบี้ก็ขอตัวไปช่วยเพื่อน ๆ ทำงาน 

“คุณจะหลับไปก่อนก็ได้นะครับ ถ้าบนตึกไม่มีใครเดินเฝ้าอยู่ด๊อบบี้จะมาปลุกให้คุณกลับได้” 

เฮอร์ไมโอนี่ขอบใจมันแล้วดื่มชาต่ออีกนิดหน่อย เด็กหญิงเริ่มง่วงเพราะตอนนี้คงเป็นกลางดึกแล้ว เธอเอนตัวนอนตะแคงซบศรีษะกับหมอนก่อนจะหลับไปด้วยความง่วง 

ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับไอน้ำร้อน ๆ กระจายออกมาพร้อมกัน… 

+-บทที่ 5-+

มัลฟอยขยี้ผมเปียก ๆ ของตัวเองด้วยผ้าขนหนูเดินออกมา เขาชะงักเมื่อเห็นอีกคนหลับไปแล้ว 

“หลับซะแล้ว หลับง่ายจริง” เขาพึมพำ 

มัลฟอยเดินมารินน้ำชาใส่ถ้วยว่างเปล่าอีกใบ ไม่มีเก้าอี้นั่ง เขาจึงนั่งที่ปลายเท้าของเฮอร์ไมโอนี่แทนแล้วดื่มชากับขนมปังกรอบทาน้ำผึ้ง ทั้งห้องเงียบสนิท 

เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวเล็กน้อยขาของเธอจึงไปโดนตัวอีกฝ่าย ลมหายใจของมัลฟอยกระชั้นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาวางถ้วยลงแล้วเอื้อมมือไปลูบผมของเฮอร์ไมโอนี่อย่างอ่อนโยน 

“นาย!” เด็กหญิงสะดุ้งตื่นแล้วยันตัวขึ้นทันที ใบหน้าเป็นสีจัด 

มัลฟอยหน้าเป็นสีชมพูเช่นกัน เขามองเธอนิ่งแล้วกัดริมฝีปาก 

“ไม่ได้เหรอ” เด็กชายเอื้อมมือมาอีก 

“ไม่ได้!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง 

“วิสลีย์ไม่รู้หรอกน่า” มัลฟอยพูดเหมือนเตือนความจำ 

“ไม่เกี่ยวกับรอน!” เธอพูดเหมือนตะโกน

“แล้วทำไม - -“ 

เฮอร์ไมโอนี่คว้าถาดใส่ขนมปังกรอบใบใหญ่บนรถขึ้นมาถือ 

“ถ้านายไม่หยุดพูดเพ้อเจ้อล่ะก็ ฉันจะฟาดนายด้วยถาดอันนี้!” 

มัลฟอยลดมือลง แต่ก็ยังคงจ้องเธอเขม็ง เฮอร์ไมโอนี่ต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิดไปขณะมองดวงตาสีซีดที่ดูเจ็บปวดของอีกฝ่าย 

“ไม่ชอบฉันสักนิดเลยเหรอ ฉันก็เป็นผู้ชายนะ” 

เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าของมัลฟอยเป็นสีชมพูเข้มขึ้นอีก 

“เหมือนวิสลีย์ เหมือนพอตเตอร์…ทุกอย่าง” 

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาบีบเข้าที่หัวใจ เธอลดถาดในมือลงอย่างไม่รู้ตัวขณะที่มัลฟอยโน้มหน้าเข้ามาใกล้ เขาพูดเสียงเบาแต่ดูเศร้าสร้อย 

“คงไม่มีอีกแล้ว” 

แล้วริมฝีปากของทั้งสองก็สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา อาจจะจริงของมัลฟอย - - คงไม่มีอีกแล้ว เมื่ออีกฝ่ายไม่ขัดขืน เด็กชายก็ยกแขนของเฮอร์ไมโอนี่ไปวางไว้บนไหล่ของเขา 

“เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์กลับหอได้แล้วครับ” 

เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยผงะแยกจากกันทันที โชคดีที่ด๊อบบี้ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆ เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปจากห้องโดยไม่หันกลับมามองมัลฟอยอีกเลย เขาถอนหายใจยาวขณะก้มหน้าดูพื้นห้องเหมือนจะสงบสติอารมณ์ 

“นายน้อยเป็นอะไรครับ” ด๊อบบี้เดินมาถามมัลฟอยอย่างเป็นห่วง 

“แกรู้อะไรไหม…” มัลฟอยพูดแล้วเงยหน้าขึ้นจากพื้นมาจ้องด๊อบบี้อย่างเอาเรื่อง 

“ถ้าแกยังทำงานอยู่บ้านฉันล่ะก็ ไม่ต้องพึ่งพอตเตอร์หรอก ฉันจะไล่แกออกเอง!” 

...+*+*+...

“ถึงแล้วครับ” ด๊อบบี้บอกกับเฮอร์ไมโอนี่ หลังจากที่พวกเขาเดินขึ้นมาบนตึกและหันซ้ายหันขวาว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้ว ด๊อบบี้ก็บอกให้ทั้งสองคนเดินตามมาได้ 

“เดี๋ยวผมจะไปส่งนายน้อยต่อ” 

“ไม่ต้องหรอกฉันไปเองได้” มัลฟอยตัดบท 

ด๊อบบี้ค้อมตัวลงเพื่อลาเด็กทั้งสอง 

“ขอบใจเธอมากนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด เอลฟ์ตัวจ้อยยิ้มอย่างดีใจ มันค้อมตัวลงอีกครั้งก่อนจะหายวับไปเป็นควันเส้นจาง ๆ 
มัลฟอยหันหลังเดินจากเฮอร์ไมโอนี่ไปโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เฮอร์ไมโอนี่มองแผ่นหลังที่เริ่มกว้างขึ้นของมัลฟอยก็ถอนใจ เด็กหญิงส่ายศรีษะไล่ความรู้สึกออกไปแล้วกลับไปมองที่ประตูทางเข้า - - เอ…รหัสอะไรนะ? 

“เกรนเจอร์” เสียงมัลฟอยดังขึ้นอีก เฮอร์ไมโอนี่หันไปก็เห็นเขายืนอยู่ 

“หนังสือเธอ” มัลฟอยเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นให้ เธอจึงนึกออกว่าตอนที่เดินออกมาจากห้องของด๊อบบี้ เธอรีบร้อนเกินไปจนลืม ดูเหมือนว่ามัลฟอยต่างหากที่ลืมไม้กวาดไว้ที่ห้องใต้ดิน 

“ขอบใจ” เด็กหญิงบอกแล้วรับมา 

ทั้งสองคนมองหน้ากันพักหนึ่ง มัลฟอยเม้มริมฝีปากแล้วก้มหน้าลงมาหา เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าเหมือนจะหลบเรียวปากซีดคู่นั้น เขาจึงถอนใจแล้วพูด 

“ลืมมันซะเถอะ” 

มัลฟอยหันหลังให้เฮอร์ไมโอนี่เหมือนกับที่เขาทำให้ทุกครั้งตอนที่ไม่ต้องการเห็นหน้าเธอ เฮอร์ไมโอนี่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอเผลอเรียกชื่อเขาออกไป 

“มัลฟอย” 

เขาชะงัก แต่ก็ไม่ยอมหันมามอง 

“เกรนเจอร์ ฟังฉันนะ!” เด็กชายพูดเสียงเข้ม 

“ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น ไม่งั้นฉันจะลากเธอไปห้องฉัน!” 

เฮอร์ไมโอนี่เงียบเสียงทันที ใบหน้าของเธอเป็นสีชมพูเข้ม ขณะเดียวกันเธอก็สังเกตเห็นว่าหลังคอของมัลฟอยก็เป็นสีแดงเช่นกัน เขาก้าวฉับ ๆ จากไปเมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาอะไรจากเฮอร์ไมโอนี่แล้ว เด็กหญิงถอนหายใจ แล้วปีนข้ามช่องรูปภาพกลับเข้าไปในหอนอนของตัวเอง 

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็นอนไม่หลับ เฮอร์ไมโอนี่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงของตัวเอง อีกด้านหนึ่ง มัลฟอยเองก็เช่นกัน เขานอนหนุนแขนตัวเองมองไปนอกหน้าต่าง ไม่มีใครรู้ความคิดของเขา แม้แต่แครบกับกอยล์ที่นอนกรนประสานเสียงดังสนั่นอยู่ 

สักพักมัลฟอยก็ลุกจากเตียงแล้วไปล้างหน้าที่อ่างเป็นเวลานาน….นานราวกับจะลบภาพที่ฝังอยู่ในศรีษะให้ออกไปให้ได้ หลังจากที่รู้สึกว่าไม่ได้ผลอะไรขึ้นมา เขาก็เอามือทั้งสองยันที่อ่างอย่างหมดหนทาง หน้าตาและศรีษะเปียกโชก 

“ฉันมันเป็นบ้าไปแล้ว” เขาพึมพำอย่างสมเพชตัวเอง 

ทั้งสองคนไม่มีใครรู้เลยว่า ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครข่มตาลง พวกเขาพยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยหัวใจที่สบสนเหมือนกัน

No comments:

Post a Comment