Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Tuesday, July 21, 2015

Chapter 21: จบลงด้วยความสุข [Happy Ending]

ร่างของมัลฟอยล้มลงกับพื้นทันทีที่ลำแสงสีแดงจากปลายไม้กายสิทธิ์ของแพนซี่พุ่งเข้าปะทะร่างของเขา

“เอ็กเปสลิอาร์มัส!” แฮร์รี่ตะโกน  ไม้กายสิทธิ์ในมือของแพนซี่ลอยมาอยู่ในมือของชายหนุ่มทันที  เขาชี้ไม้กายสิทธิ์ไปยังคนทั้งสอง

“เฮ้  พอตเตอร์  เกิดอะไรขึ้น” เสียงของมือปราบมารคนหนึ่งดังขึ้น

“ฉันอยากให้นายช่วยจับกุมสองคนนี่หน่อย  และเรียกหน่วยบำบัดมาช่วยเขาที” แฮร์รี่พูดมองไปที่ร่างของมัลฟอย

“นายหมายถึงเขาเหรอ  แต่เขาเป็นผู้เสพความตายนะ!” มือปราบมารคนนั้นแย้ง

“ช่างเรื่องนั้นเถอะ  เอาเป็นว่าช่วยเขาก่อน!” แฮร์รี่พูดอย่างร้อนรน  ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้ารับทันที  และร่างที่ไม่ได้สติของมัลฟอยก็ถูกส่งไปให้หน่วยบำบัดรักษาต่อไป



*************************************************



มัลฟอยลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ และเขาก็พบใบหน้าของหญิงสาวผมสีน้ำตาลหยักศก  ดวงตากลมโตสีน้ำตาลของเธอกำลังจ้องมองที่เขา

“เดรโก” เธอพูดเบา ๆ พลางเอามือเรียวเล็กมาลูบศีรษะช้า ๆ

“เฮอร์ไมโอนี่” เขาพึมพำ  “ฉันเป็นห่วงเธอเหลือเกิน” เขาพูดตามความรู้สึกจริง  เขากลัวเหลือเกินว่าเธอจะเป็นอะไรไปเสียก่อน

“ฉันเองก็เป็นห่วงเธอ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ  เธอมองเขาอย่างรักใคร่  มัลฟอยมองหญิงสาวราวกับพวกเขาจากกันมาแสนนาน  ชายหนุ่มลูบแก้มของเธอเบา ๆ และค่อย ๆ รั้งใบหน้านั้นเข้ามาใกล้เขาช้า ๆ ก่อนที่จะประทับริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากของเธอ  แต่ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะได้สัมผัสกัน  ร่างของเฮอร์ไมโอนี่ก็แปรเปลี่ยนไปเป็นร่างของหญิงสาวผมดำ  แววตาสีดำของเธอจ้องมองเขาอย่างหลงไหล

“ฉันรักเธอ  เดรโก” แพนซี่พูดเสียงหวาน  พลางก้มหน้าลงซบที่หน้าอกของเขา  ชายหนุ่มผลักเธอออกทันที  แต่แพนซี่กลับรั้งร่างของเขาเข้ามาใกล้อีกครั้ง

“ทำไมเป็นเธอ  พาร์กินสัน” มัลฟอยพูดอย่างตกใจ  แพนซี่ยิ้มหวาน  มันเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวและน่ารังเกียจที่สุดเท่าที่มัลฟอยเคยได้เห็นมา

“ฉันรักเธอ” แพนซี่พูดราวกับละเมอ “และเธอก็รักฉัน  ฉันรู้” เธอพูด  แนบหน้าเข้ามาชิดใกล้มัลฟอย  ซึ่งชายหนุ่มไม่มีแรงที่จะขัดขืนเธอ  ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามเท่าไรก็ตาม  ราวกับว่าเขาถูกตรึงไว้ด้วยแววตาสีดำคู่นั้น  จนเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ดังใจ

“ฉันไม่ได้รักเธอ  แพนซี่” ชายหนุ่มปฏิเสธ “ฉันไม่เคยรักเธอ!”

“เธอรักฉัน!” แพนซี่ตวาดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว “เธอรักฉัน  และก็เป็นของฉันคนเดียว  เดรโก” แพนซี่พูดราวกับบ้าคลั่ง

“เธอต้องเป็นของฉันตลอดไป!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก  มือที่ทาบอยู่ตรงอกของมัลฟอยนั้นค่อย ๆ กำแน่น  จนเล็บของเธอจิกเข้าไปในเนื้อของเขา  เลือดสีแดงไหลรินมาเป็นทาง  แต่แพนซี่ยังคงทำหน้าราวกับเพ้อฝัน

“เธอต้องเป็นของฉัน  เป็นของฉันตลอดไป!!!”

มัลฟอยลืมตาโพลง  ชายหนุ่มหอบหายใจราวกับออกวิ่งมาเป็นระยะทางหลายสิบไมล์  เม็ดเหงื่อจำนวนมากผุดขึ้นบนหน้าของเขา  รวมทั้งที่ร่างกายด้วย  เพราะมัลฟอยรู้สึกว่าเสื้อของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ฝันร้ายหรือนี่  เขาคิดพลางปาดเหงื่อออก

โชคดีที่เป็นความฝัน  ชายหนุ่มคิดในใจพลางมองไปรอบ ๆ ห้องที่มีลักษณะคล้ายห้องพักถูกตกแต่งด้วยสีขาวเกือบทั้งห้อง  และสายตาของเขาก็สะดุดเข้ากับร่าง ๆ หนึ่ง

ร่างของหญิงสาวผมหยักศกสีน้ำตาลที่กำลังนั่งอยู่ไม่ไกลนัก!



*************************************************



“เฮอร์ไมโอนี่!” มัลฟอยพึมพำอย่างคาดไม่ถึง  หญิงสาวหันมาตามเสียงเรียกของเขา

“เดรโก  เธอฟื้นแล้วหรือ” เธอพูดพลางเดินมาที่เตียงของชายหนุ่มที่พยายามจะลุกขึ้น

“โอ๊ย!” เขาร้องด้วยความเจ็บปวดพลางเอามือแตะที่หน้าอกซึ่งมีผ้าพันแผลพันไว้  และเขาก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองบาดเจ็บ

“นอนลงก่อนเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  มัลฟอยทำตามอย่างว่าง่าย  เธอมองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง

“เธอบาดเจ็บรู้ไหม  คาถาเฉียดหัวใจไปนิดเดียวเอง” เฮอร์ไมโอนี่ว่า  “ถ้าหากว่ามันโดนหัวใจของเธอเต็ม ๆ ล่ะก็  เธอไม่ได้มานอนอยู่นี่หรอก”

“ที่นี่?” เขาพึมพำอย่างสงสัย

“ที่นี่ที่โรงพยาบาล” เฮอร์ไมโอนี่ตอบก่อนที่เขาจะถามจบ

“เกิดอะไรขึ้น  แล้วแพนซี่ล่ะ” มัลฟอยถามไปตามที่เขาสงสัย  เพราะเท่าที่เขาจำได้  แพนซี่ร่ายคาถาใส่เขารวดเร็วเกินกว่าที่เขาจะรู้ตัวแล้วหลังจากนั้นเขาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว

“เธอถูกจับกุมไปแล้ว  เสียใจด้วยนะเดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูด  มัลฟอยมองเธออย่างสงสัย

“เธอว่าอะไรนะ  เฮอร์ไมโอนี่” เขาถาม

“ฉันบอกว่าเสียใจด้วยที่แพนซี่โดนจับไป” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“แพนซี่โดนจับไปแล้วยังไง?” เขาพูดอย่างไม่เข้าใจ  เฮอร์ไมโอนี่หันมามองหน้าเขาด้วยแววตาเย็นชาแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้า

“ไม่ต้องปิดปังฉันหรอก  รอนบอกฉันหมดแล้ว  เรื่องที่เกิดขึ้นที่คฤหาสน์ของนายวันนั้น” เฮอร์ไมโอนี่พูด  มัลฟอยยิ่งทำหน้างงเข้าไปใหญ่  เขาไม่เข้าใจว่าเฮอร์ไมโอนี่พูดเรื่องอะไร

“ฉันไม่เข้าใจ…” มัลฟอยพูด  เฮอร์ไมโอนี่มองเขาราวกับเขาทำความผิดร้ายแรง

“ก็เรื่องที่เธอกับแพนซี่รักกันไง” เฮอร์ไมโอนี่พูด  น้ำตาคลอเอ่อดวงตา

“เลิกโกหกฉันซะที่เดรโก  เพราะว่าเธอรักเขา  เธอถึงส่งใบหย่ามาให้ฉันใช่ไหม  และที่เธอไม่ค่อยมีเวลาให้ฉันหลัง ๆ มานี่ก็เพราะเธอไปหาเขาใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างปวดร้าว  น้ำตารินไหลอาบแก้ม

“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด” มัลฟอยพยายามบอกความจริงกับเธอ

“อย่าหลอกฉันอีกเลยเดรโก  ฉันไม่อยากฟัง” เฮอร์ไมโอนี่พูดหันหลังให้เขา

“ฟังฉัน  เฮอร์ไมโอนี่  เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น” มัลฟอยพูด “เธอเข้าใจผิด”

“ฉันไม่ได้เข้าใจผิด  เดรโก  เธอเลิกหลอกฉันเสียที” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนน้ำตาไหลอาบแก้ม  มัลฟอยมองเธออย่างสงสาร  ก่อนที่จะรั้งร่างของเธอมากอดไว้แนบอก  หญิงสาวดิ้น

“ปล่อยฉัน” เธอพูด  แต่มัลฟอยไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยเธอเลย  เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

“ได้โปรด  เฮอร์ไมโอนี่  ฟังฉันอธิบายก่อน  ถ้าเธอไม่เห็นแก่ฉันอย่างน้อยฉันก็ของให้เธอเห็นแก่ลูกของเราก็ยังดี  ฟังฉันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น” มัลฟอยพูด  เฮอร์ไมโอนี่สงบลงเล็กน้อย  และเมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นเขาก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นทั้งหมดให้เธอฟัง



*************************************************



“เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นอย่างนี้แหละ” มัลฟอยพูดเมื่อเล่าเรื่องทั้งหมดจนจบ  เฮอร์ไมโอนี่นิ่งเงียบ

“เธอจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจเธอนะ  เฮอร์ไมโอนี่” เขาพูด  หญิงสาวหันมาสบตาเขาอย่างรู้สึกสงสาร

“แต่ที่ฉันต้องการจะพูดก็มีเท่านี้แหละ  และฉันก็อยากจะขอโทษเธอด้วยที่ต้องทำกับเธออย่างนั้น  ฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ ” มัลฟอยพูด  เอามือเช็ดน้ำตาที่เมื่อครู่ไหลอาบแก้มของเธอเบา ๆ

“ถ้าอย่างนั้นที่เธอทำลงไปทั้งหมดก็เพราะแพนซี่บังคับเธอใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“เขาเอาความปลอดภัยของเธอ  คนที่สำคัญที่สุดของฉันมาเป็นข้อต่อรอง  ทำไมฉันจะไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการล่ะ” มัลฟอยพูด “เธอก็รู้ว่าฉันเลือกวิธีนี้ดีกว่าที่จะต้องสูญเสียเธอไปชั่วชีวิต  เฮอร์ไมโอนี่  เหมือนกับตอนที่ซิลเวียจับตัวเธอไป” มัลฟอยพูด  มองเข้าไปในแววตาหญิงสาว  และมัลฟอยก็นึกอะไรบางอย่างได้

“จริงสิ  เธอคงจำไม่ได้หรอก” เขาพูดอย่างเสียดาย  เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มน้อย ๆ

“ใครว่าฉันจำไม่ได้ล่ะ” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม

“เธอหมายความว่า…..” มัลฟอยพูดราวกับไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองว่าสิ่งที่เขาได้ยินนั้นเป็นเรื่องเดียวกับที่หญิงสาวต้องการบอกเขาหรือเปล่า

“ใช่  ฉันจำได้แล้ว  จำได้ตั้งแต่ยัยแพนซี่ทำฉันหัวแตกแล้ว” เธอพูดยิ้มให้เขา

“งั้นเธอก็จำเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนได้  จำเรื่องที่เราแต่งงานกันได้น่ะสิ” มัลฟอยถาม

“ใช่  ฉันจำเรื่องของเราได้หมดทุกอย่างแล้ว  เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูด  และเมื่อชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นเขาก็คว้าร่างเธอมากอดทันที  หญิงสาวอุทานเบา ๆ

“เฮอร์ไมโอนี่!” เขาพูดกอดเธอแน่นกว่าที่เคย  เขาดูราวกับว่าไม่มีเรื่องใดที่จะทำให้เขาดีใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว

“เดรโก…..ฉันอึดอัด” เธอพูดตะกุกตะกัก  เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มก็ปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนทันที

“ขอโทษ  ฉันลืมไปว่าเธอ  เอ้อ  ท้องอยู่” มัลฟอยพูด  เฮอร์ไมโอนี่ใบหน้าเป็นสีชมพู  และชายหนุ่มก็ค่อย ๆ เอามือวางที่ท้องของหญิงสาวเบา ๆ

“นี่ลูกของฉันใช่ไหม” มัลฟอยพึมพำ  เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง  และก่อนที่หญิงสาวจะพูดอะไรออกไป  ชายหนุ่มก็เอาศีรษะลงทาบกับท้องของเธอ

“ไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลย”  มัลฟอยพูด “ฉันได้ยินมาว่าถ้าทำแบบนี้จะได้ยินเสียงเด็กดิ้นไม่ใช่เหรอ”

“บ้าน่า  เพิ่งสองเดือนเองจะได้ยินอะไรเล่า” เฮอร์ไมโอนี่บ่นด้วยความเขินอาย  มัลฟอยมองเธออย่างเอ็นดู

“เธออยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย” มัลฟอยถาม

“อะไรนะ!” หญิงสาวพูด

“ฉันถามว่าเธออยากได้ลูกผู้ชายหรือผู้หญิง  แต่สำหรับฉันนะฉันอยากได้ผู้ชายก่อน” มัลฟอยพูด  ค่อย ๆ ก้มลงกระซิบที่หูของเฮอร์ไมโอนี่

“ส่วนคนที่สองค่อยเป็นผู้หญิงก็ได้” หญิงสาวหน้าแดงเพราะคำพูดเขา  และเธอก็เลือกที่จะทุบกำปั้นลงบนอกของเขาเป็นการระบายความเขินอายนี้แทน

“บ้า!” หญิงสาวโวยวาย  แต่เมื่อมือของเธอทุบลงบนอกของชายหนุ่ม

“โอ๊ย” มัลฟอยร้อง  ตัวงอด้วยความเจ็บ  เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างอย่างตกใจ

“เดรโก เป็นอะไรรึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างเป็นห่วง  มัลฟอยทำท่าเหมือนกับเจ็บจนพูดไม่ออก  เขาล้มลงไปนอนกับเตียง  เฮอร์ไมโอนี่ยิ่งตกใจมากขึ้น

“เดรโก  ไหวไหม  ฉันไปตามผู้บำบัดมาให้ไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเป็นห่วง  แต่เมื่อหญิงสาวกำลังจะลุกออกจากเตียงไป ชายหนุ่มก็รั้งแขนของเธอไว้

“อย่าไป….” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคนไม่มีแรง  เฮอร์ไมโอนี่ยิ่งตกใจเขาไปใหญ่  แต่สักครู่เขาก็เปลี่ยนสีหน้ามาเป็นปรกติ  เขาค่อย ๆ โน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหูของเธอ

“เพราะฉันไม่เป็นไร” เขาพูด  เพียงเท่านั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา  ก่อนที่จะฟาดกำปั้นลงบนร่างของชายหนุ่มอย่างไม่เลี้ยง  และก็ตามมาด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายของทั้งสองที่ดังลั่นห้องพัก

“นี่  เดรโก  แน่จริงอย่าหนีซี่”

“ก็มันเจ็บ….โอ๊ย….อย่า…เฮอร์ไมโอนี่….อย่า!!!”



*************************************************



หลังจากนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็กลับเข้าสู่ภาวะปรกติ  เฮอร์ไมโอนี่ออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับมัลฟอยในไม่กี่วันต่อมา  และทั้งสองก็เดินทางกลับคฤหาสน์มัลฟอยโดยที่เฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพมือปราบมารเพราะเธอตั้งครรถ์  และมัลฟอยเองก็ไม่อยากให้เธอไปทำเรื่องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้อีก

หลังจากการเข้าจับกุมผู้เสพความตายของเหล่ามือปราบมารวันนั้น  มีผู้เสพความตายจำนวนมากที่ถูกจับกุม  และแฮร์รี่ซึ่งเป็นคนที่สมควรได้รับความดีความชอบในงานนี้ก้ได้เลื่อนขึ้นขึ้นเป็นหัวหน้าทีม  ซึ่งมีตำแหน่งรองจากหัวหน้ามือปราบมารทีเดียว  และรอนเองก็ได้รับตำแหน่งใหม่ที่ไม่น้อยไปกว่าเพื่อนรักของเขาที

เดียว

หลังจากเรื่องวุ่นวายได้ผ่านพ้นไป  ศาสน์สูงวิเซนต์กาม็อตที่มี  อัลบัส  ดัมเบิลดอร์  เป็นประธานก็ได้พิพากษาให้ผู้เสพความตายที่ถูกจับกุมในวันนั้นถูกจำคุกที่อัซคาบัน  รวมทั้งแพนซี่และมิสเตอร์คลิฟฟอร์ดด้วยและเรื่องราวทั้งหมดก็กลับเข้าสู่ภาวะที่มันควรจะเป็นอีกครั้งหนึ่ง



*************************************************



จากเรื่องราวครั้งนั้น  เวลาก็ค่อย ๆ ผ่านไปเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว  แต่ที่พอจะสังเกตเห็นได้ชัดเจนนั้นก็คือรูปภาพที่ผนังห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์มัลฟอยที่ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้นทุกที  ตั้งแต่รูปชายหญิงสองที่ยืนเคียงคู่กัน  กลายเป็นสามเพราะมีสมาชิกใหม่ของครอบครัวเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง

หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่คลอดลูกชายให้แก่มัลฟอย  เขาและเธอก็ได้ตั้งชื่อให้ลูกคนนี้ว่า ‘ เฮนรี่ ’ หรือชื่อเต็ม ๆ ของเขาก็คือ ‘ เฮนรี่  เดรโก  มัลฟอย ’ ซึ่งชื่อกลางของเขานั้นมาจากชื่อของพ่อของเขา เดรโก  มัลฟอย  นั่นเอง   และหลังจากนั้นเป็นเวลาหลายปี   มัลฟอยกับเฮอร์ไมโอนี่ก็คิดว่าพวกเขาพร้อมที่จะมีลูกอีกคนแล้ว  และในปีต่อมาเมื่อเฮนรี่อายุได้สี่ปี  เฮอร์ไมโอนี่ก็คลอดลูกสาวอีกคนหนึ่ง  และตั้งชื่อให้เธอว่า ‘ ไดแอน ’ หรือ ’ ไดแอน  เฮอร์ไมโอนี่  มัลฟอย ’ ชื่อเต็ม ๆ ของเธอ   และสมาชิกใหม่สองคนของครอบครัวมัลฟอยก็ทำให้คฤหาสน์หลังนี้ดูมีสีสันและดูอบอุ่นขึ้นมามากกว่าเดิมหลายเท่านัก



*************************************************



หลายปีผ่านไป

“เฮนรี่  จัดของเสร็จหรือยังลูก” เฮอร์ไมโอนี่หญิงสาวที่ยังคงดูดีอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าตอนนี้อายุของเธอนั้นล่วงเลยเลขสามมาแล้ว  เธอถามลูกชายคนเดียวของเธอ

“กำลังจัดอยู่ครับแม่” เด็กชายผู้มีผมน้ำตาล  นัยต์ตาน้ำตาล  แต่มีใบหน้าที่เหมือนพ่อของเขาราวกับแกะ  ตอบกลับมา  เขากำลังง่วนอยู่กับการจัดข้าวของลงหีบ

“ลูกต้องเช็คให้แน่ใจนะว่าจะไม่ลืมอะไรน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก

“มาอยู่นี่เอง  เฮอร์ไมโอนี่” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น  ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูมีอายุตามวัยที่ล่วงเข้าสามสิบกว่า ๆ ไปแล้ว  แต่เขาก็ยังคงไว้ซึ่งความหล่อเหลา

“อ้อ  เดรโก  ฉันมาดูลูกจัดของน่ะ” หญิงสาวตอบ

“พรุ่งนี้แล้วสินะที่เขาต้องไปฮอกวอตส์น่ะ” เดรโกพูด  เขาเดินเข้ามาโอบกอดภรรยา  เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า

“ใช่  พรุ่งนี้แล้ว” เธอพึมพำ

“พี่เฮนรี่มาเล่นกันไหม” เสียงของเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบดังขึ้น  เธอกำลังเดินไปหาพี่ชายของเธอในห้อง  เด็กหญิงมีหน้าตาเหมือนกับเฮอร์ไมโอนี่มาก  เพียงแต่ว่าเขาได้สีผมและสีตามาจากเดรโกเท่านั้น

“พี่ไม่ว่าง  ไดแอน” เด็กชายตอบกำลังยุ่งกับการยัดของลงหีบ

“มาหาพ่อมา  ไดแอน” เดรโกเรียกลูกสาวไม่ให้ไปกวนพี่ชายของเธอ

“พรุ่งนี้พี่เขาต้องไปแล้วเหรอคะ”  เด็กหญิงถาม  เธอทำหน้าเศร้า

“ใช่  เขาต้องไปแล้ว” เดรโกตอบ

“แต่หนูไม่อยากให้เขาไปนี่” เด็กหญิงพูดทำหน้าราวกับจะร้องไห้  เฮอร์ไมโอนี่จึงรีบปลอบเธอ

“แต่ก็ยังมีพ่อกับแม่อยู่นี่จ๊ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับลูกสาวของเธอ “แล้วเดี๋ยวไม่นานหนูก็จะได้ตามพี่เขาไปด้วย” เธอพูด  เด็กหญิงเริ่มยิ้มออก

“งั้น   พี่ต้องรอนะ  เดี๋ยวแอนจะตามไป” เด็กหญิงพูด  เฮนรี่ยิ้มรับก่อนที่จะเรียกเธอเข้าไปหา

“งั้นมานี่สิ  แอน  อยากมาช่วยพี่จัดของไหม” เฮนรี่เสนอ  เด็กหญิงรีบวิ่งเข้าไปหาพี่ชายของเธอทันที  โดยที่มีเดรโกและเฮอร์ไมโอนี่มองพวกเขาอย่างมีความสุข

“เธอว่าเขาจะได้อยู่บ้านไหน” เฮอร์ไมโอนี่ถามพลางซบไหล่เดรโก

“แน่นอนว่าต้องสลิธีรินอยู่แล้ว” เดรโกพูดอย่างมั่นใจ

“เธอรู้ได้ยังไงเดรโก  เขาอาจจะได้อยู่กริฟฟินดอร์ก็ได้” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง

“ฉันมั่นใจเพราะเขาเป็นลูกของฉัน  เฮอร์ไมโอนี่” เดรโกตอบ  เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างจนใจ

“และที่ฉันมั่นใจอีกอย่างหนึ่งคืออะไรรู้ไหม” เดรโกถาม  หญิงสาวส่ายหน้า

“ฉันมั่นใจว่าเขาจะได้เจอใครสักคนที่เหมือนกับเธอน่ะสิ  อย่างที่ฉันเจอเธอไง” เดรโกพูดพลางโอบกอดเธอไว้แน่น  เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้เขา  และชายหนุ่มก็ประทับริมฝีปากของเขาลงบนแก้มของเฮอร์ไมโอนี่เบา  ๆ  ในขณะที่เขาโอบกอดเธอไว้  ราวกับเป็นการย้ำเตือนถึงความรักของเขาที่มีให้เธอมาตลอดและต้องการที่จะบอกเธอว่า  เขาจะรักเธออย่างนี้ตลอดไป

โดยไม่มีวันเปลี่ยนแปลง



ThE EnD


Chapter 20: การจับกุมและความโชคร้ายของเดรโก

ภายในสำนักงานใหญ่มือปราบมารนั้นดูวุ่นวายมากทีเดียว  เพราะตั้งแต่ผู้เสพความตายที่จะถูกส่งไปอัซคาบันหลบหนีไปก็เกิดเรื่องร้ายแรงต่าง ๆ ขึ้นตามมามากมาย  ซึ่งผู้เสพความตายเหล่านั้นพยายามที่จะรวมตัวกันขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่โวลเดอร์มอร์เจ้านายของพวกมันได้จบชีวิตลงไปเมื่อสี่ปีก่อน  และนั่นก็ทำให้เหล่ามือปราบมารต่างต้องรับภาระหนักในการเข้ากวาดล้างผู้เสพความตายที่คิดเหิมเกริมเหล่านั้นให้สิ้นซากก่อนที่พวกมันจะรวมตัวกันได้จนเป็นกลุ่มเป็นก้อน

ในห้องทำงานของมิสเตอร์  ริชาร์ด  แฮมเบิร์ก  ซึ่งเจ้าตัวกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ไม่น้อย  และเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเลขาสาวของเขา  ลิซซี่

“คุณแฮมเบิร์กคะ  คุณพอตเตอร์ขอพบค่ะ” ลิซซี่รายงาน

“ให้เข้ามาเลยลิซ” มิสเตอร์แฮมเบิร์กพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากงานบนโต๊ะ

“เชิญค่ะ” ลิซซี่หันมาพูดกับแฮร์รี่ที่บัดนี้ก้าวเข้ามาอยู่ในห้องของหัวหน้ามือปราบมารเรียบร้อยแล้ว

“เอ้า  พอตเตอร์นั่งลงสิ” เขาพูดพลางชี้ไปที่เก้าอี้ตรงหน้า  “มีธุระอะไรก็ว่ามา  รีบหน่อยก็ดีนะ  เพราะประเดี๋ยวผมต้องเข้าประชุมกับแผนกบำบัด” เขาพูด  สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่แฟ้มเอกสารตรงหน้า

“คือผม….มีเบาะแสของผู้เสพความตายมาให้ครับ”  แฮร์รี่พูด  มิสเตอร์แฮมเบิร์กเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มเอกสารทันที

“คุณว่าอะไรนะ  พอตเตอร์” หัวหน้ามือปราบมารถามอย่างเฉียบคม  แฮร์รี่กลืนน้ำลายก่อนที่จะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เขาฟังตามโดยตรง

“คุณคิดว่าข้อมูลนี้เชื่อถือได้แค่ไหน” มิสเตอร์แฮมเบิร์กถามเมื่อฟังที่แฮร์รี่เล่าจบแล้ว

“ผมไม่ทราบครับ” แฮร์รี่ตอบ  คุณแฮมเบิร์กเลิกคิ้ว “คือ  ผมไม่กล้าพูดว่าข้อมูลนี้จะถูกต้องร้อยเปอร์เซ็น  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่จริงไปเสียหมด” เขาว่า

“คุณได้ข้อมูลนี้มาจากเดรโก  มัลฟอยใช่ไหม” ริชาร์ด  แฮมเบิร์กถาม  แฮร์รี่พยักหน้า

“แล้วคุณคิดว่าคุณเชื่อใจเขาได้แค่ไหน” เขาถามอีกครั้ง

“ความจริงแล้วเขาไม่ใช่คนที่ผมเชื่อใจเลยแม้แต่น้อย  ตั้งแต่ที่ได้รู้จักเข้า” แฮร์รี่พูดตามความจริง “แต่ในครั้งนี้ผมคิดว่าเขาน่าจะพูดความจริง” ชายหนุ่มตอบ

“คุณเชื่อใจเขางั้นหรือ” มิสเตอร์แฮมเบิร์กถาม

“ครับ  สำหรับในครั้งนี้” แฮร์รี่ตอบอย่างไม่ลังเล

“ดี” หัวหน้ามือปราบมารกล่าว “งั้นผมก็เชื่อใจคุณ  พอตเตอร์”



*************************************************



ณ  ห้องพักผู้ป่วยที่บาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่โรงพยาบาลเพื่อผู้ป่วยและบาดเจ็บเซนต์มังโก  เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งเหม่ออยู่บนเตียง  สายตาของเธอมองออกไปนอกหน้าต่าง  ในใจของเธอหวนคิดไปถึงเรื่องราวของชายหนุ่มที่เธอรัก  เดรโก  มัลฟอย

หยาดน้ำตารินไหลออกมาเลอะแก้มขาวเนียน  แต่เธอไม่สนใจจะปาดมันทิ้ง  เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่ซองจดหมายที่มัลฟอยส่งมาให้เธออย่างปวดร้าว  เธอรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

เสียงเคาะประตูดังขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่รีบปาดน้ำตาทิ้ง  และเมื่อประตูเปิดออกร่างของชายหนุ่มสองคนก็ก้าวเข้ามาในห้อง

“ว่าไง  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ทักเธอ “ดีขึ้นหรือยัง” ชายหนุ่มถาม  เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเล็กน้อย  ก่อนที่เพื่อนรักทั้งสองจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงของเธอ

“เธอเป็นยังไงบ้างน่ะ” รอนถาม

“ก็สบายดี  ผู้บำบัดบอกฉันว่าอีกไม่นานคงออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว” เธอเล่า

“งั้นก็ดีสิ  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูดด้วยรอยยิ้ม  แต่หญิงสาวกลับมีสีหน้าเศร้าหมอง

“ถึงฉันจะออกไปจากที่นี่ได้  ฉันก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเศร้าสร้อย

“ฉันไม่รู้จริง ๆ ” เธอพูด  น้ำตาไหลเอ่อดวงตาอีกรอบ  แต่ก่อนที่มันจะไหลอาบแก้มของเธอ  แฮร์รี่ก็เอามือเช็ดมันไว้ก่อน

“อย่าร้องไห้สิ  เฮอร์ไมโอนี่  เธอยังมีพวกเรานะ” แฮร์รี่พูด

“ใช่  ถ้าเธอไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนจริง ๆ เธอไปอยู่ที่บ้านของฉันก็ได้  แม่ของฉันต้องดีใจแน่ ๆ ที่เธอมาอยู่เป็นเพื่อน” รอนพูด  เฮอร์ไมโอนี่ฝืนยิ้มให้เขา

“ขอบใจรอน” เธอพูด  ยิ้มน้อย ๆ แต่แววตานั้นกลับเต็มไปด้วยความเศร้า

“อย่าคิดมากเลย  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ปลอบเธอ  “ทุกอย่างมันจะดีขึ้นเอง” เขาลูบหัวเธอเบา ๆ และมองเธออย่างมีความหมาย  ถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไรก็ตาม



*************************************************



เดรโก  มัลฟอยกำลังยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในคฤหาสน์ของเขา  เขามองภาพสะท้อนในกระจกซึ่งเป็นภาพของชายหนุ่มผมบลอนด์สวมเสื้อคลุมสีดำยาวกรอมเท้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด  เพราะชุดที่เขากำลังสวมอยู่นั้นเป็นชุดของผู้เสพความตาย

มัลฟอยเงยหน้ามองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเตาผิงซึ่งบอกเวลาสิบเอ็ดโมงห้าสิบ  มัลฟอยก็ดึงฮู้ดของเสื้อคลุมสีดำลงมาปิดศีรษะของเขาและเดินออกจากห้องไป  และเมื่อมัลฟอยไปถึงห้องโถง  เขาก็พบว่ามีใครบางคนกำลังรอเขาอยู่  เธอสวมชุดคลุมสีดำเช่นเดียวกับเขา

“สวัสดีเดรโก” แพนซี่เอ่ยทัก “เธอดูดีทีเดียว  รู้ไหม” เธอชม  มัลฟอยไม่ตอบ  เขาเดินลงบันไดมาหยุดที่หญิงสาว  ซึ่งกำลังยิ้มหวานให้เขาอย่างเสแสร้ง

“จะไปกันรึยัง  พาร์กินสัน” เขาถาม  แพนซี่ก้มลงมองนาฬิกา

“แล้วเธอพร้อมรึยังล่ะ  เดรโก” แพนซี่ถามด้วยรอยยิ้ม “เธอพร้อมที่จะมาเป็นพวกเดียวกับเรารึเปล่า”

“ฉันพร้อมเสมอแพนซี่  พร้อมตั้งแต่เธอบังคับฉันแล้ว” มัลฟอยตอบตามตรง  รอยยิ้มของแพนซี่จางหายทันที

“อย่างนั้นรึ  เดรโก” แพนซี่พูดด้วยเสียงปกติของเธอ “แต่ถึงเธอไม่ต้องการก็ไม่มีประโยชน์หรอก นอกเสียจากว่าเธอต้องการเห็นนังนั่นตาย!” เธอพูดอย่างเยือกเย็น  มัลฟอยเม้มปากแน่น

“ความจริงฉันก็บอกว่าฉันพร้อมตั้งนานแล้วนะ  พาร์กินสัน” มัลฟอยพูดกับเธออย่างเย็นชาเช่นกัน “หรือถ้าเกิดเธอยังไม่พร้อมฉันขึ้นมาก็ไม่ว่าอะไรเธอนะ” มัลฟอยพูดอย่างไม่ยี่หระ  แพนซี่กัดริมฝีปาก

“ฉันพร้อมตั้งนานแล้ว!” เธอพูดอย่างเกรี้ยวกราด

“งั้นก็ดี  แต่เราจะไปที่นั่นกันยังไงล่ะ” มัลฟอยถาม  “ผงฟลูงั้นเหรอ”

“ไม่” แพนซี่ส่ายหน้า “ผงฟลูเสี่ยงเกินไปสำหรับการถูกตรวจสอบ  เราจะใช้กุญแจนำทาง” แพนซี่พูดพร้อมกับยื่นกล่องไม้ขัดเงาอย่างดีกล่องหนึ่งให้เขา  ซึ่งมันบรรจุไปป์เก่า ๆ อันหนึ่งไว้  กับปากกาขนนกอีกหนึ่งด้าม

“รับไปสิ” แพนซี่ว่า  และเมื่อเขาหยิบไปป์มาถือไว้ในมือก็มีแรงดึงดูดมาหาศาลดูดเข้าเขาไป!



เมื่อมัลฟอยรู้สึกตัวเขาก็มาอยู่ที่โกดังหลังหนึ่งเสียแล้ว  มัลฟอยมองไปรอบ ๆ  สภาพของโกดังแห่งนี้ดูเก่าและรกร้างเหมือนกับไม่มีใครได้เหยียบเข้ามาเนิ่นนาน

“มาทางนี้สิ  เดรโก” แพนซี่พูด  พลางเดินนำเขาเข้าไปในตัวโกดัง  และมัลฟอยก็ได้พบว่าแม้ว่าสภาพภายนอกโกดังนั้นจะดูเก่าและทรุดโทรมเพียงใดก็ตาม  แต่ภายในโกดังนั้นถูกปรับปรุงให้มีลักษณะคล้ายกองบัญชาการที่สามารถจุคนได้เป็นจำนวนมาก  และเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในนั้นมัลฟอยก็พบว่ามีผู้เสพความตายจำนวนมากมาถึงก่อนหน้านั้นแล้ว

พวกผู้เสพความตายเหล่านั้นจ้องมองเขาเป็นตาเดียวตั้งแต่เขาเดินเข้าไปในโกดัง  แต่มัลฟอยก็ไม่อาจบอกได้ว่าพวกที่จ้องมองเขานั้นรู้สึกอย่างไร  เพราะผู้เสพความตายทุกคนนั้นมีฮู้ดปกปิดใบหน้าอยู่  เช่นเดียวกับเขา

นาฬิกาตั้งพื้นเรือนใหญ่ตีบอกเวลาเที่ยงตรง  เหล่าผู้เสพความตายต่างมารวมกันที่ใจกลางห้องโถง  พวกเขายืมล้อมกันเป็นวงกลมเช่นเดียวกับการประชุมครั้งก่อนแต่แตกต่างกันตรงที่ครั้งนี้จำนวนผู้เสพความตายมีมากกว่าครั้งก่อนหลายเท่านัก  แพนซี่พามัลฟอยเข้าไปยืนในวงนั้นด้วยกันซึ่งพวกเขานั้นยืนอยู่ในแถวในสุดจากทั้งหมดห้าแถว  และพวกเขาก็รอคอย

เวลาเริ่มผ่านไปอย่างช้า ๆ และน่าอึดอัด  พระอาทิตย์ที่เคยอยู่ตรงศีรษะเมื่อเวลาเที่ยงตรงนั้นค่อย ๆ คล้อยต่ำไปทางทิศตะวันตกมากขึ้น  จนเมื่อเวลาแห่งการรอคอยผ่านไปครบครึ่งชั่วโมง  มัลฟอยก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับการรอคอยครั้งนี้  แต่ผู้เสพความตายคนอื่น ๆ นั้นยังคงรอต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อหน่าย  โดยเขาไม่รู้เลยว่าพวกมือปราบมารนั้นกำลังนำกำลังเข้าโอบล้อมโกดังนี้ไว้

จนในที่สุดเวลาแห่งการรอคอยก็หมดพร้อม ๆ กับการปรากฏตัวของชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมแบบเดียวกับผู้เสพความตายคนอื่น ๆ กลางวงล้อมของเหล่าผู้เสพควมาตายที่เหลือ  เขากราดสายตามองผู้เสพความตายที่รายล้อมเขาลอดฮู้ดที่คลุมศีรษะอยู่ก่อนก่อนทีจะพูดเสียงดังฟังชัดว่า

“วันนี้  เรามาที่นี่เพื่อมาทำพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์  ที่เหล่าสมาชิกของเราต้องพร้อมใจกันสาบานตนเองที่จะเข้าร่วมกับสมาคมของเรา” เสียงของชายคนนั้นดังก้องกังวาลไปทั่วโกดัง  มันเป็นเสียงที่ดูมีอำนาจและดูน่ากลัวในคราวเดียวกัน  ผู้เสพความตายที่เหลือยืนฟังเขาอย่างสงบนิ่ง

“และผู้ที่มาอยู่ที่นี่ ณ ตอนนี้ก็คือพี่น้องที่มีจุดประสงค์เช่นเดียวกัน  และจุดประสงค์ของเราก็คือ  แก้แค้นให้เจ้าแห่งศาสตร์มืดผู้ล่วงลับ” ชายคนนั้นพูดด้วยเสียงอันดัง “ตามคำปฏิญาณที่เราจะได้กล่าวกัน ณ ขณะนี้”

“ข้าคือผู้ที่มีจิตใจที่ฝักใฝ่ในศาสตร์มืด” ชายคนนั้นกล่าวนำ  และก็มีเสียงของผู้เสพความตายจำนวนเหลายสิบคนกล่าวตามกันโดยพร้อมเพรียง  เสียงของชายซึ่งเป็นผู้นำกับเสียงเอ่ยตามของเหล่าผู้เสพความตายที่เหลือดังสลับกันไปมาราวกับบทสวดบูชาซาตาน



ข้าคือผู้ที่มีจิตใจที่ฝักใฝ่ในศาสตร์มืด

ข้าขอสาบานตนว่าจะภักดีกับเจ้านายผู้ล่วงลับ

จะแก้แค้นให้เจ้าแห่งศาสตร์มืดผู้ยิ่งใหญ่

และจะสานต่อเจตนาที่ท่านหมายมั่นไว้

จะให้อำนาจมืดแผ่ไพรศาล

ดำรงไว้ซึ่งเลือดบริสุทธิ์อันเป็นนิรันดร์

และหากแม้นมีผู้ใดมาขัดขวางการกระทำอันเป็นเจตนารมณ์ของเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่นั้น

ข้าไซร้จะส่งให้มันลงนรกอเวจี!



เมื่อเสียงบทสวดปฏิญาณตนที่ชวนให้ผู้ฟังขนลุกจบลงนั้น  ชายซึ่งเป็นผู้นำเหล่าผู้เสพความตายนั้นก็ยิ้มอย่างพอใจ

“เมื่อเสร็จสิ้นคำปฏิญาณนั้นเราก็จะร่วมกันแสดงความซื่อสัตย์ต่อจอมมารที่เปรียบเสมือนเจ้านายผู้เป็นเจ้าชีวิตของเรา” ชายคนนั้นพูดพร้อมกับโบกมือน้อย ๆ ถ้วยสีดำที่บรรจุของเหลวสีใสก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเหล่าผู้เสพความตายทั้งหมด

“จงดื่มน้ำในถ้วยเสียให้หมด” เขากล่าว “เพื่อเป็นการแสดงความซื่อสัตย์ในคำปฏิญาณ  และเป็นการทดสอบว่าในเหล่าพวกเราทั้งหมดนี้  มีผู้คิดคดทรยศอยู่รึเปล่า” ชายผู้นั้นพูด ผู้เสพความตายเริ่มมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ

“ไม่ต้องห่วง” ชายซึ่งเป็นผู้นำกล่าวราวกับรู้ทัน “ถ้าใจของใครคิดเช่นเดียวกับที่ปฏิญาณยาจะไม่ออกฤทธิ์  แต่ถ้าใครที่ไม่คิดเช่นนั้น  น้ำในถ้วยนี้จะเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิง  แผดเผาลำคอและร่างกายของมัน  เอาล่ะดื่มพร้อมกัน” เขาพูดพลางยกถ้วยตรงหน้าขึ้นสูง  ผู้เสพความตายที่เหลือทำตาม  บัดนี้มัลฟอยรู้สึกว่ามือของเขาชื้นเหงื่อ  เขาหยิบถ้วยขึ้นมาถืออย่างไม่มีทางเลือก

“แด่เจ้านายผู้ล่วงลับของเรา” ชายผู้อยู่กลางวงพูด

“แด่เจ้านายผู้ล่วงลับของเรา!” เสียงของผู้เสพความที่เหลือดังขึ้นตาม  และเมื่อชายผู้เป็นหัวหน้ายกถ้วยขึ้นจรดปาก!

แต่ก่อนที่ของเหลวในถ้วยนั้นจะได้สัมผัสริมฝีปากของใคร  ลำแสงสีแดงจำนวนกว่าสิบลำก็พุ่งเข้ามาที่กลางวงของผู้เสพความตายเหล่านั้น  เป็นผลให้หลายร่างล้มลงไปนอนแน่นิ่งพื้นด้วยฤทธิ์ของคาถาสะกดนิ่ง  เหล่ามือปราบมารมากกว่าสิบคนกำลังกรูเข้ามาจับกุมผู้เสพความตายเหล่านั้นทันที  เกิดการต่อสู้กันระหว่างผู้เสพความตายและมือปราบมารอย่างดุเดือด  มัลฟอยรีบทิ้งถ้วยในมืออย่างโล่งอกพร้อมกับชักไม้กายสิทธิ์ออกมา

ตอนนี้หน้าที่ของเขาก็คือจับหัวหน้าของผู้เสพความตายให้ได้เสียก่อน  เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นพวกมันคงต้องคิดแผนชั่วขึ้นมาเล่นงานเขาอีกแน่  แต่ทันใดนั้นเองก็มีลำแสงหนึ่งฟาดมาที่เขา  ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบได้ทันท่วงที  แพนซี่นั่นเอง

“เธอทรยศเรา  เดรโก!” แพนซี่พูดด้วยใบหน้าโกรธจัด “เธอเอาเรื่องนี้ไปบอกพวกมือปรายมาร” เธอตะโกน  ก่อนที่จะร่ายคาถาอีกครั้ง  เดรโกไหวตัวทัน  แต่ลำแสงนั้นก็เฉียดตัวเขาไปไม่ถึงเซนต์!

“ฉันไม่ได้ทรยศใคร  พาร์กินสัน” มัลฟอยตะโกน “เพราะฉันก็ไม่ได้เป็นพวกของเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เขาพูด  แพนซี่กัดฟันแน่น  เธอฟาดไม้กายสิทธิ์มาอีกครั้ง  คราวนี้มัลฟอยไม่ยอมให้เธอเล่นงานเขาอยู่ฝ่ายเป็นแน่  ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด  จนเมื่อแพนซี่พลาดท่า

“เอ็กเปสลิอาร์มัส!” มัลฟอยพูด  ไม้กายสิทธิ์ของแพนซี่ลอยไปอยู่ในมือเขา  ซึ่งเขารับมันมาอย่างชำนาญ  และตอนนี้แพนซี่ก็ไร้ซึ่งอาวุธแล้ว

“รีคัตโต!” มัลฟอยตะโกน  ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่เธอ

“อิมเปดิเมนต้า!” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นพร้อมกับแรงอัดมหาศาล  มัลฟอยกับแพนซี่กระเด็นไปคนละทาง  เมื่อเขารู้ตัวอีกที  ร่างในชุดคลุมสีดำเหมือนผู้เสพความตายคนอื่น ๆ นั้นก็ชี้ไม้กายสิทธิ์มาทางเขาแล้ว

“แก!” มัลฟอยคำรามกัดฟันแน่น  เขาไม่รู้เลยว่าร่างที่มาช่วยแพนซี่เอาไว้นั้นคือใคร  แต่เท่าที่เขารู้มันคงไม่หวังดีกับเขาแน่  มัลฟอยคิดว่าครั้งนี้เขาคงตกที่นั่งลำบากแล้ว  แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิดเมื่อร่างลึกลับร่างนั้นลดไม้กายสิทธิ์ในมือลงช้า ๆ และค่อย ๆ ถอดฮู้ดที่ปิดศีรษะออก  และเมื่อใบหน้าของมันประจักษ์เข้าสู่สายตาของมัลฟอยเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก

เพราะใบหน้าใต้ฮู้ดนั้นก็คือคุณคลิฟฟอร์ด  พ่อบ้านประจำตระกูลมัลฟอยนั่นเอง!

“นายน้อย” ชายชราพูด “นายน้อยไม่ควรทำเช่นนี้เลย”

“คุณคลิฟฟอร์ด  ทำไมเป็นคุณ” มัลฟอยพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามนายน้อย  ว่าทำไมนายน้อยถึงทรยศต่อพวกเรา  ทำไมนายน้อยถึงต้องคาบข่าวไปบอกพวกมือปราบมารด้วย” เขาถาม  มัลฟอยมองไปทางแพนซี่ที่เข้ามายืนใกล้ ๆ

“อย่าไปหาคำตอบจากเขาเลยค่ะ  เขาเสียสติไปแล้ว” แพนซี่พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “เขาเลือกที่จะเข้าข้างพวกเลือดสีโคลนมากกว่าพวกเรา  ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นเลือดบริสุทธิ์แท้ ๆ ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจและโกรธแค้น  และมองมัลฟอยอย่างผิดหวัง

“ทำไมกันครับนายน้อย  ทั้ง ๆ ที่นายท่านปลูกฝังเรื่องนี้ไว้ในหัวของนายน้อย  ในเลือดของนายน้อยแท้ ๆ แต่นายน้อยกลับทำให้นายท่านเสียใจ” ชายชรารำพึง

“เลิกพูดถึงเรื่องพ่อซะทีเถอะ!” มัลฟอยตะโกนราวกับเขาเก็บกดเรื่องนี้มานาน “นี่มันชีวิตผม  นี่มันตัวผม  ผมมีสิทธิ์ที่จะเลือกเองได้!” เขาพูด

“แต่ทางเลือกของนายน้อยก็คือการทำลายสายเลือดบริสุทธิ์ที่ตระกูลมัลฟอยรักษามากว่าร้อยปี!” มิสเตอร์คลิฟฟอร์ดพูดด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน “ทั้ง ๆ ที่ผมพยายามทำทุกอย่าง  พยายามที่จะช่วยนายน้อยไม่ให้หลงผิด  ทั้ง ๆ ที่ผมกับคุณหนูแพนซี่พยายามจะดึงนายน้อยกลับมา” เขาพูด  มัลฟอยหรี่ตาลงอย่างสงสัย

“งั้นก็เป็นคุณใช่ไหม” มัลฟอยพูด “คุณใช่ไหมที่คอยช่วยเหลือแพนซี่  คุณใช่ไหมที่ร่วมมือกับเธอทำร้าย เฮอร์ไมโอนี่!” มัลฟอยตะโกนด้วยความโกรธ  ตอนนี้มัลฟอยดูราวกับพายุที่พร้อมจะพัดทุกอย่างตรงหน้าให้พังพินาศ  เขาชี้ไม้กายสิทธิ์ในมือขึ้นทันที!

ในขณะที่มัลฟอยกำลังจะร่ายคาถาใส่มิสเตอร์คลิฟฟอร์ดนั้น

“เอกซ์เปสลิอาร์มัส!” เสียงของแฮร์รี่ดังขึ้น  ไม้กายสิทธิ์ของมัลฟอยลอยไปอยู่ในมือเขา

“นั่นแกจะทำอะไรน่ะพอตเตอร์!” มัลฟอยคำราม  มองแฮร์รี่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ฉันจะห้ามนายน่ะสิ  นายกำลังจะฆ่าคนรู้มั้ย!” แฮร์รี่ตะโกน  แต่ดูเหมือนมัลฟอยจะไม่ยอมฟังเขา

“นั่นมันเรื่องของฉัน  พอตเตอร์  อย่ายุ่ง!” มัลฟอยตวาดเสียงดังลั่น  ชี้ไม้กายสิทธิ์ของแพนซี่ที่อยู่ในมือเขาไปทางแฮร์รี่ที่ดูไม้สะทกสะท้านกับคำพูดเขา  แต่ชายหนุ่มกลับมายืนขวางระหว่างมัลฟอยกับมิสเตอร์คลิฟฟอร์ดและแพนซี่ไว้

“ฉันไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของนายมัลฟอย!” แฮร์รี่พูด “แต่เขาเป็นผู้เสพความตายที่ต้องนำตัวไปดำเนินคดี  นายไม่มีสิทธิ์จะฆ่าเขา” แฮร์รี่ว่า

“ฉันไม่สนเรื่องนั้น!” มัลฟอยโต้ “ถอยไปพอตเตอร์  ถ้าไม่อยากสู้กับฉัน!”

“ถึงนายไม่สนตัวเองนายก็น่าจะห่วงคนอื่นบ้างนะ  ถ้านายฆ่าคนตายไป  แล้วเฮอร์ไมโอนี่ล่ะ  เธอจะทำยังไงเมื่อนายต้องไปอยู่ในอัซคาบันน่ะ!” แฮร์รี่ตะโกน  เมื่อได้ยินอย่างนั้นมัลฟอยก็ฉุกคิดขึ้นได้



นั่นสิ  ถ้าเขาวู่วามไปแล้วเฮอร์ไมโอนี่ล่ะ  เธอจะเป็นอย่างไรแล้วไหนจะลูกของเขากับเธอที่อยู่ในท้องอีก



มัลฟอยลังเลไปชั่วขณะ  แฮร์รี่มองเขาด้วยท่าทีเบาใจ

“ทีนี้ฉันจับตัวพวกเขาไปได้หรือยัง” แฮร์รี่พูด  มัลฟอยไม่ตอบอะไร  แต่ก่อนที่แฮร์รี่และมัลฟอยจะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น  แพนซี่ก็ฉวยไม้กายสิทธิ์ในมือของมิสเตอร์คลิฟฟอร์ดมา เธอชี้ไปที่มัลฟอยทันที!

ถ้าเธอไม่ได้เขามาเป็นของเธอแล้ว  เธอก็ไม่ต้องการให้ใครได้เขาไป!

แสงสีแดงจากปลายไม้กายสิทธิ์ของแพนซี่พุ่งเข้าปะทะร่างของชายหนุ่มผมบลอนด์ที่ไม่ทันตั้งตัว  ร่างของเขาล้มลงทันที!



TBC

Chapter 19: เรื่องราวที่ไม่คาดฝันและแผนการของเดรโก

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ได้ยินสิ่งที่แฮร์รี่พูดออกมาเธอก็นิ่งอึ้ง  ดวงตาสีน้ำตาลเบิกโพลง  ใบหน้าของเธอดูตกใจไม่น้อย  และเธอเองก็ไม่รู้ว่าเธอสมควรจะดีในหรือเสียใจกับเรื่องนี้ดี

“ฉัน….ไม่จริงแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง  แฮร์รี่ส่ายหน้า

“มันเป็นเรื่องจริง  เฮอร์ไมโอนี่  ผู้บำบัดบอกเราว่าเธอท้องได้สองเดือนแล้ว” แฮร์รี่พูด  ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ขาวซีดจนน่าใจหาย  เธอส่ายหน้าน้อย ๆ

“มัน…..” เธอพึมพำ  ค่อย ๆ เอามือทั้งสองวางที่ท้องและลูบมันเบา ๆ

“ทำไมมันต้องเป็นอย่างนี้” หญิงสาวสะอื้น  สีหน้าสับสน  แฮร์รี่และรอนมองเธอด้วยความสงสารแต่พวกเขาไม่รู้จะช่วยเธออย่างไรดี

“ไม่จริง!” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ  ซบใบหน้าเข้ากับผ่ามือ  เธอร้องไห้อย่างที่ไม่เคยร้องมาก่อน  แฮร์รี่มองหญิงสาวที่ร้องไห้จนตัวโยนด้วยความสงสารจับใจ  น้ำตามากมายไหลลงบนผ่ามือเรียวเล็กของเธอ   เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับถูกบีบรัดไว้ด้วยเรื่องราวต่าง ๆ นานา  ที่มันหนักหนาเกินกว่าที่เธอจะรับไหว  และเมื่อเธอรู้สึกตัว  ชายหนุ่มตรงหน้าก็เข้ามาโอบกอดเธออีกครั้ง

“อย่าร้องไห้  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูดอย่างปลอบโยน  เฮอร์ไมโอนี่มองเขาผ่านดวงตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา   ชายหนุ่มยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของเธอเบา ๆ

“ฉัน……ฉันจะทำอย่างไรดี” เธอสะอื้น  โผกอดแฮร์รี่อย่างลืมตัว  ชายหนุ่มตบหลังเธอเบา ๆ

“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น  เฮอร์ไมโอนี่  แล้วก็ไม่ต้องเสียใจด้วย” แฮร์รี่พูดกับเธอ

“ที่เธอต้องทำก็คือรักษาตัวดี ๆ ” แฮร์รี่พูดเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ผละออกจากอ้อมกอดของเขา  “เพื่อลูกของเธอด้วย” ชายหนุ่มพูด

“แต่…..ฉัน” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก

“ไม่ต้องห่วง  เฮอร์ไมโอนี่  ฉันจะดูแลเธอเอง” เขาพูด “ฉันกับรอนจะดูแลเธออย่างดี  ดีกว่าเจ้านั่น!” แฮร์รี่พูดอย่างมาดมั่น  พร้อมกับโอบกอดร่างของหญิงสาวที่เขารักไว้แนบอก

เขาไม่มีวันที่จะทำให้เธอเสียใจเช่นที่มัลฟอยทำแน่

ไม่มีวัน!!!



*************************************************



หลังจากนั้นผู้บำบัดก็เข้ามาตรวจอาการของเฮอร์ไมโอนี่และสั่งยานอนหลับให้เธอทานเพราะต้องการให้เธอพักผ่อนมาก ๆ  และยังสั่งห้ามไม่ให้เธอออกไปไหนตามใจ  เพราะว่าตอนนี้ร่างกายของเฮอร์ไมโอนี่เพิ่งได้รับบาดเจ็บมา  แถมยังอ่อนแออยู่มาก  ถ้าเธอออกไปทำอะไรเสี่ยง ๆ อีกอาจจะส่งผลกระทบถึงลูกในท้องของเธอ

หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่กินยาเสร็จแล้ว  แฮร์รี่ก็อยู่กับเธอจนกระทั่งเธอหลับไป  เขามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสารและเป็นห่วง  ก่อนที่จะลูบหัวเธอน้อย ๆ และเดินออกจากห้องไป

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าหมอนั่นมันจะกล้าทิ้งเฮอร์ไมโอนี่”  รอนตะโกนออกมาเมื่อพวกเขาออกจากห้องพักของเธอ  แต่เขาก็ได้รับสายตาดุ ๆ จากผู้บำบัดที่เดินสวนไป  เหมือนต้องการจะบอกว่า ‘ ในโรงพยาบาลกรุณาอย่าใช้เสียง ’

“ฉันก็คิดเหมือนนายรอน” แฮร์รี่พูด “ไม่คิดว่ามัลฟอยจะทิ้งเธออย่างไม่ใยดีอย่างนี้” ชายหนุ่มพูด  เขานึกถึงภาพของเฮอร์ไมโอนี่แล้วก็รู้สึกสงสารเธออย่างมาก

“แล้วเราควรทำอย่างไรดี  ไปเล่นงานเจ้านั้นแก้แค้นให้เฮอร์ไมโอนี่ดีไหม” รอนว่าพลางทุบกำปั้นเข้ากับมือของเขา  แฮร์รี่ขมวดคิ้ว

“ฉันว่าเราควรไปบอกเขาเรื่องเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่เสนอ “ว่าเธอท้องลูกของเขา  นั่นอาจจะพอทำให้มัลฟอยเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง”

“เป็นความคิดที่ดีนี่  ไปเหยียบคฤหาสน์ผีสิงนั่นอีกครั้งใช่ไหม” รอนประชด

“เราต้องทำเพื่อเฮอร์ไมโอนี่  รอน” แฮร์รี่พูดเสียงเข้ม “หรือนายอยากเห็นเธอเป็นอย่างนี้”

“ไม่หรอก  ฉันไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น” รอนตอบ  ถึงเขาจะไม่ชอบมัลฟอยเพียงไรก็ตาม  แต่เขาก็ทนเห็นเฮอร์ไมโอนี่ตกอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้เช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้นนายก็ต้องไปเหยียบคฤหาสน์มัลฟอยอีกครั้งแล้วล่ะรอน” แฮร์รี่พูด



*************************************************



เดรโก  มัลฟอยกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ที่ห้องหนังสือ  พร้อมด้วยขวดวิสกี้ที่วางอยู่บนโต๊ะ  และแก้วใบเหล้าหนึ่งในมือ  ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างปวดร้าวเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา  ป่านนี้เฮอร์ไมโอนี่คงได้สิ่งที่เขาส่งไปให้เธอแล้วสินะ  และตอนนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง

หลังจากที่เขาตกลงรับข้อเสนอของแพนซี่อย่างไม่มีทางเลือกเพราะห่วงความปลอดภัยของหญิงสาวที่เขารัก  แพนซี่ก็ให้เขาเซ็นต์ใบหย่าและส่งมันไปให้เฮอร์ไมโอนี่  ชายหนุ่มรู้ดีว่าการทำอย่างนั้นจะทำให้หญิงสาวเสียใจเพียงไร  แต่มันก็ดีกว่าที่เขาจะต้องสูญเสียเธอไป

มัลฟอยขวดวิสกี้เข้ามาในมือ  และรินมันใส่แก้วก่อนที่จะกระดกมันจนหมด  บางครั้งเหล้าก็เป็นทางออกสุดท้ายที่เขาพอมีเมื่อเขาแก้ปัญหาอะไรไม่ได้  อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาพอใจลืมเรื่องทุกข์ใจได้บ้าง  ถึงแม้ว่าในที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้ลืมเลือนเรื่องราวเหล่านั้นไปแม้แต่น้อยก็ตาม

มัลฟอยกำลังจะรินเหล้าใส่แก้วอีกครั้ง  แต่คราวนี้เขาพบว่ามันว่างเปล่า  มัลฟอยมองมันอย่างหงุดหงิดก่อนที่จะตะโกนเรียก

“มีใครอยู่ไหม  ไปเอาเหล้ามาอีก!” เขาพูดกับห้องที่ไร้ผู้คน  และไม่นานนักก็มีเสียงป็อปเบา ๆ ดังขึ้นพร้อมการปรากฏตัวของเอล์ฟประจำบ้านตัวหนึ่ง

“ไปเอาเหล้ามา” มัลฟอยสั่ง

“มีคนมาขอพบนายท่านครับ” เอล์ฟตัวนั้นรายงาน  มัลฟอยมองมันอย่างสงสัย

“ใครกัน  พาร์กินสันรึ” มัลฟอยถาม  เอล์ฟประจำบ้านส่ายหน้า

“เปล่าครับ  เป็นผู้ชายสองคนครับ  เขาบอกว่าชื่อพอตเตอร์กับวีสลีย์”



*************************************************



เมื่อมัลฟอยไปถึงห้องรับแขกเขาก็พบร่างของชายหนุ่มสองคนที่เป็นครู่อริกันมาตั้งแต่อยู่ที่ฮอกวอตส์กำลังนั่งรออยู่โดยไม่สังเกตุเห็นเขา  มัลฟอยจึงกระแอมเบา ๆ  ชายหนุ่มทั้งสองจึงหันมามองเขา

“มีธุระอะไรกับฉัน  พอตเตอร์  วีสลีย์” มัลฟอยพูดอย่างไว้ที  มองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาและรู้สึกไม่พอใจนักที่ต้องต้อนรับทั้งสองคนนี้

“พวกเรามาคุยกับนายเรื่องเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูดเสียงเข้ม  มัลฟอยตีหน้าเรียบเฉย

“ใช่  เรื่องที่นายส่งใบหย่าไปให้เธอ” รอนพูดบ้าง  เขาดูโกรธมัลฟอยไม่น้อย

“อ้อ  แล้วทำไมเธอถึงไม่มาเองล่ะ  ปล่อยให้องค์รักษ์อย่างพวกนายมาจัดการแทน” มัลฟอยพูดด้วยท่าทียียวน  รอนกำหมัดแน่น

“ที่เธอมาไม่ได้เพราะเธอกำลังอยู่ที่เซนต์มังโกไงล่ะ” รอนร้อง “เพราะโดยยัยพาร์กินสันทำร้าย” ชายหนุ่มพูด  มัลฟอยเลิกคิ้ว

“งั้นรึ” เขาพูดอย่างเรียบเฉย  รอนมองเขาอย่างโกรธแค้น

“นายไม่คิดจะพูดอะไรเลยรึ  มัลฟอย  นายไม่คิดจะไปเยี่ยม  หรือไม่คิดที่จะเป็นห่วงเฮอร์ไมโอนี่เลยหรือ” แฮร์รี่พูด  ความโกรธของเขาตอนนี้ก็ไม่ได้น้อยไปกว่ารอนเท่าไรนัก  เพียงแต่ว่าเขารู้จักที่จะอดกลั้นมันเอาไว้มากกว่า

“ถ้าฉันเป็นห่วงเธอฉันก็คงไม่ส่งใบหย่าไปให้เธอหรอก” มัลฟอยพูดอย่างเย็นชา  และเมื่อรอนได้ยินคำนั้น  เขาก็พุ่งเข้าหามัลฟอยทันที  แต่แฮร์รี่รั้งเขาไว้ทัน

“แก  ไอ้สารเลว!!!” รอนร้อง  ใบหน้าเป็นสีแดง “ปากก็บอกว่ารักเฮอร์ไมโอนี่นักหนา  แต่พอเอาเข้าจริงก็ทิ้งเธอโดยไม่ดูดำดูดี” รอนพูด  มัลฟอยจ้องหน้าเขาอย่างเย็นชา  แววตาสีซีดนั้นดูเยือกเย็นกว่าครั้งใด

“ใช่  ฉันทิ้งเพื่อนนายโดยไม่ดูดำดูดี” เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตาของเขากลับดูปวดร้าว “ฉันทิ้งเธออย่างเลือดเย็น  ฉันเป็นไอ้สารเลว  แล้วไง!” มัลฟอยตะโกน

“แก!!!” รอนคำราม “ปล่อยฉันแฮร์รี่  ปล่อยให้ฉันเองเลือดชั่วของมันออกเสียบ้าง!” เขาตะโกนด้วยเสียงอันดัง  ใบหน้าเป็นสีแดงด้วยความโกรธ

“เอะอะโวยวายอะไรกัน” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้น  พวกเขาทั้งสามหันไปมองที่ต้นเสียงนั้น  ซึ่งเป็นร่างของผู้สาวผมดำ  ใบหน้าหงิกงอ  แพนซี่  พาร์กินสันนั่นเอง

“ทำไมพอตเตอร์กับวีสลีย์ถึงมาอยู่ที่นี่” แพนซี่พูดอย่างสงสัย  แต่มือของเธอกำไม้กายสิทธิ์ไว้แน่น  เช่นเดียวกับแฮร์รี่และรอนที่รีบชักมันออกมา

ในเสี้ยววินาทีนั้น  ไม้กายสิทธิ์ทั้งสามถูกชักออกมายกเว้นของมัลฟอย  แฮร์รี่และรอนมองแพนซี่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ฉันต้องเป็นฝ่ายถามเธอมากกว่าพาร์กินสัน” แฮร์รี่พูดเสียงเข้ม “ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่”

“แล้วพวกเธอล่ะ  มาทำงานอย่างนั้นรึ  พอตเตอร์ วีสลีย์” เธอพูด “คุณมือปราบมาร”

“อย่าทำพูดดีไปเลยพาร์กินสัน  สิ่งที่เธอทำไว้กับเฮอร์ไมโอนี่นั้นเธอต้องชดใช้” รอนพูด  ไม้กายสิทธิ์ของเขาชี้ไปที่เธอ

“จะมาแก้แค้นแทนเพื่อนเธอน่ะมันยังสายไปสิบปี  วีสลีย์” แพนซี่พูดพลางเหยียดยิ้ม “สตูเปฟาย!” ลำแสงสีแดงพุ่งเข้าใส่รอน  แต่เขาหลบมันได้ทันท่วงที

“รีคัตโต!” แฮร์รี่ตะโกน  ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปทางแพนซี่ที่บัดนี้อาศัยโซฟาเป็นกำบัง  โซฟาหนานุ่มราคาแพงแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยแรงคาถา

“โพรเทโก้!” แพนซี่ร้อง  ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่รอนซึ่งไม่ทันระวังตัว  คาถานั้นพุ่งเข้าใส่แขนเขา

“เธอ” แฮร์รี่คำราม “ริดดิเซมปร้า!” เขาตะโกน  คาถาของเขากำลังจะพุ่งเข้าสู่ร่างของแพนซี่พอดีถ้าไม่ใช้ว่ามัลฟอยนั้นร่ายคาถาป้องกันไว้เสียก่อน

“อิมเปดิเมนต้า!” มัลฟอยตะโกนก่อนที่จะเกิดแรงกระแทกมหาศาลส่งร่างของแฮร์รี่และแพนซี่ลอยไปคนละทิศคนละทาง  และเมื่อแฮร์รี่รู้สึกตัวไม้กายสิทธิ์ของมัลฟอยก็ชี้อยู่ที่เขาเรียบร้อยแล้ว

“อย่าแม้แต่คิดวีสลีย์” มัลฟอยเลื่อนไม้กายสิทธิ์มาที่รอนซึ่งกำลังจะเข้าไปช่วยแฮร์รี่  ตอนนี้พวกเขาถูกต้อนจนมุมเสียแล้ว  รอนมองแพนซี่กับมัลฟอย  และเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง

“อย่างนี้นี่เอง!” รอนร้อง  มองไปที่พวกเขาอย่างโกรธแค้น “อย่างนี้นี่เองแกหย่ากับเฮอร์ไมโอนี่  เพราะอย่างนี้เองแกถึงช่วยยัยหน้าหงิกนี่!” พอรอนพูดถึงตรงนั้นแพนซี่ก็ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่เขา

“ระวังคำพูดด้วยวีสลีย์” เธอพูด

“แกทำกับเฮอร์ไมโอนี่ได้ยังไงมัลฟอย  แกรู้ไหมว่าเขาเสียใจแค่ไหน” รอนร้อง  แพนซี่ยิ้มเย้ยหยัน

“ทำไม  ยัยนั่นร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดเลยล่ะสิ” เธอหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “แต่ฝากบอกหล่อนระวังหน่อยนะเพราะฉันกลัวน้ำตาสกปรก ๆ ของเธอจะทำข้าวของของคนอื่นแปดเปื้อนไปหมด” แพนซี่พูด  รอนกัดฟันอย่างโกรธแค้นแต่เธอยังคงหัวเราะร่าเริงจนมัลฟอยต้องมาปรามเธอไว้

“พอที  พาร์กินสัน” มัลฟอยว่า  พลางหันมามองทางแฮร์รี่กับรอน

“ฉันให้โอกาสพวกนาย” เขาพูด “กลับไปที่ ๆ พวกนายมาซะ  หรือที่อื่นที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บ้านของฉัน  ผงฟลูอยู่บนเตาผิง” เขาพูดพลางชี้ไปที่กระถางใส่ผงฟลูที่มันทำจากเงิน  แฮร์รี่มองมัลฟอยอย่างโกรธแค้น

“งั้นก็แสดงว่านายต้องการหย่าขาดจากเฮอร์ไมโอนี่ใช่ไหม” แฮร์รี่พูด

“ถ้าฉันบอกว่าใช่แล้วจะทำไม” มัลฟอยพูดอย่างเย็นชา  แฮร์รี่กำหมัดแน่น  เขารู้สึกราวกับเส้นเลือดของเขากำลังโป่งพองขึ้นมา

“นายรู้อะไรไหม  มัลฟอย” แฮร์รี่กัดฟันพูด  ทุกถ้อยคำของเขาเปล่งออกมาจากปากอย่างยากเย็น

“ว่า…..เฮอร์ไมโอนี่ท้องลูกของนาย!” แฮร์รี่พูด  มัลฟอยมีท่าทีตกใจแวบหนึ่งก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นเย็นชาดังเดิม  เขายังคงนิ่งเฉย

“เธอออกไปก่อนแพนซี่  ฉันต้องการคุยอะไรกับเจ้าพวกนี้สักหน่อย” มัลฟอยพูด  แพนซี่หน้างอ  เธอหรี่ตาลงอย่างสงสัย

“มีอะไรที่ฉันรู้ไม่ได้หรือเดรโก” เธอถาม

“ฉันคิดว่าข้อตกลงของเราคงไม่ครอบคลุมไปถึงความเป็นส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของฉันด้วยหรอกนะ” มัลฟอยหน้า  แพนซี่มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ

“แต่….”

“เธอจะออกไปดี ๆ หรือจะให้ฉันโยนเธอออกไป” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว  แพนซี่สะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะยอมเดินออกจากห้องโดยดี  และเมื่อทั้งห้องเหลือเพียงพวกเขาทั้งสาม

“เมื่อกี๊แกว่าอะไรนะพอตเตอร์” มัลฟอยถาม

“ฉันบอกว่าเฮอร์ไมโอนี่ท้องลูกของนาย” เขาตอบ  มัลฟอยดูอึ้งกับข้อมูลนั้นไม่น้อย  แต่แฮร์รี่ก็อ่านสีหน้าของเขาไม่ออกว่าดีใจหรือรู้สึกอย่างไรกันแน่

“อย่างนั้นหรือ  แล้วเธอปลอดภัยใช่ไหม” มัลฟอยพูด  แต่ก่อนที่แฮร์รี่จะได้ตอบอะไรออกไป

“อย่าไปเสียเวลาพูดกับมันเลยแฮร์รี่  มันทิ้งเฮอร์ไมโอนี่ได้อย่างนี้แล้วยังจะมาเป็นห่วงอะไรเธออีก” รอนว่า “ถ้าแกรักเธอจริง ๆ ก็ไปรับเธอกลับมาสิ” เขากระแทกน้ำเสียงอย่างไม่สบอารมณ์  มัลฟอยมองเขาอย่างเย็นชา

“ฉันทำแน่  วีสลีย์  ฉันเองก็ไม่อยากปล่อยเธอไว้กับพวกนายนานนักหรอก  เดี๋ยวจะอดอยากกันพอดี” มัลฟอยพูดอย่างจงใจ  รอนนั้นหน้าเป็นสีแดง

“แก!!!” เขาร้อง  เตรียมตัวพุ่งเข้าใส่รอน  แต่แฮร์รี่รั้งเขาไว้ก่อน

“อย่ารอน  มันไม่คุ้มหรอกนะ” เขากระซิบกับชายหนุ่มก่อนที่จะหันไปทางมัลฟอย

“ไหนเมื่อกี๊นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่านายต้องการหย่ากับเฮอร์ไมโอนี่  มัลฟอย” เขาพูดอย่างสงสัย “แล้วทำไมตอนนี้นายถึงทำเหมือนจะกลับไปหาเธอล่ะ”

“ฉันทำอะไรย่อมมีเหตุผลเสมอพอตเตอร์  และฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่จำเป็นต้องบอกใคร” เขาพูดอย่างไว้ที  “แต่ก่อนอื่น  ฉันอยากจะให้นายดูแลเธออย่างดีเป็นอันดับแรก” มัลฟอยพูด

“แน่นอน  ฉันทำอยู่แล้ว” แฮร์รี่รับคำ  ทั้งสองจ้องตากันโดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมหลบตาไปก่อน  จนในที่สุดมัลฟอยก็พูดออกมา

“และอีกอย่างที่ฉันต้องการก็คือ  ช่วยออกไปจากคฤหาสน์ของฉันด้วย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งนาย  วีสลีย์” มัลฟอยเอ่ย  รอนหน้าแดงด้วยความโกรธ  แต่แฮร์รี่ก็กระซิบเขาไว้ว่า ‘ อย่ามีเรื่อง ’ และในที่สุดชายหนุ่มผมแดงก็ยอมทำตาม  โดยหยิบผงฟลูขึ้นมาจำนวนหนึ่งและเดินเข้าไปในเตาผิง  เขามองมัลฟอยอย่างโกรธแค้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตะโกนเสียงดังฟังชัด

“กระทรวงเวทย์มนตร์” ไฟสีเขียวลุกอาบร่างของรอนก่อนที่เขาจะหายไป  และเมื่อแฮร์รี่เห็นดังนั้นเขาก็จัดแจงหยิบผงฟลูขึ้นมา

“เดี๋ยว  พอตเตอร์” เสียงของมัลฟอยรั้งเขาเอาไว้  แฮร์รี่เงยหน้าขึ้นมอง

“พวกมือปราบมารอย่างนายจะทำยังไงถ้าได้รับรายงานว่ามีการประชุมลับของผู้เสพความตายเกิดขึ้น”

“เราก็คงจะนำกำลังเข้าจับกุมมันน่ะสิ” แฮร์รี่ตอบ  ขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“ถ้าอย่างนั้น” มัลฟอยมองซ้ายมองขาวก่อนที่จะก้มลงมาใกล้ ๆ แฮร์รี่ “ถ้านายได้รับรายงานว่าพรุ่งนี้จะมีการประชุมเกิดขึ้นที่โกดังร้างเลขที่ 68 ถนนแองคอร์ด  เวลาเที่ยงตรงล่ะ” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงแผ่วเบาแต่ดูร้อนรน  แฮร์รี่เงยหน้าขึ้นมามองเขาทันที

“นาย…หรือว่า” แฮร์รี่พูดอย่างสงสัย

“ฉันจะไม่บอกนายอีกเป็นครั้งที่สอง  พอตเตอร์” มัลฟอยพูด “แต่ฉันหวังว่าพวกมือปราบมารคงทำหน้าของพวกเขากันอย่างเต็มที่” เขากล่าวเรียบ ๆ

“ทำไม  นายต้อง…..” แฮร์รี่เอ่ยอย่างไม่เข้าใจ

“ฉันไม่ได้ต้องการช่วยนาย  หรือใคร ๆ ทั้งนั้น  ที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของเฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดกับแฮร์รี่ที่เริ่มรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร

“หวังว่านายคงจำที่ฉันบอกได้” มัลฟอยพูด

“แน่นอนฉันจำได้” ชายหนุ่มผมดำตอบ  มัลฟอยพยักหน้าอย่างพอใจ

“งั้นนายก็คงรู้หน้าที่ของนาย  ลาก่อน  พอตเตอร์” มัลฟอยพูดก่อนที่จะหันหลังให้เขา  แฮร์รี่เดินเข้าไปในเตาผิง

“กระทรวงเวทย์มนตร์!” เขาตะโกนและโยนผงฟลูลงไป  ก่อนที่ไฟสีเขียวจะลุกท่วมร่างของเขาที่หายวับไปในพริบตา


TBC

Chapter 18: ความทรงจำที่กลับคืน

เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นเธอก็พบกับเพดานสีขาวที่พร่ามัว  และภาพก็ค่อย ๆ ชัดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปซักครู่  เฮอร์ไมโอนี่พยายามมองไปรอบ ๆ และหาคำตอบว่าที่ที่เธออยู่นี้มันคือที่ไหน

“เฮอร์ไมโอนี่” เสียง ๆ หนึ่งเรียกเธอ  เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองและเธอก็พบกับชายหนุ่มสองคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างเตียง  คนหนึ่งมีผมสีแดง  และมีกระเต็มใบหน้า ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นสวมแว่น  มีผมสีดำยุ่งเหยิง

“แฮร์รี่  รอน” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำพลางมองเพื่อนรักทั้งสองของเธอ “ที่นี่ที่ไหน” เธอถาม

“เซนต์มังโก” แฮร์รี่ตอบ “เธอรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”

“ก็…..แปลก ๆ น่ะ” หญิงสาวตอบ “แล้วเกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้าง” เธอพูดอย่างมึนงง

“ก็เธอได้รับบาดเจ็บน่ะสิ  เธอถูกยายหน้าหงิกพาร์กินสันทำร้าย  เธอจำได้ไหม” รอนเล่า  เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย  เธอเอามือจับศีรษะที่มีผ้าพันแผลพับอยู่  รู้สึกปวดหัวอย่างบอกไม่ถูก

“ฉันจำได้….ว่าเธอพยายามจะฆ่าฉัน  และพวกเธอก็มาช่วยไว้ได้ทัน” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ “แล้วแพนซี่ก็พลักฉันเข้าหากำแพง” หญิงสาวพูดอย่างเชื่องช้า  แฮร์รี่และรอนรู้สึกโล่งอกที่เธอยังคงจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้  เพราะเขาทั้งสองต่างก็กลัวว่าอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของเธอจะกระทบกระเทือนต่อความทรงจำของเธอด้วย

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามพวกเขาทั้งสอง

“หลังจากนั้นเธอก็สลบไป  พวกเราก็พาเธอมาส่งโรงพยาบาล  ตอนนั้นเลือดของเธอออกเยอะมากเลย  เรากลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปเสียก่อน” แฮร์รี่เล่า

“ใช่  ฉันกับแฮร์รี่เป็นห่วงเธอมากรู้ไหม  ยิ่งหลังจากนั้นเธอก็ไม่ยอมฟื้นเลย  เธอหลับไปนานจนเราสองคนกลัว” รอนเล่าบ้าง

“ฉันหลับไปนานเท่าไร่” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“หนึ่งวันเต็ม ๆ เลยล่ะ” รอนตอบ เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้าง

“ฉันหลับไปนานขนาดนั้นเชียวเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ  แฮร์รี่ยิ้มให้เธอน้อย ๆ

“ใช่  แต่ไม่ต้องห่วงในเฮอร์ไมโอนี่  เราจัดการส่งนกฮูกไปบอกมัลฟอยเรียบร้อยแล้ว” แฮร์รี่พูด  “แต่เราก็ยังไม่เห็นเขามาเยี่ยมเธอสักที” ชายหนุ่มเล่า

และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ได้ยินคำว่ามัลฟอยในหัวของเธอนั้นก็ปวดจี๊ดขึ้นมาพร้อมกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วต่างผ่านเข้ามาในหัวสมองของเธออย่างรวดเร็ว



ฉันรักเธอเกรนเจอร์

เธอจะแต่งงานกับฉันได้รึเปล่าเฮอร์ไมโอนี่

เธอจะใช้ชีวิตอยู่กับฉันตลอดไปได้มั้ย



หญิงสาวหลับตาลงช้า ๆ ภาพความทรงจำต่าง ๆ ระหว่างเธอและชายหนุ่มผมบลอนด์พรั่งพรูเข้ามาราวกับไม่มีวันจบสิ้น  ภาพของเธอและเขาทะเลาะกัน  ภาพที่เขาบอกรักเธอ  ภาพที่เขาจูบเธอซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา  และภาพในวันแต่งงานของเขาและเธอ

เฮอร์ไมโอนี่จำได้แล้ว  เธอจะเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาได้แล้ว  ความทรงจำที่เคยกระจัดกระจายของเธอกลับมาปะติดปะต่อกันจนเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอีกครั้ง!

และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวก็ลุกขึ้นจากเตียงทันที

“เธอจะไปไหนน่ะ  เฮอร์ไมโอนี่” รอนร้อง

“ฉันจะไปหาเดรโก” หญิงสาวพูด

“เธออยู่ที่นี่ดีกว่า  เฮอร์ไมโอนี่  อีกไม่นานเขาก็คงมาเยี่ยมเธอเอง” แฮร์รี่พูด  เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า

“แต่ฉันอยากเจอเขาเดี๋ยวนี้  แฮร์รี่” เธอยืนกราน  รอนทำหน้าราวกับเหม็นอะไรบางอย่างเมื่อได้ยินเธอพูดถึงมัลฟอย

“เธอยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูด  เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างไม่เข้าใจ ”เธอจำเป็นต้องรอให้ผู้บำบัดมาตรวจดูก่อน” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ทำไมล่ะ  ฉันเป็นอะไรงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเพื่อนทั้งสอง  แฮร์รี่กับรอนมองหน้ากันราวกับพยายามจะปรึกษากันในใจ

“บอกฉันมาเถอะแฮร์รี่  ฉันเป็นอะไรงั้นเหรอถึงต้องรอหมอมาตรวจน่ะแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างสงสัย  ส่วนรอนกับแฮร์รี่นั้นมองหน้ากันอย่างอึดอัดใจ  เพราะไม่รู้ว่าจะบอกเพื่อนสาวของเขาว่ายังไงดี



*************************************************



เดรโก  มัลฟอย  ถือจดหมายของแฮร์รี่ศัตรูตัวฉกาจของเขาไว้ในมือ  ซึ่งในจดหมายนั้นมีข้อความถึงบอกแค่ว่าเฮอร์ไมโอนี่บาดเจ็บและกำลังอยู่ที่เซนต์มังโก  มัลฟอยกำกระดาษแผ่นนั้นไว้ในมือแน่นเมื่อเขาอ่านจบ  ถ้าเป็นปรกติเขาต้องรีบบึ่งไปหาเฮอร์ไมโอนี่ทันทีที่เกิดเรื่องแล้ว  แต่เพียงว่าคราวนี้ไม่เหมือนคราวก่อน

“อ่านอะไรอยู่เหรอ  เดรโก” เสียงหวานใสที่ดูเสแสร้งดังขึ้น  ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากหญิงสาวที่ตามติดมัลฟอยมาตั้งแต่ตอนที่ฮอกวอตส์  แพนซี่  พาร์กินสันนั่นเอง

“ไม่มีอะไร” มัลฟอยพูดพลางโยนกระดาษในมือลงในเตาผิงอย่างไม่ใยดี

“เรื่องของยัยเลือดสีโคลนนั้นรึเปล่า” แพนซี่ถามพลางส่งแก้มไวน์ในมือให้เขา  มัลฟอยไม่ตอบอะไร

“ยัยนั่นเป็นไงบ้างล่ะ” เธอพูด  ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเบา ๆ  มัลฟอยยังคงทำสีหน้าเรียบเฉย

“เธอคงอยากไปเยี่ยมยัยนั่นสินะ  เดรโก” แพนซี่พูดเสียงหวานพลางเอามือลูบไล้แผ่นอกแข็งแรงของเขา  มัลฟอยปัดมือเธอออกทันที  เขาเดินหนีเธอไป  แต่แพนซี่ยังคงไม่ลดละความพยายาม  เธอเข้าไปโอบกอดชายหนุ่มจากด้านหลัง มือของเธอลูบไล้ไปตามแผ่นอกแข็งแกร่งผ่านเสื้อเชิ้ตที่เขาสวมอยู่

“เธอคงคิดถึงมันมากสินะ  เดรโก” แพนซี่พูดเสียงหวาน  มัลฟอยเม้มปากแน่น

“ถ้าเธออยากไปเยี่ยมยัยโสโครกนั่นก็ได้นะ  เดรโก” เธอพูดอย่างเชื้อเชิญ “แต่ฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของยัยนั่นหรอกนะ” แพนซี่พูดเสียงเย็น  มือของแพนซี่ค่อย ๆ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออก  และอีกมือหนึ่งก็ค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำ  มัลฟอยคว้ามือของเธอไว้ทันที

“มันเกินกว่าที่เราตกลงกันไว้นะ  พาร์กินสัน” มัลฟอยพูดเสียงแข็ง  ดวงตาสีซีดนั้นดูเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด  แพนซี่แสร้งยิ้มหวาน

“ไม่เอาน่าเดรโก  ไม่เห็นต้องซีเรียสเลย” เธอพูดพลางเอามือไล้ตรงขอบกางเกงของเขาอย่างจงใจ

“อย่าให้ฉันต้องรังเกียจเธอไปมากกว่านี้เลย  พาร์กินสัน” มัลฟอยพูด  คว้ามือของหญิงสาวออกมาเขามองเธอด้วยสายตาเย็นชาเป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนที่จะหมุนตัวและเดินออกไปจากห้องนั้นอย่างไม่ใยดี



มัลฟอยเดินออกมาจากห้องนอนด้วยอาการหงุดหงิดใจ  เขารู้สึกเป็นห่วงเฮอร์ไมโอนี่มากกว่าอะไรทั้งหมด  ความจริงตอนนี้เขาควรจะไปอยู่ที่เซนต์มังโกเรียบร้อยแล้วถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ที่เขาคาดไม่ถึงเสียก่อน



หัวค่ำวันก่อนเมื่อมัลฟอยพบว่าเขากลับมาที่บ้านและไม่พบเฮอร์ไมโอนี่  แถมเขายังพบจดหมายที่แฮร์รี่ส่งมาให้เธอในกระเป๋าเสื้อคลุมของเธออีกนั้น  มันทำให้เขาต้องรีบออกไปตามเธอในทันที  แต่เมื่อมัลฟอยลงมาที่ห้องโถง  เขาก็กลับพบว่ามีใครบางคนมารอเขาอยู่ก่อน

ซึ่งคน ๆ นั้นก็คือแพนซี่  พาร์กินสันนั่นเอง

“สวัสดีตอนเย็น  เดรโก” เธอทักเขาเสียงหวาน  มัลฟอยมองเธออย่างไม่เข้าใจ

“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่  พาร์กินสัน” ชายหนุ่มถาม  แพนซี่ยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก

“แล้วเธอล่ะ  จะรีบร้อนไปไหนหรือ” แพนซี่พูด

“นั่นมันเรื่องของฉัน” มัลฟอยตอบอย่างเย็นชา

“รีบไปหายัยเลือดสีโคลนของเธอใช่ไหม  เดรโก” แพนซี่เอ่ย “แต่เสียดายนะที่เธออาจจะไม่ได้เจอยัยนั่นอีกแล้ว” เมื่อจบคำพูดของแพนซี่  มัลฟอยก็เบิกตากว้างเขาพุ่งเข้าหาหญิงสาวทันที

“บอกมาว่าเฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่ไหน” มัลฟอยพูด  ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่แพนซี่ที่กำลังยิ้มอย่างร่าเริงอยู่

“เป็นห่วงมันมากเหรอ” แพนซี่พูด  ชายหนุ่มกดไม้กายสิทธิ์ในมือลงที่ลำคอของเธอในเชิงข่มขู่

“บอกฉันมาดี ๆ พาร์กินสัน  ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันทรมานเธอด้วยคาถากรีดแทง” มัลฟอยพูด  แววตาสีซีดนั้นดูเย็นชากว่าครั้งไหน  แต่แพนซี่กลับเอามือของเธอลูบท่อนแขนของมัลฟอยเบา ๆ ราวกับไม่รู้สถานะของตัวเอง

“เอาสิ  เดรโก  ร่ายคาถาใส่ฉันเลยสิ  แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าถ้าเธอทำอะไรฉันล่ะก็ยัยเลือดสีโคลนนั่นจะโดนหนักกว่าฉันเป็นพันเท่า” แพนซี่พูดอย่างร้ายกาจ  มัลฟอยกัดฟันพยายามสงบอารมณ์

“ฉันถามเธอเป็นครั้งสุดท้ายนะพาร์กินสัน  เฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่ไหน” มัลฟอยพูดรอดไรฟัน  สีหน้าดูโกรธจัด  ในขณะที่แพนซี่ยิ้มสบาย ๆ

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน  เพราะว่าครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นมันนั้นพอตเตอร์กับวีสลีย์ก็เข้ามาช่วยมันไปแล้ว” เธอพูด มัลฟอยหรี่ตาลงอย่างสงสัย

“พอตเตอร์กับวีสลีย์มาเกี่ยวอะไรด้วย  แล้วเธอทำอะไรเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยคำราม  แพนซี่ยิ้มน่ารังเกียจ

“ฉันจะบอกให้ก็ได้นะเดรโก  ว่าฉันพยายามจะฆ่ามัน  แต่ฉันทำไม่สำเร็จ” เธอพูด และเมื่อมัลฟอยได้ยินเช่นนั้นเขาก็กดไม้กายสิทธิ์ในมือลงมาที่ลำคอของแพนซี่อย่างแรงจนเธอสะดุ้ง

“จะฆ่าฉันหรือ  เดรโก” แพนซี่พูดอย่างท้าทาย  “ถ้าเธอฆ่าฉันล่ะก็  พวกผู้เสพความตายที่เหลือต้องไม่อยู่เฉยแน่”

“เธอคิดว่าฉันกลัวเหรอ” มัลฟอยพูดรอดไรฟัน ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการมากกว่าอะไรทั้งหมดคือฆ่าผู้หญิงตรงหน้าเสีย

“ใช่  เธออาจจะไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง  แต่ยัยเลือดสีโคลนนั่นล่ะ  ผู้เสพความตายที่เหลือก็จะไม่ปล่อยมันไปเหมือนกัน”  แพนซี่พูดอย่างเป็นต่อ

“เธอ!” มัลฟอยกัดฟัน “ต้องการอะไร”

“โอ  นี่เราคงคุยกันดี ๆ แล้วใช่ไหมเดรโก  ถ้าอย่างนั้นก็ลดไม้กายสิทธิ์ลงเสียสิ” แพนซี่พูด  “ถ้าเธอยังห่วงยัยชั้นต่ำนั่นอยู่บ้างล่ะก็” แพนซี่ยิ้มอย่างเป็นต่อ  มัลฟอยลดไม้กายสิทธิ์ในมือลงอย่างช้า ๆ

“ว่ามา” ชายหนุ่มพึมพำ “เธอต้องการอะไร”

“สิ่งที่ฉันต้องการก็คือให้เธอเลิกกับยัยนั่น  และมาเข้าร่วมกับพวกผู้เสพความตายอย่างที่พ่อของเธอหวังไว้” แพนซี่พูด  แววตาราวโรจน์

“ไม่มีทาง” มัลฟอยพูดเสียงเข้ม

“ก็ได้” แพนซี่พึมพำ “ถ้าอย่างนั้นเธอก็เตรียมจัดงานศพไว้ให้ภรรยาสุดที่รักของเธอด้วยละกัน”

“ขนาดเฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่ไหนเธอยังไม่รู้เลย  แล้วเธอจะไปฆ่าเฮอร์ไมโอนี่ได้ยังไง” มัลฟอยพูด  แพนซี่ยิ้มเยือกเย็นให้เขา

“ฉันไม่รู้  แต่ผู้เสพความตายคนอื่น ๆ ก็พยายามสืบหากันอย่างเต็มที่  ไม่แน่นะว่าตอนนี้พวกเขาอาจจะอยู่ใกล้ ๆ คุณนายมัลฟอยแล้วก็ได้” แพนซี่พูดอย่างอารมณ์ดี  มัลฟอยกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ

“เธอ!” มัลฟอยกัดฟัน

“ว่าไงจะรับข้อเสนอฉันไหม” แพนซี่พูด

“เธอต้องการให้ฉันบอกเลิกกับเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยเอ่ย  แววตาสีซีดนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ

“ไม่ต้องก็ได้  แค่เซ็นนี่แล้วส่งไปให้เธอก็พอ” แพนซี่พูดพลางยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขา



*************************************************



“คือเธอ……” แฮร์รี่อึกอัก  แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกไป นกฮูกเหยี่ยวตัวหนึ่งก็บินมาที่หน้าต่าง  มันใช้เท้าเคาะกระจกเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่จำมันได้ทันที  มันคือนกฮูกของมัลฟอย

หญิงสาวรีบวิ่งไปที่หน้าต่างทันที  นกฮูกเหยี่ยวส่งจดหมายซึ่งเป็นซองสีขาวขนาดใหญ่กว่าจดหมายปรกติให้เธอ   เฮอร์ไมโอนี่รีบฉีกมันออก  เธอหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมา

และเมื่อหญิงสาวได้เห็นว่ามันคืออะไร  เลือดในกายของเธอก็เหมือนกับจะแข็งตัวขึ้นเดี๋ยวนั้น  เฮอร์ไมโอนี่เบิกตาโพลง  มองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างไม่อยากที่จะเชื่อสายตาของตัวเอง

มันคือใบหย่า!!!

สิ่งที่หญิงสาวไม่คิดว่าจะได้รับจากชายหนุ่มที่เธอรัก

เฮอร์ไมโอนี่มองลงมายังตอนท้าย ๆ ซึ่งกระดาษถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง  ฝั่งหนึ่งมีลายเซ็นหวัด ๆ ที่เฮอร์ไมโอนี่จำได้ดี  และบรรทัดต่อมาจากลายเซ็นนั้นลงชื่อไว้ว่า

เดรโก  มัลฟอย

หญิงสาวหน้ามืด ร่างบางแทบล้มลงไปกับพื้นจนแฮร์รี่ต้องเข้ามาประคอง

“เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พาร่างของหญิงสาวมานั่งที่เตียง  หน้าของเฮอร์ไมโอนี่นั้นดูซีดขาวจนชายหนุ่มทั้งสองตกใจ

“มันไม่จริงใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ  น้ำตาคลอเบ้า  แฮร์รี่ฉวยสิ่งที่อยู่ในมือของเธอมาดู  และเขากับรอนเองก็ตกใจไม่แพ้เธอ

“ไม่จริงใช่ไหม” หญิงสาวพึมพำ  หยดน้ำตาไหลออกมาที่แก้มเนียนใส  แฮร์รี่คว้าร่างของเธอมากอดทันที  เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้สะอึกสะอื้น  แต่เสื้อของชายหนุ่มก็ซับน้ำตาของเธอไว้จนหมดสิ้น  แฮร์รี่กอดร่างสั่นเทาของเธอไว้ด้วยความสงสาร  แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะปลอบเธออย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้

“มันไม่จริงใช่ไหม  แฮร์รี่  เดรโกไม่มีทางทำกับฉันแบบนี้” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ  แววตาสับสน

“ฉันต้องไปหาเขา  แฮร์รี่  ฉันต้องไปถามเขาให้รู้เรื่อง” หญิงสาวพูดพลางผละออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม  แต่แฮร์รี่กับรั้งร่างของเธอไว้ก่อน

“ฉันต้องไปหาเขา  แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่พูด  แฮร์รี่ส่ายหน้า

“เธอไปไหนไม่ได้  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ว่า  หญิงสาวมองเขาอย่างสงสัย

“ช่างเรื่องผู้บำบัดอะไรนั่นเถอะ  ฉันต้องไปหาเดรโกเดี๋ยวนี้” หญิงสาวพูด  แต่แฮร์รี่กลับยึดร่างของเธอไว้ด้วยวงแขนของเขา

“มีเรื่องหนึ่งที่เธอต้องรู้  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูด น้ำเสียงของเขาสั่นเครืออย่างน่าใจหาย

“มีอะไรหรือ” เธอพูด  มองไปทีเพื่อนรักทั้งสอง

“ความจริงพวกเรารู้ว่าเธอเป็นอะไร  เฮอร์ไมโอนี่” รอนบอก  เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว

“พวกเธอรู้…..อะไร” เธอว่า “ฉันเป็นอะไรงั้นเหรอ”

“เธอ….” แฮร์รี่พูด “เธอท้อง  เฮอร์ไมโอนี่!”


TBC

Chapter 17: กับดักและแผนการของแพนซี่

ตลอดวันนั้นทั้งวันเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจที่จะหยุดคิดเรื่องจดหมายที่ส่งมาให้เธอได้เลย  แม้ว่าเธอจะพยายามเพียงเท่าไร  แต่ความสงสัยที่เธอมีนั้นมากเกินกว่าที่เธอจะมองข้ามมันไปได้  เวลาเริ่มผ่านไปเรื่อย ๆ จากเที่ยงไปจนบ่าย  จากบ่ายไปถึงเย็น  ใกล้เวลานัดที่เขียนไว้ในจดหมายเข้ามาทุกทีแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่กำลังตัดสินใจอย่างหนักว่าเธอควรจะทำอย่างไรดีระหว่างทำเป็นไม่สนใจมันกับไปตามนัดนั้นเพื่อทราบความจริง

ก่อนหกโมงเล็กน้อยเฮอร์ไมโอนี่ลงมาที่ห้องโถงและเธอก็พบกับมิสเตอร์คลิฟฟอร์ดที่กำลังถือนกฮูกตัวหนึ่งอยู่  เฮอร์ไมโอนี่จำได้ทันทีว่ามันเป็นนกฮูกของมัลฟอย  นกฮูกเหยี่ยวสีน้ำตาลท่าทางสง่างามนั้นบินมาส่งจดหมายให้พ่อบ้านชราก่อนที่จะบินกลับไปที่กรงของมัน

“มีจดหมายมาหรือคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  พ่อบ้านชราสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมามองทางเธอ  

“อ้อ  ครับ  มีจดหมายจากนายน้อย” คุณคลิฟฟอร์ดพูด

“เหรอคะ  แล้วเขาว่ายังไงบ้างเหรอคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  ชายชรามองเธอเนิ่นนานก่อนที่จะตอบคำถามออกไปว่า

“นายน้อยบอกว่าจะกลับดึกสักหน่อย  เพราะวันนี้มีนัดกับลูกค้า” พ่อบ้านประจำตระกูลมัลฟอยบอก  เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น

กลับดึกอีกแล้วรึนี่

“นายน้อยบอกให้คุณทานอาหารค่ำไปก่อนโดยไม่ต้องรอ” เขาพูด  พลางเก็บจดหมายนั้นลงในกระเป๋า  เฮอร์ไมโอนี่ไม่พูดอะไร  เธอเดินกลับไปที่ห้องนอนทันที

  เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดปนน้อยใจ  กี่ครั้งแล้วนะที่มัลฟอยพูดอย่างนี้  กี่ครั้งกันที่เขางานยุ่งเสียจนไม่มีเวลาให้เธอ  หญิงสาวคิดพลางถอนใจ  สายตาของเธอเหม่อมองไปบนโต๊ะ  และซองจดหมายสีเข้มนั้นก็ปรากฏสู่สายตาของเธอ  ความสงสัยมากมายผุดขึ้นในใจของเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง  นาฬิกาวางอยู่บนเตาผิงบอกเวลาห้าโมงห้าสิบนาที

เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากอย่างกำลังชั่งใจ  เธอรู้ว่าการไปตามนัดปริศนานั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำและอาจนำอันตรายมาสู่ตัวเธอ  แต่ความอยากรู้ของเธอนั้นมันแทบจะล้นอยู่ในอกของเธอแล้วในขณะนี้  เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่เตาผิงกระถางใส่ผงฟลูตั้งอยู่บนนั้น  เธอมองมันด้วยดวงตาวาววับ  และเฮอร์ไมโอนี่ก็ตัดสินใจเดินไปหยิบมันมาไว้ในมือ  เธอก้าวเข้าไปในเตาผิง  และโยนผงฟลูลงพร้อมกับพูดเสียงดังว่า

“ร้านหม้อใหญ่รั่ว!”



*************************************************



แรงดึงดูดมหาศาลดูดเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปในเตาผิง  และเมื่อเธอรู้สึกตัวเธอก็มาอยู่ในร้านเสียแล้ว  ภายในร้านนั้นมีผู้คนคลาคล่ำอาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้นั้นเลยเวลาเลิกงานมาแล้ว  พ่อมดแม่มดกลุ่มใหญ่พูดคุยกันเสียงดังจอกแจกจอแจ  ทอมเจ้าของร้านเดินเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ช้า ๆ

“นัดใครไว้หรือเปล่า  คุณผู้หญิง” เขากล่าวเสียงแหบ  เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อย

“เปล่าค่ะ  ฉันมาคนเดียว” เธอพูดพลางนั่งลงที่โต๊ะที่อยู่ใกล้ที่สุด  “เอ่อ  ขอบัตเตอร์เบียร์ค่ะ” เธอพูดมองไปรอบ ๆ ร้านที่ดูวุ่นวาย  และเธอก็เริ่มมองหาคนที่นัดเธอมาพบที่นี่

คนส่วนมากนั้นเป็นคนในวัยผู้ใหญ่  และวัยกลางคน เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่สังเกตุเห็นเด็ก ๆ เข้ามาที่นี่มากนัก  และพวกเขาก็มักจะนั่งกันเป็นกลุ่ม  เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบร้าน  นาฬิกาที่แขวนไว้ที่ผนังบอกเวลาหกโมงเย็น  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังไม่ทราบเลยว่าใครที่นัดเธอมาพบที่นี่  และทันใดนั้นเองสายตาของเฮอร์ไมโอนี่ก็ไปสะดุดเข้ากับร่าง ๆ หนึ่งที่กำลังนั่งจบเครื่องดื่มอยู่คนเดียวในมุมมืดของร้าน  ร่างนั้นสวมผ้าชุดคลุมสีดำที่ยาวกรอมพื้น  รวมทั้งศีรษะที่ถูกปกปิดไว้ด้วยฮู้ดทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถเห็นหน้าของพวกเขาได้อย่างชัดเจน  แต่ดูถ้าดูจากภายนอกแล้วมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงผู้เสพความตาย

เฮอร์ไมโอนี่จ้องร่างนั้นอยู่นานพอสมควร  และเมื่อผู้ถูกมองรู้ตัวเขาก็เดินออกจากร้านหลังจากทิ้งเงินค่าเครื่องดื่มไว้ที่โต๊ะ  เฮอร์ไมโอนี่รีบตามเขาไปทันที

ร่าง ๆ นั้นเดินไปทางหลังร้าน  ซึ่งหญิงสาวใช้เวลานานกว่าจะผ่าฝูงชนที่เบียดเสียดกันอยู่ในร้านมาได้  และเมื่อมาถึงหลังร้าน  เฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่ามันว่างเปล่า  เธอควักไม้กายสิทธิ์ออกมาทันที

”แนวตั้งสาม  แนวนอนสอง” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางเคาะไม้กายสิทธิ์เบา ๆ และกำแพงตรงหน้าเธอก็เปลี่ยนมาเป็นซุ้มประตูให้เธอลอด  เผยให้เห็นตรอกไดแอกอนที่เต็มไปด้วยผู้คนคับคั่ง  และเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นร่างที่สวมชุดคลุมกำลังเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น  เธอจึงรีบตามเขาไปทันที

ร่าง ๆ นั้นเดินผ่านร้านรวงต่าง ๆ ภายในตรอกไดแอกอนอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่คิดจะแวะดูมัน  ราวกับว่าเขาปรารถนาที่จะเดินผ่านมันไปไว ๆ เสียมากกว่า  เฮอร์ไมโอนี่เดินตามร่างนั้นมาเรื่อย ๆ จนมาถึงแถบที่มีผู้คนบางตา  ร่างนั้นก็เลี้ยวเข้าไปในตรอกที่แคบชื้น  และสกปรก  ตรอกนอร์กเทิร์นนั่นเอง

เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่หน้าตรอกนอร์กเทิร์นอย่างลังเล  แต่ความรู้สึกอยากรู้ของเธอก็ทำให้เธอกัดฟันเดินตามร่างนั้นไป  ภายในตรอกนอร์กเทิร์นดูเงียบสงบและวังเวงมากกว่าตรอกไดแอกอนหลายเท่านัก  เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุว่านอกจากเธอกับร่างของพ่อมดที่นอนแผ่อยู่ตรงพื้นเพราะเมาวิสกี้ไฟแล้ว  ในตรอกนี้ก็ไม่มีบุคคลอื่นอีกเลย  หญิงสาวเห็นร่างสวมชุดคลุมนั้นไว ๆ ตรงหัวมุมหนึ่งเธอรีบเร่งฝีเท้าตามทันที  และเมื่อเธอตามมันทัน

“หยุดนะ” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกน  ร่าง ๆ นั้นหยุดชะงัก

“เธอใช่ไหมที่เป็นคนนัดฉันออกมาที่นี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดแต่ร่างในชุดคลุมนั้นไม่ตอบ  มันค่อย ๆ หันหน้าเข้ามาหาเธอช้า ๆ มือของเฮอร์ไมโอนี่กำไม้กายสิทธิ์ในกระเป๋าไว้แน่นเผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้น  จนเมื่อร่างลึกลับนั้นยืนประจันหน้ากับเธอมันก็ค่อย ๆ ถอดผ้าคลุมศีรษะออกมาช้า ๆ



*************************************************



ร่างลึกลับตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ถอดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของมัน ถึงแม้ว่าใบหน้านั้นจะดูมีอายุขึ้น  และดูโตขึ้นกว่าภาพในความทรงจำของเฮอร์ไมโอนี่  แต่หญิงสาวก็จำเธอได้ดี

แพนซี่  พาร์กินสันนั่นเอง!

“ว่าไง  ยายเลือดสีโคลน” แพนซี่ทักเธออย่างร้ายกาจ  เฮอร์ไมโอนี่มองเธออย่างตกใจ  เธอไม่คิดว่าเธอจะเดินมาติดกับแพนซี่อย่างง่ายดายเช่นนี้  แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะไปคิดอะไรไปมากกว่านั้น  ร่างที่สวมชุดคลุมดำมืดอีกไม่ต่ำกว่าห้าร่างก็รายล้อมเธอเข้ามา

“เธอนัดฉันมาต้องการอะไร” เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันพูด  มือที่จับไม่กายสิทธิ์ชื้นไปด้วยเหงื่อ  ในขณะที่แพนซี่กรีดเสียงหัวเราะอย่างร่าเริง

“เธอไม่รู้เลยรึว่าฉันต้องการอะไร” แพนซี่พูด  แววตาสีดำทอประกายชั่วร้าย

“คนพวกนี้เป็นใครกัน  เพื่อน ๆ ผู้เสพความตายของเธอเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนถาม

“นับว่ายังฉลาดอยู่บ้าง” เธอพูด “สมแล้วที่เป็นเธอ  นี่ขนาดฉันทำให้เธอความจำเสื่อมไปแล้วนะนี่” แพนซี่พูดอย่างอารมณ์ดี

“แล้วคราวนี้เธอต้องการอะไร  ลบความจำของฉันอีกรอบรึไง” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างท้าทาย  แพนซี่เหยียดยิ้มพลางส่ายหน้าช้า ๆ

“ไม่หรอก  เกรนเจอร์” เธอพูด “จากครั้งก่อนเธอรู้ไหมว่าฉันได้บทเรียนชั้นดีมาที่ฉันต้องจำจนขึ้นใจทีเดียวล่ะ” แพนซี่ว่า  รอยยิ้มน่ารังเกียจปรากฏบนใบหน้าหงิกงอของเธอ

“และบทเรียนนั้นก็คืออะไรรู้ไหม” เธอพึมพำพลางเดินเข้ามาใกล้เฮอร์ไมโอนี่เสียจนร่างของทั้งสองห่างกันไม่ถึงครึ่งเมตร

“ถ้าเธอต้องการได้ของ ๆ ใครแล้วล่ะก็  เธอก็ต้องจัดการเจ้าของ ๆ มันให้พ้นทางเสียก่อน  หรือไม่ก็กำจัดเขาไปจากโลกนี้เลยก็ยิ่งดี  เธอถึงจะได้ครอบครองมันโดยที่ไม่มีใครมาขัดขวาง” แพนซี่พูด  ยิ้มเยือกเย็น  เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากแน่น  เม็ดเหงื่อมากมายผุดขึ้นบนใบหน้า  เธอจำเป็นต้องลงมือตอนนี้เดี๋ยวนี้ก่อนที่แพนซี่จะฆ่าเธอ

“งั้นเธอก็กำลังจะใช้บทเรียนนี้ของเธอสินะ  แพนซี่” หญิงสาวพูด  แพนซี่ยิ้มรับ

“แน่นอน  ฉันใช้มันแน่” เธอพูดก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุม  แต่คราวนี้เฮอร์ไมโอนี่ไวกว่า

“สตูเปฟาย” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนก้องชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่แพนซี่ที่เบี่ยงตัวหลบได้ทัน

“โพรเทโก้” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง  เฮอร์ไมโอนี่เอี้ยวตัวหลบ  และเมื่อผู้เสพความตายคนหนึ่งกำลังจะสาปเธอ

“อิมเปดิเมนต้า” เฮอร์ไมโอนี่เสกคาถาสกัดภัยไว้ได้ทัน

“เอ็กซ์เปสลิอาร์มัส” แพนซี่ตะโกน  ไม้กายสิทธิ์ของเธอลอยหวือไปอยู่ในมือของแพนซี่  เธอหมุนมันไว้ในมืออย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะโยนมันทิ้ง  พร้อมกับชี้ไม้กายสิทธ์ของเธอไปที่เฮอร์ไมโอนี่

“จะให้ฉันใช้คาถาไหนก่อนดี” แพนซี่พูดมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาสีดำ  รอยยิ้มที่แสดงความพึงพอใจปรากฏอยู่บนใบหน้าหงิกงอของเธอ

“คาถากรีดแทงดีไหม” เธอพูดพลางเคลื่อนกายเข้ามาใกล้เฮอร์ไมโอนี่  ไม้กายสิทธิ์ของแพนซี่ชี้ไปที่หน้าอกของเธอ “หรือคาถาพิฆาตดี” เธอพูด

“หรือทั้งสองอย่าง” เสียงของผู้เสพความตายคนหนึ่งดังขึ้น  แพนซี่ยิ้มรับคำพูดนั้น

“แน่นอน  ฉันทำแน่” แพนซี่พูดอย่างอารมณ์ดี  ก่อนที่จะหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่

“มีอะไรจะสั่งเสียก่อนไหม  ยายเลือดสีโคลน” แพนซี่ถาม  เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันแน่น  มองแพนซี่อย่างเคียดแค้น  หญิงสาวหัวเราะออกมา

“ถ้าเธอเงียบฉันก็ถือว่าเธอไม่มีอะไรจะพูดนะ” แพนซี่ว่าก่อนที่จะกดไม้กายสิทธิ์ลงไปที่ลำคอของเฮอร์ไมโอนี่  เธอหลับตาลง  รอรับชะตากรรมของเธอที่กำลังจะเกิดขึ้น

แต่ก่อนที่แพนซี่จะได้ร่ายคาถานั้น  ก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ปรากฏกายขึ้นเสียก่อน  และพวกเขาก็คือศัตรูตัวฉกาจของเหล่าผู้เสพความตาย  มือปราบมารนั่นเอง!

แฮร์รี่  รอน  และมือปราบมารคนอื่น ๆ นั้นบุกเข้าจับกุมผู้เสพความตายอย่างรวดเร็ว  และก่อนที่แพนซี่จะร่ายคาถาใส่เฮอร์ไมโอนี่แฮร์รี่ก็เข้ามาช่วยเธอไว้ได้ทันท่วงที

“เป็นอะไรรึเปล่า” เขาถามอย่างเป็นห่วง  เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า

“ระวังข้างหลัง  แฮร์รี่” หญิงสาวหวีดร้อง  เมื่อผู้เสพความตายคนหนึ่งกำลังจะร่ายคาถาใส่เขา

“อิมเปดิเมนต้า” เสียงของรอนดังขึ้น  เกิดแรงระเบิดมหาศาลระหว่างแฮร์รี่กับผู้เสพความตายนั้น  และก่อนที่มันจะได้โอกาสร่ายคาถาอีกครั้ง  รอนก็สะกดนิ่งมันเสียก่อน

“ไปหาที่หลบก่อน  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูดอย่างรีบเร่ง  และเขาก็หันไปต่อสู้กับผู้เสพความตายอีกคนหนึ่ง  หญิงสาวรีบถอยหลังกรูมองดูพวกเขาสู้กันอย่างดุเดือด  และในขณะนั้นเองก็มีมือ ๆ หนึ่งมาคว้าร่างของเฮอร์ไมโอนี่ไว้

“คิดเหรอว่าฉันจะปล่อยให้เธอไปมีความสุขกับเดรโกอีกเป็นครั้งที่สองน่ะ” แพนซี่กัดฟันพูด  ใบหน้าดูโกรธจัด  เธอชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่เฮอร์ไมโอนี่

“ลาก่อนยัย……..โอ๊ะ” เสียงของแพนซี่ขาดหายไปเนื่องจากตอนที่เธอกำลังจะสาปเฮอร์ไมโอนี่  หญิงสาวก็เอาหัวเธอของโขกกับหัวของแพนซี่อย่างแรง

“ใครยอมให้เธอฆ่าง่าย ๆ ก็โง่แล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางพุ่งหมัดเข้าที่ท้องของเธอทันที  แต่แพนซี่เบี่ยงตัวหลบเสียก่อน  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่รอช้าหญิงสาวแตะเธอเข้าที่ขาจนเป็นผลทำให้แพนซี่ล้มลงกับพื้น

“เธอน่าจะเรียนรู้การป้องกันตัวของพวกมักเกิ้ลไว้บ้างนะ  มันมีประโยชน์มากทีเดียว” เฮอร์ไมโอนี่พูดก่อนจะมองแพนซี่อย่างสมเพช  แต่ทันใดนั้นเองแพนซี่ก็จับขาของเธอและกระชากมันลงพื้น!    

   เฮอร์ไมโอนี่ล้มลงไปที่พื้น  ในขณะที่แพนซี่ขึ้นมาคร่อมร่างของเธอไว้

“ลูกมักเกิ้ลชั้นต่ำก็ทำได้แค่ใช้การต่อสู้ต่ำ ๆ แบบนั้นนั่นแหละ” แพนซี่พูดอย่างเคียดแค้น  พลางหยิบไม้กายสิทธิ์ของเธออกมา  แต่เฮอร์ไมโอนี่ไหวตัวทันเธอจับข้อมือของแพนซี่บิดทันที  แพนซี่ร้องด้วยความเจ็บปวด และปล่อยไม้กายสิทธิ์ลงพื้น  เฮอร์ไมโอนี่ผลักร่างของแพนซี่ออกและลุกขึ้นยืน

“การต่อสู้ต่ำ ๆ น่ะต้องเหมาะกับคนต่ำ ๆ อย่างเธอแพนซี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางโยนไม้กายสิทธิ์ของแพนซี่ไปไกล ๆ “ถ้าลองมาสู้กันแบบมักเกิ้ลเธอไม่มีทางชนะฉันหรอก” หญิงสาวพูด  แพนซี่มองเธออย่างโกรธแค้น  แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้นแพนซี่ก็ร้องขึ้นก่อน

“อ๊ะ  นั่น!!!” เฮอร์ไมโอนี่หันไปตามสัญชาติญาณ  และเมื่อสบโอกาส  แพนซี่ก็ออกแรงผลักเฮอร์ไมโอนี่เข้าหากำแพง  จนศีรษะของเธอกระแทกก้อนอิฐอย่างแรง  เลือดสีแดงไหลซึมไปตามรอยแผลและเปรอะเปื้อนอยู่บนกำแพง

“เฮอร์ไมโอนี่!!!” เสียงของแฮร์รี่และรอนดังขึ้นพร้อมกัน  แต่เมื่อแฮร์รี่จะลงมือเข้าไปจับกุมแพนซี่  เธอก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว  พร้อมกับผู้เสพความตายสองคนที่เหลือ ( ส่วนอีกสามคนนั้นโดนสะกดนิ่งไปเรียบร้อยแล้ว )

“เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ร้อง  เขาเป็นคนแรกที่ไปถึงตัวเธอ  ร่างของหญิงสาวนอนนิ่งอยู่บนพื้น  เลือดสีแดงไหลจากแผลไม่ยอมหยุด

“เฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดพลางก้มดูร่างของเธอที่บัดนี้อยู่ในอ้อมของแฮร์รี่  ซึ่งชายหนุ่มพยายามเรียกเธอหลายต่อหลายครั้ง  แต่เธอก็ไม่รู้สึกตัวเลย

“เราต้องพาเธอไปโรงพยาบาล” รอนพูดลำล่ำละลั่ก

“ใช่รอน  เราจะพาเธอไปโรงพยาบาล” แฮร์รี่พูดพลางกระชับร่างของหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน  และพาร่างที่มีลมหายใจโรยรินของเธอออกไปจากตรงนั้นทันที



*************************************************





มัลฟอยกลับมาที่คฤหาสน์ของเขาด้วยอาการเหนื่อยอ่อน  เขารีบเคลียร์งานให้เสร็จอย่างเร็วที่สุดเพื่อจะกลับมาอยู่กับเฮอร์ไมโอนี่  แต่ก็กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างนั้นยิ่งยืดยาวเข้าไปใหญ่  จนเมื่อการหารือของเขากับลูกค้าเสร็จสิ้นลงก็ล่วงเลยเวลามานานมากแล้ว

ชายหนุ่มกลับมาที่บ้านของเขาโดยที่หวังว่าจะเห็นเฮอร์ไมโอนี่ออกมาต้อนรับเขาอย่างที่เคยเป็น  แต่วันนี้กลับไม่ใช่  ไม่มีใครสักคนที่มาคอยต้อนรับเขานอกเสียจากเอล์ฟประจำบ้านแก่ ๆ สองสามตัว  แต่มัลฟอยก็คิดว่าเฮอร์ไมโอนี่คงอยู่ที่ห้องนอนหรือไม่ก็ที่ห้องสมุด

แต่มัลฟอยกลับคิดผิดเพราะเมื่อเขาขึ้นไปที่ห้องนอนของเขาและเฮอร์ไมโอนี่  ก็กลับไม่พบวี่แววของเธอ  มัลฟอยเริ่มสงสัยว่าหญิงสาวหายไปไหน  แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าถอดชุดสูทของเขาออกเพื่อที่จะอาบน้ำหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน

“อ้าว….” มัลฟอยอุทานเมื่อมือของเขาที่กำลังจะแขวนชุดสูทไว้ที่ที่แขวนกลับไปปัดเสื้อคลุมซึ่งเป็นของเฮอร์ไมโอนี่หล่นลงมา  ชายหนุ่มจึงก้มลงไปเก็บมัน  ทันใดนั้นเองก็มีอะไรบางอย่างหล่นออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของเฮอร์ไมโอนี่  ชายหนุ่มหยิบมันมาดูอย่างสงสัย  และเมื่อเขาพบว่ามันคือจดหมาย  มัลฟอยก็คลี่มันออกอ่านทันที

หลังจากที่เขาอ่านข้อความในจดหมายนั้นจบ  มัลฟอยก็ขยำมันทิ้งทันที  ความโกรธพุ่งเข้ามาอย่างอยากที่จะยับยั้งเมื่อเขาได้รู้ว่าจดหมายฉบับนั้นเป็นจดหมายของแฮร์รี่ที่ส่งมาให้เฮอร์ไมโอนี่  และบางทีจดหมายฉบับนี้อาจจะเกี่ยวกับการที่เฮอร์ไมโอนี่หายตัวไปในครั้งนี้ก็ได้

มัลฟอยเดินลงมาที่ชั้นล่างอย่างรีบร้อน  ปากของเขาก็ตะโกนเรียกหาเอล์ฟประจำบ้าน  เขาต้องการให้ใครซักคนบอกเขาว่าเฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่ไหน  แต่เมื่อมัลฟอยเดินลงมาที่ห้องโถง  เขาก็พบกับร่าง ๆ หนึ่งเสียก่อน


TBC

Chapter 16: การเดินทางกลับและจดหมายลึกลับ

มัลฟอยอุ้มเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปในลิฟต์เพื่อจะกลับไปยังห้องสวีทที่อยู่บนชั้นสามสิบสองของพวกเขา  เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงน้อย ๆ เมื่อชายหนุ่มจัดแจงวางเธอลงบนเตียงพร้อมกับจูบเธอที่แก้มเบา ๆ มัลฟอยมองดูเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ในชุดที่เขาเลือกให้  ผิวสีแทนอ่อน ๆ สวยงามนั้นดูเข้ากับชุดสีเงินอย่างแปลกประหลาด

“ฉันบอกเธอหรือยังว่าคืนนี้เธอสวยมากเลย” มัลฟอยกระซิบเธอเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเอียงอาย

“ก็เพราะชุดที่เธอเลือกให้ฉันด้วยแหละ  เดรโก  เธอไปหาของพวกนี้มาจากไหนกัน” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“ฉันก็ใช้บริการของทางโรงแรมนิดหน่อย  ให้เขาติดต่อห้องเสื้อให้ก็เท่านั้นแหละ  ส่วนเครื่องประดับพวกนี้” มัลฟอยพูด มือของเขาสัมผัสสร้อยเพชรที่กำลังประดับอยู่บนรำคอเรียวระหงส์ของเธอเบา ๆ

“เป็นของที่มีอยู่แล้ว ความจริงก็เป็นของเธอนั่นแหละ”

“เหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางก้มลงสำรวจเครื่องประดับต่าง ๆ ของตัวเอง  เครื่องเพชรพวกนี้คงมีราคาแพงมากเป็นแน่

“ฉันชอบชุดนี้จังเลย  เธอเข้าใจเลือกจริง ๆ ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยรอยยิ้มราวกับเด็ก ๆ

“ถึงเธอจะชอบมันแค่ไหนก็เถอะ  แต่ฉันก็ชอบให้เธอไม่ใส่อะไรเลยมากกว่า” มัลฟอยก้มลงมากระซิบที่หูของเธอเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย  เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงขึ้นทันที  เธอตีมัลฟอยเบา ๆ ด้วยความอาย  แต่ชายหนุ่มกลับรั้งร่างเธอไว้ในอ้อมแขนเสียก่อน

มัลฟอยค่อย ๆ จูบเฮอร์ไมโอนี่อย่างแผ่วเบา  มือของเขาลูบไล้ไปตามเรือนร่างของหญิงสาว  ในขณะที่เธอยกแขนทั้งสองขึ้นโอบรอบคอของเขา  มัลฟอยค่อย ๆ ไล้มือแข็งแรงของเขาไปสัมผัสแผ่นหลังของเธอเบา ๆ ก่อนที่จะรูดซิปออก  ในไม่ช้าชุดสีเงินสวยนั้นก็ลงไปกองอยู่ที่พื้นพร้อม ๆ กับชุดสูทของมัลฟอย  ชายหนุ่มค่อย ๆ เคลื่อนมือไปเพื่อจะปลดตะขอเสื้อในของเธอออกแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับห้ามมือของเขาไว้

“ดับไฟก่อนดีไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูด  ใบหน้าสวยนั้นขึ้นสีด้วยความอายบวกกับความรุ่มร้อนเพราะสัมผัสที่ได้รับ  มัลฟอยยิ้มที่มุมปาก

“แล้วถ้าฉับอกว่าไม่ล่ะ” ชายหนุ่มพูด  เฮอร์ไมโอนี่นิ่วหน้า

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะขอให้รูมเซอร์วิสเปิดห้องนอนให้ฉันใหม่อีกห้องหนึ่ง และทิ้งเธอไว้ที่นี่” หญิงสาวพูดอย่างเป็นต่อ  มัลฟอยทำหน้าไม่พอใจ

“ตามใจเธอ” เขาว่าด้วยท่าทีงอน ๆ

และเมื่อไฟทั้งห้องดับลง  ชายหนุ่มก็คว้าร่างของเธอมาจูบอีกครั้ง  คราวนี้การกระทำของนั้นหนักแน่นและรุนแรงกว่าเมื่อครู่  ทั้งสองแลกจูบกันเนิ่นนาน  ริมฝีปากสัมผัสกัน  มือของทั้งสองต่างลูบไล้ร่างกายอีกฝ่าย  ทรวงอกอวบอิ่มเบียดกับแผ่นอกแข็งแรง  ขาของทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันราวกับไม่ต้องการแยกจาก

เสียงครางของเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้นเมื่อมัลฟอยขึ้นมาคร่อมร่างของหญิงสาวไว้  ทั้งสองกอดกันแน่น  เล็บของเฮอร์ไมโอนี่จิกลงบนแผ่นหลังของมัลฟอยที่กำลังหอบหายใจอย่างเป็นจังหวะ  หญิงสาวกอดเขาแน่นขึ้นและส่งเสียงร้องดังขึ้นเรื่อย ๆ ไปตามเสียงหอบหายใจของชายหนุ่มที่กำลังอยู่บนร่างเธอนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เสียงร้องของพวกเขาจะดังขึ้นพร้อมกันพร้อมกับวงแขนที่กอดกระหวัดกันแน่นกว่าครั้งไหน  เมื่อร่างของพวกเขาได้หลอมรวมกันอีกครั้ง  แต่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายในตลอดค่ำคืนนี้



*************************************************

เฮอร์ไมโอนี่ตื่นนอนมาด้วยความเหนื่อยอ่อนและรู้สึกว่าเธอไม่ต้องการลุกจากที่นอนเสียเลย  และสาเหตุที่เธอเป็นอย่างนี้เนื่องจากเมื่อคืนนั้นเธอกับมัลฟอยนั้นได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันหลายต่อหลายครั้งจนเฮอร์ไมโอนี่จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่  แต่เท่าที่เธอรู้มัลฟอยนั้นไม่ยอมปล่อยให้เธอออกไปจากอ้อมแขนของเขาอย่าง

ที่เขาว่าจริง ๆ แต่นั่นก็ทำให้เธอมีสภาพราวกับอดนอนมาสามวันสามคืนในเช้าวันนี้  ในขณะที่ตัวต้นเหตุนั้นกำลังนอนหลับอย่างมีความสุข

เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ผละกายออกจากอ้อมแขนของมัลฟอยที่กำลังกอดเธอไว้แน่น  ถ้าเป็นปรกติเขาคงรู้ตัวไปแล้วแต่เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนคงทำให้เขาเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะตื่นขึ้นมาในตอนเช้าได้ไหว

เฮอร์ไมโอนี่ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว  เมื่อเธอกลับมาที่ห้องนอนมัลฟอยก็ยังคงหลับอยู่  เธอไม่อยากจะปลุกเขาเพราะดูแล้วเขานั้นเหนื่อยมากทีเดียว  หญิงสาวจึงโทรไปสั่งรูมเซอร์วิสให้ขึ้นมาเสิร์ฟอาหารเช้าบนห้อง  พอเวลามัลฟอยตื่นขึ้นมาเขาจะได้ทานอาหารได้เลย

หลังจากที่โทรศัพท์ไปสั่งอาหารแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่ก็ออกไปเดินเล่นที่ระเบียง  สายลมกับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าทำให้เธอสดชื่นขึ้นเยอะทีเดียว  เฮอร์ไมโอนี่ทอดสายตาลงไปยังท้องทะเลเบื้องล่าง  ภาพทิวทัศน์ที่แสนสวยงามของมัลดีฟส์นั้นปรากฏสู่สายตาของเธอ  ภาพความทรงจำดี ๆ ที่เกิดขึ้นที่นี่วนเวียนเข้ามาในหัวสมองของเธอช้า ๆ  เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจ

เธอไม่อยากกลับไปเลยจริง ๆ   เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างเสียดายที่วันเวลาอันแสนสุขผ่านไปรวดเร็วนัก  และในขณะที่เธอกำลังเหม่อมองอยู่นั้น  ภาพนกฮูกสีขาวตัวหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตาของเธอ

เป็นไปไม่ได้ที่จะมีนกฮูกในตอนกลางวันและยิ่งเป็นนกฮูกหิมะในเขตร้อนอย่างนี้ด้วยแล้ว  นอกเสียจาก



เฮ็ดวิกบินมาส่งจดหมายให้เฮอร์ไมโอนี่ตามหน้าที่ของมัน  หญิงสาวสังเกตได้ว่ามันดูเหนื่อยอ่อนที่ต้องเดินทางเป็นระยะทางไกล ๆ เฮอร์ไมโอนี่จึงรินน้ำใส่แก้วให้มันกิน  นกฮูกสาวส่งเสียง ‘ ฮูก ’ ราวกับจะขอบใจก่อนจะลงมือกินน้ำอย่างรวดเร็ว  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เอาซองจดหมายนั้นมาดู  จดหมายที่ใครจะเป็นผู้ส่งไม่ได้นอกจากแฮร์รี่  

เฮอร์ไมโอนี่เปิดซองจดหมายออกอ่าน  ซึ่งมีข้อความว่า



ถึง  เฮอร์ไมโอนี่

ฉันรู้สึกเป็นห่วงเธอก็เลยส่งจดหมายมาหา  หวังว่าที่เธอกลับดึกในวันนั้นคงไม่ทำให้เกิดปัญหาอะไรกับเธอและมัลฟอยนะ  ฉันเห็นเธอเงียบไปนานและไม่ติดต่อพวกเราอีกเลย  แต่ฉันกับรอนก็ไม่ว่างที่จะไปหาเธอที่บ้าน  เพราะตอนนี้ที่กระทรวงมีงานยุ่งมาก  ถ้าได้เธอมาอยู่ตรงเหมือนก่อนก็คงจะดี  

อีกอย่างฉันก็อยากจะเตือนเธอ  เฮอร์ไมโอนี่  ตอนนี้ฉันเพิ่งได้รับรายงานว่าผู้เสพความตายจำนวนหนึ่งที่เธอ  ฉัน  และรอนเข้าจับกุมในวันที่เธอได้รับอุบัติเหตุจนสูญเสียความทรงจำไป  ได้หลบหนีไประหว่างที่จะถูกส่งตัวไปอัซคาบัน  และหนึ่งในนั้นมีแพนซี่  พาร์กินสันที่เป็นคนสาปเธอด้วย  จึงอยากให้เธอระวังตัวมาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อเธออยู่ใกล้มัลฟอย  เพราะฉันได้ยินมาว่าผู้เสพความตายจำนวนหนึ่งเคียดแค้นที่เขาไม่ยอมเข้าร่วมด้วยทั้ง ๆ ที่เป็นลูกชายของลูเซียส  มัลฟอย  ฉันจึงอยากให้เธอระวังตัว  บางทีพวกมันอาจจะอยู่รอบ ๆ กายเธอก็ได้  อย่าได้ไว้ใจคนที่อยู่ใกล้ตัวให้มากนัก

รักและเป็นห่วง

จาก  แฮร์รี่  เพื่อนของเธอเสมอไป



เฮอร์ไมโอนี่อ่านจดหมายของแฮร์รี่จบลงด้วยความกังวล  เธอพับมันใส่กระเป๋าเสื้อคลุม  รู้สึกใจหายกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น  และเมื่อเธอได้รู้ว่าแพนซี่หลบหนีออกมาเธอก็ยิ่งกังวล  เพราะเธอก็พอรู้อยู่แล้วว่าแพนซี่นั้นรักมัลฟอย  และสำหรับแพนซี่นั้นเธอก็เปรียบเสมือนก้างขวางคอชิ้นใหญ่ที่จำเป็นต้องกำจัดทิ้งเสีย

เมื่อคิดมาถึงตรงนั้นแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็เกิดการปวดหัวอย่างแรง  จนหญิงสาวต้องเกาะราวระเบียงไว้เพื่อไม่ให้ล้มลงไปกับพื้น  ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เธอไม่รู้ว่ามันเกิดเมื่อไหร่ผุดเข้ามาในศีรษะอย่างรวดเร็ว



“ใช่  คนอย่างฉันมาเป็นผู้เสพความตายมันอาจจะไม่แปลกซักเท่าไหร่นะ  แต่คนอย่างเธอมาเป็นคุณนายมัลฟอยนี่สิ  ฉันว่ามันพิสดารเลยล่ะ!” เสียงของแพนซี่ดังอยู่ในหัวของเธอพร้อมกับภาพของหล่อนที่ผุดขึ้นในสมอง

“แต่ถึงยังไงแกก็จะไม่ได้พบเดรโกอีกต่อไปแล้วล่ะ  ลาก่อนนะยัยเลือดสีโคลน”



เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาจนเธอแทบทนไม่ไหว  และเมื่อร่างของเธอกำลังจะล้มลงกับพื้น

“เฮอร์ไมโอนี่!” มัลฟอยอุทานอย่างตกใจเมื่อเขาเห็นว่าอาการของหญิงสาวเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปประคองร่างของเธอทันที

“เธอเป็นอะไร  เฮอร์ไมโอนี่” ชายหนุ่มพูดอย่างร้อนรน  ในขณะที่หญิงสาวนั้นแทบหมดแรงอยู่ในอ้อมแขนของเขา

“เดรโก  ฉันปวดหัว” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ  ใบหน้าของเธอขาวซีดเหมือนคนเป็นลมจนมัลฟอยตกใจ

“จะไปหาหมอไหม” มัลฟอยถามพลางประคองร่างของเธอให้นั่งลงกับเตียงอาบแดด  เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า

“ไม่เป็นไร  ค่อยยังชั่วแล้ว” เธอพูด  มัลฟอยมองด้วยท่าทีไม่อยากเชื่อ

“แต่ฉันว่าไปหาหมอหน่อยดีไหม” มัลฟอยพูด  เฮอร์ไมโอนี่ยกมือห้าม

“ไม่เป็นไรเดรโก  ฉันไม่เป็นไร” เฮอร์ไมโอนี่พูด  ฝืนยิ้มให้เขา “คงแค่อ่อนเพลียน่ะ”

“จริงเธอ  หน้าเธอซีดมากเลยนะ” เขาพูดมองเธอด้วยแววตาเป็นห่วง  หญิงสาวยิ้มฝืน ๆ

“ไม่เป็นไร  ฉันดีขึ้นแล้ว  ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” เธอพูดเบา ๆ

“แน่ใจนะ” มัลฟอยถามเธอ  พยักหน้าน้อย ๆ ชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป



*************************************************



หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว  ทั้งสองก็เก็บของเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเดินทางกลับอังกฤษ  ทั้งคู่เช็คเอาท์ตอนเวลาเที่ยงตรง  หลังจากที่มัลฟอยชำระค่าใช้จ่ายแสนแพงที่เขาไม่ยอมบอกว่าเป็นเงินเท่าไหร่เสร็จแล้วพวกเขาก็นั่งรอของโรงแรมไปที่สนามบิน

เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยมาถึงสนามบินเวลาบ่ายโมงตรง  เครื่องบินออกตอนบ่านสองโมงตามเวลาท้องถิ่น  ทั้งสองต่างก็ไม่อยากให้การฮันนีมูนที่แสนสุขนี้จบลงรวดเร็วเช่นนี้เลย  แต่ต่างก็รู้ดีว่าไม่สามารถจะต่อช่วงเวลาเช่นนี้ออกไปได้อีกแล้ว

เฮอร์ไมโอนี่มองภาพของมัลดีฟส์ที่ค่อย ๆ ไกลออกไปจากทางหน้าต่างเครื่องบิน  จนเมื่อพวกเขาบินสูงขึ้นจนถึงเมฆหญิงสาวก็ละสายตาจากมันอย่างเสียดาย

“ไม่ต้องห่วงหรอก คราวหน้าฉันจะพาเธอมาเที่ยวที่นี่อีกถ้าเธอต้องการ” มัลฟอยพูด

“อือ  แต่ฉันก็ยังเสียดายอยู่ดี” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

“ไม่เป็นไรหรอก  เพราะถ้ากลับไปที่บ้านฉันก็จะอยู่กับเธอตลอดเวลา” มัลฟอยพูดพลางหอมแก้มหญิงสาว “ไม่ให้เธอต้องเหงาเลย” เขาว่า  เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มรับก่อนที่จะซบศีรษะลงบนไหล่เขาเบา ๆ แววตาเต็มไปด้วยความกังวล

ตลอดการเดินทางกลับอังกฤษนั้น  เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องจดหมายที่แฮร์รี่ส่งมาให้เธอกับมัลฟอยเลย  แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่พยายามจะเล่าให้มัลฟอยฟังหลายต่อหลายครั้งแต่สุดท้ายแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดมันออกไป  เพราะเธอกลัวว่าเมื่อมัลฟอยรู้เรื่อง  มันจะกลายเป็นการทะเลาะกันใหญ่โตอย่างคราวที่ก่อน  ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อยากเสี่ยงให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง  เธอไม่ต้องการจะสูญเสียความรู้สึกดี ๆ นี้ไป



เมื่อเดินทางมาถึงลอนดอน  คนขับรถของมัลฟอยก็เอารถมารอรับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว  ก่อนทางที่จะแวะกลับคฤหาสน์นั้นมัลฟอยเสนอให้เฮอร์ไมโอนี่แวะไปที่เซนต์มังโกส์เสียก่อน

“ฉันอยากให้ผู้บำบัดตรวจดูอาการของเธอดูหน่อยน่ะ  เฮอร์ไมโอนี่  เผื่อว่าจะมีอะไร” มัลฟอยอธิบาย  เฮอร์ไมโอนี่รีบปฏิเสธ

“ฉันไม่เป็นไร  เดรโก  ไม่เห็นต้องเข้าโรงพยาบาลหรอก” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง

“แต่เธอปวดหัวนี่  แล้วฉันก็อยากจะให้ผู้บำบัดเช็คให้แน่ใจเฉย ๆ ” มัลฟอยพยายามทำให้เปลี่ยนใจ  แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับส่ายหน้า

“ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ฉันคงจะนอนไม่พอเท่านั้น” เฮอร์ไมโอนี่อธิบาย “อีกอย่างฉันก็อยากจะกลับไปพักผ่อนแล้ว  เราเดินทางกันมาตั้งนานแล้วนะ” เธอพูด  และในที่สุดมัลฟอยก็ยอมคล้อยตามเธอและสั่งให้คนขับรถขับรถกลับคฤหาสน์โดยดี



เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงบ้าน  มิสเตอร์คลิฟฟอร์ดก็ออกมาต้อนรับพวกเขาอย่างดี

“โอ้  นายน้อยกลับมาแล้วหรือครับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม  พลางสั่งให้เอล์ฟประจำบ้านมาขนของ ๆ มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นไป  เฮอร์ไมโอนี่มองพ่อบ้านชราอย่างไม่พอใจนิด ๆ

“ผมเตรียมทำความสะอาดห้องนอนให้นายน้อยแล้วครับ” พ่อบ้านชราพูด  มัลฟอยพยักหน้ารับ

“เดี๋ยวของพวกนี้น่ะขนไปที่ห้องนอนใหญ่ให้หมดเลยนะ  ส่วนห้องนอนสำรองน่ะปิดไปเลยก็ได้  เพราะตอนนี้ฉันจะย้ายไปนอนที่ห้องนอนใหญ่แล้ว” มัลฟอยพูด  มิสเตอร์คลิฟฟอร์ดมองที่มัลฟอยก่อนที่จะมาจบลงที่เฮอร์ไมโอนี่  และซักครู่เขาก็ยิ้มขึ้นราวกับเพิ่งนึกได้

“อ้อ  ได้ครับ  ได้  เดี๋ยวผมจะสั่งให้เอล์ฟจัดการให้  ตอนนี้เชิญนายน้อยขึ้นไปพักเถอะครับ” พ่อบ้านชราพูดพลางฝายมือเชื้อเชิญ  ในขณะที่มัลฟอยพาเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นไปที่ห้องนอน



เมื่อถึงห้องนอนเฮอร์ไมโอนี่ก็จัดแจงถอดเสื้อคลุมออกและแขวนมันไว้ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน  ในขณะที่มัลฟอยเลือกที่จะไปอาบน้ำ  ล้างหน้าก่อนมากกว่า

“จะอาบน้ำเหรอ  เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเอาผ้าขนหนูขึ้นพาดบ่า

“ใช่  อาบด้วยกันไหม” เขาถาม  เฮอร์ไมโอนี่ใบหน้าเป็นสีแดงก่อนที่จะตะโกนออกไปว่า

“บ้า!” มัลฟอยหัวเราะน้อย ๆ ก่อนที่จะหายเข้าไปในห้องน้ำ

เฮอร์ไมโอนี่นอนอยู่บนเตียงสี่เสา  แววตาของเธอเหม่อมองขึ้นไปบนเพดานครุ่นคิดเรื่องจดหมายอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน



*************************************************



หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านตามเดิม  แต่ก็ดูไม่เหมือนเดิมสักเท่าไหร่นักเมื่อตอนนี้ทั้งสองนั้นได้อยู่ร่วมกันอย่างที่คนเป็นสามีภรรยาสมควรทำจริง ๆ แม้ว่าตอนนี้เธอกับมัลฟอยจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาอย่างตอนที่ไปฮันนีมูนก็ตาม  แต่หลังจากที่เลิกงานมัลฟอยก็จะใช้เวลาที่เหลือกับเธอที่บ้าน  ทั้งสองทานข้าวด้วยกัน  ทำกิจวัตรประจำวันด้วยกัน  และที่สำคัญก็คือทั้งสองได้อยู่ในอ้อมกอดกันและกันทุกค่ำคืน

เพียงแต่หลังจากที่มัลฟอยและเธอกลับมาจากมัลดีฟส์นั้นมัลฟอยก็ดูเหมือนจะมีงานหนักขึ้นทุกวัน  อาจจะเป็นเพราะเขาต้องทำงานชดเชยในช่วงที่เขาได้ไปเที่ยวมาก็เป็นได้  ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก  มัลฟอยมักจะมีนัดกับลูกค้าเป็นประจำ  และบ่อยครั้งที่เขาปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่ทานข้าวคนเดียว  ตอนแรก ๆ นั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็คิดว่ามัลฟอยคงงานยุ่งจนปลีกตัวมาไม่ได้  และเธอก็สมควรที่จะเข้าใจเขา  แต่เมื่อเวลาผ่านไปร่วมเดือนและมัลฟอยก็ยังคงเป็นอย่างเดิมนั้นมันก็ทำให้เฮอร์ไมโอนี่อดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่ค่อยมีเวลาให้เธอดังเดิมเลย

เช้าวันหนึ่งซึ่งเป็นเหมือนทุก ๆ วัน  มัลฟอยต้องออกไปทำงานแต่เช้าและปล่อยให้เธออยู่บ้าน  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็พยายามตื่นเช้าเพื่อมาส่งเขาไปทำงาน

“ฉันไปนะ” มัลฟอยพูดพลางจูบเธอที่แก้มเบา ๆ อย่างรักใคร่

“กลับมาเร็ว ๆ ล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงเง้างอน  มัลฟอยยิ้มและขยี้หัวเธอเบา ๆ

“ฉันจะพยายาม” มัลฟอยพูดก่อนที่จะหายตัวไป  ทิ้งเฮอร์ไมโอนี่ไว้กับบ้านที่กว้างใหญ่  หากแต่ขาดความอบอุ่น

เฮอร์ไมโอนี่กลับขึ้นไปที่ห้องนอน  เธอนั่งอ่านหนังสือที่หยิบมาจากห้องสมุดไปได้สองสามหน้าหญิงสาวก็วางมันลง  เธอกำลังสับสน  ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกเหงามากกว่าอะไรทั้งหมด  เธอรู้สึกหว้าเหว่อย่างน่าใจหาย

น้ำตาของเธอรินไหล  หญิงสาวซบหน้าลงกับผ่ามือ  พยายามจะเก็บมันเอาไว้แต่เธอก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้  เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้ออกมา  เธอคว้าหมอนมากอดและปล่อยให้มันซับน้ำตาของเธอไว้

หลังจากนั้นไม่นาน เฮอร์ไมโอนี่ก็ค่อย ๆ เช็ดน้ำตาออกเบา ๆ

มันไร้สาระที่จะมาร้องไห้เพื่อเรื่องแค่นี้

ในขณะที่หญิงสาวกำลังปาดน้ำตาอยู่นั้น  ก็มีเสียงป็อปเบา ๆ ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเอล์ฟสาวนามว่ามีน่าและเมื่อมันได้เห็นภาพของเฮอร์ไมโอนี่

“นายหญิงร้องไห้!” มันร้อง  ดวงตาเบิกกว้าง “นายหญิงร้องไห้ทำไมเจ้าคะ  ใครทำให้นายหญิงเป็นอย่างนี้” มีน่าซักไซร้  เฮอร์ไมโอนี่ปาดน้ำตาทิ้ง  และยิ้มให้มันอย่างฝืน ๆ

“เปล่า  ฉัน…..เอ่อ….ฉัน” เฮอร์ไมโอนี่อึกอักพยายามหาข้อแก้ตัว เพราะเธอไม่อยากให้มีน่าทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต

“ฉัน  เอ่อ  อ่านหนังสือน่ะ  พอดีหนังสือเล่มนี้มันเศร้าไปหน่อยเท่านั้นเอง” เฮอร์ไมโอนี่โกหก

“เรื่องคาถาต้องห้ามและอันตรายเนี่ยนะเจ้าคะ” มีน่ามองหนังสือเล่มนั้นก่อนที่จะมองหน้าของนายหญิงของเธออย่างงง ๆ

“เอ่อ….ก็…ฉันสงสารพวกพ่อมดแม่มดที่โดนผู้เสพความตายทรมานไงล่ะ  โดยใช้คาถากรีดแทงน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่แก้ตัว  เอล์ฟสาวพยักหน้าช้า ๆ

“อ้อ มีจดหมายถึงนายหญิงเจ้าค่ะ  และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เธอต้องมาที่นี่” มันพูดพร้อมกับส่งจดหมายซองสีเข้มที่ไม่มีชื่อผู้ส่งระบุไว้ให้เธอ  เฮอร์ไมโอนี่รับมาเปิดอ่าน  ในจดหมายนั้นมีข้อความสั้น ๆ เขียนไว้แค่ว่า



ถ้าอยากรู้อดีตของเธอกับเดรโกให้มาที่ร้านหม้อใหญ่รั่วตอน 6 โมงเย็น



เฮอร์ไมโอนี่อ่านจดหมายฉบับนั้นจบ  แววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความสงสัย

ใครกันนะที่เป็นคนส่งจดหมายนี่  แล้วเขาต้องการอะไร

เธอครุ่นคิดอย่างด้วยความสับสนบวกกับความอยากรู้

และที่สำคัญทีสุดก็คือ  ‘ อดีตของเธอกับเดรโก ‘ ที่ว่านั้นมันคืออะไรกันแน่

แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้เลยหากเธอไม่ไปตามนัดดังที่จดหมายนั้นระบุไว้

TBC

Chapter 15: ช่วงเวลาแห่งความสุข

มัลฟอยพาร่างของเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนของเขาเดินเข้าไปในห้องนอนทันที  ในห้องนอนนั้นถูกตกแต่งด้วยดอกกุกลาบสีขาวจำนวนมาเช่นเดียวกับห้องอื่น ๆ แต่แตกต่างกันตรงที่บนเตียงนั้นมีกลีบดอกกุหลาบสีแดงโรยอยู่  เฮอร์ไมโอนี่ซบศีรษะของเธอลงบนอกของมัลฟอย  ใจเต้นแรงจนเธอเองก็ยังแปลกใจ  มัลฟอยมองดูหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างเอ็นดูก่อนที่จะบรรจงจูบที่หน้าผากของเธอเบา ๆ และวางร่างของเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มวล

เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่บนเตียงในขณะที่มัลฟอยโบกมือเบา ๆ ดอกลิลลี่สีขาวช่อใหญ่ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าหญิงสาว  เฮอร์ไมโอนี่อุทานเบา ๆ พลางหยิบมันมาดู  เธอซบหน้าลงกับดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์นั้นพร้อมกับสูดกลิ่นหอมสดชื่นของมันเข้าไป

“ฉันคิดว่าเธอคงชอบ” มัลฟอยกระซิบเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง

“ฉันชอบ  ชอบมากด้วย” เธอตอบสีหน้าเอียงอาย “เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบดอกไม้สีขาว”

“ฉันจะไม่รู้เลยเชียวเหรอว่าคนที่ฉันรักชอบดอกไม้สีอะไรน่ะ” มัลฟอยตอบเธอ

“มันก็จริง” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ

“เธอรู้ไหม  เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูดพลางคว้าร่างของเธอมาไว้ในอ้อมกอดของเขา “ว่าตอนที่เธอพูดว่าเธออาจจะจำเรื่องราวของเราไม่ได้ตลอดไปน่ะ” เขาพึมพำ

“เธอรู้ไหมว่ามันทำให้ฉันกลัวแค่ไหน” ชายหนุ่มกล่าว

“ฉันขอโทษ” เฮอร์ไมโอนี่พูด

“ไม่ต้องหรอก  ที่ฉันกลัวนั้นไม่ใช่เรื่องที่เธอจะจำเรื่องราวของเราไม่ได้  แต่ที่ฉันกลัวมากกว่าอะไรทั้งหมดคือกลัวว่าเธอจะจากฉันไป” ชายหนุ่มพูด  แววตาของเขาดูเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด “ฉันกลัวว่าเธอจะไม่รักฉัน  ฉันกลัวว่าเธอจะไม่อยากอยู่กับฉันอีกต่อไป”

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง  ตอนนี้เธอรู้สึกสงสารมัลฟอยมากกว่าอะไรทั้งหมด

“และเธอรู้ไหมว่าฉันคิดหาทางที่จะรั้งเธอไว้กับฉันเสียมากมาย  ฉันคิดว่าจะมีทางไหนที่จะแสดงให้เธอเห็นว่าฉันรักเธอ” มัลฟอยพูด  มองหญิงสาวเบื้องหน้าด้วยความโหยหาที่จะได้ความรักของเธอที่มีต่อเขากลับคืนมา

“ที่เธอบอกว่าเธอพยายามหาทางตั้งมากมายน่ะ  รวมทั้งดอกไม้พวกนี้ด้วยรึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  มัลฟอยยิ้มน้อย ๆ

“มันก็…ใช่” ชายหนุ่มตอบ “เธอรู้ไหมว่ามันยากแค่ไหนที่จะหาดอกไม้ตั้งมากมายขนาดนี้ได้ในฤดูอย่างนี้น่ะ” มัลฟอยพูด

“ถ้าอย่างนั้นที่เธอหายไปตั้งนานก็เพราะอย่างนี้เองน่ะเหรอ”  หญิงสาวพูด “เธอไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่” เฮอร์ไมโอนี่นิ่วหน้าเล็กน้อย

“ฉันแค่อยากให้เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดท่านั้น  ฉันอยากเห็นรอยยิ้มของเธอ  เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยเอ่ย  เฮอร์ไมโอนี่หลบตาเขาด้วยความอาย

“เธอก็ได้เห็นแล้วนี่” หญิงสาวว่า  มัลฟอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“แต่ตอนนี้ฉันอยากได้อย่างอื่นมากกว่า” ชายหนุ่มพูด “และที่ฉันอยากได้ก็คือเธอ” มัลฟอยพูดพลางจูบที่หลังมือของเฮอร์ไมโอนี่  หญิงสาวหน้าแดงก่ำ

“เป็นของฉันอีกครั้งนะ  เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูด  เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงเสียยิ่งกว่าสีของกลีบกุหลาบที่อยู่บนเตียง

“ได้สิ…..เอ่อ….เดรโก” หญิงสาวพูดด้วยความเขินอาย  และเมื่อจบคำพูด  ริมฝีปากของชายหนุ่มตรงหน้าเข้ามาประทับที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอโดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว  ดอกลิลลี่หลุดออกจากมือซึ่งตอนนี้กำลังโอบกอดร่างของชายหนุ่มผมบลอนด์อยู่

มัลฟอยค่อย ๆ แทรกลิ้นของเขาเข้าไปในปากของเฮอร์ไมโอนี่  หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยแต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็เริ่มจูบเขาตอบ  ทั้งสองจูบกันอยู่เนิ่นนานจนกระทั่งมัลฟอยเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกมา  เขามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรักใคร่  ความรู้สึกร้อนรุ่มนั้นกำลังครุอยู่ในอกของชายหญิงทั้งสอง  มัลฟอยก้มลงไปจูบเธออีกครั้งที่ใบหน้าก่อนที่จะดีดนิ้วเบา ๆ ไฟทั้งห้องก็ดับลงพร้อมกันหลือเพียงแต่แสงสว่างจากหน้าต่างที่เปิดค้างเอาไว้มองเห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาว

ชายหนุ่มค่อย ๆ รั้งร่างของเฮอร์ไมโอนี่ให้ลงไปนอนกับเตียง  ริมฝีปากที่เคยอยู่ที่ใบหน้านั้นค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำลงมาเรื่อย ๆ เฮอร์ไมโอนี่ส่งเสียงครางเบา ๆ ในลำคอออกมา  มือแข็งแรงของชายหนุ่มค่อยเปลื้องอาภรณ์ของหญิงสาวออกทีละชิ้นอย่างช้า ๆ ราวกับเขาไม่ต้องการเร่งรีบอะไร  หลังจากนั้นมัลฟอยก็ค่อย ๆ ประทับรอยจูบของเขาบนร่างกายของเธออย่างแผ่วเบา  เสียงครางแผ่ว ๆ ที่ดังออกจากปากของหญิงสาวนั้นเปรียบเสมือนตัวกระตุ้นความร้อนรุ่มให้แก่ชายหนุ่ม   จนเขารู้สึกทนไม่ไหวกับความต้องการนั้น



“อย่า….” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นอย่างตกใจ  มัลฟอยค่อย ๆ ก้มลงไปจูบเธอเบา ๆ

“ฉันรักเธอ  เฮอร์ไมโอนี่” เขากระซิบ “ไว้ใจฉันเถอะ” มัลฟอยจบคำพูดนั้นลงด้วยการจูบเธอที่ใบหู  เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร

มือของมัลฟอยค่อย ๆ ลูบไล้ร่างของเธอจนทั่ว  เสียงครางแผ่ว ๆ ของเฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ และค่อย ๆ สอดประสานกันเสียงลมหายใจของชายหนุ่มที่บัดนี้อยู่บนร่างของเธอ  จนกระทั่งเสียงของทั้งสองนั้นดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเกือบหายไปกับความเงียบสงัดของราตรีนี้

 

*************************************************



สายลมหอบเอากลิ่นไอของทะเลเข้ามาทางหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้  แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าค่อย ๆ สาดส่องไปที่ร่างของหญิงสาวที่กำลังหลับไหลอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มที่กอดเธอเอาไว้อย่างรักใคร่

มัลฟอยมองดูใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ยามหลับ  ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่ม  ลมหายใจอุ่น ๆ ที่เข้ามาปะทะแผ่นอกเปลือยเปล่าของเขาอย่างสม่ำเสมอ  มัลฟอยหวนคิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนพลางยิ้มอย่างสุขใจ

ในที่สุดเขาก็ได้เธอกลับมาอีกครั้ง

เขาได้เธอกลับมาเป็นของเขาอีกครั้ง

มัลฟอยมองร่างของเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังขยับตัวน้อย ๆ หญิงสาวปรือตาอย่างขึ้นมาช้า ๆ

“เดรโก  ตื่นนานแล้วเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเขา

“ไม่นานหรอก” มัลฟอยพูดลางก้มลงไปจูบเธอเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ดึงผ้าห่มขึ้นให้กระชับกาย

“อายอะไรอีกล่ะ” มัลฟอยพูด  เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง “เธอเป็นของฉันแล้วนะ”

“ฉันรู้……” หญิงสาวพึมพำ  มัลฟอยกระชับวงแขนที่กอดเธอให้แน่นกว่าเดิม  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวว่าใบหน้าร้อนวูบวาบเมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน  หญิงสาวมีท่าทีเอียงอาย

“เป็นอะไรไปน่ะ”  มัลฟอยถามเมื่อเห็นท่าทีของเฮอร์ไมโอนี่  หญิงสาวไม่ตอบ

“หรือว่า  อยากให้ฉันกอดเธออีกรอบ” มัลฟอยพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์  เธอขว้างหมอนใส่เขาทันที

“บ้า!” หญิงสาวร้อง  มัลฟอยรับหมอนนั้นไว้ในมือและโยนมันทิ้ง  เขามองใบหน้าแดงก่ำของเฮอร์ไมโอนี่แล้วหัวเราะ

“เธอรู้ไหมว่าเวลาเธอเขินนี่น่ารักดีนะ” มัลฟอยพูด  หน้าบึ้ง

“เธอชอบแกล้งฉันอยู่เรื่อย” หญิงสาวบ่นพลางสะบัดหน้าหนีเขาอย่างงอน ๆ   มัลฟอยอมยิ้ม

“เฮอร์ไมโอนี่  หันมาหน่อยน่า” มัลฟอยพูด

“ฉันไม่แกล้งเธอหรอก  หันมานี่หน่อยสิ” ชายหนุ่มร้องขอและเมื่อหญิงสาวหันหน้ามาเขาก็รวบร่างของเธอมาไว้ในอ้อมแขนทันที

“ไหนบอกว่าจะไม่แกล้งฉันไง” เธอพูดพลางนิ่วหน้า

“ใครว่าจะแกล้งกันล่ะ  นี่มานอนนี่สิ” มัลฟอยพูดพลางรั้งร่างของหญิงสาวมาไว้ในอ้อมอกเขา โดยให้เธอหนุนแขนของเขาแทนหมอน ( ที่เธอเพิ่งเขวี้ยงใส่เขา )

“เธอเคยมีความฝันไหม  เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูดพลางเหม่อมองไปบนเพดาน

“ไม่รู้สิ  แล้วเธอมีเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเขา  มัลฟอยนิ่งเงียบ

“เมื่อก่อนตอนที่อยู่ฮอกวอตส์ฉันฝันว่าฉันอยากจะแต่งงานกับเธอ  สร้างครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่นด้วยกัน” มัลฟอยเล่า

“แต่เธอก็ทำได้แล้วนี่” เฮอร์ไมโอนี่พูด

“มันก็ใช่” ชายหนุ่มตอบ “ฉันได้แต่งงานกับเธอ  ได้สร้างครอบครัวด้วยกันแล้ว  เพียงแต่ว่าฉันก็ยังรู้สึกว่ามันขาดอะไรไปอยู่ดี” ชายหนุ่มพูด  เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ  แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป

“ฉันก็เลยอยากถามเธอว่า  เธออยากจะให้ครอบครัวของเขามีสมาชิกเพิ่มสักคนสองคนไหม” มัลฟอยพูดพลางมองตาเฮอร์ไมโอนี่  หญิงดาวหน้าแดงขึ้นมาทันทีเมื่อเขาพูดจบ

“นายหมายถึง….” เฮอร์ไมโอนี่อ้ำอึ้ง

“ฉันหมายถึงลูก  เฮอร์ไมโอนี่ลูกของเรา” มัลฟอยตอบเพื่อให้ความกระจ่างกับเธอ  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าหน้าของเธอร้อนวูบวาบยิ่งกว่าครั้งไหน

“เธออยากจะมีลูกกับฉันรึเปล่า” มัลฟอยพูด  มองตาของเธอ  เฮอร์ไมโอนี่หลบสายตาเขา  เธอกำลังสับสน

ลูกอย่างนั้นเหรอ  เธอยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย  ถึงแม้ว่าเธอจะรักมัลฟอยก็ตาม  แต่เรื่องการมีลูกนั้นเป็นเรื่องใหญ่  เกินกว่าที่จะตัดสินใจในเวลาเพียงครู่เดียว

“ฉัน…..”

“เธอไม่อยากมีเขาเหรอ  เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูดด้วยสีหน้าผิดหวัง  เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างลังเล

“ฉันยังไม่อยากตัดสินใจ  เดรโก  ฉันว่ามันยังเร็วเกินไป” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ

“ไม่เป็นไร  ฉันไม่อยากบังคับเธอ” มัลฟอยพูดด้วยความเสียดาย

“ฉันขอโทษ  แต่ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่มีเลยนี่  ฉันแค่ต้องการเวลามากกว่านี้” เฮอร์ไมโอนี่พูด  เธอรู้สึกสงสารมัลฟอย  แต่ใจหนึ่งของเธอก็นั่งลังเลกับเรื่องนี้อยู่

มันเร็วเกินไปที่เธอจะตัดสินใจตอนนี้

“ฉันตามใจเธอ  และฉันก็จะไม่บังคับเธอด้วย” มัลฟอยพูด “เพราะไม่แน่ตอนนี้เขาอาจจะเกิดมาแล้วก็ได้” ชายหนุ่มพูดประโยคสุดท้ายด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย  เฮอร์ไมโอนี่ใบหน้าแดงแปร๊ด  เธอเขวี้ยงหมอนอีกใบใส่เขาทันที

“บ้าเหรอ!” เธอโวยวายพลางตีเขาแรง ๆ แต่มัลฟอยกลับไม่รู้สึกเจ็บเลย  ชายหนุ่มกลับให้มือของเขาจับแขนทั้งสองข้างของเธอไว้แทน  แววตาสีซีดนั้นจ้องมองเข้าไปในแววตาของเธออย่างมีความหมาย  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับถูกสะกดไว้ด้วยแววตานั้น  แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้ทำอะไรต่อไปชายหนุ่มก็เข้าไปจูบเธอที่ริมฝีปากเสียก่อน

“อย่า  เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดเมื่อริมฝีปากร้อน ๆ ของเขาค่อย ๆ เลื่อนไปตามใบหน้าและซอกคอของเธอ  หญิงสาวสะดุ้งขนลุกทั่วร่างกายเมื่อลิ้นของมัลฟอยสัมผัสไปทั่วผิวเนื้อ

“อย่า…….” เสียงร้องห้ามดังแผ่วเบา  ร่างของเฮอร์ไมโอนี่อ่อนระทวยไปกับสัมผัสของเขา

“มาห้ามฉันตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้วล่ะ” มัลฟอยพูดก่อนที่จะรั้งร่างของเฮอร์ไมโอนี่ลงไปกับเตียงโดยที่หญิงสาวไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย



*************************************************



เวลาผ่านเลยไปหลายต่อหลายวัน  เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยนั้นใช้เวลาแห่งความสุขของพวกเขาหมดลงไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย  ซึ่งเวลาพวกนั้นก็ไม่ได้ถูกใช้ไปกับอย่างอื่นนอกจากการว่ายน้ำ  อาบแดดที่ชายหาด  จะมีไปเที่ยวนอกโรงแรมเพียงไม่กี่ครั้งและทุกอย่างก็จะจบลงที่ห้องสวีทที่ชั้นสามสิบสองของพวกเขาทุกครั้งไป  จนเมื่อถึงวันสุดท้ายของการอยู่ที่นี่พวกเขาไปดำน้ำกันมาตั้งแต่เช้า  และทั้งสองก็กลับมาด้วยอาการเหนื่อยอ่อน

“ฉันขอหลับซักพักนะ  เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูด  เมื่อเธอทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อย

“แล้วถ้าฉันไม่ให้เธอนอนล่ะ” มัลฟอยกระซิบที่ข้างหูของเธอ  ยิ้มน้อย ๆ

“แป็ปเดียวจริง ๆ ฉันสัญญา” เฮอร์ไมโอนี่พูดและหลับไปอย่างรวดเร็ว  มัลฟอยมองหญิงสาวอย่างเสียดายเล็กน้อยก่อนที่จะลูบหัวเธอเบา

คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะได้อยู่กับเธอที่นี่สินะ  มัลฟอยคิด  เขารู้สึกใจหายเมื่อคิดว่าจะต้องกลับไปใช้ชีวิตตามเดิมและรู้สึกอยากให้ช่วงเวลาที่แสนสุขอย่างนี้ยืดยาวไปอีกนิด  ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม  แต่ถึงอย่างไรการมาเที่ยวครั้งนี้ก็ให้อะไรกับเขาหลายต่อหลายอย่าง อย่างน้อยทีสุดที่ก็ได้สิ่งที่เขาอยากได้มากที่สุดกลับคืนมาซึ่งนั่นก็คือหัวใจของหญิงสาวที่เขารัก  แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาความทรงจำของเธอกลับมาได้ก็ตามแต่ถ้าให้เขาเลือกแค่เพียงหัวใจของเธอก็คงเพียงพอแล้วสำหรับเขา

เพราะสิ่งที่เขาได้มานั้นมีค่ามากกว่าทุกสิ่งในชีวิตของเขาทีเดียว

มัลฟอยมองไปที่ร่างของเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังหลับสนิท  คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้ว  และเขาก็อยากให้เธอกับเขาจากที่นี่ไปด้วยความประทับใจที่มากกว่านี้  มัลฟอยคิดพลางถอนหายใจ  และเขาก็นึกอะไรบางอย่างออก  ชายหนุ่มรีบเดินไปที่ห้องนั่งเล่นและคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันที

“สวัสดีค่ะ  มีอะไรให้รับใช้คะ” เสียงใส ๆ ของพนักงานต้อนรับดังขึ้น

“เอ่อ  มีครับ  ผมชื่อมัลฟอย  ผมพักอยู่ที่ห้องแกรนสวีท”



*************************************************



เฮอร์ไมโอนี่ตื่นขึ้นมาและเธอก็เริ่มรู้สึกว่าเธอนอนได้ไม่เต็มอิ่ม  หญิงสาวปรือตาขึ้นและก็มองไปรอบ ๆ ห้องที่มืดสนิท  เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นไปเปิดไฟ  และเมื่อเธอทำเช่นนั้นเธอก็พบว่าห้องนอนนั้นว่างเปล่า  ไม่มีร่างของมัลฟอยอยู่อย่างที่มันควรจะเป็นแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับพบกล่องใบใหญ่ใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะพร้อมด้วยข้อความที่เขียนไว้ที่ฝากล่องว่า ‘ เปิดตรงนี้ ( Open Here ) ’ เฮอร์ไมโอนี่มองมันอย่างสงสัยและเธอก็ค่อย ๆ เปิดมันออกมา

ข้างในนั้นใส่ชุด ๆ หนึ่งไว้  เฮอร์ไมโอนี่หยิบมันออกมาดูมันเป็นชุดราตรีสีเงินที่มีประกายแวววับของเพชรที่ประดับอยู่ทั้งตัว  เฮอร์ไมโอนี่มองมันด้วยความแปลกใจและเธอก็พบโน๊ตที่ก้นกล่องซึ่งมีข้อความว่า ‘ ใส่ชุดนี้มาพบกับที่ห้องนั่งเล่น ( เครื่องประดับอื่น ๆ อยู่ที่ห้องแต่งตัว ) ’

เฮอร์ไมโอนี่ถือชุดนั้นไปที่ห้องแต่งตัวซึ่งเป็นห้องเล็ก ๆ แยกไปจากห้องนอน  เธอก็พอกล่องเครื่องประดับกำมะหยี่สีแดง  และเมื่อเธอเปิดมันออกเธอก็พบว่าในนั้นถูกบรรจุเครื่องเพชรครบชุดไว้  หญิงสาวใช้เวลาไม่นานเธอก็แต่งตัวเสร็จ  เฮอร์ไมโอนี่ยืนสำรวจตัวเองหน้ากระจกหลังจากที่เธอใส่รองเท้าส้นสูงสีเงินแล้ว  เธอก็พบว่าเธอใช่ชุดนี้ได้พอดีแถมมันทำให้เธอดูดีไม่น้อยทีเดียว

หลังจากนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็เดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นซึ่งเธอพบว่ามัลฟอยกำลังรอเธออยู่ที่นั่น  เขาสวมชุดสูทสีดำสนิท

“นี่เธอเล่นอะไรของเธอน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางเดินไปหาเขา  มัลฟอยอมยิ้ม

“แค่เซอร์ไพรส์นิดหน่อย” ชายหนุ่มว่า “เชิญครับ  คุณผู้หญิง” เขายื่นมือให้เฮอร์ไมโอนี่ควง  หญิงสาวค่อย ๆ สอดมือเข้ากับแขนของเขา

“นี่เราจะไปไหนกัน” เฮอร์ไมโอนี่ถามเมื่อมัลฟอยพาเธอเดินออกจากห้องพัก

“ถ้าบอกก็ไม่ใช่เซอร์ไพรส์น่ะสิ” ชายหนุ่มว่าพลางเดินไปที่ลิฟต์และกดชั้นสามสิบสามซึ่งเฮอร์ไมโอนี่จำได้ว่ามันเป็นภัตราคาร  และเมื่อพวกเขาทั้งสองออกจากลิฟต์บริการสองคนก็โค้งให้เธอและมัลฟอย

มัลฟอยพาเธอเข้าสู่ภัตราคารที่เฮอร์ไมโอนี่คิดว่ามันเป็นภัตราคารที่หรูหราที่สุดเท่าที่เฮอร์ไมโอนี่เคยสัมผัสมา  ตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่คิดว่ามันมีสองชั้น  แต่ความจริงคือว่าพื้นของมันเป็นแบบเล่นระดับ  และปูด้วยหินแกรนิตทับด้วยพรมแดงที่ปูลาดยาวไว้สำหรับแขกเดิน  และที่พิเศษก็คือเพดานของภัตราคารแห่งนี้นั้นทำด้วยกระจกซึ่งมันทำให้สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน

มัลฟอยพาเฮอร์ไมโอนี่เดินข้ามสระน้ำเล็ก ๆ ที่มีปลาแหวกว่ายภายในภัตราคารก่อนที่จะมาถึงที่นั่งที่อยู่บนสุดและอยู่ริมผนังที่ทำจากกระจกทำให้เห็นทัศนียภาพต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

“ที่นี่คงแพงมากใช่ไหม  เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบถามเขาขณะที่บริกรเอาเมนูมาให้ “ถึงไม่ค่อยมีคนมาทานเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางมองภัตราคารที่ว่างเปล่าและเธอก็เริ่มแน่ใจว่าเขาและเธอนั้นเป็นแขกเพียงคู่เดียวของที่นี่

“เปล่าหรอก  แต่ที่ไม่มีคนอื่นมาทานก็เพราะฉันเหมาที่นี่ไว้ต่างหากล่ะ” มัลฟอยพูด  เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างอย่างตกใจ

“เหมางั้นเหรอ” เธอร้อง “เธอรู้ไหมว่ามันแพงแค่ไหนน่ะ”

“ฉันรู้” มัลฟอยตอบสบาย ๆ “แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้นฉันจะได้ทานอาหารกับเธอสองคนได้ยังไงล่ะ”

“แต่เธอไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยนี่” เฮอร์ไมโอนี่บ่น

“เอาเถอะน่า  ไหน ๆ คืนนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายที่อยู่ที่นี่แล้วนี่  ฉันเลยอยากให้มันประทับใจ” มัลฟอยอธิบายเหตุผลของเขา “และก็เงินแค่นี่น่ะ ฉันจ่ายได้สบาย ๆ อยู่แล้ว”

“แต่….”

“ไม่ต้องแต่หรอก  ฉันอยากให้เธอสนุกกับมันนะ  ไม่ใช่ว่ามัวแต่มากังวลกับเรื่องแค่นั้นน่ะ” ชายหนุ่มพูด “อ๊ะ  แชมเปญจ์มาแล้ว” มัลฟอยเอ่ยเมื่อบริกรยกแชมเปญจ์มา  พวกเขาดื่มกันไปได้สักพักอาหารก็มาเสิร์ฟ

“เธอชอบที่นี่ไหม” มัลฟอยถามเมื่อเขาและเฮอร์ไมโอนี่จัดการกับอาหารไปเรียบร้อยแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่ยกแชมเปญจ์ขึ้นมาจิบเบา ๆ

“ฉันก็ชอบนะ  ถ้าไม่ติดว่ามันแพงน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ

“งั้นสนใจจะไปเต้นรำไหม”  มัลฟอยเอ่ยมองไปยังฟลอร์เต้นรำที่ไร้ผู้คนเมื่อดนตรีเริ่มบรรเลงช้า ๆ

“ไม่เอาน่ะ  อายเขา” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง

“มีใครที่ไหนเล่า  มาเถอะ” มัลฟอยพูดพลางลุกขึ้นจากโต๊ะ

“ใช้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับคุณผู้หญิง” มัลฟอยโค้งเธอ  เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มน้อย ๆ

“ยินดีค่ะ  คุณผู้ชาย” เฮอร์ไมโอนี่รับคำ และส่งมือไปให้เขาจับ

ทั้งสองออกไปเต้นรำกันเนิ่นนาน  ท่ามกลางฟลอร์ที่ไร้ซึ่งผู้คนนอกจากพวกเขาทั้งสอง  แสงดาวทอประกายระยิบระยับบนผืนฟ้าเหนือร่างของพวกเขา  มัลฟอยมองดูหญิงสาวตรงหน้าที่อยู่ในชุดสีเงิน  เธอดูสวยงามมากกว่าดวงดาวที่กำลังทอแสงอยู่  ในขณะเดียวกันนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็กำลังจ้องมองชายหนุ่มผมบลอนด์ที่อยู่เบื้องหน้า  ดวงตาสีซีดคู่นั้นดูมีเสน่ห์มากว่าคราไหน

“เธอรู้ไหมเดรโก  ว่าเธอทำให้ฉันคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด” เฮอร์ไมโอนี่พูดนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่เขาได้ทำเพื่อเธอ  ซึ่งการกระทำเหล่านั้นล้วนแต่ทำให้เธอรักเขามากขึ้นทุกที

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงเป็นผู้ชายที่โชคดีเหมือนกัน” มัลฟอยพูด “ที่ได้เธอมาอยู่ในอ้อมแขนของฉัน”

“อือ  คงอย่างนั้นมั้ง” หญิงสาวพูดพลางซบหน้าเข้ากับอกของเขา “รู้ไหมว่าฉันอยากจะอยู่อย่างนี้ไปนาน ๆ อยู่ในอ้อมกอดเธอไปนาน ๆ ” เธอพูด

“ฉันเองก็เหมือนกัน  ฉันเองก็อยากกอดเธอไปนาน ๆ ตลอดทั้งคืนเลยยิ่งดี” ชายหนุ่มจบประโยคด้วยคำพูดที่ทำให้ใบหน้าหญิงสาวแดงก่ำ

“เธอว่ายังไง  เฮอร์ไมโอนี่  ถ้าฉันจะบอกเธอว่าฉันไม่อยากจะเต้นรำอีกแล้ว”  มัลฟอยพูด  เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเขิน  ๆ

“ก็ตามใจเธอสิ” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบกับเขาอย่างรวดเร็ว  มัลฟอยยิ้มให้เธอก่อนที่จะช้อนร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน

“อย่า….เดรโก…ปล่อยฉันลงเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องด้วยความอาย

“ไม่  ฉันบอกแล้วไงว่าตลอดทั้งคืนนี้ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปไหนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม” มัลฟอยพูดพลางอุ้มเฮอร์ไมโอนี่เดินไปที่ลิฟต์ทันที


TBC