“ในคืนนั้นฉันพาเธอไปที่หอดูดาว” มัลฟอยเริ่มเล่า “ท้องฟ้าในคืนนั้นสวยมากเลยล่ะ เหมือนท้องฟ้าในคืนนี้นั่นหละ” เขาพูดพลางทอดสายตาไปยังผืนฟ้าสีดำที่ถูกประดับไปด้วยดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ
“เราคุยกันเรื่องที่เราจะทำหลังจากออกจากฮอกวอตส์ไปแล้ว เธอบอกฉันว่าเธออยากเป็นมือปราบมาร” มัลฟอยพูดพลางยิ้มน้อย ๆ ให้เฮอร์ไมโอนี่ก่อนที่จะกลับเข้าเรื่องต่อ “แล้วฉันก็บอกเธอว่าฉันไม่อยากจากที่นี่ไป ฉันอยากอยู่ที่นี่ตลอดไปอยากอยู่ที่นี่กับเธอตลอดไป” มัลฟอยเว้นจังหวะพูด เขาเงยดวงตาสีอ่อนขึ้นมามองหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แม้รอบตัวของพวกเขาจะมีแค่แสงสลัว ๆ จากเทียนบนโต๊ะอาหารกับแสงดาวเท่านั้น แต่นั่นก็พอที่จะทำให้มัลฟอยเห็นว่าหน้าของเฮอร์ไมโอนี่แดงราวกับไข้ขึ้น
“เธอบอกว่าทันเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะไม่จากที่นี่ไป ฉันก็เลยถามเธอว่าเธออยากอยู่กับฉันตลอดไปไหม และเมื่อเธอบอกว่าเธออยาก ฉันก็ขอให้เธอให้ชีวิตอยู่กับฉันตลอดไป ในฐานะภรรยาของฉัน” มัลฟอยเล่าเรื่องราวต่อไปเรื่อย ๆ โดยเฉไปมองท้องฟ้าแทนที่จะมองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังหน้าแดงด้วยความอายอยู่
“แล้วเธอก็ตอบตกลง แล้วหลังจากนั้นหนึ่งปีเราก็เข้าพิธีแต่งงานกัน มันก็แค่นั้นแหละ” มัลฟอยพูดพลางหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ สายตาที่อยู่ที่ท้องฟ้าหันมาจับจ้องที่หญิงสาวที่อยู่ข้างกายของเขาแทน
“มันคงเป็นคืนที่โรแมนติกมากใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“ใช่ มันเป็นคืนที่โรแมนติกมาก” มัลฟอยตอบพลางเหม่อมองไปที่ท้องฟ้าสีดำนั่นอีกครั้งราวกับว่าเขากำลังระลึกความหลังอยู่
“คืนนั้นพวกเราคงมีความสุขมากสินะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดน้ำเสียงสั่นเครือน้อย ๆ
“ใช่ พวกเรามี….” มัลฟอยกำลังจะตอบคำถามของเธอจบ ถ้าเขาไม่เหลือบมองไปที่ดวงหน้าขาวนวลที่มีหยดน้ำตากำลังรินไหลมาจากดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยนั้นเสียก่อน
“เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยเอ่ยอย่างตกใจ
“ฉันขอโทษ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงจำเรื่องในคืนนั้นไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่มันสำคัญขนาดนี้” เฮอร์ไมโอนี่ตอบพร้อม ๆ กับสะอื้น มัลฟอยมองภาพตรงหน้าด้วยความสงสารจับใจ
เขารู้ดีว่าเธอเจ็บปวด แต่เขาเองก็เจ็บปวดไม่แพ้เธอ หรืออาจจะมากกว่าเธอด้วยซ้ำ !
ในวินาทีนั้นเองมัลฟอยก็รั้งร่างสั่นเทาตรงหน้าเข้ามากอดในทันที
“อย่าร้อง เฮอร์ไมโอนี่ อย่าร้อง” มัลฟอยพูดเสียงสั่นเครือไม่แพ้ร่างที่เขากำลังโอบกอดอยู่
เขาไม่อยาก ไม่อยาก ที่จะอ่อนแอให้เธอเห็น
ความอบอุ่นอย่างประหลาดวิ่งเข้ามาในร่างของเฮอร์ไมโอนี่ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน แต่เท่าที่เธอรู้ในนาทีต่อมามัลฟอยจูบเธอที่หน้าผากอย่างแผ่วเบาพร้อม ๆ กับเช็ดน้ำตาให้เธออย่างนุ่มนวล
“มัลฟอย…..” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำออกมาเบา ๆ อย่างไม่แน่ใจว่าเธอควรจะทำอย่างไรดีในเวลานี้ นอกเสียจากจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาใสซื่อ บริสุทธิ์ แววตาที่ทำให้มัลฟอยแทบอดใจไม่ไหว
และมัลฟอยก็ตัดสินใจประทับริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากของเธอ เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเพราะตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้ขัดขืนเขาอย่างใด เพราะในตอนนี้ความปรารถนาในใจของเธอนั้นมีมากไปกว่าความรู้สึกอื่น ๆ แล้วน่ะสิ
มัลฟอยกอดเฮอร์ไมโอนี่ไว้ในอ้อมแขน ก่อนที่จะรั้งร่างของเธอลงบนโซฟาอย่างนุ่มนวล พร้อมกับพรมจูบทั่วใบหน้าของเธอ และหญิงสาวก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะปฏิเสธต่อการกระทำนั้น แต่เธอกลับโอบกอดเขาเบา ๆ ด้วยอ้อมแขนบอบบางนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่เธอเรียกชื่อของเขาออกมาเบา ๆ
“เดรโก…..” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำเสียงสั่นเทา ในขณะเดียวกันที่มัลฟอยชะงักเพราะแปลกใจในสรรนามที่เฮอร์ไมโอนี่ใช้เรียกชื่อของเขา เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับเธอ มัลฟอยก็ไม่เคยได้ยินเธอเรียกชื่อจริง ๆ ของเขาออกจากปากของเธอสักครั้งเดียว
แต่เพราะคำพูดคำนั้นของเธอมันทำให้เขาถึงกับหยุดการกระทำของเขาไป มัลฟอยค่อย ๆ ช้อนตัวเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมานั่งบนโซฟาอีกครั้งในขณะที่เธอมองเขาด้วยแววตาไม่เข้าใจ
“ทานอาหารต่อเถอะ” มัลฟอยพูดเรียบ ๆ พยายามข่มอารมณ์ปรารถนาในใจ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นรู้สึกราวกับโดนตบหน้า เธอหน้าแดงด้วยความอายพลางมองชายตรงหน้าด้วยแววตาที่แสดงความโกรธปนสงสัย
“ฉันคิดว่า เราไม่ควรทำอะไรที่ไม่เหมาะสม” มัลฟอยพูดเสียงเรียบพยายามที่จะไม่สบตาหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้า เขารู้ดีว่าเฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างไร เธอคงโกรธเขา
“งั้นเธอก็ทานต่อไปเถอะมัลฟอย ฉันอิ่มแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดก่อนที่จะลุกจากโซฟาและวิ่งออกจากหอดูดาวอย่างรวดเร็วเกินที่มัลฟอยจะรั้งตัวเธอไว้ได้
“ไม่ใช่แค่เธอหรอกนะที่รู้สึกอย่างนั้นน่ะเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพึมพำอย่างจนใจ
*************************************************
เฮอร์ไมโอนี่ตรงกลับมาที่ห้องนอนทันที ความจริงเธอก็เกียบหลงทางในคฤหาสน์ที่วกวนราวกับเขาวงกตหลังนี้ แต่โชคดีมีเอล์ฟประจำบ้านอาสาพาเธอมาส่งที่ห้องนอนเสียก่อน และทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่ถึงห้องนอนเธอก็ทรุดตัวลงบนเตียง และซบใบหน้าลงบนหมอนพลางครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ทำไมนะ ทำไมเขาต้องทำอย่างนั้นด้วย
เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างสับสน ทั้งสับสนในความรู้สึกของตัวเอง และทั้งความรู้สึกของมัลฟอย เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนั้น ทำไมเขาต้องยั่วยุให้เธอเกิดความรู้สึกแบบนั้น และหยุดมันลงกลางคั้นและทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฮอร์ไมโอนี่ก็เริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ใจเต้นไม่เป็นส่ำ มันเป็นความรู้สึกที่เธอคิดว่าเธอไม่เคยรู้จักมันมาก่อน หรืออาจจะรู้จักเพียงแต่เธอได้ลืมมันไปหมดแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในระยะเวลาไม่กี่วันมานี้ ที่เธออยู่ที่นี่กับมัลฟอย เธอรู้ว่าที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้นั้นไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอรู้สึกราวกับไม่ใช่ตัวเอง รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอก แต่เธอรู้สึกอย่างนั้นนับตั้งแต่ที่มัลฟอยจูบเธอที่หน้าผาก และโอบกอดเธอแล้ว แต่ครั้งนี้ความรู้สึกนั้นกลับรุนแรงกว่าครั้งไหน ๆ เพราะครั้งนี้เขาจูบเธอ
เฮอร์ไมโอนี่เลื่อนมือไปสัมผัสริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล ริมฝีปากที่มัลฟอยได้ประจับรอยจูบไว้เมื่อครู่ และความรู้สึกร้อนวูบวาบนั้นก็วิ่งผ่านร่างของเฮอร์ไมโอนี่ไปอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับมันดี มันเป็นเรื่องยากจะยอมรับที่ว่าเธอต้องการผู้ชายคนนั้น!
เธอต้องการเขา เธอต้องการ เดรโก มัลฟอย !
เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงอย่างครุ่นคิด เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร ถ้ามัลฟอยไม่เป็นฝ่ายหยุดมันเสียก่อน
*************************************************
น้ำเย็นจัดที่พุ่งออกจากผักบัวสาดเข้าไปที่ใบหน้าขาวซีด หากแต่หล่อเหลา หยดน้ำมากมายไหลไปตามใบหน้าลงไปที่ลำคอจนเปรอะเสื้อเชิ้ตตัวสวย แต่ เดรโก มัลฟอย นั้นไม่ได้สนใจที่ถอดมันออกแต่อย่างใด เขากลับปล่อยให้สายน้ำเย็นเฉียบนั้นพุ่งใส่ร่างของเขาที่สวมเสื้อผ้าเต็มยศจนเปือกปอน
มัลฟอยเอื้อมมือไปปิดฝักบัวพลางเดินออกจากห้องน้ำและเริ่มถอดเสื้อผ้าเปียกออกและเปลี่ยนไปใส่ชุดนอนสีน้ำเงินเข้มแทน หลังจากนั้นเขาก็เดินไปที่อ่างล้างหน้ามือกำลังยุ่งอยู่กับการเช็ดศีรษะ ขณะที่นัยตาของเขาเพ่งมองเข้าไปในกระจก
‘ สงบสติอารมณ์ไว้สิ เดรโก สงบไว้ ’ เขาสั่งตัวเองให้สงบพลางสะบัดเส้นผมสีทองที่ชุ่มน้ำแรง ๆ ราวกับต้องการไล่ความคิดที่อยู่ในหัวให้จางหายไปราวกับหมอกควัน
แต่เขากลับทำอย่างนั้นไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามสักเท่าไหร่ เขาก็ไล่ความคิดนั้นออกไปจากศีรษะไม่ได้ หรือไม่ว่าเขาจะใช้น้ำเย็นสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจดับความร้อนรุ่มที่มีอยู่ในอกของเขาได้
ความรุ่มร้อนอันเกิดมาจากผู้หญิงที่เขารัก
มัลฟอยเดินออกจากห้องน้ำกลับที่เตียง เขาล้มตัวลงนอนที่เตียงราวกับคนหมดแรง เส้นผมที่ยังไม่แห้งดีทำให้หมอนของเขาเปียกไปทั่ว แต่เขาไม่สนใจมัน มัลฟอยเอามือก่ายหน้าผาก ใบหน้าหญิงสาวผมสีน้ำตาลคนเดิมก็ลอยอยู่ในความคิดของเขาอีกครั้ง!
มัลฟอยกัดฟันกรอด พยายามข่มอารมณ์ตัวเองอย่างเป็นที่สุด ตั้งแต่วันแรกที่เฮอร์ไมโอนี่กลับมาที่คฤหาสน์หลังนี้มัลฟอยก็พยายามที่จะไม่แตะต้องเธอหรือเข้าใกล้เธอมากเกินควร จนเขาถึงกับต้องแยกห้องนอนกับเธอ ทั้ง ๆ ที่เขาอยากจะนอนกอดเธอทุกคืนจนใจแทบขาด แต่เขาก็จำเป็นจะต้องทำอย่างนั้น นั่นก็เพราะเขากลัว กลัวว่าถ้าเขาใกล้ชิดกับเธอมากไป ถ้าเขาอยู่ใกล้เหมือนแต่ก่อนเขาจะอดใจไม่ไหว เขากลัวว่าตัวเองจะอดใจไม่ไหวเมื่อเขาได้ใกล้ชิดเธอ เขากลัวว่าตัวเขาเองจะเผลอใจทำอะไรเกินเลยกับเธอไป
มัลฟอยรู้ว่าความคิดนี้เป็นเรื่องไร้สาระหากนำมาคิดกับภรรยาตัวเอง แต่เฮอร์ไมโอนี่ในตอนนี้นั้นไม่ใช่เฮอร์ไมโอนี่คนเดินที่เขาเคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว เขากลัวว่าเขาจะทำร้ายความรู้สึกเธอด้วยการกระทำเพียงชั่ววูบของเขา เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเพียงเพราะแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น เพราะนั่นอาจเป็นการทำร้ายความรู้สึกของเธออย่างที่หาอะไรมาชดเชยไม่ได้
มัลฟอยถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเหม่อมองไปที่เพดาน ความร้อนรุ่มในกายเริ่มจางหาย แต่ความปรารถนาในใจของเขานั้นยังไม่เสื่อมคลาย หากแต่นั่นไม่ใช่ความปรารถนาของร่างกายของเขาแต่อย่างใด ไม่ใช่ความปรารถนาที่จะได้ร่างกายของเธอมาครอบครอง หากแต่เป็นหัวใจของเธอต่างหาก
“จะให้ฉันทำอย่างไร เฮอร์ไมโอนี่ ฉันถึงจะได้เธอกลับคืนมา” มัลฟอยพึมพำอย่างสิ้นหวัง
*************************************************
เช้าวันต่อมา เฮอร์ไมโอนี่ตื่นนอนด้วยอาการไม่สดใสนักเนื่องจากเธอใช้เวลาขบคิดเรื่องเมื่อคืนจนหลับไปในเวลาดึกพอสมควร หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ทำกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเอล์ฟตนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อพาเธอไปส่งที่ห้องอาหาร เพราะถึงจะอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้วก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังไม่เคยชินกับทางที่ที่คดเคี้ยวและวกวนในคฤหาสน์หลังนี้เสียที และขณะที่เอล์ฟพาเฮอร์ไมโอนี่เดินลงบันไดที่ปูด้วยพรมสีเลือดนกเพื่อลงไปยังห้องโถง เฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นมัลฟอยยืนอยู่ใจกลางห้อง เขาแต่งตัวด้วยชุดสูทเต็มยศเหมือนทุกครั้งที่จะออกไปทำงาน หากแต่วันนี้ดูเหมือนกับว่าเขาพิถีพิถันในการเลือกชุดมากกว่าวันอื่น ๆ
ตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่คิดจะเดินผ่านไปโดยทำเป็นไม่เห็นเขา แต่ก็ไม่ทันแล้วเพราะว่ามัลฟอยเหลือบตามามองเธอเสียก่อน
“เฮอร์ไมโอนี่” เขาเรียกเธอ พร้อม ๆ กับที่เฮอร์ไมโอนี่ต้องเดินลงไปหาเขาอย่างเสียไม่ได้
“วันนี้ฉันคงกลับดึกหน่อยนะ อาจจะกลับมาไม่ทันทานอาหารค่ำกับเธอ” มัลฟอยพูดอย่างอ่อนโยน ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“อืม ไม่เป็นไร” เฮอร์ไมโอนี่พูดเรียบ ๆ
“โกรธฉันเหรอ” มัลฟอยพูดเสียงอ่อน
“เปล่า เชิญนายตามสบายเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำเบา ๆ ยังคงไม่กล้าสบตาเขา
“วันนี้ฉันมีนัดกับลูกค้าคนสำคัญ ความจริงฉันก็อาจจะให้เธอไปด้วยหรอกนะ เฮอร์ไมโอนี่ แต่ฉันกลัวว่าเธอจะเบื่อเวลาที่ฉันคุยเรื่องธุรกิจกันน่ะ” มัลฟอยอธิบาย “ส่วนเรื่องเมื่อคืน……” มัลฟอยเอ่ยขึ้นมาเพียงเท่านั้นใบหน้าขาวเนียนของเฮอร์ไมโอนี่ก็ขึ้นสีอย่างรวดเร็วเพียงแค่เธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“ฉันขอโทษที่ฉันทำอย่างนั้นลงไป ฉันไม่ควร เอ่อ ทำกับเธอแบบนั้น” มัลฟอยพูด
“ฉันไม่ได้โกรธอะไร มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูด แต่ดวงตากลับหลุบลงต่ำขัดกับคำพูดเมื่อครู่
“ไหนว่าไม่โกหกแล้วทำไมไม่มองตาฉัน” มัลฟอยพูด
“ฉันเปล่านี่” เฮอร์ไมโอนี่เถียงพลางเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแวบหนึ่งก่อนที่จะหลบตาเขาในเวลาอันรวดเร็ว จนทำให้มัลฟอยหัวเราะน้อย ๆ กับการกระทำของเธอ
“เธอแน่ในนะว่าไม่โกรธฉันน่ะ” มัลฟอยพูดอีกครั้งพร้อม ๆ กับเอามือเชยคางเฮอร์ไมโอนี่เพื่อที่จะมองเข้าไปในแววตาของเธอ
“เปล่า” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบา ๆ
“งั้นก็ดี” มัลฟอยพูดก่อนจะบรรจงจูบที่แก้มของเธอเบา ๆ ความอบอุ่นที่แปลกประหลาดนั้นวิ่งผ่านร่างของเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง แต่คราวนี้มันช่างรวดเร็วเหลือเกิน เพราะเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาชายหนุ่มที่เคยอยู่ตรงหน้าก็ได้หายไปเรียบร้อยแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่ลูบแก้มของตัวเองเบา ๆ ความรู้สึกอบอุ่นนั้นได้จางหายไปหมดแล้ว พร้อม ๆ กับความสงสัยในใจของเฮอร์ไมโอนี่ เพราะตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร
*************************************************
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพอตเตอร์” เสียงใส ๆ ของเลขาสาวดังขึ้นเพื่อทักทายชายหนุ่มที่เพิ่งเดินทางมาถึงที่ทำงานในตอนเช้า
“อรุณสวัสดิ์ครับ ลิซ สบายดีไหมครับ” แฮร์รี่กล่าวอรุณสวัสดิ์ตอบในขณะที่เลขาคนสวยกำลังง่วนอยู่กับเอกสารบนโต๊ะและเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา
“สบายดีค่ะ อ้อ คุณพอตเตอร์หัวหน้าเรียกพบคุณกับคุณวีสลีย์ทันทีที่คุณมาถึงออฟฟิศเลยค่ะ” ลิซรายงายเสียงใส
“อ้อ เหรอครับ แล้วรอนรู้เรื่องหรือยังครับ” แฮร์รี่ถาม
“รู้แล้วค่ะ เขาเพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี้เองค่ะ คาดว่าคงอยู่ในห้องทำงานหัวหน้าค่ะ” เลขาสาวกล่าวรายงานหลังจากนั้นแฮร์รี่ก็กล่าวคำขอบคุณสั้น ๆ ก่อนที่จะรีบตรงหน้าไปห้องทำงานของมิสเตอร์แฮมเบิร์ก หัวหน้ามือปราบมาร
“เข้ามาได้” เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยอำนาจกล่าวสั้น ๆ หลังจากที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น และเมื่อแฮร์รี่เปิดประตูเข้าไปในห้องเขาก็พบรอนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามกับ ริชาร์ด แฮมเบิร์ก หัวหน้าของพวกเขา
“เอ้อมาเสียทีนะคุณพอตเตอร์ เอ้า มานั่งตรงนี้สิ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณสองคน” มิสเตอร์แฮมเบิร์กพูดอย่างกระฉับกระเฉง
“มีเรื่องอะไรหรือครับ” แฮร์รี่เอ่ยถามอย่างสงสัย พลางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้าง ๆ รอน
“ก็เรื่องเพื่อนร่วมทีมของคุณน่ะสิ” มิสเตอร์แฮมเบิร์กพูดพลางเอามือประสานกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณหมายถึงเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รีพูด
“ใช่ เอ่อ ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับเพื่อนของพวกคุณ เอ่อ เราทั้งหมดต่างได้อยากให้มันเกิดขึ้นเลย เพียงแต่ว่าอาชีพของพวกเรามันก็ต้องตั้งอยู่บนความเสียงเป็นธรรมดาอยูแล้ว จริงไหม” ชายวัยกลางคนกล่าว
“ครับ ผมรู้ว่าหัวหน้าคงเสียใจมาก เพราะในวันนั้นหัวหน้าเป็นคนส่งพวกผมไปอยู่ทีมจับกุม” รอนพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“รอน” แฮร์รี่กระซิบเขาอย่างดุ ๆ เขาไม่อยากให้รอนมีเรื่องกับหัวหน้าของพวกเขาเท่าไหร่หรอกนะ แต่ดูเหมือนว่ามิสเตอร์แฮมเบิร์กจะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองเรื่องที่รอนพูดเลยแม้แต่น้อย
“ใช่ อย่างที่คุณพูดก็ถูกคุณวีสลีย์ เป็นเพราะผมเองที่ทำให้เพื่อนของพวกคุณ ลูกน้องของผมต้องประสบอุบัติเหตุเช่นนั้น” มิสเตอร์แฮมเบิร์กพูดเสียงเรียบในขณะที่รอนเบือนหน้าไปทางอื่น
“ผมรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนคนสำคัญของพวกคุณ จริงไหมครับ คุณพอตเตอร์ คุณวีสลีย์” หัวหน้ามือปราบมารพูดขึ้นมา “แต่อย่าลืมนะครับว่ากฏของมือปราบมารข้อแรกก็คือ เสียสละ คนที่จะเข้ามารับอาชีพนี้ได้ต้องตัดความรักตัวกลัวตายออกเสีย และยอมเสียสละตัวเองเพื่อส่วนรวม” เขาอธิบาย
“งั้นคุณก็จะบอกว่าที่เฮอร์ไมโอนี่เป็นอย่างนี้เพราะว่าเธอเสียสละตัวเองเพื่อการจับกุมผู้เสพความตายงั้นเหรอ” รอนพูดเสียงดังพลางลุกพรวดจากเก้าอี้
“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นขอให้คุณใจเย็นสักหน่อยได้ไหมครับ คุณวีสลีย์” มิสเตอร์แฮมเบิร์กพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูมีอำนาจกว่าทุกครั้ง น้ำเสียงที่สะกดให้ผู้ฟังเกรงกลัว
“กรุณนั่งลงก่อน คุณวีสลีย์ ผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับพวกคุณอยู่” เขาพูด และรอนก็ทรุดตุวลงนั่งอย่างเสียไม่ได้
“ที่ผมเรียกคุณมาวันนี้ ประการแรก เพื่อจะมากล่าวขอโทษคุณทั้งสองคนเรื่องของคุณมัลฟอย ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเกิดจากความผิดพลั้งของผมเอง และมีส่วนทำให้เพื่อนของคุณต้องพลอยประสบอุบัติเหตุ” เขาอธิบาย
“สอง ก็เพื่อต้องการถามถึงข่าวคราวของคุณมัลฟอย ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง ผมคิดว่าพวกคุณน่าจะรู้ดี” เมื่อขาพูดจบ รอนและแฮร์รี่ก็มองหน้ากัน ก่อนที่รอนจะบุ้ยใบ้ให้แฮร์รี่เป็นฝ่ายตอบ
“ว่าไงครับคุณพอตเตอร์” มิสเตอร์แฮมเบิร์กถาม
“เอ่อ ผมได้เจอเธอครั้งสุดท้ายตอนที่เธอเพิ่งพื้นจากอุบัติเหตุที่เซนต์มังโกส์ครับ หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้พบเธออีกเลย” แฮร์รี่ตอบ
“แล้วอาการของเธอเป็นอย่างไรบ้าง” ชายวัยกลางคนถาม
“เอ่อ ก็อย่างที่ผมเคยพูดไปแล้วครับ ความทรงจำของเธอขาดหายไปเป็นเวลาหกปี ตั้งแต่เธออายุสิบห้าจนถึงปัจจุบัน” แฮร์รี่พูด
“อืม เป็นอาการที่แปลกมาก ๆ เลยนะ แล้วตอนนี้เธอยังอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่หรือเปล่า เผื่อผมจะได้มีเวลาว่างไปเยี่ยมเธอ” หัวหน้ามือปราบมารพูดขึ้น
“ไม่ครับ สามีของเธอ เอ่อ มัลฟอยมารับเธอกลับไปหลังจากวันเกิดเหตุครับ” แฮร์รี่ตอบพลางนึกไปถึงวันต่อมาเหลังจากที่ฮอร์ไมโอนี่เกิดเรื่อง เขาและรอนไปเยี่ยมเธอแต่กลับพบว่ามัลฟอยพาเธอกลับไปที่คฤหาสน์ของเขาแล้ว ความจริงทั้งแฮร์รี่และรอนก็อยากจะตามไปเยี่ยมเธอเหมือนกัน แต่ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี่พวกเขางานยุ่งเสียจนแทบไม่มีโอกาสกระดิกตัวไปไหน อย่าว่าแต่ไปเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่เลย แม่แต่เวลาจะหลับจะนอนพวกเขาแทบยังไม่มีเลยเพราะต้องตามจับกุมผู้เสพความตายที่หนีไปได้หลังจากการจับกุมวันนั้น
“อ้อ งั้นเหรอ” มิสเตอร์แฮมเบิร์กพยักหน้าอย่างรับรู้ แฮร์รี่รู้ดีว่าเมื่อเขาได้ยินว่ามัลฟอยพาเฮอร์ไมโอนี่กลับไปที่คฤหาสน์แล้ว เขาก้ไม่คิดจะไปเยี่ยมที่นั่นเป็นอันขาด ไม่ใช่แต่เขาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน ที่พวกเขาไม่คิดจะไปเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่ที่บ้านก็เป็นเพราะว่าพวกเขาต่างเกรงกลัวสามีขี้หึงและอารมณ์ร้อนของเฮอร์ไมโอนี่กันท่วนหน้า โดยเฉพาะเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ชาย
“แล้วทำไมคุณทั้งสองคนถึงไม่ไปเยี่ยมเธอล่ะ ผมจะได้ฝากความคิดถึงไปด้วย” ชายวัยกลางคนเสนอความคิดเห็น
“ผมก็อยากไปอยากไปหรอกครับแต่ว่าเรามีงานต้องทำ” แฮร์รี่พูดถึงงานที่มากเสียจนแทบจะท่วมหัวท่วมหูของเขากับรอนแล้ว
“งั้นถ้าผมให้พวกคุณหยุดงานหนึ่งวันล่ะ พวกคุณจะว่ายังไง” หัวหน้ามือปราบมารเสนอ
“จริงหรือครับ” รอนพูดอย่างประหลาดใจ ที่คนอย่าง ริชาร์ด แฮมเบิร์กจะอนุญาตให้พวกเขาหยุดงาน
“ก็จริงน่ะสิคุณวีสลีย์ ผมให้พวกคุณหยุดงานหนึ่งวันเพื่อไปเยี่ยมคุณมัลฟอย แต่คุณต้องไปเยี่ยมคุณมัลฟอยเท่านั้นนะ ห้ามเอาเวลาไปเตร่ที่อื่นล่ะ” มิสเตอร์แฮมเบิร์กพูด
“ขอบคุณครับ หัวหน้า” ทั้งแฮร์รี่และรอนต่างกล่าวพร้อมกันด้วยความดีใจที่จะได้เจอเฮอร์ไมโอนี่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาทำงานที่มัลฟอยต้องไปอยู่ที่บริษัทมันคงทำให้พวกเขาพบเธอได้สะดวกขึ้น
“อ้อ แล้วถ้าพวกคุณเจอเธอ ฝากนี่ให้เธอด้วย มันเป็นจดหมายอนุญาตให้เธอพักฟื้นได้จนกว่าเธอจะหายเป็นปกติ” มิสเตอร์แฮมเบิร์กยื่นจดหมายในซองสีน้ำตาลให้แฮร์รี่
“แล้วอย่าลืมล่ะว่าผมฝากความคิดถึงถึงเธอด้วย” หัวหน้ามือปราบมารพูดก่อนที่ลูกน้องของเขาจะพยักหน้ารับและทั้งสองก็หายตัวไปในทันที
TBC
No comments:
Post a Comment