Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Monday, July 20, 2015

Chapter 9: งานเลี้ยงวันคริสมาตร์



วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนในที่สุด ก็เป็นเวลาอีกไม่กี่วัน จะเป็นวันคริสมาตร์
ซึ่งจะมีการจัดงานเลี้ยงเต้นรำขึ้น และดูเหมือนว่า นักเรียนปี 5 6 และ 7 จะไม่มีใครเลย
ที่จะไม่ลงชื่อในการอยู่ที่ฮอกวอตส์ในช่วงคริสมาตร์

และในขณะนี้สถานการณ์ในโรงเรียนก็ดูจะตื่นเต้นถึงขีดสุด ทั่วทุกมุมของฮอกวอตส์
เริ่มประดับประดาให้เข้ากับบรรยากาศวันคริสมาตร์ และบทสนทนาก็ดูเหมือนจะเป็นทำนองเดียวกัน...

“เฮอร์ไมโอนี่ เธอมีคู่ไปงานเลี้ยงเต้นรำรึยัง” ปาราวตีถามอย่างกระวนกระวาย ในเช้า วันคริสมาตร์อีฟ
ที่โต๊ะอาหารของกริฟฟินดอร์

“มะ... มีแล้ว ทำไมเหรอ”

“ก็ฉันยังไม่มีน่ะสิ” เด็กสาวร้อง ราวกับมันเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องบอก
“อันที่จริงพวกโบซ์บาจงก็มีมาชวนฉันเหมือนกัน แต่... หน้าตาไม่ได้เรื่องกันสักคน”

“เธอเรื่องมากเอง... แล้วคราวที่แล้วเธอไปงานกับแฮร์รี่ใช่มั้ย” (ปาราวตีพยักหน้ารับ) “งั้นคราวนี้
ทำไมเธอไม่ไปกับเขาล่ะ”

“เขาไม่ชวนฉันนี่นา” ปาราวตีร้อง “แล้วเธอรู้มั้ย ว่าแฮร์รี่ไปงานเลี้ยงเต้นรำกับใครกัน...
ในตายเถอะ...
ฉันไม่น่าเรื่องมากอย่างนี้เลย”

“ไม่รู้สิ... “ เด็กสาวบอก และแล้ว เด็กชายผู้มีรอยแผลเป็นรูปสายฟ้าบนหน้าผากก็มาที่โต๊ะ
พร้อมกับเพื่อนรัก “อ้าว... มาพอดีเลยแฮร์รี่”

“มีอะไรเหรอ” เด็กชายถาม ขณะทิ้งตัวนั่งลง ปาราวตีหันไปหาลาเวนดอร์อย่างฉับพลัน

“ฉันจะถามเธอ ว่าเธอจะไปงานเลี้ยงเต้นรำกับใคร”

“ไม่รู้สิ” แฮร์รี่ตอบอย่างเลื่อนลอย ดูไม่ต่างจากลูน่า เลิฟกู้ดเพศชาย อันที่จริงแล้ว
เด็กชายขอเฮอร์ไมโอนี่ไปงานกับเขา แต่ถูกปฏิเสธ เพราะมีคนชวนเธอก่อนแล้ว แฮร์รี่จึงหงอยไปโดยปริยาย

“แล้วเธอไม่คิดจะชวนใครเหรอ”

“ฉันก็ว่างั้น หวังว่าพี่สองคนคงไม่ลงเอยกับแครบ หรือกอยล์นะ” จินนี่พูด พลางทิ้งตัวลงบนม้านั่งข้างๆ

“ยุ่งน่า จินนี่” รอนบอกอย่างหงุดหงิดเต็มที

“งั้นเธอก็ยังหาคู่ไปงานไม่ได้เหมือนกันเหรอรอน”

“ต้องให้ฉันตอบจริงๆเหรอเฮอร์ไมโอนี่” รอนบอก น้ำเสียงยังคงความหงุดหงิดไว้ได้ดี เด็กสาวจึงยิ้มแหยๆตอบ

“แล้วพวกเธอจะเอายังไงกันล่ะ”

“โธ่... พี่เฮอร์ไมโอนี่ หนูบอกแล้ว ยังมีอีก 2 ที่จะให้พวกพี่เขาชวนไปงานด้วย”
จินนี่เลิกคิ้วอย่างกวนอารมณ์ “ก็แครบกับกอยล์ไงล่ะ”

“เฉยเหอะ จินนี่” เด็กชายทวีความหงุดหงิดมากขึ้น ก่อนจะหันไปคุยกับแฮร์รี่ “แฮร์รี่
ฉันว่านี่มันเข้าขั้นวิกฤตแล้วนะ ขืนยังเป็นอย่างนี้
คงได้ลงเอยกับแครบและกอยล์อย่างจินนี่ว่าจริงๆนั่นแหละ”

“งั้นจินนี่ล่ะ” แฮร์รี่เสนอ

“หยุดเลยเพื่อน” ดีนร้อง ขณะทิ้งตัวลงข้างๆแฮร์รี่ “จินนี่ไปกับฉัน”

“เออ... ช่าย” แฮร์รี่พูดลากเสียง อย่างที่ไม่ใช่นิสัยของเขา “ฉันลืมไป ขอโทษทีเพื่อน”

“อย่าลืมอีกแล้วกัน เผอิญฉันขี้หึงซะด้วย” ดีนบอกอย่างหึงหวง มองสบตาจินนี่อย่างมีความหมาย

“เอ่อ...” รอนขัดช่วงเวลาแห่งความสุขของทั้งคู่ขึ้นก่อน “แล้วพวกนายจะกรุณาช่วยพวกเราหาคู่ไปงาน
โดยที่ไม่ต้องลงเอยกับแครบ กอยล์ หรือแม้แต่ลูน่า”

“ลูน่า เป็นความคิดที่ดีนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดล้อเลียน

“พอเลยเฮอร์ไมโอนี่ ให้ตายดีกว่าไปงานกับยัยบ๊องค์นั่น” รอนร้อง พร้อมกับแสดงออกทางสีหน้า

“ลูน่าไม่บ๊องค์นะรอน” เด็กสาวร้อง “จำไม่ได้เหรอ ปลายเทอมที่แล้วเขายังไปกระทรวงกับเราเลยนะ และ
เอ่อ... ใช่ อาจจะบ๊องค์นิดๆน่ะ”

“แล้วจะเอายังไงล่ะทีนี้”

“เอ้อ... สำหรับแฮร์รี่นะ ฉันว่าปาราวตียังไม่มีคู่ล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เสนอ

“ดีล่ะ... “เด็กชายพึมพำ ก่อนจะขอเธอโดยไม่อ้อมค้อม “ปาราวตี... ฉันเองๆ... คือว่า
เธอจะไปงานเลี้ยงเต้นรำวันคริสมาตร์กับฉันได้มั้ย”

เด็กสาวมีท่าทีอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะยอมตกลง

“แล้วน้องเธอล่ะ ปาราวตี” รอนร้อง “เอ่อ... ชื่ออะไรนะ เอ้อ... ปัทมาน่ะ”

“ปัทมามีคนชวนไปงานแล้วล่ะ เป็นพวกโบซ์บาตงที่มาเมื่อคราวที่แล้วน่ะ ครั้งนี้เขาก็เลยชวนเธอ”
รอนพยักหน้ารับ เด็กสาวจึงหันไปพูดคุยกับลาเวนดอร์ต่ออย่างร่าเริงกว่าเดิม

“แล้วเอาไงล่ะฉัน” รอนพึมพำกับตนเอง

“อย่างน้อย ฉันก็ไม่ต้องลงเอยกับโทลล์ หรือลูน่าแล้วล่ะ” แฮร์รี่พึมพำอย่างโล่งใจ “เอ้อ...
ว่าแต่เฮอร์ไมโอนี่ เธอจะไม่บอกฉันจริงๆเหรอ ว่าเธอจะไปงานกับใครน่ะ”

“มะ...ไม่บอกล่ะ เดี๋ยวเธอก็รู้เอง” เด็กสาวตอบ ก่อนจะลุกขึ้น “งั้นฉันขอตัวก่อนแล้วกัน”

“เธอจะไปไหนกันล่ะ เฮอร์ไมโอนี่” รอนร้องถาม แต่คำตอบที่ได้กลับ มีเพียงมือเด็กสาวที่โบกไปมา
ก่อนจะจากไป “หวังว่าคงไม่ใช่ห้องสมุดนะ”

“ฉันว่าไม่ต้องหวังหรอกรอน ห้องสมุดนั่นแหละเพื่อน” แฮร์รี่กลั้นหัวเราะ

****************************************

เฮอร์ไมโอนี่มุ่งหน้าสู่หอนอนกริฟฟินดอร์ ด้วยความคิดอันหนักอึ้ง ทันทีที่ไปถึง
เธอก็จัดการโบกไม้กายสิทธิ์ให้สมุดเล่มสีชมพูหวานแหวว และปากกาขนนกพุ่งมาหาเธอ
ก่อนจะจรดปลายปากกาลงในหน้ากระดาษสมุด

‘เฟเร็ต’

อีกด้านหนึ่ง มัลฟอยเองก็รอออทเทอร์อยู่แล้ว ดูเหมือนเด็กชายเองก็กังวลอยู่เหมือนกัน
ในเมื่อเฮอร์ไมโอนี่มีคู่ไปงานเต้นรำแล้ว เขาก็หมดสิทธิ์ไปงานกับเธออย่างสิ้นเชิง และที่สำคัญ
เด็กชายเพิ่งปฏิเสธการขอไปงานเลี้ยงเต้นรำของแพนซี่มา
ซึ่งร้องห่มร้องไห้ราวกับชาติหน้าเธอจะต้องเกิดเป็นหมาจู หากมัลฟอยไม่ไปงานกับเธอ

‘ว่าไง’

‘นายยังไม่ลืมที่สัญญาไว้ใช่มั้ย’

‘สัญญาอะไร’ เด็กชายกวนอารมณ์เล็กๆ

‘ก็ที่ว่านายจะไปงานเต้นรำกับฉันไงล่ะ’

‘เออใช่... ลืมไปจริงๆด้วยแฮะ’

“คนบ้า” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ

‘ล้อเล่นน่า ฉันไม่ใช่โทลล์เสียหน่อย จะได้โง่ขนาดนั้น’ มัลฟอยเขียน ก่อนจะพึมพำกับตนเองว่า
“ให้ตายซะดีกว่า ที่จะยอมไปงานกับพาร์กินสัน”

‘งั้นดีเลย ในที่สุดฉันก็จะได้รู้แล้วล่ะ ว่านายเป็นใคร’

มัลฟอยหน้าหงอยไปเล็กน้อย

“หวังว่าเธอจะรับได้”

‘นายเป็นอะไรไปรึเปล่า’

‘ไม่’ เด็กชายโกหก ‘ฉันก็แค่ตื่นเต้นที่จะได้พบเธอเท่านั้นแหละ’

‘เหมือนกัน’ เด็กสาวตอบพลางยิ้มกว้าง

‘แล้วเราจะเจอกันที่ไหนล่ะ’

‘หน้าห้องโถงใหญ่เป็นไง’ เฮอร์ไมโอนี่เสนอ

‘ก็ดี’

‘แล้ว... นายสวมชุดสีอะไร’

‘ถามทำไม’

เด็กสาวขมวดคิ้วน้อยๆ

‘เชอะ... ฉันคงจะรู้หรอกนะ ว่าคนไหนคือนาย’

‘เออใช่...’ มัลฟอยตอบ ‘ฉันสวมชุดสีดำ’

‘ดำ... ผู้ชายครึ่งโรงเรียนได้ ที่จะสวมชุดสีดำ’

‘แล้วจะให้ฉันทำไงเล่า’

‘บอกชื่อนายสิ’ เฮอร์ไมโอนี่บอกยิ้มๆ

‘เอาไว้คริสมาตร์ปีหน้าแล้วกัน’

“เชอะ... คนบ้า แค่นี้ก็บอกไม่ได้” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ

‘ไม่งั้นจะให้ฉันรู้ได้ยังไงไม่ทราบ’

‘ฉัน เอ่อ... เธอบอกสิ ว่าเธอสวมชุดสีอะไร’

‘ชมพู’

‘เออ... พอกัน ผู้หญิงครึ่งโรงเรียนคงสวมสีชมพูเหมือนกัน’

‘เห็นมั้ยล่ะ งั้นคราวนี้ก็เหลือวิธีสุดท้าย คือให้นายน่ะบอกชื่อมา’

‘แล้วทำไมเธอไม่บอกก่อนล่ะ’

‘ก็เพราะว่าฉันถามนายก่อนน่ะสิ’ เฮอร์ไมโอนี่เขียนตอบอย่างผู้ที่เหนือกว่า

‘ไม่ล่ะ ฉันว่าต้องมีวิธีที่ดีกว่านี้แน่’

‘งั้นวิธีไหนล่ะ’ เด็กสาวถามอย่างไม่พอใจ

“วิธี... อ้อ รู้ล่ะ” เด็กชายพึมพำ

‘ก็คนสุดท้ายที่อยู่หน้าห้องโถง คือเราแต่ละคน’

‘แล้วเราก็เข้างานสายด้วย’

‘ไม่เห็นเป็นไร’ เด็กชายบอกอย่างเอาแต่ใจ

‘เชอะ... แล้วแต่นายแล้วกัน’ เฮอร์ไมโอนี่ยอมแพ้ในที่สุด

‘ดีมาก แล้วเจอกัน’

‘บาย’

มัลฟอยปิดสมุดลงอย่างเบามือ อย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อน ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างพอใจ

****************************************

ในที่สุด เวลาก็เดินมาถึงวันคริสมาตร์ ซึ่งเป็นวันหยุด และถือเป็นโอกาสดีให้บุคคลจำพวกรอน

“ว่าไงรอน เธอได้คู่ไปงานคืนนี้รึยังล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยถาม ซึ่งคำตอบที่ได้รับ คือบรรยายโดยรอบ
ที่แสนจะวังเวง “เออ... ไม่ต้องตอบหรอก”

“ฉันว่าโอกาสสุดท้ายของนายคือลูน่านะ” แฮร์รี่เสนอ

“ผิดแล้วเพื่อน ลูน่าจะไปงานกับฉัน” เนวิลล์บอก ขณะทิ้งตัวลงข้างๆรอน
ทำเอาสติสัมปชัญญะผู้ฟังเกือบดับวูบ

“ไปซะแล้ว โอกาสสุดท้ายของฉัน” รอนพึมพำ

“ไม่หรอกรอน ฉันว่าเธอยังมีโอกาสอยู่นะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด ขณะมองไปทางแพนซี่ ซึ่งอารมณ์บูดถึงขีดสุด
และดูท่าจะสับสนเหลือเกินว่าจะเลือกโทลล์หรือตัวเยติ (แครบหรือกอยล์) ไปงานด้วยดีกว่ากัน
เพื่อนทั้งสองจึงมองตามสายตาของเธอไป

“ตายซะดีกว่า” รอนอุทาน

“งั้นเธอก็ตายซะรอน”

“ฉันว่านายไปงานคนเดียวดีกว่านะรอน” แฮร์รี่เสนอ “หรือไม่ก็กลับบ้าน”

“สายไปแล้วล่ะ รถไฟเพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง” เนวิลล์บอก และเกือบจะทำให้สติสัมปชัญญะรอนดับอีกรอบ

“แล้วจะเอายังไงดีล่ะ” รอนครางกับเพื่อน

“ชวนยัยนั่นสิ” เด็กสาวเสนอ พยับเพยิบไปยังแพนซี่

“ไปงานกับหมาจู” แฮร์รี่ล้อ

“ยังไงก็เป็นโอกาสสุดท้ายของฉันล่ะ” รอนบอก ก่อนจะบังคับร่างกายให้ลุกขึ้น
แล้วตรงไปยังโต๊ะอาหารของสลิธีริน มีแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ และเนวิลล์เฝ้ามองอย่างเป็นห่วงอยู่

“พาร์กินสัน... “

“อะไรยะ นายหัวแดง”

ดูเหมือนรอนต้องบังคับตนเองอย่างที่สุด เพื่อจะพูดประโยคต่อไป

“เธอ เอ่อ... มีคู่ไปงานเลี้ยงเต้นรำคืนนี้รึยัง”

“ไม่” แพนซี่ตอบอย่างหงุดหงิด เรียกได้ว่า หากเธอเห่าระบายอารมณ์ได้ เธอคงทำเป็นแน่

“ดี งั้นเธอจะไปงานกับฉันได้มั้ย” รอนถามอย่างไม่อ้ำอึ้ง

แพนซี่มองตั้งแต่ศีรษะ จรดปลายเท้ารอน และหันไปมองแครบและกอยล์ ก่อนจะยอมตกลง อย่างฝืนทนเต็มที

“งั้นดี แล้วเจอกันหน้างานคืนนี้” รอนบอกก่อนจะเดินกลับโต๊ะกริฟฟินดอร์

“เฮอร์ไมโอนี่ ก่อนไปงาน เธอต้องเสกเชือกสักเส้นให้ฉันด้วยนะ” รอนบอกขณะทิ้งตัวลงข้างๆเนวิลล์

“เธอจะเอาไปทำไมน่ะรอน”

“คล้องคอยัยหมาจู แล้วจูงเข้างานไงล่ะ”

****************************************

และแล้ว เมื่อใกล้เวลาที่กำหนด เฮอร์ไมโอนี่ก็มารอเฟเร็ตอยู่หน้างาน
ซึ่งมีคู่มากมายมารออยู่ด้วยเช่นกัน
รวมถึงมัลฟอยด้วย

“เกรนเจอร์ มารอคู่รึไง” มัลฟอยถามด้วยเสียงยานคาง

“รอให้นายมากวนฉันอยู่ล่ะมั้ง”

“งั้นก็สมหวังเธอล่ะ” เด็กชายตอบอย่างกวนอารมณ์

เวลาค่อยๆเดินไปอย่างเชื่องช้า จนในที่สุดหน้าห้องโถงเหลือเพียงเฮอร์ไมโอนี่ และมัลฟอยเท่านั้น
และนั่นทำให้ทั้งสองสังเกตซึ่งกันและกันได้

มัลฟอย มาในชุดสีดำ เสื้อคลุมยาว และปกคอตั้ง และที่แปลกที่สุด คือทรงผมของเขา
จากที่เคยเรียบแปล้ติดศีรษะ บัดนี้กลับปล่อยไปตามธรรมชาติ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากจะยอมรับกับตนเองเลย
ว่าเขาดูดีกว่าทุกครั้ง

ส่วนเฮอร์ไมโอนี่เอง ก็มาในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อน แบบเกาะอกไม่สั้นนัก(แค่เข่า)
มีผ้าสีขาวหนาผืนยาวคลุมไหล่ไว้ และที่ทำให้มัลฟอยประหลาดใจ คือทรงผมของอีกฝ่ายเช่นกัน จากที่เคยหยิกฟู
หรือเป็นลอนหยักศก แต่บัดนี้กลับตรงยาว เป็นเงางาม

“เฟเร็ตบ้า ต้องให้รอถึงชาติหน้ารึไง ถึงจะมา” เฮอร์ไมโอนี่ละสายตาจากมัลฟอยมาพึมพำกับตนเอง
พลางมองไปรอบๆ มัลฟอยเองก็เริ่มกระวนกระวายเช่นกัน แล้วเด็กสาวจึงนึกบางอย่างขึ้นได้

หากไม่มีใครแล้วนอกจากเธอและมัลฟอยที่ยังคงรอคู่อยู่
มัลฟอยเองก็เป็นนักเรียนฮอกวอตส์ อย่างที่เฟเร็ตว่า...
มัลฟอยเองก็อยู่ปี 6 อย่างที่เฟเร็ตว่า...
มัลฟอยเองก็เป็นนักกีฬาควิดดิช อย่างที่เฟเร็ตว่า...
มัลฟอยเองก็เสกผู้พิทักษ์เป็นตัวเฟเร็ต...
แล้วจะเป็นไปได้มั้ย หากมัลฟอยจะเป็นเฟเร็ต...

“เฟเร็ต” เฮอร์ไมโอนี่ลองเสี่ยงเรียกมัลฟอยดู

“อะไร” เด็กชายตอบโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ต้องชะงักไป...

เกรนเจอร์เองก็เป็นนักเรียนฮอกวอตส์อย่างที่ออทเทอร์ว่า...
เกรนเจอร์เองก็เป็นนักเรียนปี 6 อย่างที่ออทเทอร์ว่า...
เกรนเจอร์เองก็แสนจะขี้งอน...
แล้วจะเป็นไปได้มั้ย หากเกรนเจอร์จะเป็นออทเทอร์...

“ออทเทอร์เหรอ”

“นายคือเฟเร็ตงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างตกใจ

“แล้วเธอ... ถ้าใช่แล้วจะทำไมกันล่ะ เสียใจขนาดนั้นเลยรึไง” เด็กชายพูดอย่างไว้ตัว

“ฉะ... ฉันแค่ตกใจ”

“แล้วเราจะเข้างานกันได้รึยังไม่ทราบ หรือเธออยากจะได้แครบหรือกอยล์มันเป็นคู่มั้ยล่ะ มันยังว่างกันนะ”

“ไม่เป็นไร ให้ไปกับพวกเขา ฉันยอมอยู่กับเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญทั้งวันเลย”

มัลฟอยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยื่นแขนให้เฮอร์ไมโอนี่เกาะ

“ทำไม”

“ให้ตายเถอะ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้เป็นที่หนึ่งของสายชั้นนะ” เด็กชายว่า
ก่อนจะคว้ามือของเธอมาคล้องแขนเขาไว้ ก่อนจะพาเข้าห้องโถงไปด้วยกัน

ดวงตาเกือบทุกคู่จับจ้องอยู่ที่เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอย อันที่จริงก็ว่าพวกเขาไม่ได้
ในเมื่อศัตรูมาเดินควงกันอย่างนี้ให้เห็นต่อหน้าต่อตา
ตามมาด้วยเสียงกระซิบกระซาบราวกับหากพวกเขาไม่ได้กระซิบกระซาบกันอย่างนี้
มัลฟอยจะวิ่งไปสาบพวกเขาให้กลายเป็นคางคก 8 ขา

“มะ... มัลฟอย ปล่อยเถอะ ฉันว่า” เฮอร์ไมโอนี่ตะกุกตะกัก พลางค่อยๆเอามือออก

“ไม่ต้อง” เด็กชายบอก ก่อนจะคว้ามือไว้ไม่ให้เธอเอาออก และมองทุกคนที่มองเขาอย่างสื่อความหมายได้ว่า
...ขืนยังมองอยู่อีก ก็เลือกเอาว่าอยากเป็นอะไร ระหว่างกบ 8 ขา หรือคางคก 3 หัว...

แล้วมัลฟอยก็พาเธอไปนั่งที่โต๊ะว่างๆ ซึ่งดูเหมือนจะเหลือเพียงโต๊ะเดียวเท่านั้น
แสงไฟจากเทียนไขดับวูบลง พร้อมๆกับวงดนตรีแวร์เดอะซองเริ่มบรรเลงเพลง ผู้คนเริ่มลุกจากที่นั่ง
เพื่อไปเต้นรำ รวมถึง...

“เกรนเจอร์ เราไปเต้นรำกับมั้ย” มัลฟอยถามอย่างเคอะเขิน เด็กสาวลังแลเล็กน้อยก่อนจะยอมตกลง
เด็กชายจึงพาเธอไปยังฟลอร์เต้นรำ

“เกรนเจอร์ ฉันเอ่อ... “ เด็กสาวมองหน้าเขาอย่างงงๆ ขณะที่ยังคงเต้นรำ “ฉันบอกเธอรึยัง
ว่าวันนี้เธอสวยมาก” เด็กชายบอก ใบหน้าเริ่มมีสีน้อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับเขา

“ขอบใจ” เด็กสาวตอบ ใบหน้าเป็นสีจัด

“โอ้ย!”

“อะไร”

“เธอเหยียบเท้าฉัน” มัลฟอยบอกรอดไรฟัน

“ขะ... ขอโทษ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำกับเท้าตนเอง “ฉันเต้นรำไม่ค่อยเก่งนี่”

“ไม่บอก ฉันก็พอจะรู้”

“เอ่อ... มัลฟอย ฉันว่า ฉันกลับดีกว่า ขืนแฮร์รี่กับรอนเห็น มีหวัง... “

“พวกเราเห็นแล้วจะทำไมเหรอ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์” รอนบอก
ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงดูเหมือนไม่ได้ทานอาหารมาแรมปี (แบบโมโหหิว)

ดูเหมือนความสนใจของผู้คนในห้องโถงใหญ่จะรวมกันที่พวกเขาอีกรอบ แต่คราวนี้มีรอนและแฮร์รี่เข้าร่วมด้วย

“ฉะ... ฉัน... “ เฮอร์ไมโอนี่ตะกุกตะกัก แล้วโดยที่เธอเองก็ยังไม่สามารถบังคับตนเองได้
สมองของเธอก็สั่งการให้เด็กสาวออกวิ่งจากห้องโถงไป โดยไม่รอให้ใครได้ตั้งตัวทัน

“เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ร้องเรียก

“เกรนเจอร์ เดี๋ยว!”

****************************************

ทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่มาถึงหอนอน เด็กสาวก็เอาแต่ร่ำไห้กับหมอนตนเอง
น้ำตาหลั่งรินอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด สมุดสีชมพูหวานแหววที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง
ก็เอาแต่ส่องแสงวาบอย่างถี่ๆ คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมัลฟอยเป็นแน่ ที่เขียนหาเธอ
แต่เด็กสาวก็ยังคงทำเหมือนไม่มีสมุดเล่มนั้นอยู่บนโลก...

เวลาผ่านไปสักพัก ปาราวตีและลาเวนดอร์ก็เข้ามาในหอ

“เฮอร์ไมโอนี่” ปาราวตีลองเสี่ยงเรียกดู แต่ก็ไม่ได้รับเสียงตอบกลับมา เธอจึงถอนหายใจเบาๆ
ก่อนจะออกไปพร้อมกับลาเวนดอร์ เฮอร์ไมโอนี่จึงผล็อยหลับไปทั้งน้ำตา

****************************************

เช้าวันรุ่งขึ้น เป็นวันที่นักเรียนจากเดิร์มสแตรงก์และโบซ์บาตงจะไปจากฮอกวอตส์ ตามกำหนด

เฮอร์ไมโอนี่ตื่นแต่เช้าตรู่ เธอมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย
ดวงอาทิตย์ยังไม่ส่องแสงเลยด้วยซ้ำไป เด็กสาวจึงรีบลงมาจากหอนอนก่อน
เพื่อจะได้ไม่ต้องพูดคุยเรื่องเมื่อคืนกับลาเวนดอร์ ปาราวตี หรือแม้แต่แฮร์รี่และรอน

“เธอจะรีบไปไหนน่ะ เฮอร์ไมโอนี่” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากห้องนั่งเล่นรวม ทำให้เธอชะงักอยู่ที่บันได

“แฮร์รี่!”

“และรอน” เด็กชายที่นั่งข้างๆแฮร์รี่เสริม

“ว่าไงล่ะ เธอจะรีบไปไหน”

“ปะ... เปล่า ฉันไม่ได้รีบไปไหนซะหน่อย”

“ไม่รีบก็ดี เราจะได้คุยกัน” แฮร์รี่บอกเสียงเย็น “เรื่องเมื่อคืน”

“ฉะ... ฉัน”

“บอกมาสิ ว่าทำไมเธอถึงไปงานเลี้ยงกับศัตรูหมายเลข 1 ของเรา” แฮร์รี่ถามเสียงเย็น

“ฉันไม่รู้จริงๆว่าฉันต้องไปงานกับเขา”

“ไม่รู้?” แฮร์รี่ย้อนอย่างไม่เชื่อ
เฮอร์ไมโอนี่จึงเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาของเธอกับมัลฟอยที่คุยกันผ่านสมุด ให้เพื่อนทั้งสองฟัง

“แล้วตอนนี้... “ เฮอร์ไมโอนี่เริ่มมีน้ำตาปริ่มขึ้นที่ขอบตา

“เธอเริ่มรักมันเข้าแล้ว” แฮร์รี่เสริม น้ำเสียงเจ็บปวด

“ใช่” เด็กสาวยอมรับแต่โดยดี น้ำตาเริ่มหลั่งรินลงมา “แล้วตอนนี้ ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี”

“งั้นเธอก็ไม่ต้องทำอะไร” รอนบอกอย่างใจเย็น อย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน “หากเธอรักมัน และมันรักเธอ
ก็ปล่อยให้เป็นไปตามนั้น”

“แต่!”

“เราจะห้ามไม่ให้เขารักกันได้เหรอแฮร์รี่” รอนบอกดักคอแฮร์รี่ เขาเองรู้ดีว่าเพื่อนรัก
คิดยังไงกับเฮอร์ไมโอนี่ ถึงแม้ภายนอกเขาจะดูซื่อ (บื้อ) ในบางที

“แต่ฉัน... “

“ก็รักเฮอร์ไมโอนี่” รอนต่อ แฮร์รี่หน้าเป็นสีจัด

“แฮร์รี่ เธอ... “

“ใช่ ฉันชอบเธอ” แฮร์รี่ร้องอย่างหมดความอดทน ดูเหมือนเป็นอาการปลดปล่อยอารมณ์ที่มีทั้งหมดให้ออกมา
“แล้วจะผิดมั้ย ถ้าฉันจะไม่อยากให้เธอไปชอบมัลฟอย”

“มันไม่ผิดหรอกแฮร์รี่ ถ้าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ชอบมัลฟอยด้วย แต่นี่เธอ... “

“ฉันขอโทษ” เด็กสาวพึมพำกับหน้าตักตนเอง

“ไม่ต้องหรอก เธอไม่ต้องขอโทษอะไร พวกเราไม่มีสิทธิ์จะขวางเธอได้อยู่แล้ว เพียงแต่จะเตือน ก็เท่านั้น”

“ใช่ มัลฟอยน่ะ เธอจำไม่ได้เหรอ มันเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของเรา”

“และชอบถากถางได้เสมอ เมื่อมีโอกาส” รอนเสริม “แต่พักหลังมานี่ เขาไม่ได้ทำเหมือนแต่ก่อน”

“ใช่ ฉันก็ว่า เขาดีขึ้นนะ” เฮอร์ไมโอนี่บอกเสียงอ่อย พลางปาดน้ำตาทิ้งไป

“ฉะนั้น พวกเราแค่จะมาบอกเธอ ว่าจะไม่ห้าม เราจะเคารพในการตัดสินใจของเธอ”

“แต่ถ้าจะให้ฉันญาติดีกับมัน คงยากหน่อย”

“คงต้องใช้เวลา โดยเฉพาะกับแฮร์รี่” รอนเสริมยิ้มๆ

“ขอบใจพวกเธอมาก ขอบใจจริงๆ” เด็กสาวร้อง ก่อนจะโผเข้ากอดเพื่อนทั้งสอง ทำเอาแฮร์รี่หน้าร้อนผ่าว

“สบายใจแล้วสิ” รอนบอก เมื่อเธอคลายอ้อมกอด

“อื้ม ขอบใจนะ”

เด็กสาวเพิ่งตะหนักในนาทีนี้เอง ว่ามิตรภาพนั้น ยิ่งใหญ่เพียงใด...

****************************************

หลังจากเฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่ และรอน ปรับความเข้าใจให้ตรงกันแล้ว
เด็กสาวก็ขอตัวไปสถานที่ที่เธอชื่นชอบที่สุดในฮอกวอตส์

“เกรนเจอร์” เสียงหนึ่งร้องเรียกเธอ พลางตรงเข้ามาหาเธอด้วย “เธอไม่เป็นไรนะ
พวกหัวเป็นแผลมันทำอะไรเธอหรือเปล่า”

“มัลฟอย นายอย่างเรียกแฮร์รี่อย่างงั้นนะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง

“ก็ได้... ว่าแต่มันไม่ได้ว่าอะไรเธอนะ”

“ไม่... ” เด็กสาวบอกยิ้มๆ “นายเป็นห่วงฉันเหรอ” คำพูดเพียงประโยคเดียวของเฮอร์ไมโอนี่
ทำเอาเด็กชายหน้าร้อนผ่าว

“คะ... ใครว่ากันล่ะ” มัลฟอยบอก โดยมีท่าทีกลบเกลื่อนอย่างเห็นได้ชัด “ฉันก็แค่... เอาเถอะ
เธอไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

เฮอร์ไมโอนี่ยังคงยิ้มกริ่ม

“แล้วนายกำลังจะกลับบ้านเหรอ”

“เอ่อ... ใช่” เด็กชายกระชับเสื้อคลุมตัวยาวของเขา

“งั้น... เดินทางโดยสวัสดิ์ภาพก็แล้วกัน”

“เป็นห่วงฉันเหมือนกันนี่” มัลฟอยล้อเลียน เป็นเหตุให้เฮอร์ไมโอนี่ใบหน้าเป็นสีจัดบ้าง
“แล้วเธอไม่กลับบ้านเหรอ”

เด็กสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ

“เดรโก!” เสียงแสบหูดังขึ้นจากด้านหลัง “มาอยู่กับยัยเลือดสีโคลนสกปรกนี่อีกแล้วเหรอ”

“ยุ่งน่า” เด็กชายคำราม “แล้วอย่าเรียกเกรนเจอร์อย่างนั้นอีก”

เป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้เรื่องเลย หากเฮอร์ไมโอนี่จะดีใจอย่างออกนอกหน้า

“ตะ... แต่ว่าทำไมล่ะ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอก็... “

“นั่นมันเมื่อก่อน... หยุดพูดได้แล้ว... ออกไปซะ”

“แต่ว่า... “

“ไม่มีแต่ ออกไป”

“ก็ได้... “ แพนซี่บอกครางอย่างกล้าๆกลัวๆ “แล้วเธอรีบตามมานะ เดรโก”
ว่าแล้วเด็กสาวก็รีบกลับออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องสงสัยเลย หากเธอจะเลื้อยจากไป...

“งั้น... ฉันไปก่อนนะเกรนเจอร์” เด็กชายบอกเสียงค่อย ราวกับกลัวว่าเธอจะได้ยิน

เฮอร์ไมโอนี่มองใบหูสีแดงจัดของเขา อย่างพอใจ ก่อนจะกล่าวลา...

“โชคดีนะ”

“ขอบใจ บาย”

“บาย”

ว่าแล้ว เด็กชายก็กลับออกไป พร้อมกับรอยยิ้มที่หาดูได้ยากจากเขา...

****************************************

หลังวันคริสมาตร์ ฮอกวอตส์อนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านได้ตามปกติ รวมถึง เดรโก มัลฟอย ด้วย ดังนั้น เขา
และแม่ของเขา นาร์ซิสซาร์ มัลฟอย จึงเดินทางไปคุกอัซคาบันเพื่อเยี่ยม ลูเซียส มัลฟอย

คุกอัซคาบันที่เคยมีผู้คุมวิญญาณเฝ้าอยู่ แต่พวกมันกลับไปเข้ากับ ลอร์ด โวลเดอร์มอร์ เหมือนเมื่อ 16
ปีก่อน ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่โวลเดอร์มอร์ครองอำนาจ จนกระทั่งเขาพ่ายแพ้แก่ แฮร์รี่ พอตเตอร์
พวกผู้คุมวิญญาณจึงเข้าต่อกระทรวงเวทมนตร์ คลอนีเลียส ฟัดจ์
รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์เสนอให้พวกมันคุมคุกอัซคาบัน ซึ่งพวกมันก็ยอมรับแต่โดยดี เพราะถึงอย่างไร
พวกมันก็ได้ดูดเอาความสุขของนักโทษมาเป็นอาหารของพวกมันอยู่ดี แต่บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว
ผู้คุมวิญญาณเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วยมือปราบมาร

ในที่สุด เดรโกและแม่ของเขาก็มาถึงคุกอัซคาบัน...

แม้ดอาย-มู้ดดี้ ใช้ดวงตาวิเศษและดวงตาข้างปรกติ มองสำรวจ นาร์ซิสซาร์
ตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อเธอขอเข้าไปเยี่ยมนายมัลฟอย

“ส่งไม้กายสิทธิ์มา” มู้ดดี้คำราม นางมัลฟอยยื่นไม้กายสิทธิ์ให้แต่โดยดี “อีกอันด้วย”
นาร์ซิสซาร์ส่งสายตารังเกียจไปให้เขา
ก่อนที่จะส่งไม้กายสิทธิ์อีกอันซึ่งเคยเป็นของนายมัลฟอยมาก่อนให้ไป

“ตาม คิงสลีย์ ชักเคิลโบลต์ไป”

นางมัลฟอยตามคิงสลีย์เข้าไปอย่างหงุดหงิด เพราะโดนยึดไม้กายสิทธิ์ไป มู้ดดี้จึงหันมาถามเดรโก

“เธอจะเข้าไปเยี่ยมพ่อเธอด้วยมั้ย” เขาคำราม
เดรโกมองอดีตอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดอย่างหวาดๆแกมเคียดแค้น
เพราะมู้ดดี้เคยเสกให้เขากลายร่างเป็นตัวเฟเร็ตแล้วกระเด้งไปทั่วคุกใต้ดิน เมื่อตอนที่เขาอยู่ปี 4
(มัลฟอยไม่รู้ว่านั่นไม่ใช่มู้ดดี้ตัวจริง ถึงแม้ว่าพ่อของเขาจะรู้ก็ตาม)

“ว่าไง”

เดรโกพยักหน้ารับ ก่อนจะส่งไม้กายสิทธิ์ของเขาให้มู้ดดี้

เวลาผ่านซักครู่...

“พ่ออยากพบลูกน่ะ เดรโก” นางมัลฟอยเดินออกมาพร้อมกับคิงสลีย์ “เดี๋ยวแม่จะรอที่นี่”

ดังนั้น เดรโกจึงเดินตามคิงสลีย์เข้าไปในคุกอัซคาบัน

เดรโกมองสำรวจไปรอบๆคุกระหว่างที่เดินตามคิงสลีย์ไป... ที่นี่สร้างโดยอิฐที่สกปรกสภาพรอบๆทั้งมืด
ทึบทึม
อับชื้น และยังมีกลิ่นเหม็นแปลกๆอีกด้วย บ่งบอกถึงสภาพของ คุก อย่างชัดเจน

“ไม่เห็นจะน่ากลัวอย่างที่ใครๆว่าเลย” เดรโกพึมพำอย่างอวดดี

“มันน่ากลัวกว่านี้ เมื่อตอนที่ผู้คุมวิญญาณคุมคุกอัซคาบัน” คิงสลีย์พูดเสียงเข้ม
พลางปรายสายตามองเขาอย่างดูถูก

และแล้วเขาก็หยุดอยู่หน้าห้องขังห้องหนึ่ง

“อโลโฮโมร่า” คิงสลีย์เสกคาถาปลดล็อกกุญแจ ก่อนจะผงกหัวให้เดรโกตามมา

“เข้าไปได้ แต่อย่านานนักล่ะ” เขาพูดจบก็ไม่ยืนรอข้างนอก

เด็กชายก้าวเข้าไปในห้องขังอย่างหวาดๆ พลางมองหาผู้เป็นพ่อในเงามืด

“เดรโก”

เด็กชายสะดุ้งสุดตัว พลางหันมาหานายมัลฟอย ซึ่งดูโทรมไปถนัดตา ผมที่เคยเรียบแปล้เหมือนกับเขานั้น
บัดนี้กลับกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง เสื้อผ้าก็สกปรก ดูไม่ออกเลย ว่าเขาผู้นี้ เคยเป็น นายลูเซียส
มัลฟอย ผู้หยิ่งจองหองในสายเลือด

“แกต้องช่วยฉัน” ไม่มีคำกล่าวทักทายใดๆกับลูกชายทั้งนั้น เด็กชายขมวดคิ้ว

“ช่วยยังไงฮะ”

นายมัลฟอยชำเลืองมองคิงสลีย์แวบหนึ่ง ก่อนจะกระซิบด้วยเสียงแหบพร่า

“แกต้องตีสนิทกับแฮร์รี่ พอตเตอร์” เด็กชายเบะปาก “ฉันรู้ว่าแกเกลียดมัน... ฉันเองก็เกลียดมันเหมือนกัน
แต่จอมมารสั่งมา -- ฟังฉันนะ พอแกตีสนิทกับพอตเตอร์ได้แล้ว เรื่องมันก็จะได้ง่ายขึ้น
ที่แกจะส่งตัวพอตเตอร์ให้จอมมาร

เดรโกกลืนน้ำลายให้ลงคอได้อย่างยากลำบาก

“แกต้องส่งมันไปให้จอมมาร ก่อนจะจบปี 6 ที่แกเรียนอยู่นี่ เข้าใจมั้ยเดรโก” เด็กชายมองพ่ออย่างหวดหวั่น


“แล้วถ้าผมทำไม่ได้ล่ะ”

“แกต้องทำให้ได้ ไม่งั้น -- “ นายมัลฟอยกลืนน้ำลายได้อย่างฝืดเคืองเต็มที “ไม่งั้นท่านจะฆ่าฉัน”

เด็กชายมองผู้เป็นพ่ออย่างหวาดๆ

“หมดเวลาแล้ว” คิงสลีย์คำรามมาจากประตูห้องขัง

“รับปากฉันเดรโก รับปากสิ” นายมัลฟอยคำรามผ่านซี่กรง

เด็กชายพยักหน้ารับพ่อของตน ก่อนจะเดินตามคิงสลีย์ออกไปจากคุกอัซคาบัน รับไม้กายสิทธิ์คืนจากมู้ดดี้
แล้วเดินทางกลับปราสาทมัลฟอยกับผู้เป็นแม่ พร้อมกับภารกิจหนักอึ้งที่ตนต้องแบกรับไว้



TBC



No comments:

Post a Comment