Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Sunday, September 14, 2014

I: สิ่งที่ต้องเลือก มิตรภาพ..ความรัก



“เอาเจ้าแมวบ้านั่นไปให้ไกลได้มั้ย เฮอร์ไมโอนี่” เสียงเกรี้ยวกราดของรอนดังขึ้นที่ห้องนั่งเล่นรวมกริฟฟินดอร์

“เธอก็เอาเจ้าสแคบเบอร์ซ่อนไว้ดีๆ ซิรอน” เฮอร์ไมโอนี่เถียงด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน

แฮร์รี่ส่ายหน้าอย่างระอาใจ นี่เป็นครั้งที่ 12 แล้วที่สองคนทะเลาะกันเรื่อง ครุกแชงก์กับสแคบเบอร์

“ทำไมเธอไม่เอามันใส่กรงไว้ล่ะ” รอนไม่ลดละ

“เอาครุกแชงก์ใส่กรง!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเสียงลั่น จนทุกคนหันมามอง

“ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอไม่เอาสแคบเบอร์ไปใส่กล่องเหล็กไว้ซักสองชั้นเลยล่ะ มันจะได้ปลอดภัยจากแมวทุกตัวในโลก”
 เธอประชด

“พอเถอะน่ารอน” แฮร์รี่ว่า “มันรบกวนคนอื่นเขานะ” รอนหน้าบึ้ง

“งั้นก็ไปบอกเจ้าแมวสกปรกนั่นซิว่าอย่ามารบกวนหนูของฉัน”

เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงด้วยความโกรธ เธอคว้าหนังสือลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ไปเถอะครุกแชงก์ ไปหาที่ดีๆ กันดีกว่า”

เธอก้าวพรวดๆ โดยกระแทกรอนอย่างแรงก่อนก้าวข้ามช่องประตูออกไป

“ดี” รอนร้องไล่หลัง

“แล้วลืมเจ้าแมวบ้านั่นไว้ข้างนอกเลยนะ ไม่ต้องพามันกลับมา”




…………………… 



เฮอร์ไมโอนี่ก้าวพรวดๆ ด้วยอารมณ์โกรธ ทำไมรอนต้องแสดงกิริยารังเกียจแมวของเธอถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ ที่โรงเรียนก็มีแมวตัวอื่นนอกจากครุกแชงก์ อย่างเจ้าคุณนายนอร์ริสนั่นไง เธอคิดอย่างฉุนเฉียว
 ทำไมรอนถึงไม่โกรธใส่คุณนายนอร์ริสบ้างล่ะ แล้วยังสารพัดสัตว์เลี้ยงของแฮกริดอีก ทุกตัวมีแนวโน้มว่าน่าจะกินเจ้าสแคบเบอร์เป็นอาหารว่างได้ทั้งนั้น ทำไมไม่ไปโกรธพวกนั้นบ้าง ทำไมต้องเป็นเธอ ทำไมต้องเป็นครุกแชงก์ของเธอ ยิ่งคิด เฮอร์ไมโอนี่ยิ่งสาวเท่า เร็วขึ้น เร็วขึ้น เร็วขึ้น


โครม!


โอ๊ย!

 “ขอโทษค่ะ”


เฮอร์ไมโอนี่รีบกล่าวขอโทษทั้งที่ยังล้มอยู่กับพื้น หนังสือกระจาย บางเล่มทับครุกแชงก์อยู่

“พอดีรีบไปหน่อย....เลย..ไม่..ทัน...”

“หักกริฟฟินดอร์ 30 คะแนน โทษฐานเดินบนระเบียงอย่างไม่ระวัง”

เสียงนุ่มนวลเยือกเย็นดังแทรกขึ้นมา เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง ศาสตราจารย์สเนปยืนหน้าบึ้ง พลางโบก
ไม้กายสิทธิ์เพื่อเก็บหนังสือของตัวเองที่ตกกระจายขึ้น

“และกักบริเวณ โทษฐานที่ทำให้อาจารย์ต้องบาดเจ็บ สองทุ่มคืนนี้ไปที่คุกใต้ดิน”

เขาพูดจบก็เดินจากไปโดยไม่มองกลับมา เฮอร์ไมโอนี่ยืนตะลึง แค่เดินชนแค่นี้เธอโดนหักคะแนนบ้าน 
แถมโดนกักบริเวณอีกด้วย ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้เธอนั่งให้รอนบ่นในห้องยังจะดีซะกว่า

“ทำไมมันแย่อย่างนี้นะครุกแชงก์”เธอบ่น พลางเก็บหนังสือขึ้นมา

“ตอนแรกก็ทะเลาะกับรอน ตอนนี้ก็ถูกสเนปหักคะแนน ฉันจะเจออะไรแย่กว่านี้อีกมั้ยนะ”



………………………


คาบบ่าย แฮร์รี่กับรอนต้องไปเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ของศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ ส่วนเธอแยกไปเรียนอักษรรูนโบราณ ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกสบายใจเล็กน้อย เพราะไม่ต้องนั่งทะเลาะกับรอนอีก ถึงแม้เธอจะรู้สึกเหนื่อยและเครียด เพราะลงเรียนวิชามากกว่าเท่าตัวของเพื่อน แต่เธอก็รู้สึกสบายใจ เพราะอย่างน้อยๆ การเรียนก็ทำให้เธอรู้สึกว่าได้ใช้สมองอย่างเต็มที่ แต่ถึงอย่างนั้นกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็น เฮอร์ไมโอนี่ก็แทบจะหมดแรงเดินไปที่โต๊ะอาหาร ยิ่งพอเห็นหน้ารอนบนโต๊ะอาหาร เธอก็อยากจะหันหลังกลับเลยทีเดียว

“กินอิ่มแล้วอย่าลืมเอาไปเผื่อแมวของเธอมากๆ ล่ะ มันจะได้อิ่มจนไม่อยากมายุ่งกับหนูของฉัน”

รอนเริ่มก่อสงครามหลังจากเงียบอยู่นาน เพราะมัวแต่จัดการกับอาหารบนโต๊ะอยู่

เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบอะไร เธอรีบรับประทานอาหารอย่างรวดเร็วจนแฮร์รี่กลัวว่าอาหารจะติดคอเธอ

“จะรีบไปไหนน่ะ เฮอร์ไมโอนี่ นี่มันมื้อเย็นแล้วนะ ไม่มีเรียนอะไรต่อแล้วไม่ใช่เหรอ”

เฮอร์ไมโอนี่ยกแก้วน้ำฟักทองขึ้นดื่ม

“ฉันถูกสเนปกักบริเวณ” เธอพูด

แฮรี่เหมือนถูกคาถาสะกดนิ่ง เขาอ้าปากค้าง

“ทำไมล่ะ”

เฮอร์ไมโอนี่เลยเล่าเรื่องให้ฟัง ก่อนจะรวบรวมหนังสือขยับตัวจะลุกขึ้น

“ให้เราไปเป็นเพื่อนมั้ย”

แฮร์รี่ถามอย่างเป็นห่วง ความรู้สึกเขาเหมือนเฮอร์ไมโอนี่กำลังถูกสเนปพาไปประหารชีวิต หรือแยกชิ้นส่วนใส่
ในหม้อปรุงยา

“ไม่เป็นไรหรอก” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเล็กน้อย

“ขืนไปกันหมด สเนปจะได้หาเรื่องหักคะแนนเราอีกน่ะซิ”

เธอรู้สึกดีใจที่แม้แฮร์รี่จะโกรธเธอยังไงก็ยังเป็นห่วงเป็นใยเสมอ

“อย่าลืมเอาแมวเธอไปด้วยล่ะ” รอนพูดขึ้นมา “เผื่อว่าสเนปจะได้ใช้มันเป็นเครื่องปรุงยาได้ด้วย”

“ฉันว่าหนูแก่ๆ น่าจะเหมาะกว่านะ” เฮอร์ไมโอนี่โต้ทันควัน

“โดยเฉพาะหนูอายุ 12 ปีแบบนี้น่ะ น่าจะเป็นตัวยาที่แปลกแน่ๆ”

รอนโกรธจนหน้าแดงถึงใบหู เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้แฮร์รี่นิดนึง ก่อนจะค้อนใส่รอนแล้วสะบัดหน้ากึ่งเดินกึ่ง
วิ่งออกจากห้องอาหารไป รอนกระแทกส้อมลงบนเนื้อบนจานอย่างแรง

“ฮึ หนูแก่ๆ” เขากระแทกเสียง “ก็ยังดีกว่าแมวร้ายๆ ที่ขายไม่ออกมาเป็นชาติหรอกน่า”

แฮร์รี่ส่ายหน้าอย่างระอาใจ

“นายก็น่าจะเฉยๆ เสียบ้าง” เขาพูด รอนแบะปาก

“ไม่มีทาง ตราบใดที่ยัยนั่นยังยืนยันจะเลี้ยงเจ้าแมวบ้าๆ นั่นไว้”




 ……………………………………


เฮอร์ไมโอนี่วิ่งมาหยุดยืนหอบหน้าคุกใต้ดิน เธอต้องรีบกลับหอนอนไปเก็บหนังสือ 
และเอาเจ้าครุกแชงก์เข้ากรง ก่อนจะกลับมาที่คุกใต้ดิน เธอดูนาฬิกาที่ข้อมือ ยังเหลืออีก 10 นาที ถึงจะสองทุ่ม ดีกว่ามาสายจนโดนหักคะแนนอีกล่ะนะ เธอคิด พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเคาะประตู

“เข้ามามิสเกรนเจอร์”

เสียงสเนปดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่เปิดประตูคุกก้าวเข้าไป เธอรู้สึกแปลกใจที่นอกจากศาสตราจารย์สเนปแล้วยังมีคนอื่นอีก

“มาก็ดีแล้ว ฉันต้องออกไปธุระข้างนอก เธอมาตรงนี้ มิสเกรนเจอร์”

สเนปวาดมือชี้ไปที่ถังน้ำสามใบ

“พวกเธอจะต้องควักลูกตาคางคกหกขานี้ ล้างให้สะอาดใส่โหลนี่ไว้”

เขาชี้ไปที่ขวดโหลสีชาใบใหญ่ มีน้ำใสๆ บรรจุอยู่เกือบเต็ม

“ฉันขอย้ำ ต้องล้างให้สะอาดนะ แล้วก็ระวังยางคางคกด้วย มันเป็นพิษ”

เขาขู่สำทับ ก่อนเหลือบสายตามามองที่เฮอร์ไมโอนี่

“เธอทำได้ใช่ไหม มิสเกรนเจอร์”

เฮอร์ไมโอนี่มองถังใส่คางคกก่อนกลืนน้ำลายตอบ

“ได้ค่ะ”

เธอรับคำเบาๆ อย่างสยอง เข้าใจหางานให้เธอทำจริงๆ นะ

“ดี แล้วเธอล่ะ มิสเตอร์มัลฟอย”

สเนปหันไปถามเด็กอีกคนที่เขายืนบังอยู่แต่แรก ด้วยน้ำเสียงที่ดูปราณีกว่าปกติ

“ได้ครับ”

เด็กชายผิวซีดรับคำ มีน้ำเสียงกระหยิ่มอยู่ในที เฮอร์ไมโอนี่แทบจะวิ่งออกไป เมื่อเห็นผู้ร่วมงานในครั้งนี้

“งั้นก็ดี เมื่อฉันกลับมา ทุกอย่างต้องเรียบร้อยนะ”

เขาพูดเชิงขู่ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าคงหมายถึงเธอโดยเฉพาะ เสียงปิดประตูดังไล่หลังสเนป

“แปลกดีนี่ ที่หนอนหนังสือโดนลงโทษแบบนี้”

เสียงมัลฟอยดังขึ้นทันทีที่สเนปพ้นจากห้อง เขาเดินไปนั่งบนโต๊ะอย่างสบายอารมณ์ เฮอร์ไมโอนี่หยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา

“นั่นเธอจะทำอะไร ยัยหัวกระเซิง”

มัลฟอยถาม เขาขมวดคิ้วพลางล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุมเช่นกัน

“ทำงานที่อาจารย์สั่งน่ะซิ”

เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงเย็น เธอร่ายคาถาทำให้ตาคางคกปูดขึ้นมาเหมือนมีลมดันจากข้างใน ก่อนจะหลุดผลัวะ
ออกมาในอ่างที่มีน้ำยาใสสะอาดตั้งรอไว้

“นายคงไม่คิดจะจับคางคกแล้วลงมือควักตามันทีละตัวซินะ มัลฟอย”

เด็กสาวถามเสียงเยาะนิดๆ มัลฟอยชะงักนิ่ง ก่อนมองหน้าเธอเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เขายืนกอดอกจ้องนิ่งเฉย
อยู่นานจนเฮอร์ไมโอนี่ทนไม่ไหวถามขึ้น

“เธอจะจ้องฉันอีกนานไหม มัลฟอย ทำไมไม่มาช่วยกัน จะได้เสร็จเร็วๆ”

มัลฟอยยักไหล่ มองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาถากถางเต็มที่

“คิดว่าฉันอยากมองเธอนักรึ ยัยเลือดสีโคลน” เขาแบะปากมองถังคางคก

“อีกอย่าง งานแบบนี้น่ะ พวกคนใช้ระดับต่ำๆ เขาทำกัน ฉันไม่จำเป็นต้องลงมือทำหรอก”

เขาพูดพลางเดินไปนั่งที่เก้าอี้

“แต่นี่อาจารย์เป็นคนสั่งให้ทำนะ เราต้องช่วยกันทำให้เสร็จสิ” เฮอร์ไมโอนี่ขึ้นเสียง

“งั้นรึ”

มัลฟอยพูดเสียงสูง มองด้วยหางตา ก่อนจะหยิบหนังสือบนโต๊ะศาสตราจารย์สเนปขึ้นมาอ่านอย่างไม่สนใจ

“หนังสือ แอ็กซิโอ!”

หนังสือเล่มนั้นลอยไปอยู่ในมือเฮอร์ไมโอนี่

“เธอทำอะไรน่ะ” มัลฟอยตะโกนอย่างโกรธๆ

“ทำงานที่อาจารย์สั่งน่ะซิ” เฮอร์ไมโอนี่วางหนังสือลงบนโต๊ะข้างๆ

“แต่เธอนั่งตรงนั้นก็ได้มัลฟอย เพราะฉันคิดว่าเธอคงไม่มี ปัญญา จัดการกับตาคางคกพวกนี้ได้แบบฉันแน่ๆ”

มัลฟอยจ้องเฮอร์ไมโอนี่เขม็ง เขาล้วงไม้กายสิทธิ์ออกมาจากเสื้อคลุม โบกสะบัด คางคกตัวหนึ่งลอยขึ้นมาตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี่ แล้วตัวของมันก็พองขึ้น จนตาหลุดกระเด็นออกมาลงในอ่างใส่น้ำยาพอดี แต่ตัวคางคกยังคงลอยนิ่งอยู่ที่เดิม

“อยากรู้จังว่ายางคางคกนี่พิษมันจะออกฤทธิ์แบบไหน ว่ามั้ย เกรนเจอร์”

มัลฟอยถามเสียงเย็นเยียบ เฮอร์ไมโอนี่หน้าเสียเล็กน้อย เธอแกว่งไม้กายสิทธิ์เบาๆ ตาคู่หนึ่งของคางคกก็ลอยไปแทบจะชนหน้ามัลฟอย เขาตกใจเสียสมาธิ คางคกหล่นตุบลงในถัง เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะเบาๆ กับท่าทีตกใจของมัลฟอย ครึ่งชั่วโมงต่อมา ห้องคุกใต้ดินก็เต็มไปด้วยคางคกที่ลอยไปลอยมา กับลูกตาที่เริ่มจะเต็มอ่างขึ้นทุกที จนคางคกตัวสุดท้ายถูกจัดการ มัลฟอยก็ทำท่าจะเดินออกจากห้องเฉยๆ เฮอร์ไมโอนี่รีบร้องถาม

“นั่นนายจะไปไหน”

มัลฟอยหันกลับมามองอย่างเบื่อๆ 

“กลับหอ”

เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตา

“จะกลับได้ยังไง งานที่อาจารย์สั่งยังไม่เสร็จเลย”

“เฮอะ” มัลฟอยพ่นลมหายใจ

“กะแค่เอาลูกตาใส่ขวดนี่นะ มักเกิ้ลโง่ๆ ก็ทำได้”

“มันไม่ใช่แค่ล้างแล้วเก็บใส่ขวดนะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างเหลืออด

“เราต้องล้างให้สะอาด ก่อนเก็บลงโหลดองน้ำยา ถ้ามีแม้แต่หยดเลือดเพียงเล็กน้อย ลูกตาทั้งหมดก็จะใช้ไม่ได้ทันที”

“งั้นเธอก็มาควักตามันใหม่สิ” มัลฟอยพูด

“ฉันเบื่อที่ต้องมานั่งทำงานของคนรับใช้แล้ว ยิ่งต้องมานั่งใกล้ๆ เลือดสีโคลนแบบนี้ มันยิ่งน่าขยะแขยงจนสุดทน”

เฮอร์ไมโอนี่โกรธจนหน้าแดงก่ำ

“โมบิลิอาร์มัส”

เธอพูดพลางชี้ไปที่ตู้ใบหนึ่งข้างๆ ประตู มันค่อยๆ ลอยเคลื่อนมาขวางประตูไว้ มัลฟอยคอแข็ง

“เธอทำอะไร” เขาตะคอก

“นายจะไปไหนไม่ได้ จนกว่าจะทำงานที่ อาจารย์ สั่งเสร็จเรียบร้อย”

เฮอร์ไมโอนี่ตะเบ็งเสียงแข่งกับเขา มัลฟอยขบกรามแน่น ใบหน้าขาวซีด ยิ่งดูซีดหนักกว่าเก่าเพราะความโกรธ เข้าล้วงไม้กายสิทธิ์ออกมาโบก ตู้หนาหนักขยับเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่พ้นจากประตู เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเยาะๆ

“ท่าทางเธอจะไม่เคยทบทวนวิชาที่เรียนมาเลยล่ะสิ และคงไม่เคยอ่านหนังสือเลยด้วยซ้ำมั้ง”

เธอหันมาสนใจงานที่ทำค้างไว้ต่อ มัลฟอยเดินตรงมาที่เฮอร์ไมโอนี่ เขาชี้ไม้กายสิทธิ์ลงไปที่อ่างลูกตา 
น้ำหมุนวนเร็วจี๋จนมีสีแดง แล้วลูกตาทั้งหมดก็ลอยออกจากอ่างไปอยู่ในขวด ปิดฝาเรียบร้อย เฮอร์ไมโอนี่จ้องแบบไม่เชื่อสายตาตัวเอง คนอย่างหมอนี่น่ะนะ ทำงานได้สำเร็จ

“เก่งนี่”

เธอพูดเบาๆ มัลฟอยหันกลับมาที่เธอ

“อย่าเข้าใจผิดซิ เกรนเจอร์”

เขาพูดพลางชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ถังซากคางคกถังหนึ่ง

“ฉันมีอะไรที่สำคัญกว่าต้องทำ”

ถังคางคกลอยตรงมาที่เฮอร์ไมโอนี่อย่างรวดเร็ว



ตึง!



เสียงประตูคุกดังสนั่น พร้อมเสียงศาสตราจารย์สเนปดังขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว มัลฟอยชะงัก
 ถังคางคกตกลงตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี่ไม่กี่นิ้ว เธอถอนหายใจเฮือก แล้วรีบยกไม้กายสิทธิ์เพื่อเคลื่อนตู้ให้พ้นประตู ในเวลาเดียวกับที่ศาสตราจารย์สเนป ร่ายคาถาเดียวกัน ผลคือ ตู้ทั้งใบกระโดดอย่างแรง หนังสือเล่มหนาหนักหลายเล่มกระเด็นออกมา มีบางเล่มเฉียดหน้าเธอไป มีเสียงร้องอย่างตกใจพร้อมกับมีเสียงของหนักๆ หล่นข้างหลังเธอ  เฮอร์ไมโอนี่หันกลับไปมอง เธอแทบจะหัวเราะออกมาดังๆ ถ้าสถานการณ์รอบข้างไม่บังคับไว้
 มัลฟอยล้มลงใกล้ๆ ถังซากคางคก มือทั้งสองข้างจุ่มลงไปในถัง เขาร้องโวยวายอย่างตกใจ 
พลางกระชากมือขึ้นมาอย่างขยะแขยง สเนปเปิดประตูเสียงดังสนั่น เขากวาดตามองรอบๆ ห้อ
ง แล้วมาหยุดที่เฮอร์ไมโอนี่


“เธอทำอะไร มิสเกรนเจอร์” เขาชะงักค้าง มองดูมัลฟอย

“หัก 30 คะแนน บ้านกริฟฟินดอร์ โทษฐานทำร้ายคนบ้านสลิธีริน”

เขาพูดต่อโดยไม่ต้องไตร่ตรองมาก เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง วันนี้วันเดียว เธอทำคะแนนบ้านเสียถึง 60 คะแนน

“แต่อาจารย์คะ หนู....”

เธอพยายามแย้ง แต่สเนปไม่ฟัง เขาดึงคอเสื้อมัลฟอยให้ยืนขึ้น

“ฉันบอกแล้วว่ายางคางคกหกขามีพิษ ให้ระวัง”

เขาพูด มัลฟอยรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ขึ้นมา เขารู้สึกว่ามือทั้งสองข้างเหมือนมีอะไรเคลื่อนที่อยู่บนผิวหนัง 
สเนปเดินไปที่ตู้ยาหยิบขวดยาออกมาหนึ่งใบ ข้างในมีน้ำยาสีตุ่นๆ ดูเหมือนเมือกเละอยู่

ถึงตอนนี้มัลฟอยทนไม่ไหวแล้ว เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมาดู เฮอร์ไมโอนี่มองตามอย่างตกตะลึ
ง มือของมัลฟอยเต็มไปด้วยยางเมือกของคางคก ตอนนี้เริ่มมีปุ่มปมขึ้นเต็มไปหมด มิหนำซ้ำปุ่มปมนั้นยังโตขึ้น และเริ่มเปลี่ยนรูปร่างเป็นมือเล็กๆ ที่น่ากลัวคือ เจ้ามือเหล่านั้น เริ่มขยับไปมาได้ มัลฟอยหน้าซีดขาวจนไม่มีสีเลือดแล้วในเวลานี้ เขาตัวสั่นด้วยความตกใจ ปากอ้าค้าง แต่ดูเหมือนจะค้างแข็งอยู่แบบนั้น เขาเหลือกตาไปทางสเนป

“เธอ!..มาทางนี้” สเนปพูดกับเฮอร์ไมโอนี่

“เธอต้องเอาน้ำยานี่เช็ดยางคางคกที่มือของมิสเตอร์มัลฟอยให้หมด”

เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างอย่าง งงๆ

“หนูเหรอคะ”

“ก็เธอน่ะสิ”

เสียงสเนปปนรำคาญ เหมือนเธอถามคำถามที่ไร้สาระออกมา

“ยางคางคกหกขามีผลต่อการสร้างอวัยวะขึ้นมาใหม่ ตอนใช้น้ำยาเช็ด ตัวเธอเองก็ต้องระวังด้วย เกรนเจอร์”

เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลาย มองที่มือของมัลฟอยอย่างสยอง ค่อยๆใช้ช้อนไม้แบนๆ ตักน้ำยาจากขวดป้ายบนผ้าหนาๆ

“ยื่นมือมาสิ”

เธอพูดเบาๆ มัลฟอยแบะปาก พลางส่งมือให้เธอด้วยท่าทางหยิ่งๆ เฮอร์ไมโอนี่นึกอยากจะเอายางคางคกโปะบนหน้าที่ยะโสของเขาเหลือเกิน คงดูพิลึกแน่ๆ ถ้าบนหน้าของมัลฟอยมีหัวสีบลอนด์เล็กๆ ขึ้นเต็มพรืดไปหมด เธออดยิ้มกับความคิดนี้ไม่ได้

“คงสนุกมากล่ะซิ ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้”

มัลฟอยกัดฟันพูดเบาๆ กับเธอ

“คิดว่าฉันชอบนักรึไง ที่ต้องมานั่งล้างยางคางคกนี่น่ะ”

เฮอร์ไมโอนี่โต้กลับเบาๆ พลางใช้ผ้ากด แล้วลากบนมือมัลฟอยแรงๆ

“โอ๊ย” เขาร้อง “เบาๆ หน่อยซิ ฉันเจ็บ”

เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้วเชิงว่า ‘งั้นเรอะ’ เธอค่อยๆ ทำความสะอาดเบาๆ

หลังจากที่เช็ดยางคางคกออกหมดแล้ว สเนปตรวจดูมือของมัลฟอยอย่างละเอียดก่อนส่งถ้วยยาให้ดื่ม

“กลับไปที่หอได้แล้ว มิสเตอร์มัลฟอย” เขาพูดเรียบๆ

“แต่เธอต้องอยู่ก่อน เกรนเจอร์”

เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก เขาชี้ไปรอบๆ ที่คางคกตกกระจายอยู่

“เธอต้องทำความสะอาดที่นี่ก่อนถึงจะกลับได้”

พูดจบสเนปก็เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานอย่างไม่สนใจอีก เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ มัลฟอยยิ้มเยาะ กระซิบข้างๆ เธอ

“งานทำความสะอาดเหมาะกับเธอดี ยัยเลือดสีโคลน”

เธอหน้าแดงด้วยความโกรธ ขณะที่มัลฟอย เดินเชิดหน้าอย่างยะโสออกจากห้องไป




…………………………………



ที่ห้องนั่งเล่นรวมกริฟฟินดอร์ แฮร์รี่นั่งเล่นหมากรุกพ่อมดอยู่กับรอน เขาเหลือบสายตาไปที่ช่องประตูบ่อยๆ อย่างกังวลใจ

“ไม่รู้เฮอร์ไมโอนี่เป็นยังไงบ้าง ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่กลับมาอีก” เขาพูดขึ้น รอนยักไหล่

“อย่างยัยนั่นน่ะ ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก นายเดินหมากซะทีซิแฮร์รี่”

แฮร์รี่เดินหมากรุกขึ้นไป แต่กลับโดนตัวหมากของรอนโยนออกมานอกกระดาน เวลาเดียวกันนั้นช่องประตูก็เปิดออก เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้ามาอย่างหมดแรง แฮร์รี่รีบลุกขึ้นไปหาเธออย่างตกใจ

“เป็นยังไงบ้าง” เขาถามอย่างเป็นห่วง “สเนปให้เธอทำอะไรน่ะ”

เฮอร์ไมโอนี่นั่งบนเก้าอี้ พลางนวดตัวเอง

“ควักลูกตาคางคกกับล้างพื้นคุกใต้ดิน” เธอพูด “แต่ที่แย่กว่านั้น ฉันต้องทำงานกับมัลฟอยด้วย”

แล้วเธอก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้แฮร์รี่ฟัง รอนหัวเราะ

“ฉันอยากเห็นหมอนั่นตอนมีมืองอกออกมายั้วเยี้ยจัง”

“มันไม่สนุกเลยนะ” เฮอร์ไมโอนี่เสียงเข้ม รอนเลยเจื่อนๆ แฮร์รี่รีบพูดขึ้นมาก่อนที่ทั้งสองคนจะเริ่มทะเลาะกันอีก

“ฉันว่า เธอไปพักผ่อนดีกว่าเฮอร์ไมโอนี่ พรุ่งนี้เรามีเรียนกันแต่เช้านะ”

“ใช่ กับแฮกริดไง” รอนรีบพูด

“อยากรู้จริงๆ ว่าเขาจะสอนอะไรให้เราบ้าง”

เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า

“งั้นราตรีสวัสดิ์นะ แฮร์รี่ รอน”

“ราตรีสวัสดิ์ เฮอร์ไมโอนี่” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน




 ………………………………



“อรุณสวัสดิ์ แฮร์รี่ รอน” เสียงใสๆ ดังขึ้น ปาราวตี พาติล ยิ้มทักทายเด็กชายทั้งสองคน

“อรุณสวัสดิ์ ปาราวตี เฮอร์ไมโอนี่ ล่ะ”

“ตื่นไปห้องสมุดแต่เช้าแล้วล่ะ”

ปาราวตีตอบพลางหันไปยิ้มทักทายเพื่อนของเธออีกคน

“ฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกัน”

เธอโบกมือ ก้าวข้ามช่องประตูออกไป รอนทำตาโต

“ห้องสมุด! เหลือเชื่อ! นี่เพิ่งเปิดเทอมนะ อะไรจะขนาดนั้น” แฮร์รี่หัวเราะเบาๆ

“ไปกันเถอะรอน ฉันหิวแล้ว” เขาสรุป


…………………………………


เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วพลางไล่นิ้วตามรายชื่อหนังสือไปเรื่อยๆ

“อยู่ตรงไหนกันนะ” เธอบ่นเบาๆ พลางเดินหาไปจนถึงชั้นในสุด

“สงสัยใครจะมายืมไปก่อนแล้วแน่ๆ”

เธอพูดกับตัวเองอย่างผิดหวัง พลางเดินกลับออกมา จังหวะเดียวกัน มีใครคนหนึ่งเดินออกมาจากอีกมุม เธอชะงักมอง

“มัลฟอย นายมาทำอะไรที่นี่” มัลฟอยมองอย่างเบื่อหน่าย

“ทำไมฉันต้องตอบเธอด้วยล่ะ” เขาตอบ

เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากทะเลาะกับมัลฟอยในห้องสมุด เธอเบี่ยงตัวหลบ แต่มัลฟอยเบี่ยงตัวขวางไว้

“จะรีบไปไหน เกรนเจอร์” เขาพูดเสียงเย็น

“ไม่อยู่ทำความสะอาดห้องสมุดก่อนเรอะ” มัลฟอยพูดเสียงเยาะๆ

เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

“ฉันจะไปไหนไม่เกี่ยวกับนาย มัลฟอย” เธอหรี่ตาเล็กน้อย

“ว่าแต่มือของนายเป็นยังไงบ้างล่ะ มีมือเล็กๆ น่ารักงอกเพิ่มมาอีกมั้ย”

มัลฟอยเอื้อมมือมาจับคอเสื้อเฮอร์ไมโอนี่ พลางกระชากเข้ามาจนใกล้หน้าเขา

“อย่าพูดแบบนี้กับฉัน เกรนเจอร์” เขาคำรามเบาๆ “ตอนนี้ทั้งห้องมีแค่เธอกับฉัน”

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกกลัว และเริ่มหายใจไม่ออก เธอค่อยๆ ล้วงมือเข้าไปในเสื้อ แต่มัลฟอยใช้มืออีกข้างจับเอาไว้

“อย่าแม้แต่คิด เกรนเจอร์”

เขาพูดพลางดึงเธอเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น เฮอร์ไมโอนี่หน้าซีดอย่างหวาดกลัว มัลฟอยเหยียดริมฝีปากยิ้ม
 พลางกระซิบใกล้ๆ เธอ

“เชอะ พอใช้ไม้กายสิทธิ์ไม่ได้ เธอมันก็แค่ผู้หญิงเลือดสีโคลนชั้นต่ำธรรมดานี่แหละ”

เขาผลักเธอกระแทกผนังห้อง พลางหันหลังเดินออกจากห้องสมุด ปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่ยืนหน้าซีดขาว 
น้ำตาคลอเบ้าด้วยความโกรธ





. . . . 



ชั่วโมงสัตว์วิเศษของแฮกริด เฮอร์ไมโอนี่นั่งมองฮิปโปกริฟอย่างเนือยๆ เธอนึกถึงวิชาที่จะเรียนต่อไป
 ทันใดนั้นมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น แฮกริดอุ้มร่างเด็กคนหนึ่งที่มีเลือดโชก รีบเดินกลับเข้าไปในปราสาท  เฮอร์ไมโอนี่มองตามอย่างตกใจ

“มัลฟอย” เธอพูดเบาๆ “เกิดอะไรขึ้นน่ะ” เธอหันไปถามแฮร์รี่กับรอน ซึ่งดูตกใจไม่แพ้กัน

“เขาถูกฮิปโปกริฟทำร้ายเอา”

“แต่เขาผิดเองนะ ที่ไปยั่วมันก่อนน่ะ” ดีนพูดขึ้นอย่างไม่พอใจที่เห็นพวกบ้านสลิธีรินกล่าวโทษแฮกริด

“เจ้าบัคบีคมันน่าจะตะปบไปที่หัวมากกว่า” รอนพูดอย่างสะใจ เฮอร์ไมโอนี่มองรอนอย่างเคืองๆ

“ถ้าเป็นเธอโดนบ้างล่ะ” รอนตาโต

“ไม่มีทาง เพราะฉันยืนห่างเจ้าบัคบีคตั้งแยะ”

เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า เธอมองตามหลังแฮกริดอย่างกังวล

“ไม่เกิดเรื่องใหญ่ก็ดีหรอก” เธอพึมพำ


……………………………………



“มิสเกรนเจอร์จ๊ะ นี่ใกล้เวลาปิดห้องสมุดแล้ว ฉันว่าเธอรีบกลับหอได้แล้วนะ”

เสียงมาดามพินซ์ดังขึ้นเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อย เธอมองไปรอบๆ ตัว ไม่มีใครอยู่ในห้องสมุดแล้ว
 เธอรีบรวบรวมหนังสือใส่กระเป๋า แล้วลุกขึ้นกล่าวขอบคุณมาดามพินซ์

“เดี๋ยวจ้ะ ช่วยเอานี่ไปให้มาดามพอมฟรีย์ทีซิจ๊ะ มิสเกรนเจอร์”

มาดามพินซ์ยื่นห่อสีน้ำตาลขนาดเท่าหนังสือส่งให้เฮอร์ไมโอนี่

“พอดีมีหนังสือมาใหม่ แล้วฉันก็ต้องจัดมันให้เข้าที่ เลยไม่มีเวลาไปด้วยตัวเอง”

เสียงมาดามพินซ์พูดเบาๆ อย่างค่อนข้างเกรงใจเฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวยิ้ม

“ไม่เป็นไรค่ะ มาดามพินซ์ พอดีหนูจะแวะไปขอยาแก้ปวดศีรษะที่ห้องพยาบาลพอดี”

เธอรับห่อของมา

“ขอบใจมากจ้ะ” มาดามพินซ์พูดยิ้มๆ พลางหมุนตัวกลับไปทำงานของเธอต่อ

เฮอร์ไมโอนี่เดินเรื่อยๆ ไปจนถึงห้องพยาบาล

“มาดามพอมฟรีย์คะ” เธอเรียกเบาๆ มาดามพอมฟรีย์เงยหน้าขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ยื่นห่อของให้

“มาดามพินซ์ฝากมาค่ะ”

“ขอบใจมากจ้ะ” มาดามพอมฟรีย์ยิ้ม เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มตอบ

“งั้นหนูไปนะคะ สวัสดีค่ะ”

เธอเดินออกมาจากห้องทำงานมาดามพอมฟรีย์ ขณะผ่านห้องพยาบาล เธอเห็นเด็กคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง คงจะเป็นมัลฟอย เธอนึก ไปดูหน่อยดีกว่า ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง พลางก้าวเงียบๆ ไปหยุดยืนข้างเตียง

มัลฟอยตอนนี้กำลังหลับ ใบหน้าที่ปกติซีดขาวอยู่แล้ว กลับซีดลงไปอีก แขนพันผ้าพันแผลไว้อย่างหนา
 มีเลือดจางๆ ซึมเป็นวงออกมา เฮอร์ไมโอนี่อดสงสารเขาไม่ได้ คงเจ็บมากเลย เธอนึกพลางเผลอตัวไปจับแขนข้างที่เจ็บของเขาเบาๆ

“นั่นเธอจะทำอะไร”

เสียงยานคางดังแผ่วๆ เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง ชักมือกลับ มัลฟอยขมวดคิ้ว ลืมตามองดูเธออยู่ เฮอร์ไมโอนี่อึกอักเล็กน้อย

“ฉันผ่านมา..เลย...แวะมาดูเท่านั้น”

“คงเสียดายล่ะสิที่ฉันไม่ตาย” มัลฟอยประชด

“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นซักหน่อย” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง มัลฟอยยังคงจ้องดูเธอ จนเธอรู้สึกอึดอัด

“ฉันไม่ดีใจหรอกนะ ที่พวกเลือดสีโคลนมาเยี่ยมแบบนี้น่ะ” เขาพูดเสียงเหยียดๆ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกโกรธขึ้นมาบ้างแล้วตอนนี้

“ฉันก็ไม่ได้อยากมาเยี่ยมหรอก แค่มาดูว่าแขนนายยังดีอยู่หรือเปล่า เผื่อต้องใช้ยางคางคกมาปลูกใหม่”

มัลฟอยหน้าแดงด้วยความโกรธ เขาผุดลุกขึ้นอย่างลืมตัว

“แขนฉันยังดีอยู่ เกรนเจอร์ แต่เธอกับเจ้ายักษ์อัปลักษณ์เพื่อนของเธอ ระวังตัวไว้ให้ดี ฉันจะต้องเอาคืนแน่ๆ ตอบแทนที่ฉันต้องมานอนเจ็บตัวแบบนี้ ฉันจะทำให้พวกเธอเจ็บซะยิ่งกว่าเจ็บอีก”

เขาขู่คำรามเสียงเย็นเยียบ เฮอร์ไมโอนี่ถอยหลังก้าวหนึ่งอย่างตกใจ

“แต่นายทำตัวนายเองนะ นายไปยั่วบัคบีคเองนี่”

“ฉันไม่สน ใครทำฉันเจ็บ มันต้องเจ็บเป็นร้อยเท่าของฉัน” เขาพูด ตาสีซีดวาวโรจน์

เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากแน่นมองหน้าตอบ ก่อนที่เธอจะโต้ตอบอะไร เสียงมาดามพอมฟรีย์ก็เดินเข้ามาเสียก่อน

“ทำไมเธอเข้ามากวนมิสเตอร์มัลฟอย เขาต้องพักผ่อนมากๆ กลับหอนอนได้แล้ว มิสเกรนเจอร์”

มาดามพอมฟรีย์พูดเสียงดุๆ พลางส่งถ้วยยาให้มัลฟอย

“ดื่มยานี่ซะ แล้วก็นอนได้แล้ว มิสเตอร์มัลฟอย”

เฮอร์ไมโอนี่ยืนมองมัลฟอยดื่มยา เธอเม้มปากแล้วฉวยกระเป๋าเดินออกจากห้องพยาบาลอย่างรวดเร็ว




…………………………………



 “เขาทำได้ยังไงกัน” รอนร้องอย่างฉงน “ลงเรียนทุกวิชาไม่มีขาดเลย”

แฮร์รี่มองเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งนั่งก้มหน้าอยู่หลังกองหนังสือตั้งมหึมาอย่างทึ่งแกมสงสัย

“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเคยถามเขา แต่เขาไม่ยอมบอก” เขาดูนาฬิกา พลางเรียกเด็กสาวเบาๆ

“เฮอร์ไมโอนี่”

“อะไร” เธอตอบกลับมาเสียงขุ่น โดยไม่เงยหน้า

“อีกสิบนาทีเราจะเข้าเรียนไม่ทันนะ” แฮร์รี่ร้องบอก

เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองแฮร์รี่ พลางมองนาฬิกาของตัวเอง

“ตายล่ะ” เธอร้องพลางรีบเก็บหนังสือลงกระเป๋าอย่างรีบเร่ง รอนทำหน้าเหมือนถูกหนังสืออัดลงไปในปาก 
เมื่อเห็นกระเป๋าของเฮอร์ไมโอนี่พองปริ

“ไปกันเถอะ แฮร์รี่ รอน” เธอร้องบอกก่อนจะก้าวเดินอย่างรีบเร่ง



วันนี้แฮร์รี่กับรอนมีเรียนแค่สองวิชา คาบบ่ายว่าง แต่เฮอร์ไมโอนี่จะต้องเรียนอีกสี่วิชา เธอวิ่งเข้าวิ่งออกระหว่างห้องโน้นห้องนี้ กว่าจะถึงเวลาเลิกเรียน เธอก็แทบไม่มีแรงก้าวขาเดินกลับหอแล้ว เธอเดินลากขามาหยุดที่หน้ารูปสุภาพสตรีอ้วน

“รหัสผ่าน”

“แคลคูลัส”

เธอบอกเนือยๆ ช่องประตูเหวี่ยงเปิดออก เฮอร์ไมโอนี่แทบจะคลานเข้าไป เธอเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นวมอย่างหมดแรง
 รอนหยุดเล่นไพ่ระเบิดปัง หันมาถามเธอ

“หมดวิชาเรียนแล้วเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า

“วันนี้เราจะลงไปหาแฮกริดกัน เธอจะไปมั้ย” แฮร์รี่ถามขึ้นมาบ้าง

“ไปซิ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเบาๆ พลางหลับตาลง เธอรู้สึกเหมือนตัวเบาๆ แล้วรอบๆ ห้องก็หมุนวน

“เฮอร์ไมโอนี่ เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงแฮร์รี่เหมือนลอยมาจากที่ไกลๆ

“เปล่า” เธอตอบออกไป แต่เหมือนคำพูดมันแผ่วเบาเหลือเกิน รอนเก็บไพ่ระเบิดปังลงกล่องพลางลุกขึ้นบิดตัว

“ไปทานอาหารกันเถอะ ฉันหิวแล้ว” เขาพูดพลางพยักหน้าชวนแฮร์รี่ เขาสะกิดเฮอร์ไมโอนี่

“ไปทานอาหารเย็นกันเถอะ”

เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาลุกขึ้น แต่พอเธอก้าวขาข้ามช่องประตูออกมา เธอก็ล้มตึงลงไปทันที แฮร์รี่กับรอนตกใจร้องเสียงลั่น

“เฮอร์ไมโอนี่!!”




…………………………………



มาดามพอมฟรีย์ยกถาดยามาที่เตียงของเฮอร์ไมโอนี่ รอนกับแฮร์รี่มองด้วยความเป็นห่วง

“เธอไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่เหนื่อยมากไปแค่นั้น” เสียงมาดามพอมฟรีย์บอกเด็กชายทั้งสองคน

“ดื่มยาแล้วนอนพักให้มากๆ ก็หายแล้ว”

เฮอร์ไมโอนี่รับถ้วยยามาดื่มแต่โดยดี แล้วส่งคืน

“หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ มาดามพอมฟรีย์ แค่เพลียนิดหน่อย”

มาดามพอมฟรีย์ตาลุกวาว เหมือนสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมานั้น เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

“นั่นยิ่งไม่ได้ แค่อาการอ่อนเพลียเพียงเล็กน้อย อาจทำให้อันตรายถึงตายได้” เธอหันหน้ามาทางแฮร์รี่และรอน

“เธอสองคนกลับไปได้แล้ว มิสเกรนเจอร์ต้องการการพักผ่อนมากๆ พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมใหม่”

เธอพูดตัดบท เมื่อเห็นแฮร์รี่ทำท่าจะอ้าปากพูดอะไร รอนดึงแขนเสื้อแฮร์รี่เบาๆ พยักเพยิดหน้าไปที่อีกเตียงหนึ่งไม่ไกลกันนัก

“มัลฟอย” แฮร์รี่ทำหน้าไม่สบายใจเล็กน้อย เขารีบหันไปหาเฮอร์ไมโอนี่

“แน่ใจหรือว่าเธอจะนอนอยู่ได้” เฮอร์ไมโอนี่เหลือบมองเตียงที่มัลฟอยอยู่อย่างระแวง แล้วกลอกตากลับมาที่มาดามพอมฟรีย์ พอเห็นหน้าที่เคร่งขรึมของเธอ เด็กสาวเลยพูดเบาๆ

“ได้ซิ ไม่เป็นไรหรอกแฮร์รี่ นี่มันห้องพยาบาลนะ แล้วเขา..” เธอบุ้ยไปที่มัลฟอย “เจ็บขนาดนั้นคงไม่ลุกขึ้นมาฆ่าฉันหรอกน่ะ” รอนทำหน้าสยองปนแหยง

“ใครจะรู้ เจ้านั่นน่ะ เสแสร้งเก่งจะตายไป ตกดึกมันอาจจะลุกขึ้นมาบีบคอเธอ หรือจับเธอหักแขนหักขาก็ได้” เฮอร์ไมโอนี่นึกขำ

“รอน มัลฟอยเขาไม่ใช่โทรลล์ภูเขาซะหน่อย จะได้มาหักแขนหักขาฉัน” แฮร์รี่เหลือบมองมัลฟอยอีกครั้ง

“งั้น..แล้วเราจะรีบมาเยี่ยมแต่เช้าเลยนะเฮอร์ไมโอนี่”

“ห้ามใช้ผ้าคลุมล่องหนมาหาฉันนะ แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดดุๆ

“เธออย่าลืมว่ามีผู้คลุมวิญญาณอยู่ทั่วไปหมด มันอันตราย แล้วยัง ซิเรียส แบล็ก อีก”

แฮร์รี่ยิ้มบางๆ ถึงอย่างไรเฮอร์ไมโอนี่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของเธอไว้เสมอ เป็นห่วงเป็นใยเพื่อนตลอดเวลาแม้ยามตัวเอง
เจ็บป่วย แม้ว่าบางครั้ง วิธีที่เธอใช้ ดูมันจะไม่ค่อยเข้าท่าในสายตาเขา

“ได้...ฉันจะไม่ออกไปไหน เว้นที่แฮกริดนะ..เดี๋ยวเดียวน่า..” เขารีบพูดเมื่อเธอส่งสายตาดุดันมา

“พวกเรากลับก่อนนะ” เขารีบดึงรอนที่ทำท่าจะขว้างผ้าพันแผลไปที่มัลฟอย

“พักผ่อนให้มากๆ ล่ะ” รอนพูดพลางโบกมือ

มาดามพอมฟรีย์มองตามจนเด็กทั้งสองพ้นประตูไป เธอดับไฟ เหลือไว้ไม่กี่ดวง พอเห็นสลัวๆ

“พักผ่อนได้แล้วล่ะ มิสเกรนเจอร์”

เธอพูดเบาๆ ก่อนเดินไปดูมัลฟอยแล้วเดินออกไป เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยที่ดูเหมือนจะหลับสนิท
 แผลที่ถูกบัคบีคทำร้ายมันคงจะลึกมากจริงๆ เธอนึก พลางรู้สึกสงสารมัลฟอยขึ้นมา จะร้ายกาจยังไง เขาก็ต้องเจ็บปวดเป็นบ้างแหละน่า เด็กสาวคิดพลางเริ่มหาว ตาเริ่มหรี่ลง เฮอร์ไมโอนี่มองเพดานห้อง พลางนึกเสียดายเวลาที่ต้องมานอนเฉยๆ โดยไม่ได้อ่านหนังสือสักเล่ม ไว้พรุ่งนี้จะอ่านชดเชยเป็นสองเท่าเลย แล้วเธอก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว



เสียงแกร่กเบาๆ ดังขึ้นข้างๆ หูเฮอร์ไมโอนี่ ครุกแชงก์ล่ะสิ เธอนึกพลางขยับตัวเล็กน้อย แล้วเธอก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมา
ไต่แถวๆ คอ

“อย่าน่า ครุกแชงก์” เธอพูดพึมพำเบาๆ

มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่นึกแปลกใจ เธอลืมตาขึ้น เงาสีขาวซีดปรากฏรางๆ ในสายตา
 เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากจะร้องออกมาอย่างตกใจ แต่มีมือมาปิดปากเธอไว้แน่น เธอสะบัดหน้าจะดิ้นให้หลุด
 พลางเอื้อมมือไปใต้หมอนเพื่อควานหาไม้กายสิทธิ์ของเธอ



ไม่มี!



เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างตระหนก

“ฉันไม่คิดว่าเธอจะพกไม้กายสิทธิ์มาที่ห้องพยาบาลหรอกนะ ยัยหัวฟู” เสียงยานคางคุ้นหูดังขึ้น

เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก เพ่งตามองผ่านความมืด มัลฟอยนั่นเอง! เขายืนยิ้มเยาะอยู่ข้างๆ เตียงเธอ มือข้างที่ไม่ได้พันผ้า
ไว้กำลังปิดปากเธออยู่ ตอนนี้มันค่อยๆ เลื่อนลงมาที่คอของเธอ

“นายจะทำอะไร มัลฟอย” เธอร้องเบาๆ

“หักคอเธอมั้ง” เขาพูด “หรือไม่ก็จับเธอหักแขนหักขาแบบที่เจ้าหัวแดงมันพูดก็ไม่เลว”

เฮอร์ไมโอนี่หน้าซีดเผือด เธอไม่อยู่ในภาวะที่พร้อมจะรับมือกับมัลฟอย

“กลัวเรอะ” เขาพูด พลางก้มหน้าลงมาใกล้ๆ

“พอไม่มีไม้กายสิทธิ์ เธอมันก็แค่นั้น ยัยเลือดสีโคลน” เขาเย้ยหยัน

เฮอร์ไมโอนี่จับที่มือมัลฟอย พยายามแกะออก

“ปล่อยฉันนะ มัลฟอย” เธอส่งเสียงร้อง แต่เขากลับบีบมันแน่นเข้า จนเธอเริ่มอึดอัด

“มัล...ฟอย...ฉัน..หายใจ....ไม่...ออก...นะ..” เสียงเฮอร์ไมโอนี่ขาดเป็นห้วงๆ มือที่บีบคอเธออยู่คลายออกเล็กน้อย

“อย่ามาทำอวดดีกับฉัน เกรนเจอร์” เขาขู่ “ไม่ว่าเวลานี้ หรือเวลาไหนก็ตาม อย่าทำ!” เขาจ้องหน้าเธอนิ่ง
 เฮอร์ไมโอนี่จ้องแววตาสีซีดคู่นั้น เธอนึกกลัวขึ้นมาวูบหนึ่ง

“นายจะทำอะไรฉัน แฮร์รี่กับรอนไม่อยู่เฉยแน่ๆ ถ้านายทำร้ายฉัน มัลฟอย”

เธอโต้กลับ แต่นึกเสียใจที่พูดชื่อแฮร์รี่ออกไป มัลฟอยตาวาวโรจน์อย่างน่ากลัว เขาบีบคอเธอแน่นอีกครั้ง พลางก้มหน้าลงมาเกือบชิดใบหน้าของเธอ

“เจ้าพอตเตอร์มันจะทำอะไรฉันได้ เวลานี้มันนอนหลับสบายบนหอนอนโน่น แต่เธออยู่กับฉันสองคนเท่านั้น อย่าลืมสิ”

เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง เธอหลบสายตาของมัลฟอย เม้มปากแน่น เขาหัวเราะในลำคอ พลางก้มหน้าลงไปใกล้ๆ 
เฮอร์ไมโอนี่อีก เด็กสาวตกใจ

“จะทำอะไร” เธอร้องเสียงหลง

มัลฟอยชะงัก รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏบนริมฝีปากซีดนั้น

“คิดว่าฉันจะจูบเธอรึไง ยัยเลือดสีโคลนโสโครก” เขาพูดน้ำเสียงเยาะๆ

“ให้ฉันนั่งดมกลิ่นเจ้าโทรลล์ภูเขา ยังจะดีซะกว่ามาจูบเธอ!”

เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงด้วยความโกรธผสมความอาย มัลฟอยพูดเสียงเย็นเยียบ

“ฉันแค่อยากจะบอกเธอว่า ระวังเจ้ายักษ์ของเธอให้ดี มันจะต้องเสียใจ และเจ็บปวดยิ่งกว่าตายซะอีก
 ที่ทำให้ฉันต้องเจ็บตัวแบบนี้” เขาเงยหน้ามองดวงตากลมโตที่มองกลับอย่างตระหนก รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมปรากฏบนใบหน้าสีซีดนั้น

“นอนหลับฝันดีนะ เกรนเจอร์” เขาคลายมือที่บีบคอเธอออก

“จะได้มีแรงฟังข่าวดีวันพรุ่งนี้” เขายืดตัวขึ้น เดินกลับไปที่เตียงของตัวเอง

เฮอร์ไมโอนี่ลูบลำคอตัวเอง เธอรีบลงจากเตียงเดินตรงจะเข้าไปหามัลฟอย เพื่อถามเรื่องแฮกริด 
แต่เหมือนขาของเธอจะหมดเรี่ยวแรง เธอยังตกใจจากเหตุการณ์เมื่อกี้

“เดี๋ยว มัลฟอย” เธอเรียกเขา “นายวางแผนจะทำอะไรแฮกริด”

ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจ เฮอร์ไมโอนี่เหยียดมือไปดึงเสื้อคลุมมัลฟอยสุดแขน เขาหงายหลัง
 ทำให้เฮอร์ไมโอนี่เสียหลักล้มตามลงไป



โครม!



ตึง!



ทั้งคู่ล้มทับกันอยู่กลางห้องพยาบาล มัลฟอยนอนหงายหลังโดยมีตัวเฮอร์ไมโอนี่พาดทับอยู่ครึ่งตัว

“เธอทำบ้าอะไรของเธอน่ะ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ ฉันเจ็บแผล” เขาตะคอก แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับนิ่งเงียบไป
 จนเขารู้สึกแปลกใจ

“เกรนเจอร์” เขาเรียก พลางค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น พร้อมกับใช้มือดันเฮอร์ไมโอนี่ให้หงายหน้าขึ้นมา

“เกรนเจอร์ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ฉันหนัก....เอ๊ย!” เขาร้องเสียงหลง เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของเฮอร์ไมโอนี่

“เกิดอะไรขึ้น” เสียงมาดามพอมฟรีย์ดังขึ้น แสงไฟสว่างวูบขึ้นทั้งห้อง

“มิสเตอร์มัลฟอย มิสเกรนเจอร์ อะไรกันนี่”

เธอร้องอย่างตกใจกับภาพที่เห็น มัลฟอยนั่งอยู่กลางห้องโดยมีร่างของเฮอร์ไมโอนี่พาดทับอยู่
 เลือดไหลเปื้อนเต็มใบหน้าของเธอ มีเสียงร้องครางเบาๆ ดังมาจากเธอ มัลฟอยหน้าซีดยิ่งกว่าเก่า

“ผม..” เขาตอบตะกุกตะกัก “ไม่ทราบครับ”

“ช่างเถอะ” มาดามพอมฟรีย์พูดอย่างร้อนรน พลางพยุงร่างของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นนอนบนเตียง เธอรีบตรวจอย่างรวดเร็ว พลางถอนใจ

“หัวแตก คงล้มกระแทกขอบเตียงแน่” เธอรีบลงมือทำแผลอย่างรวดเร็ว ปากก็บ่น

“พวกเธอเล่นอะไรกัน ฉันบอกให้นอนพักผ่อน กลับหาเรื่องเล่นซุกซน เธอไปนั่งบนเตียง มิสเตอร์มัลฟอย” เธอดุเสียงเครียด

“เดี๋ยวเธอต้องตรวจแผลด้วย ฉันน่าจะเอาเชือกมัดพวกเธอติดไว้กับเตียงด้วยมั้ง ถึงจะยอมอยู่กันนิ่งๆ”

หลังจากทำแผลให้เฮอร์ไมโอนี่จนเสร็จเรียบบร้อย เธอก็มาตรวจแผลของมัลฟอยอีกครั้ง พลางบังคับให้เขาดื่มยาอีกถ้วยแล้วนอน เธอดับไฟ หมุนตัวสำรวจความเรียบร้อยอีกรอบ จนแน่ใจว่าทั้งมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่หลับทั้งคู่ จึงออกจากห้องพยาบาล


มัลฟอยลืมตาขึ้น เขาหันไปมองที่เตียงเฮอร์ไมโอนี่ ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนก้าวลงจากเตียง ค่อยๆ เดินเข้าไปก้มมองดูเธอ เขารู้สึกแปลกๆ มันจะเป็นความรู้สึกสำนึกผิดก็ไม่เชิง แค่รู้สึกแปลกๆ มัลฟอยแค่ต้องการเห็นพวกของเจ้าพอตเตอร์หรือบ้านกริฟฟินดอร์มีเรื่องเดือดร้อน ถูกหักคะแนน เสียหน้า หรือถูกไล่ออก เขารู้สึกสะใจที่ได้แกล้งคนพวกนั้น แต่ไม่ใช่แบบนี้ โดยเฉพาะกับยัยเลือดสีโคลนนี่ เ
ขาชอบที่จะเห็นเธอร้องไห้หรือมองเขาด้วยสายตาเจ็บใจมากกว่าจะทำให้เธอเจ็บตัวแบบนี้ เด็กชายยกมือขึ้นสัมผัสกับใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เบาๆ เขาขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง คงจะดีกว่านี้ ถ้ายัยนี่ลุกขึ้นมานั่งเถียงกับเขาอย่างทุกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวเล็กน้อย มัลฟอยชักมือกลับ เขาเม้มปาก พลางหมุนตัวกลับไปที่เตียงของตัวเอง เขานอนมองเพดานอยู่นาน แล้วค่อยๆ เหลือบตามองเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจแล้วหลับตาลง


. . . .



แฮร์รี่และรอนวิ่งโครมครามเข้ามาในห้องพยาบาล เสียงมาดามพอมฟรีย์ดุพวกเขาเสียงลั่น

“ที่นี่มันห้องพยาบาลนะ ถ้าเธอสองคนอยากจะวิ่งแข่งกัน ก็ออกไปข้างนอกโน่น” แฮร์รี่รีบชะงักฝีเท้าพร้อมกับดึงรอนให้หยุด เขาหันไปขอโทษมาดามพอมฟรีย์พลางถาม

“เฮอร์ไมโอนี่เป็นยังไงบ้างครับ” เธอทำหน้ายุ่งๆ พลางส่งสายตาไปในห้องพยาบาล

แฮร์รี่มองตาม เขาตกใจที่เห็นเฮอร์ไมโอนี่มีผ้าพันแผลที่ศีรษะนอนอยู่ เธอหันมายิ้มให้แฮร์รี่และรอน 
ทั้งสองคนรีบเดินไปที่เตียง รอนจ้องไปที่มัลฟอยที่ดูเหมือนหลับสนิทอยู่อย่างระแวงพลางถาม

“หมอนั่นมันทำอะไรเธอ” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า

“ฉันนอนตกเตียงเอง” รอนตาโต

“เธอตกเตียง!” เขาร้อง

“คนอย่างเธอเนี่ยนะ นอนตกเตียง” เขาทำหน้าเหลือเชื่อ เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ 
แต่ก่อนที่สงครามจะเริ่ม แฮร์รี่ก็ขัดขึ้นเสียก่อน

“แล้วเธอจะไปเรียนไหวเหรอ วันนี้น่ะ” เฮอร์ไมโอนี่จับผ้าพันแผลบนศีรษะของเธอ

“ได้ซิ แค่แผลเล็กๆ แค่นี้ เดี๋ยวก็หายแล้วล่ะ”

มาดามพอมฟรีย์ที่เดินตามมาได้ยินเข้า เธอรีบพูดแทรกขึ้น

“ไม่ได้ เธอต้องนอนให้แผลหายสนิทก่อนถึงจะไปได้”

“แต่มาดามคะ..” เฮอร์ไมโอนี่มองอย่างอ่อนใจ

“หนูมีเรียนตั้งห้าวิชาในวันนี้ ขาดไม่ได้ซักวิชาเดียวเลย ถ้าหนูเข้าเรียนไม่ทันเพื่อน หนูคงจะเครียดกว่านี้อีกนะคะ” เธออ้อนวอน มาดามพอมฟรีย์ยืนคิดอยู่เดี๋ยวนึง

“ได้ แต่เธอต้องสัญญาก่อนนะว่า เธอจะต้องกลับมานอนที่ห้องพยาบาลทุกวันจนกว่าแผลของเธอจะหาย” เฮอร์ไมโอนี่รีบรับปากอย่างรวดเร็ว เธอกลัวว่ามาดามพอมฟรีย์จะเปลี่ยนใจไม่ให้เธอเข้าเรียน
 นั่นมันแย่ยิ่งกว่าโดนมัลฟอยบีบคอเสียอีก เธอนึก พอคิดถึงตรงนี้เธออดเหลือบมองมัลฟอยไม่ได้
 สิ่งที่เขาพูดเมื่อคืนทำให้เธอรู้สึกกังวลใจมาก 

“นี่ แฮร์รี่” เธอถามเบาๆ “เธอออกไปหาแฮกริดรึเปล่าเมื่อคืน”

“ไปมาแล้วแต่เขาไม่ยอมเปิดประตูบ้าน” แฮร์รี่ตอบเบาๆ เช่นกัน “เราคิดว่าเย็นนี้จะออกไปหาเขาอีกครั้ง”

“ถ้าอย่างนั้น ฉันไปด้วยนะ” เฮอร์ไมโอนี่บอก เธอรู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก



วันนี้ค่อนข้างไปได้ด้วยดี เฮอร์ไมโอนี่ทำคะแนนคืนให้บ้านกริฟฟินดอร์ถึง 60 คะแนน
 จากวิชาแปลงร่างของศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่ชมเธอว่าสามารถแปลงร่างตัวกินปลวกให้เป็นกาน้ำ
ได้อย่างดีเยี่ยม และในชั่วโมงของศาสตราจารย์ฟลิตวิก ซึ่งในวันนี้สอนให้เสกเชือกยาวๆ ลง
ไปเก็บให้เรียบร้อยในขวดปากแคบ ซึ่งวุ่นวายเล็กน้อย เนื่องจากเนวิลล์ เสกเชือกทั้งขดเข้า
ไปในตะเกียงแทนขวด ทำให้เชือกติดไฟเกิดควันโขมงเต็มห้องเรียน และเฮอร์ไมโอนี่เสกคาถาดับไฟได้ทัน ทำให้ศาสตราจารย์ฟลิตวิกชอบใจมาก ให้คะแนนเธอทีเดียว 40 คะแนน ยังดีที่วันนี้ไม่มีวิชาปรุงยา
 ไม่เช่นนั้นคะแนน 60 คะแนนที่ได้มาคงโดนสเนปหักหมดภายในเวลา 20 นาทีแน่ๆ


หลังอาหารกลางวันหลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่รีบจัดการกับอาหารของเธออย่างรวดเร็วจนรอนคิดว่าเธอ
ใช้วิธีสูบมากกว่ากิน เธอรีบไปให้อาหารครุกแชงก์ ก่อนวิ่งไปที่ห้องสมุดแล้วรีบเข้าเรียนต่อในคาบบ่าย
 แฮร์รี่กับรอนรู้สึกเวียนหัวแทนกับพฤติกรรมของเธอ หลังเลิกเรียน เฮอร์ไมโอนี่รีบเข้าห้องสมุดอีกครั้ง 
เธอยืมหนังสืออีก 2-3 เล่มก่อนจะรีบมาทานอาหารเย็น เมื่อกลับหอพัก หลังจากอาบน้ำและอ่านหนังสือหมดไปสองเล่ม เธอชวนรอนกับแฮร์รี่ไปหาแฮกริด

“ทำไมต้องรีบล่ะ” รอนถาม

“ก็ฉันต้องไปหามาดามพอมฟรีย์อีกนี่” เธอตอบ “ไม่รู้ว่าจะโดนตรวจร่างกายอีกนานรึเปล่า 
รีบออกไปกันตอนนี้แหละดีแล้ว” แฮร์รี่เก็บการบ้าน

“ไปกันเถอะ” เขาสรุป



…………………………………



เฮอร์ไมโอนี่รีบเดินไปห้องพยาบาล เธอปฏิเสธแฮร์รี่ กับรอนที่จะเดินมาส่งเธอ

“เดี๋ยวจะเกินเวลาปิดหอนอน แล้วเกิดเจอฟิลช์ตอนขากลับล่ะ” เธอให้เหตุผลจนทั้งสองคนยอมจำนน

“ขอโทษค่ะ มาดามพอมฟรีย์” เธอพูดเบาๆ มาดามพอมฟรีย์ชะงักงานในมือ 

“มาแล้วรึ มิสเกรนเจอร์ ฉันนึกว่าเธอจะไม่ยอมมาเสียแล้ว ไปนั่งที่เตียงสิจ้ะฉันจะได้ดูแผลของเธอ”
 เธอสั่งพลางจัดเตรียมอุปกรณ์อย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่เดินไปนั่งที่เตียง มัลฟอยนั่งห้อยขาอยู่บนเตียงอีกตัว เขามองเธออย่างไม่ค่อยพอใจ

“มิสเตอร์มัลฟอย ทำไมเธอยังนั่งอยู่อีก นอนได้แล้ว” เสียงมาดามพอมฟรีย์ดุ เขายักไหล่เหมือนไม่สนใจ แต่ก็ยอมนอนลงดีๆ คงกลัวถูกจับกรอกยามั้ง เฮอร์ไมโอนี่นึก 

“แผลปริเล็กน้อย” มาดามพอมฟรีย์พูดพลางพันผ้าพันแผลให้เธอใหม่ แล้วจึงส่งถ้วยยาให้เธอดื่ม

“เอาล่ะ นอนได้แล้ว พักผ่อนให้มากๆ แล้วอย่าลงมาเดินเล่นดึกๆ อีกล่ะถ้าไม่อยากกลับมานอนที่นี่บ่อยๆ” เธอกำชับพลางดับไฟแล้วมองตรวจตราดูอีกรอบก่อนเดินออกไป


เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาตื่นเพราะได้ยินเสียงขยับตัวของใครบางคน เธอรีบหันกลับไปมองอย่างระแวง
 มัลฟอยพลิกตัวบนเตียงของเขา ดูเหมือนจะหลับสนิท เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางหลับตาลง 
แต่แล้วเธอรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองเธออยู่ เธอจึงลืมตาขึ้นดูอีกครั้ง มัลฟอยยืนจ้องเธออยู่ข้างๆ เตียงนี่เอง เฮร์ไมโอนี่สะดุ้งสุดตัวรีบล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุมอย่างรวดเร็ว แต่นั่นยังช้ากว่ามัลฟอย
 เขาจับมือข้างที่กำไม้กายสิทธิ์ของเธอไว้แน่น แล้วกดลงไว้ข้างๆ ลำตัวของเธอ



“รอบคอบดีนี่ เกรนเจอร์” เขาพูดเยาะๆ “วันนี้ไปเยี่ยมเจ้ายักษ์มา มันเป็นยังไงบ้างล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างสงสัย

“นายรู้ได้ยังไงกัน”

เขายักไหล่แต่ไม่ยอมตอบคำถามของเธอ กลับพูดว่า

“อีกสองสามวันลองลงไปดูมันอีกครั้งสิ”

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเสีย

“นายจะทำอะไรแฮกริดน่ะ มัลฟอย” 

“บอกก่อนก็ไม่สนุกน่ะซิ” เขาพูดยิ้มๆ เป็นรอยยิ้มที่เธออยากจะเอาอะไรโยนใส่จริงๆ เฮอร์ไมโอนี่พยายามขยับมือที่กำไม้กายสิทธิ์ไว้ แต่มัลฟอยกลับกดไว้แน่น

“ปล่อยนะ มัลฟอย ฉันเจ็บ” เธอร้อง เขาเลิกคิ้ว

“เหรอ ฉันก็ไม่ได้ออกแรงอะไรนี่นา” เขายิ้มยั่ว เฮอร์ไมโอนี่ใช้มืออีกข้างบีบเข้าที่แขนข้างที่เจ็บของมัลฟอยค่อนข้างแรง มัลฟอยขมวดคิ้วด้วยความเจ็บ

“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้ เกรนเจอร์” เขากัดฟันพูดเบาๆ

“ไม่! นายต้องปล่อยมือนายก่อน” เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับด้วยสีหน้าที่เหนือกว่า

“หรือนายจะยอมให้ปากแผลเปิดอีกก็ได้นะ มัลฟอย” มัลฟอยหน้าเผือดลงเพราะความเจ็บ

ทันใดนั้นเขาก็กระชากแขนข้างที่เจ็บของตัวเองออกจากผ้าคล้องไหล่ มันทำให้มือของเฮอร์ไมโอนี่หลุดจากแขนของเขาด้วย เขาใช้มือข้างที่เจ็บนั้นบีบคอเฮอร์ไมโอนี่ค่อนข้างแรง พลางจ้องหน้าเธอเขม็ง เขาคำรามลอดไรฟันออกมา 

“อย่าทำเป็นเก่ง เกรนเจอร์ เก็บแรงของเธอเอาไว้ดีกว่า”

ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะโต้ตอบอะไร มัลฟอยกลับคลายมือออกแล้วเดินกลับไปที่เตียงของตัวเองเสียเฉยๆ 
เธอรีบผุดลุกขึ้นนั่งมองไปที่มัลฟอยที่นั่งจ้องเธออยู่สักครู่ ก่อนจะล้มตัวลงนอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 
แต่คราวนี้เธอกำไม้กายสิทธิ์แน่น จะไม่ยอมให้หมอนั่นมาแกล้งได้อีกแล้ว เธอนึกพลางอ้าปากหาว ตาเริ่มหรี่ลงๆ แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็หลับสนิทอย่างไม่รู้ตัว



เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นในตอนเช้า เธอให้มาดามพอมฟรีย์ตรวจดูแผลอีกครั้งและสัญญาว่าจะกลับมาตรวจอีกครั้งในตอนเย็น แต่ที่เธอดีใจมากคือเป็นการตรวจดูเฉยๆ ไม่ต้องนอนห้องพยาบาลอีก 
แฮร์รี่และรอนก็รีบขึ้นมารับเฮอร์ไมโอนี่แต่เช้า พวกเขารู้สึกไม่สบายใจที่เฮอร์ไมโอนี่ต้องอยู่ที่ห้องพยาบาลตามลำพังกับมัลฟอย โดยเฉพาะรอน สำรวจเธอเหมือนกับว่าชิ้นส่วนเธอยังอยู่ครบดีหรือไม่ จนแฮร์รี่ต้องเตือน 
เมื่อเห็นสายตาดุๆ ของเฮอร์ไมโอนี่ที่มองรอน ทั้งสามรีบเดินไปที่ห้องอาหาร รอนรีบตักมันบด
 ตามด้วยน้ำเกรวี่เข้าปาก มืออีกข้างหยิบพายมาถือรอไว้ เฮอร์ไมโอนี่มองอย่างสยอง

“เมื่อวานเธอไม่ได้ทานอาหารเย็นหรือ รอน” เธอถามอย่างทนดูไม่ได้  รอนตอบทั้งๆ ที่เริ่มต้นกัดพาย 

“มื้อเย็นก็ส่วนมื้อเย็นซิ” เขาตอบอู้อี้ “มื้อเช้าต้องเริ่มต้นใหม่ ไม่งั้นเราจะมีแรงเรียนเรอะ”

แฮร์รี่มองเฮอร์ไมโอนี่

“เธอไม่เป็นอะไรแล้วแน่นะ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม

“ฉันสบายดีแล้ว ขอบใจ แฮร์รี่”



คาบเช้าวันนี้เด็กๆ มีเรียนวิชาปรุงยาเป็นคาบแรก เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกแปลกใจที่เห็นมัลฟอยเดินเข้ามาเรียนได้ สเนปเองก็ดูเอาอกเอาใจเหมือนเขาเป็นเด็กบอบบาง ซ้ำยังใช้ให้แฮร์รี่และรอนช่วยจัดเครื่องปรุงยา 

“นี่มันอะไรลองบัตท่อม” สเนปเริ่มจับผิดบ้านกริฟฟินดอร์ ลงท้ายไม่ว่ายังไงพวกของเธอก็ถูกหักคะแนนอยู่ดี ซ้ำร้ายวันนี้สเนปยังว่าเธอว่า ยายรู้มากอีก มันเป็นประโยคที่เธอเกลียดรองลงมาจากคำว่า เลือดสีโคลน มัลฟอยยิ้มเยาะ
อย่างสะใจ แถมในวันนี้เขายังได้แกล้งแฮร์รี่กับรอนอย่างสนุกสมใจอีก เสียงระฆังหมดเวลาดังขึ้น 
พวกเธอเหมือนได้ขึ้นสวรรค์หรือหลุดจากขุมนรกเลยทีเดียว เฮอร์ไมโอนี่รีบเดินแยกจากกลุ่มเพื่อเข้าเรียนวิชา
 มักเกิ้ลศึกษา 

“เจอกันตอนอาหารกลางวันนะ” เธอร้องบอกแฮร์รี่กับรอน




……………………………………



หลังอาหารกลางวัน ทุกคนนั่งพักผ่อนในห้องนั่งเล่นรวม แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ นั่งทำการบ้านอยู่ด้วยกัน ครุกแชงก์ แมวสีส้มขนฟูฟ่องของเฮอร์ไมโอนี่นอนหมอบตาปรืออยู่ข้างๆ เจ้านายของมัน รอนและแฮร์รี่กำลังช่วยกันทำแผนที่ดวงดาว 

“ตรงนั้นมันไม่ถูกนะ รอน” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง รอนยักไหล่ 

“ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ไม่สนหรอก” เขาพูด

“ที่อาจารย์สนใจน่ะก็แค่คอยทายว่ามีใครตายเท่านั้นแหละ” 

ครุกแชงก์ขยับตัวหลบหนังสือที่เฮอร์ไมโอนี่กางออกเพื่อหาข้อมูล

“ถึงอย่างนั้นเธอก็ควรจะตั้งใจมากกว่านี้นะ รอน” เธอดุ 

รอนก้มลงเขียนตำแหน่งดวงดาวลงบนแผนที่ จังหวะเดียวกันนั้นเอง ครุกแชงก์ก็กระโดดเข้าใส่รอน อุ้งเล็บของมันตะปบเฉี่ยวกระเป๋าเสื้อรอนไปนิดเดียว เสียงสแคบเบอร์ร้องด้วยความหวาดกลัว รอนปัดครุกแชงก์เต็มแรง

“ไปให้พ้นนะ  แมวบ้า!” เขาร้องอย่างโกรธจัด

“อย่าตีมันนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องห้าม

“เอามันไปให้พ้น เอาออกไปทิ้งข้างนอกให้อาราก็อกกินก็ได้ !”

รอนโวยวายพลางเอามือปิดป้องสแคบเบอร์พัลวัน แฮร์รี่ก็พลอยวิ่งวุ่นกับการไล่จับครุกแชงก์ไปด้วย
 เฮอร์ไมโอนี่จับครุกแชงก์จนได้ เธอนั่งหอบหายใจ รอนมองเจ้าแมวสีส้มอย่างแค้นเคือง

“คอยดูนะ ถ้าชั่วโมงปรุงยาตอนไหนสเนปสอนให้ทำยาพิษล่ะก็ ฉันจะเอามาให้มันกิน” เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงด้วยความโกรธ

“นายก็เอาสแคบเบอร์ไปไว้ข้างในซิ” 

“เอาไว้ตรงไหนก็เหมือนกันแหละน่า ถ้ายังมีไอ้แมวบ้านี่อยู่”

เฮอร์ไมโอนี่เม้มปาก เธอหมุนตัวกลับขึ้นไปบนหอนอนเพื่อเอาครุกแชงก์ไปขังไว้ในกรง แล้วกลับลงมารวบหนังสือ
ยัดใส่กระเป๋า

“ฉันขังครุกแชงก์ให้แล้วนะ” เธอประชดรอนก่อนก้าวข้ามช่องประตูออกไป




……………………………………



เฮอร์ไมโอนี่นั่งรวบรวมสมาธิอยู่นานก็ยังอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง เธอยังโกรธรอนยู่ เด็กสาวปิดหนังสือนั่งพิงต้นไม้มองดูปลาหมึกเล่นน้ำในทะเลสาบ จริงๆ แล้วเธอก็เข้าใจรอนเรื่องสแคบเบอร์ แต่รอนน่าจะพูดกับเธอให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่เอาแต่ตวาดเธอทุกครั้งที่เขาไม่พอใจ เฮอร์ไมโอนี่หลับตารู้สึกสบายกับบรรยากาศรอบตัว 
อีกไม่กี่นาทีก็หมดเวลาพักแล้ว แต่เธออยากจะนั่งให้สบายสักครู่ก็ยังดี แต่แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็เผลอหลับไปจริงๆ



เดรโก มัลฟอย เดินมาที่ทะเลสาบอย่างหงุดหงิด เขารู้สึกรำคาญที่ แพนซี่ พาร์กินสัน นักเรียนหญิงบ้านสลิธีรินเช่นเดียวกับเขา ชอบเข้ามาทำเป็นประจบออเซาะอย่างมากมายจนน่าคลื่นไส้ ยังดีที่ช่วงบ่ายบ้านสลิธีรินว่าง เขาจึงสลัดแพนซี่ออกได้ แล้วรีบแอบออกมาที่ทะเลสาบ เพื่อจะได้ไปหลบในมุมส่วนตัวของเขา ที่เขามักจะใช้เป็นที่แอบนอนเสมอเวลาที่เขาเบื่อ มัลฟอยแหวกกอไม้ที่มีใบพุ่มหนาออก พอเขาโผล่พ้นพุ่มไม้ออกมา เขาก็ต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ที่เห็นใครคนหนึ่งมานอนในที่ของเขา มัลฟอยรีบเดินเข้าไปยังที่ที่เขาเห็นคนนอนอยู่อย่างไม่พอใจ พอเข้าไปใกล้ๆ เขากลับชะงักฝีเท้า



“เกรนเจอร์”


เขาพึมพำ พลางค่อยๆ ย่องเข้าไปนั่งใกล้ๆ เฮอร์ไมโอนี่ เขามองรอบๆ ตัวเธอเห็นกองหนังสือกองใหญ่ตั้งอยู่ ยายหนอนหนังสือ เขาคิดพลางเหลือบตาดูศีรษะของเฮอร์ไมโอนี่ที่ยังคงมีผ้าพันแผลปิดอยู่ เขายกมือขึ้นจับแขนข้างที่เจ็บอย่างลืมตัว พลางทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่ ความรู้สึกแปลกๆ เข้ามาในความคิดของเขาอีกแล้ว ใจหนึ่งอยากจะนั่งดูเธอที่หลับสบายอยู่แบบนี้ แต่อีกใจหนึ่งอยากจะดึงเธอขึ้นมาแล้วโยนลงไปในทะเลสาบให้สะใจ
 เขาขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง พลางล้วงไม้กายสิทธิ์ออกมาชี้ตรงออกไปทางทะเลสาบ



ซ่า..!



เสียงน้ำปริมาณมากสาดลงมาที่เฮอร์ไมโอนี่ เธอสะดุ้งสุดตัวลุกขึ้นอย่างตกใจสุดขีด 

“มัลฟอย!” เธอร้องขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นใคร

“นายทำบ้าอะไรของนาย” เธอตวาดพลางเช็ดน้ำออกจากตัวซึ่งเปียกชุ่มอยู่ 

“นี่มันเป็นที่ของฉัน” มัลฟอยตอบด้วยเสียงไม่พอใจนิดๆ 

“เธอคิดว่าเธอเป็นใคร เจ้าของโรงเรียนรึยังไง” เฮอร์ไมโอนี่เถียงด้วยเสียงสูง มัลฟอยหรี่ตามองเธอ

“อย่างน้อย ‘พ่อ’ ของฉันก็ใหญ่พอที่จะคุมที่นี่ได้ก็แล้วกัน”

เฮอร์ไมโอนี่นั่งประจันหน้ากับเขา

“ศาสตราจารย์ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ต่างหากที่ ‘ยิ่งใหญ่’ มัลฟอย!”

เขาโกรธจนใบหน้าซีดขาวริมฝีปากเม้มแน่น ฉับพลัน เขายกไม้กายสิทธิ์ชี้ตรงมาที่เฮอร์ไมโอนี่

“เพ็ตตริพิคัส โททาลัส”

เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเฮือกล้มลง ร่างกายเหมือนถูกมัดด้วยเชือกที่มองไม่เห็นเส้นใหญ่  มัลฟอยยิ้มพลางเก็บไม้กายสิทธิ์
 เขาก้มหน้าลงมาเกือบชิดหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งมีสีหน้าตกใจสุดขีด    

“ทีนี้...” เขาพูดหยัน “ดูซิว่าผู้ยิ่งใหญ่คนไหนของเธอจะมาช่วยได้”

เฮอร์ไมโอนี่หน้าซีดจ้องมัลฟอยเขม็ง เขาค่อยๆ ก้มหน้าลงมาเกือบชิดใบหน้าที่ซีดเผือดของเธอ พลางกระซิบข้างๆ หูว่า

“นอนอยู่ตรงนี้รอเจ้าพอตเตอร์ของเธอมาช่วยก็แล้วกัน หรือไม่ก็..” เขายืดตัวขึ้น 

“รอให้อะโครแมนทูล่ามาลากเธอไปกินในป่าต้องห้าม”

เขายิ้มมองดูเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งตอนนี้น้ำตาเริ่มเอ่อท่วมขอบตา ความรู้สึกแปลกๆ เข้ามาในความคิดเขาอีกแล้ว มัลฟอยมองมาที่เด็กสาวด้วยความรู้สึกสับสน แล้วเขาก็หมุนตัวเดินกลับปราสาท ทิ้งให้เฮอร์ไมโอนี่นอนตัวแข็ง
ค้างอยู่ตรงนั้น




    . . . . .



“มิสเตอร์มัลฟอย ฉันเข้าใจดีว่าเธอไม่ชอบวิชานี้ แต่กรุณาให้ความสนใจกับมันด้วย” ศาสตราจารย์สเปราต์เตือนมัลฟอยที่กำลังเหม่อลอยอยู่ เขาสะดุ้ง แครบและกอยล์มองอย่างงงๆ

“เป็นอะไรไปน่ะ เดรโก” แพนซี่ พาร์กินสัน เด็กสาวหน้างอถามเบาๆ

“เรื่องของฉัน” เขาตอบสะบัดอย่างรำคาญ พลางตั้งสมาธิสนใจเจ้าต้นไม้เบื้องหน้า 

“ออฟตามิวคัส ใช้เป็นตัวยาประกอบยาจำพวกทำให้ฝัน แล้วแต่ว่าประกอบเข้ากับตัวยาประเภทไหน”
 ศาสตราจารย์สเปราต์อธิบายพลางยกถาดต้นไม้ ซึ่งพวกเขาดูแล้วไม่เห็นว่ามันจะเหมือนต้นไม้ตรงไหน
 มันเหมือนลูกตากลมโตขนาดเท่าลูกควัฟเฟิล มีเมือกเขียวๆ ห่อหุ้มโดยรอบมันกลอกกลิ้งไปมาอยู่ภายในเมือกสีเขียวนั่น

“น่าขยะแขยงชะมัด” แพนซี่ พาร์กินสันทำท่าขนลุกพลางเบียดตัวเข้าหามัลฟอยเล็กน้อย เขาขยับออกอย่างรำคาญ

“แล้วมัน....เอ่อ...มีพิษไหมครับ” เด็กคนหนึ่งยกมือถาม ศาสตราจารย์สเปราต์ยิ้ม

“ตามลำพังไม่หรอกจ้ะ” เธอตอบ

“แต่ถ้านำไปรวมกับยาตัวอื่นมันอาจจะเป็นพิษร้าย หรือเป็นยาก็ได้ เช่นถ้านำไปรวมกับตาคางคก 6 ขา 13 คู่ 
กับออฟตามิวคัส 1 ต้น จะได้น้ำยาฝันร้าย 1 ขวดเล็กๆ” เธออธิบาย

“ออฟตามิวคัสไม่ชอบดินมาก ไม่ชอบน้ำแต่ชอบที่เย็นๆ มืดๆ ค่อนข้างชื้น การรดน้ำต้องกระทำโดยใช้น้ำเป็นละอองฝอย
 ค่อยๆ พรมนะจ๊ะเด็กๆ” เธอร้องเมื่อเห็นกอยล์ทำท่าจะเทน้ำทั้งถังลงไป “ถ้าโดนน้ำมากมันจะตายทันที”

มัลฟอยค่อยๆ พรมน้ำรดเจ้าต้นลูกตาอย่างใจลอย ป่านนี้ยายเลือดสีโคลนนั่นจะเป็นยังไงบ้างนะ เขาคิด 
คงจะกลัวแย่แล้ว ตรงนั้นทั้งมืดและเย็นด้วย เด็กชายขมวดคิ้ว ช่างปะไร สมควรแล้วที่จะโดนแบบนั้น 
อีกใจหนึ่งค้านขึ้นมา พวกโคลนมันก็ต้องอยู่กับโคลนซิถึงจะเหมาะ

“มิสเตอร์มัลฟอย” เสียงศาสตราจารย์สเปราต์แทรกขึ้นมา

“ฉันว่าเธอให้น้ำออฟตามิวคัสมากเกินไปแล้วนะจ้ะ”

เขาชะงัก ก้มลงมองถาดลูกตาซึ่งน้ำท่วมถาดได้ครึ่งตาแล้ว และมันกำลังหมุนไปมาเหมือนคนตาเหลือกสำลักน้ำอยู่ 
แล้วก็มีเสียงฟุ่บ เบาๆ เจ้าลูกตาพ่นฟองอากาศเป็นฝอยเล็กๆ ออกมา แล้วมันก็เหี่ยวลงสลายเป็นเมือกเขียวเละๆ ไป

“แย่จริง” ศาสตราจารย์สเปราต์บ่น

“มันสำลักน้ำตายเสียแล้ว ฉันต้องขอโทษที่ต้องหักคะแนนเธอ 5 คะแนนนะจ๊ะมิสเตอร์มัลฟอย แล้วเธอก็ต้องมาเรียน
.
ซ่อมชั่วโมงนี้ด้วย” เธอหันไปตบมือเบาๆ

“เอาล่ะจ้ะเด็กๆ เอาถาดต้นออฟตามิวคัสไปเก็บได้แล้วจ้ะ อย่าลืมปิดตู้เพาะให้เรียบร้อยก่อนกลับนะจ๊ะ”

มัลฟอยมองดูถาดต้นลูกตาของเขาอย่างเซ็งๆ เพราะไปคิดถึงยายเกรนเจอร์ถึงเป็นแบบนี้ เขาคิด

“ไปกันเถอะเดรโก” เสียงแพนซี่ดังฉอเลาะขึ้นมา เขาพยักหน้าอย่างเบื่อๆ เดินออกจากห้องกระจก

เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่ในห้องโถงใหญ่ เด็กๆ ต่างสาละวนกับการรับประทานอาหารเย็น

“ศาสตราจารย์ลูปินนะ สุดยอดเลย” เสียงเฟร็ดคุย

“เขาใช้ ‘ของจริง’ สอนเลยล่ะ แฮร์รี่” จอร์จเสริม

“เราจะได้เรียนกับเขาพรุ่งนี้ ต่อจากสเนป” แฮร์รี่บอก รอนเคี้ยวเนื้อแกะย่างพลางพูด

“ก็ดีนะ วิชาห่วย กับวิชาสุดยอด” แฮร์รี่มองไปรอบๆ

“เฮอร์ไมโอนี่ล่ะ” เขาถาม

“ห้องสมุดมั้ง ถ้าหนังสือเป็นอาหาร ป่านนี้ยายนั่นคงอ้วนกลมไปแล้วล่ะ” รอนตอบพลางจิ้มแครอทต้มเข้าปาก 

ไม่เพียงแฮร์รี่ที่มองหาเฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยเองก็รู้สึกแปลกใจที่เขามองหาเด็กสาวด้วยเช่นกัน

“แปลก” เขาพึมพำเบาๆ

“ไม่มีใครรู้เลยหรือนี่” แล้วอยู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกจากห้องอาหาร

“จะไปไหนเดรโก” แพนซี่ดึงมือเขาถามอย่างอยากรู้ มัลฟอยดึงมือกลับ

“เรื่องของฉัน” เขาตอบสะบัดเสียง พลางเดินออกจากห้องอาหารอย่างเร็ว




………………………………………



ขณะนี้ความมืดเริ่มแผ่เข้ามาปกคลุมทั่วบริเวณปราสาทแล้ว เฮอร์ไมโอนี่นอนตาลืมโพลงด้วยความหวาดกลัว เธอสะดุ้งทุกครั้งที่มีเสียงกรอบแกรบดังขึ้น มีเสียงกิ่งไม้หักเบาๆ พร้อมดวงตาวาวเรืองที่จ้องมายังเธอ
 เฮอร์ไมโอนี่อยากจะกรีดร้อง แต่ขากรรไกรเธอแข็งค้างไปหมด เจ้าของดวงตานั้นเลื่อนเข้ามาใกล้ๆ
 หนูป่านั่นเอง เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก มีเสียงสวบสาบดังขึ้นอีก เฮอร์ไมโอนี่ภาวนาขอให้เป็น แฮร์รี่
 รอนหรือใครก็ได้ มาเจอเธอเร็วๆ เงาสีขาวโผล่วูบมาตรงหน้าเธอ เฮอร์ไมโอนี่เบิกตาโตด้วยความตกใจสุดขีด
 แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจและโกรธเมื่อเห็นคนที่ยู่ตรงหน้า



“นึกว่าโดนแมงมุมลากไปกินแล้วเสียอีก” น้ำเสียงเยาะนิดๆ ออกจะผิดหวัง

“ฉันคิดจะกลับมาเก็บชิ้นส่วนของเธอนะนี่” มัลฟอยนั่งลงข้างๆ เธอ เขามองไปรอบๆ

“น่ากลัวนะ” เขาพูดแล้วสายตามาหยุดที่เฮอร์ไมโอนี่

“อยากให้ฉันช่วยไหมล่ะ” เขาถามพลางหรี่ตาอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า

“อ้อนวอนซิ” แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับส่งแววตาขุ่นเขียวกลับมาที่เขา มัลฟอยหัวเราะในลำคอ

“อวดเก่ง” เขาพูดเบาๆ

“ฉันว่าฉันกลับไปตอนนี้ดีกว่าแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยมาเก็บชิ้นส่วนเธอ” เขาทำท่าจะลุก เฮอร์ไมโอนี่เหลือกตามองอย่างตกใจ
 น้ำตาเริ่มเอ่อที่ขอบตาอีกครั้ง มัลฟอยมองตากลมโตคู่นั้นอย่างรู้สึกสะใจ เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาหมุนในมืออย่าง
ใคร่ครวญ

“จะเอายังไงดีล่ะ” เขาแกล้งพูด

“ถ้าคลายคาถาตอนนี้ เธอก็คงลุกขึ้นมาแล้วตบหน้าฉัน หรือว่า..” เขาหยุดพูดแล้วหรี่ตา

“ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินกลับไปนอนอย่างสบายอารมณ์”

ถ้าสายตาของเฮอร์ไมโอนี่ฆ่าคนได้มัลฟอยคงแตกเป็นเสี่ยงไปแล้ว เธอจ้องมัลฟอยด้วยสายตาวาวโรจน์
 และเขาก็มองกลับด้วยแววตาของผู้มีชัย รอยยิ้มเหยียดยังคงอยู่ที่มุมปากซีดของเขา

“สายตาแบบนี้หมายความว่า เธออยากอยู่แบบนี้ต่อไปจนเช้าใช่ไหม ยายหัวฟู” เขาพูด เฮอร์ไมโอนี่สลดตาลงวูบ
หนึ่งเหมือนขอร้องจนมัลฟอยรู้สึกแปลกใจ

“งั้นก็ได้” เขาพูด พลางใช้ไม้กายสิทธิ์เคาะเบาๆ ที่ตัวของเฮอร์ไมโอนี่ ทันทีที่ขยับตัวได้เธอรีบลุกขึ้นนั่ง 
เงื้อมือเตรียมฟาดลงบนหน้าของมัลฟอย เขารับมือเล็กๆ นั้นไว้ทัน

“นึกแล้วว่าต้องมาแบบนี้ นี่เป็นวิธีขอบคุณของพวกเลือดสีโคลนรึ” เขาเลื่อนมือไปกระชากคอเสื้อเฮอร์ไมโอนี่ดึงเข้า
หาตัวอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณน่ะต้องแบบนี้เกรนเจอร์”

โดยไม่ทันตั้งตัว มัลฟอยประกบปากของเขากับปากของเธออย่างหนักหน่วง เด็กสาวตกใจจนตัวแข็งทื่อ
 พอตั้งสติได้ เธอรวบรวมกำลังทั้งหมดผลักเขาอย่างแรง มัลฟอยผงะหงาย ไม้กายสิทธิ์กลิ้งอยู่ข้างตัว
 เขาเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างโกรธเคือง แต่ก็ต้องอ้าปากค้างเพราะเฮอร์ไมโอนี่ชี้ไม้กายสิทธิ์ของเธอจ้องมาทางเขา 
เนื้อตัวสั่นด้วยความโกรธ น้ำตาเอ่อล้นไหลพราก

“นายมัน…” เธอพูดหอบหายใจ

“เลว!”

ขาดคำเฮอร์ไมโอนี่ผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งหายเข้าไปในปราสาท ทิ้งให้มัลฟอยนั่งนิ่งงันอยู่ เขาลูบริมฝีปากตัวเองเบาๆ

“เราทำอะไรลงไปน่ะ” พลางมองไปยังตั้งหนังสือกองโตที่เฮอร์ไมโอนี่ลืมทิ้งไว้

“ไม่น่าหาเรื่องเลย” เขาพึมพำเบาๆ




. . . . .



เฮอร์ไมโอนี่พรวดพราดเข้าไปในห้องนั่งเล่นรวม แฮร์รี่และรอนต่างตกใจ

“เกิดอะไรขึ้นเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ร้องถามแล้วชะงักเมื่อเห็นน้ำตาของเด็กสาว

“ไม่มีอะไร” เธอตอบ

“ฉันขอตัวนะ” พูดจบเธอก็วิ่งขึ้นหอนอนหญิงทันที ทิ้งให้แฮร์รี่และรอนนั่งมองหน้ากันอย่างงงๆ

“สงสัยโดนอาจารย์หักคะแนนมามั้ง” รอนว่าพลางนั่งทำการบ้านต่ออย่างไม่สนใจ แต่แฮร์รี่ไม่เห็นด้วย 
เขารู้สึกกังวลใจลึกๆ 



เช้าวันรุ่งขึ้น แฮร์รี่และรอนตกใจกับสภาพของเฮอร์ไมโอนี่มาก เหมือนเธออดนอนมาทั้งคืน ขอบตาบวมช้ำ ดูอ่อนแรง

“ไม่เป็นอะไรหรอก แค่อ่านหนังสือมากไปหน่อย เลยนอนน้อยน่ะ” เธอให้เหตุผลพลางทำตัวร่าเริงกลบเกลื่อน
 แฮร์รี่จับไหล่เธอเบาๆ

“แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มพยักหน้า

“ไปทานอาหารกันเถอะ” เธอพูด

“แล้วเธอไม่เอากระเป๋าไปด้วยเหรอ” แฮร์รี่ถาม เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง เธอลืมหนังสือทั้งหมดไว้ที่ต้นไม้นั่น

“ตายล่ะ” เธอร้อง

“แฮร์รี่ฉันนึกได้ว่ามีธุระต้องไปห้องสมุด เธอไปทานกันก่อนนะเจอกันที่ห้องเรียน” เฮอร์ไมโอนี่ผลุนผลันออก
จากห้องไป ทิ้งให้แฮร์รี่ยืนงงอยู่ จนรอนมาตบไหล่

“ไปกันรึยังล่ะ” เขาพยักหน้าและเดินข้ามช่องประตูออกไป



เฮอร์ไมโอนี่วิ่งมาหยุดหอบหายใจที่ใต้ต้นไม้ เธอมองหาหนังสืออย่างรวดเร็ว

“ไม่มี..เป็นไปได้ยังไง” เธอร้องพลางก้มลงเปิดตามพุ่มไม้อย่างร้อนรนแล้วชะงัก

“มัลฟอย!!”

ใช่แล้วเมื่อคืนนี้เธอรีบร้อนวิ่งหนีเขาออกไป จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขาที่เอาหนังสือทั้งหมดของเธอไป
 ปัญหาคือ เขาเอาไปไว้ที่ไหน..หรือทิ้งลงทะเลสาบ

“เป็นไปไม่ได้น่า..” เธอคิด แต่ถ้าเขาเก็บเอาหนังสือทั้งหมดของเธอไปด้วย เธอจะไปขอคืนได้อย่างไรกัน




……………………………



คาบแรกของวันนี้คือวิชาปรุงยา 2 คาบติดต่อกัน สำหรับ เนวิลล์ ลองบัตท่อมแล้ว มันยาวนานเหมือน 2 ปีเลยทีเดียว
 เด็กชายถูกสเนปขู่จนตัวสั่นเทาตลอดเวลา เฮอร์ไมโอนี่คอยแอบกระซิบบอกวิธีที่ถูกต้องให้ทุกครั้งที่สเนปเผลอ
 โชคดีที่กองหนังสือทั้งตั้งที่เธอลืมไว้ไม่มีหนังสือวิชาปรุงยาอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นเธอคงโดนหักคะแนนอีกอย่างน้อย 
20 คะแนนฐานลืมตำราเรียน แต่ถึงกระนั้น..



“หักกริฟฟินดอร์ 5 คะแแนน ใครให้เธอสู่รู้สอนคนอื่น หา! เกรนเจอร์” สเนปตวาดก้อง พลางชี้มือมาที่เฮอร์ไมโอนี่

“เธอ!..ย้ายมานั่งตรงนี้” เขาชี้มือเข้าไปในกลุ่มสลิธีริน ระหว่างมัลฟอยกับแครบ

“ส่วนลองบัตท่อม ปรุงยาใหม่ ถ้าอ่านหนังสือแล้วยังทำไม่ได้ ฉันจะได้เอามันยัดเข้าไปในกะโหลกหนาๆ 
ของเธอทั้งเล่ม”

เขากวาดตามองรอบห้อง เด็กๆ ก้มหน้าก้มตาปรุงยาของตัวเองเงียบๆ เฮอร์ไมโอนี่ย้ายข้าวของทั้งหมดมานั่งใกล้ๆ 
มัลฟอย

“ไม่ต้องมาใกล้ฉันมากนักหรอก ยัยเลือดสีโคลน” เขาเริ่ม เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันนิ่ง มัลฟอยยิ้มมุมปากเล็กน้อยก้มลงไ
ปกระซิบเธอเบาๆ

“ไม่อยากได้หนังสือคืนหรือ เกรนเจอร์” เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก เหลือบตามองเขาแล้วถามเบาๆ

“นายเอาหนังสือฉันไปไว้ที่ไหน” มัลฟอยเลิกคิ้วไม่ตอบคำถาม

“อาจารย์ครับผมแยกเยื่อออฟตามิวคัสไม่ได้ครับ” สเนปหยุดมอง

“เกรนเจอร์ เธอช่วยมิสเตอร์มัลฟอยทีซิ” เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากเธอจัดแจงแยกลูกตากลมๆ 
ออกจากเมือกเขียวๆ อย่างหมดจด 

“ลูกตามันลื่นน่ะ เธอช่วยเอามันใส่หม้อยาให้ทีซิ” มัลฟอยพูดอย่างเนือยๆ เฮอร์ไมโอนี่นึกอยากจะเอาลูกตายักษ์โปะ
ไปบนหัวที่เรียบแปล้ของเขาเหลือเกิน เขายิ้มอย่างพอใจที่แกล้งเฮอร์ไมโอนี่ได้

“ช่วยกวนตัวยาให้ด้วยซิ” เขาพูดอย่างเป็นต่อ เฮอร์ไมโอนี่เริ่มโกรธ

“ทำเองซินายยังมีมือเหลืออีกข้างนี่” มัลฟอยสะบัดแขนเบาๆ

“ฉันปวดแขน เมื่อคืนยกของหนัก” เขายิ้มยียวน

“ไม่!” เธอหันกลับไปทำงานของตัวเองต่อ เสียงสเนปดังลั่นคุกใต้ดินอีกครั้ง

“ลองบัตท่อมเธอใส่ตาคางคกลงไปที่อันหา ฉันบอกให้ใส่แค่ 3 เท่านั้น ตาคางคก 3 อัน ยาจะเป็นสีเขียวใสใช้ดื่มให้ฝันดี”
 เขายืนจ้องหน้าเนวิลล์ที่ตัวสั่น ปากซีด

“สมองโง่ๆ ของเธอคงนับเลขผิด จาก 3 เป็น 13 ใช่ไหม ลองบัตท่อม น้ำยาเธอถึงได้ดำปี๋แบบนี้ นี่น่ะมันน้ำยาฝันร้ายและ
ฉันจะให้เธอดื่มมันหลังหมดคาบ หักกริฟฟินดอร์ 5 คะแนน”

เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย ชั่วโมงของสเนป เป็นชั่วโมงทองของสลิธีรินจริงๆ ไม่ว่าจะทำอะไรบ้านอื่นจะถูกหักคะแนนได้เรื่อยๆ ต่อให้ทำถูกต้องก็ตามที สเนปหักคะแนนได้เรื่อยๆ ตลอดสองคาบจนระฆังหมดเวลาดังขึ้น
 เขายังไม่ลืมที่จะบังคับให้เนวิลล์ดื่มน้ำยาของตัวเอง หลังจากนั้นทุกคนก็รีบไปที่ห้องเรียนวิชาการป้องกันตัว
จากศาสตร์มืดอย่างกระตือรือร้น เพราะทุกคนอยากเห็นวิชา ‘ของจริง’ จากศาสตราจารย์ลูปิน

หลังจากได้เรียนการต่อสู้กับบ็อกการ์ต เนวิลล์ดูมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และทุกคนสนุกสนานกับการเรียนวิชา
นี้มาก เฮอร์ไมโอนี่รีบเร่งเดินนำแฮร์รี่กับรอนออกไป อึดใจต่อมาเธอปรากฎตัวข้างหลังคนทั้งสอง 
เธอบอกว่าเดินย้อนกลับไปเอาหนังสือที่ลืมไว้ที่ห้องปรุงยา




………………………………


ในเวลาอาหาร นกฮูกบินเข้ามาส่งจดหมายให้แฮร์รี่

“จากแฮกริด” เขาพูดพลางรีบแกะออกอ่าน

“เกิดเรื่องแล้ว” แฮร์รี่พูดสีหน้าไม่ค่อยดี

“กระทรวงเวทมนตร์จะเข้ามาสอบสวนบัคบีค พ่อของมัลฟอยเป็นคนไปแจ้ง” เฮอร์ไมโอนี่รีบดึงจดหมายมาอ่านต่อ

“จะทำยังไงดีแฮร์รี่”

“เราคงต้องลงไปหาแฮกริด ดูซิว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง” เฮอร์ไมโอนี่เหลือบมองไปทางโต๊ะสลิธีริน มัลฟอยกำลังทำ
ท่าล้อเลียนแฮร์รี่อยู่ และส่งสายตาเยาะเย้ยมาทางเด็กทั้งสาม



เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเพื่อช่วยคดีบัคบีค เธอตั้งอกตั้งใจมากจนลืมเรื่องหนังสือที่มัลฟอยเอา
ไปจนมาดามพินซ์กล่าวเตือนว่าถึงเวลาคืนหนังสือแล้ว

“เอาไงดีเรา” เธอพูดกับตัวเอง พลางเดินครุ่นคิดไปเรื่อยๆ เธอเดินไปหยุดยืนตรงข้างทะเลสาบโดยไม่รู้ตัว

“ใช้ผ้าคลุมล่องหนของแฮร์รี่คงไม่ได้” เธอคิด

“หรือจะขอคืนตรงๆ”  คิดถึงตรงนี้เธอรู้สึกเหมือนแบกของหนักๆ

“เฮ้อ..” เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจพลางทรุดตัวลงนั่งมองแผ่นน้ำ ถ้าเป็นไปได้เธออยากวางยานอนหลับให้คนทั้งหอสลิธีรินกิน เธอจะได้เดินเข้าไปหยิบหนังสืออย่างสบาย

 เสียงย่ำพื้นมาหยุดเบื้องหลังเด็กสาว เธอนึกแปลกใจหันหน้ากลับมามอง พอเห็นหน้าเจ้าของเสียงฝีเท้า เธอผุดลุกขึ้นทันทีด้วยความโกรธ

“ต้องการอะไร” เธอพูดเสียงเข้ม มัลฟอยทำหูทวนลมไม่ตอบคำถาม กลับมองเธอด้วยสายตาอย่างผู้มีชัย เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันแน่นเธอสะบัดหน้าเดินหนี เสียงยานคางไล่หลังจนเธอชะงัก

“ไม่อยากได้หนังสือคืนหรือ เกรนเจอร์” เฮอร์ไมโอนี่หันหลังกลับมาอย่างรวดเร็ว

“ใช่”  เธอพูดห้วนๆ สั้นๆ มัลฟอยส่ายหน้าน้อยๆ

“วิธีการขอของพวกมักเกิ้ลนี่หยาบคายจริงๆ” เฮอร์ไมโอนี่พยายามนับหนึ่งถึงห้าร้อยเพื่อไม่ให้ตัวเองโกรธ เธอต้องการ
หนังสือคืนต้องใจเย็น

“แล้วนายจะให้ทำยังไง” เธอพูดเสียงเครียด

“ได้โปรด…เกรนเจอร์ คำง่ายๆ มักเกิ้ลก็ต้องพูดได้” มัลฟอยเลิกคิ้ว

“หรือเธอพูดไม่เป็น” เฮอร์ไมโอนี่หน้าเริ่มแดงขึ้น เธอกัดฟันอยู่ครู่หนึ่ง

“ได้โปรด คืนหนังสือให้ฉัน” เธอแค่นคำพูดออกมาอย่างยากเย็น มัลฟอยทำเป็นเกาหูตัวเอง

“ฉันไม่ได้ยินที่เธอพูด” เขายิ้มกวนๆ

“เธอว่าอะไรนะ เกรนเจอร์” เฮอร์ไมโอนี่ตอนนี้หน้าแดงก่ำ เธอตะโกนลั่น

“คืนหนังสือให้ฉันด้วย ได้โปรด” มัลฟอยทำหน้าเฉยเมย

“เหมือนถูกบังคับเลยนะ ถ้าเธอไม่เต็มใจจะขอก็ไม่ต้อง ยัยหัวฟู” เขาก้าวขาเดินผ่านเฮอร์ไมโอนี่ไปเสียเฉยๆ

“ก็ได้!” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นอย่างเหลืออด

“ฉันจะไปสารภาพกับมาดามพินซ์ว่าฉันทำหนังสือทั้งหมด หาย!” เธอรีบเดินแซงมัลฟอยขึ้นไป
 เขาคว้าข้อมือเธอไว้อย่างรวดเร็ว

“นั่นจะทำให้เธอถูกทำโทษนะ บางทีอาจถูกไม่ให้ยืมหนังสือออกจากห้องสมุดก็ได้” เขาขู่

ได้ผล เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก เธอกลัวการถูกห้ามเข้าห้องสมุดมากกว่าถูกจับโยนเข้าไปในป่าต้องห้ามเสียอีก
 เธอมองหน้าเขา แต่ด้วยระยะห่างระหว่างใบหน้าของเด็กทั้งสองใกล้กันมาก ทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมา
 เด็กสาวหน้าแดง สะบัดมือออกจากมัลฟอย พลางถอยห่างออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนมัลฟอยจะคิดแบบเดียวกัน
 เพราะใบหน้าซีดเซียวของเขามีสีเลือดขึ้นมาเล็กน้อย

“คืนนี้สองทุ่ม ฉันจะนัดสถานที่ให้เองทีหลัง” เขาพูดเบาๆ พลางเดินกลับปราสาทอย่างรวดเร็ว
 เฮอร์ไมโอนี่มองตามอย่างไม่ค่อยไว้วางใจ

“นี่นายจะมาไม้ไหนอีกนะ มัลฟอย” เธอพึมพำเบาๆ




………………………………


เฮอร์ไมโอนี่ยังคงก้มหน้าก้มตาทำรายงานอย่างเคร่งเครียด จากเหตุการณ์เมื่อวาน ทำให้เธอต้องขาดเรียนวิชาคาบบ่ายทั้งหมด เป็นเหตุให้อาจารย์สั่งให้เธอทำรายงานเพิ่มเป็นสองเท่า ประกอบกับหนังสือที่เธอใช้ประกอบวิชาเรียนหลายเล่มถูกมัลฟอยเอาไป ทำให้เธอต้องวิ่งวุ่นหาหนังสือใกล้เคียงกันในห้องสมุดมาอ่านเพิ่มเติม ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ตอนนี้ล้อมรอบด้วยกองภูเขาหนังสือ แฮร์รี่มองอย่างหวาดๆ ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่เหมือนระเบิดเวลา พร้อมที่จะระเบิดใส่ทุกคนที่เข้ามาทำให้เธอเสียสมาธิ


“เอ่อ..เฮอร์ไมโอนี่..” แฮร์รี่เรียกเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมา ผมยุ่งกระเซิง ตาแดง จนแฮร์รี่คิดว่า
 ถ้าเป็นเวลากลางคืน เธอโผล่มาในสภาพนี้เขาคงวิ่งเตลิดแน่

“มีอะไร” เธอถามห้วนๆ

“คือ..นี่เวลาอาหารเย็นแล้วนะ” เขาเตือนเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว พลางก้มลงไปเขียนรายงานต่อ

“เธอไปก่อนก็แล้วกันแฮร์รี่” เธอพูด แฮร์รี่มองดูเธอครู่ใหญ่ จึงเดินออกไปกับรอน ซึ่งยังคงไม่พูดกับเฮอร์ไมโอนี่อยู่

“นายว่าเฮอร์ไมโอนี่เครียดเกินไปรึเปล่า” แฮร์รี่ถามรอนขณะเดินไปที่ห้องอาหาร

“ฉันไม่สนหรอก” รอนพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“ถ้าเขาสนใจสัตว์เลี้ยงของคนอื่นเท่ากับหนังสือที่เขาอ่านจะดีกว่านี้นะ” เขาลงท้ายประโยคอย่างโกรธๆ


เฮอร์ไมโอนี่เขียนรายงานเพิ่งเสร็จไปแค่สองวิชา ส่วนวิชาที่เหลือเป็นวิชาที่ต้องใช้หนังสือเฉพาะที่ถูกมัลฟอยหยิบไป เธอเก็บอุปกรณ์ตำราอย่างหงุดหงิด แต่แล้วมีเสียงกระพือปีกที่หน้าต่าง นกฮูกเหยี่ยวเกาะอยู่บนขอบหน้าต่างพลางแกะจดหมายทิ้งไว้ แล้วบินจากไป เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นไปหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน แน่นอน เธอรู้ดีว่านี่เป็นนกฮูกของใคร
 ในจดหมายระบุสถานที่ที่จะนัดเจอกับมัลฟอยเพื่อเขาจะได้คืนหนังสือให้เธอ เด็กสาวม้วนกระดาษยัดใส่เสื้อคลุม เก็บรายงานและอุปกรณ์ขึ้นไปเก็บบนหอนอน แล้วรีบก้าวข้ามช่องประตูเพื่อออกไปรับประทานอาหาร แฮร์รี่และรอน ซึ่งทานกันเกือบเสร็จแล้วมองเธออย่างแปลกใจเล็กน้อย



“นึกว่าจะกินรายงานแทนอาหาร” รอนเริ่มแขวะ

“แล้วสแคบเบอร์เป็นยังไงบ้าง” เฮอร์ไมโอนี่สะกดอารมณ์ถาม

“มันกลัวจนไม่กล้าออกจากกล่องในห้อง ตอนนี้มันผอมหัวโตแล้ว เพราะแมวบ้าๆ ของเธอ” รอนพูดเสียงดังจน
คนอื่นหันมามอง แฮร์รี่ส่งเสียงห้ามรอนเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากเล็กน้อย พลางหันไปทางแฮร์รี่

“แล้วแฮกริดล่ะ เป็นยังไงบ้างแฮร์รี่”

“สงสัยจะเรื่องใหญ่” แฮร์รี่ตอบอย่างกังวล เขานึกเรื่องบัคบีคขึ้นได้ เพราะช่วงนี้เขาเริ่มซ้อมควิดดิชจนลืมไป

“ทางกระทรวงเริ่มยื่นเรื่องแล้ว เห็นทีแฮกริดจะแย่” เฮอร์ไมโอนี่ทำสีหน้ากังวล

“ฉันจะลองไปค้นหนังสือเก่าๆ เกี่ยวกับคำร้องคดีสัตว์ทำร้ายคนดู” เธอครุ่นคิด

“น่าจะมีหนังสือบางเล่มให้ข้อมูลได้”

“เอ่อ.. เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูดค่อยๆ

“เธอเองก็ดูแลตัวเองบ้างนะ ฉันว่าเธอจะเครียดเกินไปแล้วล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มบางๆ

“เธอเองก็หมั่นซ้อมควิดดิชนะ แฮร์รี่ ปีนี้เราต้องได้ถ้วยชนะเลิศให้ได้” แฮร์รี่พยักหน้ายิ้มรับคำ
 เฮอร์ไมโอนี่หยิบแก้วน้ำฟักทองขึ้นมาดื่ม แล้วลุกขึ้น

“ฉันจะไปห้องสมุด หาหนังสืออ่านอีกหน่อย เผื่อมีวิธีช่วยบัคบีคอีก” พูดจบเธอก็เดินออกไปอย่างเร็ว




……………………………………



มาดามพินซ์กรุณามาก เธอช่วยเฮอร์ไมโอนี่หาหนังสือเกี่ยวกับการฟ้องร้องคดีสัตว์ต่างๆ เฮอร์ไมโอนี่ไล่ดูเรื่อยๆ

“คดีนี้น่าสนใจ ตัวมันติคอร์ทำร้ายคน” เธออ่านรายละเอียด

“ปรากฏว่าไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เนื่องจากมันติคอร์ดุร้ายเกินไป จนเข้าใกล้ไม่ได้เลยต้องปล่อยไป..เฮ้อ.
..แบบนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยน่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่หลับตาแล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ มาดามพินซ์เดินมาที่เธอ

“มิสเกรนเจอร์จ๊ะ จวนได้เวลาปิดห้องสมุดแล้วนะจ๊ะ” เฮอร์ไมโอนี่ดูเวลา เกือบสองทุ่มแล้ว

“ขอบคุณค่ะ มาดามพินซ์” เธอรีบรวบรวมหนังสือเก็บ แล้วเดินออกจากห้องสมุด ตรงออกไปทางอีกด้านของปราสาท
 เธอหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านทวน



“ทางใต้ของปราสาทชั้น 3 ห้องที่ 2 นับจากด้านใน” เธอพับจดหมายเก็บ

“ทำไมเรื่องมากแบบนี้นะ ไม่รู้จะมาไม้ไหนอีก” เธอบ่นพึมพำ พลางล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุม กระชับไม้กายสิทธิ์แน่น
 แล้วเดินต่อไปอย่างระมัดระวัง

“หวังว่าคงไม่เจอฟิลช์นะ” เธอพึมพำกับตัวเอง พลางมองสำรวจทั่วบริเวณทางเดินที่สลัวและเงียบสงัด 
ท่าทางว่าทางด้านนี้จะไม่ได้ใช้งานมานาน เพราะบางที่มีฝุ่นจับหนาเตอะ เฮอร์ไมโอนี่หันรีหันขวาง ลังเลใจอยู่ชั่วขณะ จึงตัดสินใจดันประตูบานหนึ่งเปิดออก แล้วเดินเข้าไปด้านใน มันดูเหมือนเคยเป็นห้องเรียนเก่ามาก่อนยังมีตำราเก่าๆ และตัวอย่างของสัตว์บางชนิดตั้งอยู่ เฮอร์ไมโอนี่เดินไปสำรวจดูอย่างสนใจ โดยเฉพาะตำราที่มีฝุ่นหนาเตอะจับอยู่

“เอ..คาถาต้องห้ามกับสมุนไพรอาถรรพ์” เฮอร์ไมโอนี่ตาโต หนังสือนี่จัดเป็นหนังสือต้องห้าม เธอค่อยๆ ปัดฝุ่นออก
 ทำความสะอาดหนังสืออย่างเบามือ และค่อยๆ เปิดออกอ่าน แต่มันมืดจนมองแทบไม่เห็นแล้ว

“ลูมอส” เธอพูดเบาๆ ไฟสีฟ้าอ่อนปรากฏบนปลายไม้กายสิทธิ์ของเธอ เด็กสาวก้มลงอ่านหนังสืออย่างสนใจจนลืมสภาพรอบข้าง



“เหลือเชื่อ..” เสียงยานคางดังขึ้นด้านหลัง เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง รีบปิดหนังสือแล้วหันกลับไปมอง 
มัลฟอยยืนอยู่หลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขามองข้ามไหล่เด็กสาวอ่านชื่อบนปกหนังสือ

“นั่นมันหนังสือต้องห้ามนะ” เขาพูดพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าเธอเอามาได้ยังไง

“มันวางอยู่ในห้องนี้อยู่แล้วน่ะ” เธอพูดขึ้นอย่างเร็ว “แล้วหนังสือของฉันล่ะ” เธอรีบทวงถาม

มัลฟอยมองไปรอบๆ ตัว แล้วหันมามองหน้าเธอ

“ที่นี่เงียบดีนะ” เขาพูดอีกเรื่องหนึ่งแทน เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว ขยับไม้กายสิทธิ์แน่น มัลฟอยยิ้มอย่างรู้ทัน

“ถ้าจะใช้คาถากับฉันน่ะ เธอต้องดับไฟนั่นก่อนนะ” เขาหมายถึงขณะนี้เธอกำลังใช้คาถาจุดไฟอยู่ ไม่สามารถใช้คาถา
อื่นได้จนกว่าจะยกเลิกคาถาเดิมก่อน เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตาใส่มัลฟอย

“หนัง-สือ-ฉัน-อยู่-ที่-ไหน…มัลฟอย” เธอเน้นย้ำทีละคำ มัลฟอยยิ้มอย่างรู้สึกดีใจที่ยั่วโมโหเฮอร์ไมโอนี่สำเร็จ เขามองไปที่มุมห้องอีกด้าน หนังสือของเฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่นั่น มันถูกมัดไว้อย่างดี เฮอร์ไมโอนี่รีบเดินไปตรวจดูหนังสือของเธอ

“มันอยู่ครบน่า ยัยหัวฟู” เสียงมัลฟอยพูดอย่างรำคาญ

“จะไปรู้ได้ยังไง เกิด ‘คุณหนู’ ผู้สูงส่งเกิดอยากได้ของของคนอื่นขึ้นมาล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงขุ่นๆ 
มัลฟอยหยุดยิ้มทันที เขาจ้องเฮอร์ไมโอนี่อย่างโกรธเคือง

“นั่นมันเป็นนิสัยของพวก สีโคลน เกรนเจอร์” เขาเดินเข้ามาหาเธออย่างมุ่งร้าย “อย่ามาดูถูกฉันแบบนี้”

เฮอร์ไมโอนี่ผุดลุกขึ้นอย่างตกใจ เธอชี้ไม้กายสิทธิ์ที่ยังมีไฟสว่างอยู่ที่ปลายไม้

“น็อกซ์”

“เอกซ์เปลลิอาร์มัส” ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน แต่ไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ปลิวไปอยู่ในมือของมัลฟอย
 เขาเอามันเก็บไว้ในเสื้อคลุม พลางยิ้มเยาะ

“ที่นี้…” เขาเย้ย

“เธอก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ยัยหัวฟู” เฮอร์ไมโอนี่อึ้ง นึกถึงวันที่เขาสาปเธอนอนแข็งค้างอยู่ริมทะเลสาบ
 ถ้าเป็นที่นี่คนอื่นคงไม่มีทางรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้แน่

“นายจะทำอะไรฉัน มัลฟอย” เธอพูดเสียงดัง พลางค่อยๆ ถอยหนีมัลฟอยที่เดินเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ จนติดผนังห้อง
 เฮอร์ไมโอนี่เบี่ยงตัวหลบ แต่มัลฟอยยกแขนข้างที่เจ็บขวางไว้ เธอมองแขนข้างนั้นเขม็ง

“แขนนาย…หายแล้วนี่” พลางจ้องหน้ามัลฟอย เขายักไหล่น้อยๆ

“แต่นายบอกทุกคนว่านายเจ็บมาก นายโกหกทำไม จะแกล้งแฮกริดรึยังไงกัน” เธอพูดด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด 
มัลฟอยยิ้มเยือกเย็น

“ก็ใช่ ฉันตั้งใจจะให้เจ้ายักษ์นั่นไปให้พ้นๆ” เขาหรี่ตาเล็กน้อย

“มัวแต่ห่วงคนอื่นน่ะ ตัวเองเคยห่วงบ้างมั้ย ยายเลือดสีโคลน” เฮอร์ไมโอนี่หน้าซีด

“นายจะทำอะไรฉัน” เธอพูดคำเดิมอย่างหวั่นๆ เขาจ้องไปที่ตากลมใสของเธอ

“คำขอบคุณ” เขาพูดสั้นๆ

“ง่ายๆ สั้นๆ แต่ต้องอย่างสุภาพและจริงใจ เธอคงทำไม่ได้มั้ง” เฮอร์ไมโอนี่เม้มปาก เชิดหน้า

“นายเอาหนังสือของฉันไปเฉยๆ จะให้ฉันขอบคุณอะไร” มัลฟอยจ่อไม้กายสิทธิ์ไปที่คอของเฮอร์ไมโอนี่

“งั้น ฉันขอเป็นอย่างอื่นก็แล้วกัน” ไม่พูดเปล่า เขาก้มหน้าลงมาหาเด็กสาวช้าๆ เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากจะร้อง
โวยวายออกมา แต่กลับอึ้งเมื่อมัลฟอยฝังจมูกลงบนแก้มของเธอแทน

“นาย..” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาได้คำเดียว เขามองหน้าเธอนิ่งแล้วยิ้มบางๆ

“พวกเลือดสีโคลนนี่ นึกว่าจะมีแต่กลิ่นโคลนซะอีก” เขาเปลี่ยนเป็นยิ้มเหยียดหยัน

“อย่านึกว่าที่ฉันทำแบบนี้เพราะฉันพิศวาสเธอนะ เกรนเจอร์” เขาถอยหลังออกมาเล็กน้อย

“ฉันรู้..เรื่องแบบนี้มันทำให้เธอเสียศักดิ์ศรีมาก แล้วฉันก็จะทำมันอีกถ้ามีโอกาส” เขาเดินไปที่ประตู
 ก่อนล้วงไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ออกมา

“อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเจ้าพอตเตอร์ ฉันจะทำลายให้หมด”

เขาพูดพลางโยนไม้กายสิทธิ์ของเธอลงบนพื้น ก่อนออกจากห้องไป เฮอร์ไมโอนี่ทรุดตัวลงนั่ง
 พลางลูบแก้มตัวเองเบาๆ อย่างแค้นใจ เด็กสาวกัดฟันแน่น รวบรวมหนังสือขึ้นเต็มอ้อมแขน
 น้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม เธอเดินกลับมาถึงหอนอนอย่างไม่รู้ตัว




………………………………


มัลฟอยเดินกลับหอด้วยอารมณ์หงุดหงิด เขารู้สึกสะใจที่แกล้งเฮอร์ไมโอนี่ได้ แต่อีกใจหนึ่ง เขารู้สึกอ่อนไหวกับสายตาของเธอที่จ้องกลับมา มันทำให้รู้สึกแปลกๆ เมื่อมาถึงหน้าหอ รูปปั้นนูนสูงรูปงูจ้องมาที่เขา
 ลิ้นหินอ่อนสีเทาแลบตวัดออกมา

“ดาร์ค อาร์ต”

เขาพูดพึมพำเบาๆ งูบิดตัวออกเปิดช่องให้เขาผ่านเข้าไป เขาเดินผ่านห้องนั่งเล่นรวม ซึ่งแพนซี่เตรียมตัวจะกระโดด
เข้ามาเกาะแขนเขาไปอย่างไม่สนใจ เมื่อเข้าไปในห้องของเขา มัลฟอยทิ้งตัวลงบนที่นอนของตัว
 ยกแขนก่ายหน้าผากอย่างครุ่นคิด

“นายเป็นอะไรมัลฟอย” เสียงแครบถาม

“แล้วนายหายไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับเข้ามาล่ะ” กอยล์ถามบ้าง มัลฟอยลุกพรวดขึ้น

“มันเรื่องของฉัน ฉันไม่มีหน้าที่ตอบพวกนาย” เขาถอดเสื้อคลุมโยนลงบนเตียง เดินเข้าห้องน้ำ 
เปิดน้ำใส่อ่างจนเต็มแล้วจุ่มหัวลงไป เหมือนจะให้น้ำล้างความคิดสับสนนี่ออกไป เขาเงยหน้าขึ้นมองกระจก

“ออกไปจากความคิดฉันนะ ยัยเลือดสีโคลน” เขากัดฟันพูดเบาๆ





. . . . .



แฮร์รี่และรอน เดินลงไปห้องอาหารเพียงสองคนเหมือนเคย พวกเขาตั้งใจจะไปเยี่ยมแฮกริดก่อนเข้าเรียน เมื่อไปถึงกระท่อมของแฮกริด เขากำลังเก็บถ้วยชาพอดี

“หวัดดีฮะ แฮกริด” แฮร์รี่ทักเบาๆ แฮกริดหันมายิ้มฝืนๆ

“หวัดดีแฮร์รี่ น้ำชาหน่อยมั้ย” เขาถามเสียงแหบพร่า ถ้าไม่มีหนวดเครารุงรัง แฮร์รี่คงสังเกตุรอยช้ำที่ขอบตาของแฮกริด

“เฮอร์ไมโอนี่เพิ่งกลับเข้าไปเมื่อกี้เองอ้ะ” เขาพูด

“เฮอร์ไมโอนี่มาหาคุณเหรอฮะ” แฮร์รี่ทวนถามงงๆ

“ใช่ เธอเอาหนังสือที่ฉันจำเป็นต้องใช้ในการสู้คดีของบัคบีคมาให้อ้ะ”

แฮร์รี่รู้สึกละอายใจมากที่เขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรแฮกริดได้ ซ้ำยังมัวแต่ซ้อมควิดดิชจนลืมไปอีกด้วย แต่ดูเหมือนแฮกริดจะเดาใจแฮร์รี่ออก เขาตบบ่าเด็กชายเบาๆ

“ขอบใจที่เป็นห่วงบัคบีคอะนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่ความเป็นห่วง ฉันกับบัคบีคก็ดีใจแล้ว” เขาดันหลังเด็กๆ

“ได้เวลาไปเรียนแล้ว ตั้งใจเรียนดีๆ อ้อ แฮร์รี่ เธอต้องชนะในเกมควิดดิชวันมะรืนนี้นะ” แฮร์รี่รับปาก 
แล้วเขากับรอนก็เดินกลับปราสาทเพื่อเข้าเรียน เด็กทั้งสองวิ่งแข่งกันเข้าห้องเรียนวิชาแปลงร่าง
 ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเหลือบตามองผ่านแว่นของเธอ

“ขอโทษครับที่มาสาย” แฮร์รี่รีบพูดพลางหอบหายใจ

“ไม่เป็นไร มิสเตอร์พอตเตอร์ มิสเตอร์วิสลีย์ โชคดีที่ฉันยังไม่ได้เริ่มสอน” เธอพูดเสียงเยียบ
 จนแฮร์รี่กับรอนขนลุก พลางรีบหาที่นั่ง แฮร์รี่มองเฮอร์ไมโอนี่ที่เริ่มลงมือจดคำพูดของศาสตราจารย์มักกอนนากัล เธอดูซูบๆ ไป เขาคิด คงเป็นเพราะเธอเรียนหนักมาก แล้วยังวิ่งวุ่นเรื่องแฮกริดอีก แฮร์รี่ขยับจะถามเฮอร์ไมโอนี่ แต่พอดีเขาเหลือบไปเห็นสายตาเย็นเยียบของศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่มองมายังเขาพอดี เลยเปลี่ยนใจ
 พอหมดคาบเรียนเฮอร์ไมโอนี่รีบร้อนเก็บหนังสือลงกระเป๋า แฮร์รี่เงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง ปรากฏว่าเธอหายไปแล้ว เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่รอบตบบ่าแฮร์รี่

“ไปซ้อมควิดดิชกันเถอะ แฮร์รี่” 




……………………………


นัดแรกของการแข่งขันควิดดิช กริฟฟินดอร์จะต้องแข่งกับฮัฟเฟิลพัฟ โอลิเวอร์ วู้ด กัปตันทีมกริฟฟินดอร์
 ย้ำถึงแผนการเล่นและชัยชนะที่ทีมควรจะได้ เฮอร์ไมโอนี่กับรอนนั่งดูการแข่งขันด้วยความตื่นเต้น 
ทั้งคู่ลืมการทะเลาะกันชั่วขณะ ฉับพลัน ซีกเกอร์ของทั้งสองทีมก็พุ่งไปทางเดียวกัน แต่จู่ๆ แฮร์รี่ก็ตกลงจากไม้กวาด ท่ามกลางลมพายุ เฮอร์ไมโอนี่ส่งเสียงร้องอย่างตกใจ แฮร์รี่นอนหมดสติอยู่ที่พื้นสนามแข่ง และซีกเกอร์ทีมฮัฟเฟิลพัฟสามารถคว้าชัยชนะให้ทีมได้ แต่เฮอร์ไมโอนี่กับรอนไม่สนใจ ทั้งสองรีบตามมาดามฮูช ซึ่งนำร่างหมดสติของแฮร์รี่ไปห้องพยาบาลอย่างรีบเร่ง มาดามพอมฟรีย์ปฐมพยาบาลและตรวจร่างกายของแฮร์รี่อย่างรวดเร็ว เธออนุญาตให้เฮอร์ไมโอนี่และรอนอยู่เฝ้าได้ ทั้งสองคนยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความเป็นห่วงแฮร์รี่จนเขาฟื้น

“การแข่งขันเป็นยังไงบ้าง” คำถามแรกที่แฮร์รี่ถามขึ้น

“เราแพ้” รอนบอก

“นายตกจากไม้กวาด..เกิดอะไรขึ้นแฮร์รี่” แฮร์รี่ขมวดคิ้วทบทวน

“ฉันเห็นผู้คุมวิญญาณ แล้วฉันก็ไม่รู้อะไรอีก หลังจากนั้น”

“โชคดีนะที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์มาช่วยให้เธอไม่ตกลงมากระแทกพื้นน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เสริม

“ท่านโกรธมากที่พวกผู้คุมวิญญาณเข้ามาวุ่นวายในสนามน่ะ” แฮร์รี่มองไปรอบๆ ห้อง รอนกับเฮอร์ไมโอนี่มอง
หน้ากันอย่างอึดอัดใจ

“ใครเก็บไม้กวาดให้ฉันรึเปล่า” เขาถามขึ้นมาในที่สุด เฮอร์ไมโอนี่มองหน้ารอน

“คือ...ลมพายุน่ะ...พัดไม้กวาดปลิวออกไปนอกสนาม ศาสตราจารย์ลูปินรีบตามออกไป แต่…….” เธอกลืนน้ำลาย
 พลางส่งกระเป๋าหนังสือของเธอให้แฮร์รี่

“มันตกลงไปที่ต้นวิลโลว์จอมหวดพอดีน่ะ” แฮร์รี่มองดูไม้กวาดของเขาที่แหลกเป็นชิ้นๆ 
เขารู้สึกช็อคและเหมือนตัวจะแหลกเป็นชิ้นๆ ตามไม้กวาดของเขา




…………………………………


“ไง พอตเตอร์ เป็นลมอีกแล้วเรอะ” มัลฟอยตะโกนถามแฮร์รี่ พลางทำท่าล้อเลียนเขา 
เฮอร์ไมโอนี่มองดูด้วยความโกรธ คำพูดดูถูกที่เขาพูดไว้ยังคงดังก้องอยู่ในหู

“ฉันอยากจะสั่งสอนมันซักที” รอนว่า แต่แฮร์รี่กลับไม่เห็นด้วย

“ช่างเขาเถอะ” เขาสรุป



แม้ในชั่วโมงวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดของศาสตราจารย์ลูปินทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ความรู้สึกที่สูญเสียไม้
กวาดยังคงมีอยู่ เฮอร์ไมโอนี่ก็แทบไม่มีเวลาปลอบใจเขา เธอเรียนหนักขึ้น และดูเคร่งเครียดขึ้น รอนเองก็หงุดหงิด
กับสแคบเบอร์และครุกแชงก์ เขามักจะอาละวาดใส่เฮอร์ไมโอนี่เสมอ ซึ่งทุกครั้งจะจบลงที่เฮอร์ไมโอนี่จะเดินหนี
รอนออกจากหอ

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอต้องเดินออกจากห้องด้วยอารมณ์ขุ่นมัว รอนไล่ตีครุกแชงก์ของเธอ เมื่อเธอห้าม
 เขากลับว่าเธอด้วยถ้อยคำรุนแรง และขู่ว่าจะโยนครุกแชงก์ให้ปลาหมึกยักษ์กิน เฮอร์ไมโอนี่เดินเรื่อยๆ
 มาจนถึงห้องสมุด ซึ่งวันนี้ดูจะเงียบกว่าทุกครั้ง มาดามพินซ์ยิ้มให้เธออย่างใจดี

“อากาศหนาวนะจ๊ะ มิสเกรนเจอร์” เธอพูด เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มรับ แต่ชะงัก เมื่อมาดามพินซ์พูดต่อว่า

“วันนี้มีคนมาใช้ห้องสมุดน้อย ฉันเลยปิดเร็วจ้ะ ต้องตรวจสภาพหนังสือ ต้องขอโทษนะจ๊ะ มิสเกรนเจอร์” 
เฮอร์ไมโอนี่ผิดหวังเล็กน้อย เธอยิ้ม

“ไม่เป็นไรค่ะ มาดามพินซ์ งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ” เธอหมุนตัวออกจากห้องสมุด แต่ยังไม่กลับหอนอน

“ไปนั่งที่ทะลสาบดีกว่า” เธอคิดพลางเดินเรื่อยๆ จนออกจากปราสาท ตรงไปที่ริมทะเลสาบ ลมพัดมาจนเธอรู้สึกหนาว
 เธอเลือกนั่งตรงต้นไม้ใหญ่ที่มีใบร่มครึ้ม มองคลื่นที่พลิ้วเป็นระลอกเล็กๆ บนผิวน้ำ เด็กสาวพิงต้นไม้พลาง
กอดอกอย่างสบายใจกับธรรมชาติรอบๆ ตัว แล้วหลับตาลง



“ไม่หนาวเรอะ เกรนเจอร์” เสียงยานคางดังขึ้นใกล้เธอ เฮอร์ไมโอนี่รีบลืมตามองดูต้นเสียง 
มัลฟอยยืนกอดอกพิงต้นไม้ ยืนดูเธออย่างสบายอารมณ์

“แล้วนายมายุ่งอะไรด้วย มัลฟอย” เธอโต้พลางรีบลุกขึ้น มัลฟอยมองไปรอบๆ

“แล้วพอตเตอร์กับวิสลีย์หัวแดงของเธอล่ะ ไปไหน” เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ เธอขยับตัวจะเดินหนีมัลฟอย
 เพราะตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์ที่จะนั่งต่อปากต่อคำกับเขา

“จะหนีเหรอ เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดขึ้น น้ำเสียงเยาะเย้ย “จะรีบเข้าไปดูเจ้าพอตเตอร์เป็นลมอีกรึไง”

“เขาไม่ได้เป็นลม!” เฮอร์ไมโอนี่เถียงเสียงดังลั่น เธอหันมาประจันหน้ากับมัลฟอยอย่างโกรธๆ

“ออกรับแทนกันดีจริง” น้ำเสียงของมัลฟอยเหมือนไม่พอใจนิดๆ

“ก็เขาเป็นเพื่อนรักของฉันนี่ มัลฟอย คนอย่างนายหรือพ่อของนายคงไม่รู้จักคำว่าเพื่อนแท้มั้ง” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วย
น้ำเสียงสมเพชแกมเยาะหยัน มัลฟอยหน้าซีดด้วยความโกรธ เขาจับไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่อย่างลืมตัวบีบอย่างแรง

“อย่ามาว่าพ่อของฉัน ยายเลือดสีโคลน โสโครก” เขากัดฟันแน่น “เธอไม่มีสิทธิ์” เฮอร์ไมโอนี่โต้กลับทันควัน

“นายก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าแฮร์รี่หรือรอน หรือแม้กระทั่งแฮกริด”

“ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ว่าพวกมัน ในเมื่อพวกมันต่ำกว่าฉันทั้งนั้น” มัลฟอยพูดรอดไรฟันออกมา เขาจ้องเฮอร์ไมโอนี่เขม็ง

“นายมันก็ไม่ดีไปกว่าพวกเราเท่าไหร่หรอกมัลฟอย แค่ชื่อตระกูลนายมันก็ฟ้องแล้วละว่าพวกนายเป็นคนยังไง” 
เฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมแพ้ มัลฟอยโกรธจัด เขาบีบไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่อย่างแรง

“ได้” เขาขบกรามจนเป็นสันนูน “ฉันจะแสดงให้เธอเห็นยัยหัวฟู ว่าเลวจริงๆ น่ะ เป็นยังไง”

พูดจบเขาเหวี่ยงร่างเฮอร์ไมโอนี่กระแทกกับต้นไม้ เธอร้องออกมาอย่างเจ็บและตกใจกลัว เมื่อเห็นมัลฟอย
เดินย่างสามขุมเข้ามาหา เธอลนลานลุกขึ้นอย่างเร็ว แต่แล้วก็ล้มลงไปอีกครั้ง เท้าของเฮอร์ไมโอนี่กลับไปขัดในรากไม้
 เธอบิดขาออกจากต้นไม้อย่างตื่นกลัว มัลฟอยหยุดชะงัก เขาเหยียดยิ้มเมื่อเห็นกิริยาของเธอ

“ตกใจจนลืมตัวรึไง เกรนเจอร์” เขาพูด พลางล้วงไม้กายสิทธิ์ออกมาโบก เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง ไม้กายสิทธิ์ของ
เธอลอยไปหาเขาอีกแล้ว เธอมองตามอย่างเจ็บใจตัวเอง พลางพยายามขยับขาให้หลุดจากรากไม้ แต่ดูเหมือนมันจะ
ติดแน่น มัลฟอยยืนมองดูเธอด้วยสายตาแปลกๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ เธอ เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งสุดตัว
 เธอขยับหนีอย่างรวดเร็ว จนลืมไปว่าขาเธอยังติดอยู่

“โอ๊ย!” เธอร้องออกมาเบาๆ มัลฟอยยังมองดูเธอ

“ให้ช่วยไหม” เขาถามลอยๆ ขึ้นมา

“ไม่ต้อง” เธอตอบห้วนๆ มัลฟอยยิ้มในที

“อวดเก่ง” เขาเปรยขึ้นมาเบาๆ แต่ยังคงจ้องเขม็งมาที่เธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก
 เมื่อโดนมัลฟอยจ้องด้วยสายตาแบบนั้น โดยไม่ทันตั้งตัว จู่ๆ มัลฟอยก็ก้มหน้าลงมาที่เธอ เฮอร์ไมโอนี่รีบหลบ
 แต่เขากลับจับไหล่สองข้างของเธอไว้แน่น

“อย่า…”

เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ขาดหายไป เมื่อมัลฟอยใช้ปากของเขาปิดปากของเธอ เฮอร์ไมโอนี่พยายามออกแรงผลัก
 แต่เหมือนเรี่ยวแรงมันจะหายไปเสียเฉยๆ เมื่อมัลฟอยถอนริมฝีปากออกมา น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

“นาย…” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงสั่น “ทำแบบนี้ทำไม..ต้องการดูถูกฉันมากขนาดนั้นเลยหรือ”

มัลฟอยอึกอัก เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เขาเม้มปากแน่น มองหน้าเธอนิ่งครู่หนึ่ง แล้วโบกไม้กายสิทธิ์ 
รากไม้เหมือนมีชีวิต มันบิดตัวออกจากข้อเท้าของเฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวรีบชักขากลับ ขยับตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
 แต่ก็ล้มตึงลงมาอีก

“ดูเหมือนข้อเท้าเธอจะเจ็บ” น้ำเสียงมีแววเยาะๆ เจือปน

เขาก้มลงมองข้อเท้าที่เริ่มบวมของเธอ เด็กสาวนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด มัลฟอยยิ้มอยู่ในหน้า เขามองเธอเป็นเชิงถามว่า 
จะให้ช่วยไหม เฮอร์ไมโอนี่กัดฟัน เมินหน้าไปอีกทาง ดันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ล้มโครมลงมาอีก มัลฟอยหัวเราะเบาๆ
 ในลำคอ เมื่อเห็นท่าทางเหมือนตุ๊กตาล้มลุกของเธอ เขายื่นมือมาที่เธอ เฮอร์ไมโอนี่มองมือนั้นอย่างงงๆ 
ระคนหวาดระแวง

“หรือเธออยากนอนหนาวตายอยู่ข้างนอกนี่ ยัยหัวฟู” เขาถามเสียงไม่พอใจนิดๆ เฮอร์ไมโอนี่ส่งมือให้เขาอย่างลังเล

มัลฟอยพยุงเฮอร์ไมโอนี่โดยใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวเธอไว้หลวมๆ เธอหน้าเป็นสีชมพูพยายามฝืนตัว

“เดินไหวมั้ย” มัลฟอยถามเบาๆ ข้างๆ หูของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ลองขยับขาเดินอย่างลำบาก มัลฟอยพยุงเธอเดินอย่าง
ยากลำบาก ครู่ใหญ่ก็ยังไปไม่ถึงไหนจนเขารำคาญเลยหยุดเดินเสียเฉยๆ เฮอร์ไมโอนี่ชะงักตามพลางมองหน้าเขา
อย่างสงสัย แต่แล้วก็ต้องอุทานอย่างตกใจเมื่อมัลฟอยอุ้มเธอแทน

“ปล่อยฉันลงนะมัลฟอย!” เธอร้องโวยวายพลางดิ้น

“นึกว่าฉันอยากจะอุ้มเธองั้นเรอะ ยัยหัวฟู” เขาพูดอย่างรำคาญ

“แต่ขืนมัวแต่เดินอยู่แบบนั้น ฉันมีหวังหนาวตาย”

“ถ้านายกลัวหนาวตายก็เดินเข้าไปก่อนซิ ฉันเดินเองได้” เฮอร์ไมโอนี่เถียง  เขาหยุดมองหน้าเธอ

“เอางั้นเรอะ แน่ใจนะ ฉันจะได้ โยน เธอทิ้งไว้ตรงนี้” เขาทำท่าจะทำอย่างนั้นจริงๆ เฮอร์ไมโอนี่เผลอยึดเสื้อคลุมเขา
แน่นโดยไม่รู้ตัว เขาหัวเราะเบาๆ พลางขยับแขน

“เกรนเจอร์ ฉันเจ็บแขน เธอช่วยโอบแขนคล้องคอฉันได้มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่มองอย่างงงๆ เขารีบพูดต่อ

“รู้ว่าเธอเกลียด ฉันเองก็ไม่ชอบ แต่ถ้าทำแบบนั้นมันจะช่วยพยุงตัวของเธอไม่ให้หนัก ฉันจะได้อุ้มเธอไหว” 
เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า พลางยืดตัวขึ้นเล็กน้อย ยกแขนสองข้างโอบรอบคอของมัลฟอย เขาออกเดินต่อ

“ตัวเล็กกว่าที่คิดแฮะ” เขาพูดเบาๆ

“อะไรนะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างระแวง

“เปล่า” หน้าของเขาเริ่มเป็นสีชมพูน้อยๆ ซึ่งก็ไม่ต่างจากเฮอร์ไมโอนี่ในตอนนี้

“เกรนเจอร์ เธอช่วยหายใจเบาๆ หน่อยได้ไหม หรือไม่ก็หันไปหายใจทางอื่น มันโดนคอฉัน” 
เฮอร์ไมโอนี่แทบกลั้นหายใจตอบ

“ขอโทษ ลมหายใจฉันมันคงทำให้คอเธอสกปรกล่ะซิ”

มัลฟอยบ่นอุบอิบเบาๆ

“ใครบอกล่ะ..”

โชคดีที่ตลอดทางเดินที่ทั้งสองผ่านไปไม่มีใครอยู่เลย อาจเป็นเพราะเป็นเวลาค่ำ และอากาศก็เย็นมาก 
ส่วนมากจึงจะอยู่ในหอนอนกัน

“โชคดีจริงๆ ที่ไม่มีใครเดิน” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบาๆ พลางมองไปรอบๆ

“ทำไม เธออายเรอะที่ถูกฉันอุ้มแบบนี้” มัลฟอยถามเสียงสูง

“ที่อายน่ะ นายมากกว่า” เฮอร์ไมโอนี่ย้อน “ต้องมาอุ้มเลือดสีโคลนแบบนี้น่ะ” เธอประชด มัลฟอยพ่นลมหายใจพรืด

“เดี๋ยวฉันค่อยขอยาฆ่าเชื้อที่ห้องพยาบาลล้างมือก็ได้” เขาพูดอย่างกระแทกแดกดัน

“เธอน่าจะขอบใจฉันมากกว่านะ ยัยหัวฟู ที่ฉันกรุณาอุ้มเธอนี่น่ะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงประชด ทำนองว่า
 คนอื่นไม่มีทางมีโอกาสดีแบบนี้

“เป็นพระคุณน่าดูเลย คงต้องตอบแทนเธอสิ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับ มัลฟอยจ้องหน้าเธอ แต่ในระยะใกล้ขนาดนี้ 
มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่ใจเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้

“เธอต้องตอบแทนฉันแน่” มัลฟอยพูดพลางจ้องตาเธอแล้วยิ้มอย่างเจ่าเล่ห์ เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงจัด 
ก้มหน้าหลบสายตาของเขา ทำไมต้องไปใจเต้นกับคนแบบนี้ด้วยล่ะ เธอคิด ที่เราเจ็บก็เพราะเขานี่นา
 เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก มัลฟอยอุ้มเธอเดินมาจนถึงห้องพยาบาล เขาร้องเรียกมาดามพอมฟรีย์ 
พลางอุ้มเฮอร์ไมโอนี่มาวางนอนบนเตียง



“เธอสองคนอีกแล้ว คราวนี้เป็นอะไรอีกล่ะ” มาดามพอมฟรีย์กระวีกระวาดเข้ามาดู

“ข้อเท้าแพลงครับ สะดุดรากไม้” มัลฟอยตอบแทน เดินเลี่ยงหลบมาดามพอมฟรีย์ไปอีกด้านของเตียง
 เธอรีบถอดรองเท้าถุงเท้าเฮอร์ไมโอนี่ออก จับเบาๆ

“กล้ามเนื้อฉีก เส้นเอ็นอักเสบนิดหน่อย ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย” เธอพูด มัลฟอยมองดูข้อเท้าของเฮอร์ไมโอนี่ที่บวมเป่ง
เป็นสีม่วงเขียว เขามีสีหน้ากังวลเล็กน้อย

“เธอ..จะเดินได้ไหมครับ” เขาถามเบาๆ มาดามพอมฟรีย์ยิ้ม

“ได้แน่นอนจ้ะ พรุ่งนี้ก็วิ่งได้แล้ว” เธอพูดอย่างขบขัน พลางเดินไปเตรียมยาให้เฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวมองหน้ามัลฟอย
อย่างงงๆ

“ไม่ยักรู้ว่านายห่วงฉัน”

“ใครบอกล่ะ” เขาตอบทันควัน

“ฉันขี้เกียจมาอุ้มเธออีกต่างหาก” เฮอร์ไมโอนี่นึกฉุนกึกในคำตอบของเขา

“แล้วนายไม่ไปขอยาฆ่าเชื้อล้างมือหน่อยรึไง” เธอประชด มัลฟอยเลิกคิ้ว

“นั่นสิ ขอบใจนะที่เตือนฉัน เกรนเจอร์” เขาขยับตัวจะเดิน

“ถ้าให้ดีนะ ต้มน้ำร้อน แล้วลวกทั้งตัวเลยดีกว่า” เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อ เขาชะงัก หันกลับมามองเธอ

“ฉันอุตส่าห์อุ้มเธอมาส่ง จะไม่พูดดีๆ กันเลยรึไง เกรนเจอร์” เขาพูดเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าเบ้

“แล้วที่ฉันเจ็บนี่เพราะใครล่ะ” เธอย้อนพลางเบือนหน้าหลบไปอีกทาง มัลฟอยอ้าปากจะโต้ แต่ก็เปลี่ยนใจ
 เขาหมุนตัวจะเดินออกจากห้องพยาบาล

“เดี๋ยว มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเรียกเบาๆ เขาชะงักอีกครั้ง หันมามองอย่างขัดใจ

“ขอบคุณนะ” เธอพูดอุบอิบเบาๆ หน้าแดง เขามองดูเธอพลางเม้มปาก

“ไม่เป็นไร” เขาตอบเบาๆ พลางก้าวเท้าเดินออกไป



มาดามพอมฟรีย์เดินถือถาดยาเข้ามา เธอมองไปรอบๆ

“มิสเตอร์มัลฟอยไปไหน” เธอพูดพลางหันมามองเฮอร์ไมโอนี่เป็นเชิงถาม

“เขากลับไปแล้วค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเบาๆ

“อะไรกัน ฉันต้องตรวจดูแผลนั่นก่อนว่ามันเป็นอะไรรึเปล่า ไปฝืนอุ้มเธอมาแบบนั้น” 
เธอพูดอย่างไม่พอใจ พลางลงมือทายาและพันขาให้เฮอร์ไมโอนี่

“เอ้อ..” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก

“แผลของเขา..หนักมากหรือคะ”

“แน่นอน ลึกเกือบถึงกระดูกเลย” มาดามพอมฟรีย์ส่งเสียงจึกจักอย่างไม่สบอารมณ์

“เมื่อวานตอนฉันตรวจ แผลมันยังปิดไม่สนิทดีเลยด้วยซ้ำ ทำไมชอบทำอะไรที่มันฝืนกันนักนะ
 มิสเตอร์พอตเตอร์ก็ด้วย บอกให้นอนพักก่อนก็ไม่ยอม ดึงดันจะออกจากห้องพยาบาลให้ได้
 ถ้าเป็นอะไรกลับมาฉันไม่รู้ด้วยแล้ว” เธอบ่นพลางส่งถ้วยยาให้เฮอร์ไมโอนี่ดื่ม

“ดื่มเสีย แล้วนอน มันอาจจะปวดมากคืนนี้ แต่พรุ่งนี้ก็จะหายดีเลยล่ะ” เธอมองดูเฮอร์ไมโอนี่ดื่มยาจนหมดถ้วย 
แล้วเก็บถาดยา

“ถ้าปวดมากก็เรียกฉันได้นะ ฉันอยู่ในห้องทำงาน”

เธอพูดพลางยืนรอดูจนเฮอร์ไมโอนี่ล้มตัวลงนอนเรียบร้อย จึงดับไฟเดินออกจากห้องพยาบาล 
ทิ้งให้เฮอร์ไมโอนี่นอนลืมตาโพลงในความมืด เธอคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่อย่างไม่เข้าใจ
 มัลฟอยดูแปลกๆ เธอขมวดคิ้ว ขาของเธอปวดตุบๆ ขึ้นมาแล้วตอนนี้ เขาจะมาไม้ไหนอีกนะคราวนี้ เ
ธอคิด แล้วแผลที่แขนเขาล่ะ เห็นมาดามพอมฟรีย์บอกว่าแขนเขายังไม่หายดี แล้วยังมาทำเก่งอุ้มเธออีก 
คิดถึงตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงขึ้นมาอีกแล้ว ข้อเท้าเธอเริ่มร้อนผ่าว และปวดมากขึ้น ยาคงเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
 เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตาเริ่มหนักอึ้ง เธอพยายามปัดความคิดที่อยู่ในหัวตอนนี้ออกไป แต่มันก็ยังวนเวียนอยู่ 
จนเธอผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

  

    


. . . . . .



แฮร์รี่และรอนเดินลงมาเจอกับเฮอร์ไมโอนี่ระหว่างทางไปห้องอาหารในตอนเช้า เขาสังเกตเห็นเฮอร์ไมโอนี่เดิน
อย่างไม่ค่อยถนัด

“ขาเธอเป็นอะไรไป” รอนถาม

“หกล้มเมื่อวานนี้น่ะ” เธอตอบ นึกแปลกใจที่รอนพูดดีกับเธอ

“มาดามพอมฟรีย์ให้ฉันนอนห้องพยาบาลเมื่อคืน เพิ่งออกมาเมื่อตอนเช้า” รอนจุ๊ปาก

“เธอกับแฮร์รี่นี่ขยันแข่งกันทำสถิติการนอนห้องพยาบาลรึไงกัน” แฮร์รี่มีสีหน้ายุ่งๆ เล็กน้อย

“นายก็รู้ รอน” เขาพูด “ถ้าลองได้ถึงมือมาดามพอมฟรีย์ล่ะก็ หลุดออกมาง่ายๆ ยาก”

“แต่ก็มีบางคนนะที่ชอบนอนห้องพยาบาลทั้งที่ไม่จำเป็น” รอนพูดดังๆ พลางบุ้ยใบ้ไปทางกลุ่มนักเรียนสลิธีรินที่
มีมัลฟอยรวมอยู่ด้วย เฮอร์ไมโอนี่มองดูเขาแล้วรีบหลบตา มัลฟอยยิ้มพลางทำท่าล้อเลียนแฮร์รี่เช่นเคย



“ไง พอตเตอร์” เขาตะโกนข้ามมา

“ผู้คุมวิญญาณรออยู่ที่ห้องอาหารแน่ะ” เสียงหัวเราะดังขึ้น รอนทนไม่ได้ เขาตะโกนตอบ

“เฮ้ มัลฟอย ฮิปโปกริฟรอนายอยู่ในหอนอนน่ะ” มัลฟอยชะงัก

“นายยุ่งอะไรด้วย วิสลีย์ ว่าแต่นายขอเศษไม้กวาดของพอตเตอร์มาประกอบเป็นไม้กวาดใช้รึยังล่ะ
มันคงยังพอใช้ได้สำหรับนายละมั้ง”

รอนโกรธจนหน้าแดงเหมือนสีผม เขาเตรียมกระโดดใส่มัลฟอย แต่แฮร์รี่คว้าเสื้อคลุมเขาไว้ทัน
 มัลฟอยมองเฮอร์ไมโอนี่แว่บนึงก่อนจะเดินไป แฮร์รี่แปลกใจที่วันนี้เฮอร์ไมโอนี่ไม่ถูกมัลฟอยดูถูกเหมือนทุกครั้ง
 เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติอันนี้ เธอรีบชวนแฮร์รี่

“ไปทานอาหารกันเถอะ ฉันหิวแล้ว ไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เมื่อวาน” รอนฮึดฮัดเล็กน้อย ก่อนพูดว่า

“ดีเหมือนกัน ฉันก็หิวจะแย่อยู่แล้ว”



วิชาของแฮกริดกลับกลายเป็นวิชาที่น่าเบื่อที่สุด รอนยัดผักกาดเขียวลงไปในปากหนอนฟลอบเบอร์อย่างเบื่อหน่าย

“ฉันต้องไปที่กระทรวงพรุ่งนี้อ้ะ” แฮกริดบอกแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่

“พวกเขานัดตัดสินบัคบีควันพรุ่งนี้” เขาพูดอย่างกังวล

“อาจไม่เป็นอะไรก็ได้นี่ครับ อย่าเพิ่งวิตกไปเลย” แฮร์รี่ปลอบ เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเห็นด้วย

“คุณพูดตามที่หนูบอกนะคะแฮกริด อย่าตกใจจนลืมคำพูดล่ะ” เด็กสาวย้ำ แฮกริดทำสีหน้ายุ่งยากที่สุด

“ฉันกลัวคนพวกนั้นทำร้ายบัคบีคอ้ะ เฮอร์ไมโอนี่ บัคบีคยังไร้เดียงสาเกินกว่าที่จะไปถูกขังแบบนั้น” 
เขาพูดเหมือนร้องไห้ รอนคอย่นทำสีหน้าสยอง เมื่อได้ยินแฮกริดพูดราวกับบัคบีคเป็นลูกแมวตัวเล็กๆ 
จนเฮอร์ไมโอนี่ต้องถลึงตาดุ

แม้ระฆังบอกเลิกคาบเรียนจะดังขึ้น แต่แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ยังคงนั่งคุยกับแฮกริดอีกพักใหญ่
 จนแฮกริดต้องบอกให้เด็กทั้งสามกลับเข้าปราสาทได้แล้ว ทั้งสามคนจึงเดินกลับมาด้วยกันจนถึงห้องนั่งเล่นรวม 
พวกเขาเห็นเด็กมุงดูอะไรเป็นกลุ่มอยู่

“อะไรน่ะ” รอนถาม

“ประกาศวันไปฮอกส์มี้ด” เฟร็ดบอก

“ที่นั่นเจ๋งมากเลยล่ะ” จอร์จเสริม

“เราต้องไปร้านซองโก้ หาซื้อระเบิดเหม็นเพิ่มอีกแล้ว” แล้วทั้งคู่ก็หายเข้าไปในห้อง

“คงไปวางแผนกันอีก” รอนว่า แฮร์รี่หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย รอนสังเกตุเห็นเลยรีบแก้ว่า

“มันก็แค่ร้านขายของพ่อมดธรรมดาแหละแฮร์รี่ ไม่มีอะไรพิเศษหรอก” แล้วก็เริ่มอธิบาย

“อย่างร้านซองโก้ก็ขายแค่ของเล่นสุดยอด เอ๊ย..ประหลาดเท่าที่เราอยากให้เป็น หรือร้านฮันนี่ดุกส์ที่มีแต่ขนมหวานเยี่ยมๆ” เฮอร์ไมโอนี่กระทุ้งศอกรอนเบาๆ เขามองหน้าแฮร์รี่ยิ้มแห้งๆ

“มันไม่มีอะไรจริงๆ นะแฮร์รี่” เขารีบแก้ แฮร์รี่ยิ้ม

“ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอกรอน”

ถึงแม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ในใจของแฮร์รี่กลับคิดจะลองไปขอศาสตราจารย์มักกอนนากัลดู



ประกาศกำหนดวันไปฮอกส์มี้ด ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นเต้นให้กับเด็กๆ บ้านกริฟฟินดอร์ แม้แต่เด็กๆ บ้านสลิธีริน
ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เสียงคุยกันดังเซ็งแซ่ บางคนก็นัดหมายที่จะไปด้วยกัน รวมทั้งแพนซี่ พาร์กินสัน 
เด็กสาวหน้างอที่ตามตื๊อขอไปกับมัลฟอยตั้งแต่บ่าย จนเขารู้สึกรำคาญ



“ฉันจะไปกับแครบและกอยล์” เขาตัดบท “แล้วอย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก”

แพนซี่สะบัดหน้าลุกหนีไปรวมกลุ่มกับเพื่อนของเธอ มัลฟอยมองดูอย่างเบื่อหน่าย เขาลุกขึ้น

“จะไปไหนน่ะ มัลฟอย” แครบถามเสียงง่วงๆ

“เรื่องของฉัน ไม่ต้องตามมา” เขาตวาดเมื่อเห็นทั้งสองคนทำท่าจะลุกตาม



มัลฟอยเดินกระแทกเท้าอย่างไม่สบอารมณ์ออกจากห้อง เขาเดินผ่านช่องประตูหอรูปงูตัวใหญ่ 
ยัยเลือดสีโคลนนั่นจะไปกับใครกัน เขาคิดแล้วนึกโกรธตัวเอง นี่จะไปคิดถึงเขาทำไมกัน อีกใจหนึ่งค้าน
 ยัยนั่นต้องไปกับพอตเตอร์และวิสลีย์อยู่แล้วนี่ พอคิดถึงตรงนี้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
 พลางเดินกระแทกเท้าอย่างแรง เขาเดินออกนอกปราสาทตรงไปยังทะเลสาบ ถ้าเจอยัยหัวฟูก็ดี เขานึก
 ยัยนั่นก็ชอบมานั่งเล่นแถวทะเลสาบ แต่อากาศหนาวแบบนี้เธอจะออกมาเรอะ ป่านนี้คงนั่งผิงไฟอุ่นๆ 
กับเจ้าพอตเตอร์กับเจ้าวิสลีย์อยู่แน่ๆ เขานึกประชด



เมื่อมาถึงริมทะเลสาบ เขามองไปรอบๆ อย่างผิดหวัง พลางถอนใจหนักๆ นี่เราหวังอะไรกัน เขานึก ยัยนั่นน่ะเป็นศัตรู 
เป็นพวกเลือดสีโคลนที่เราแสนจะรังเกียจไม่ใช่รึ มัลฟอยสะบัดหน้าแรงๆ เหมือนจะไล่ความคิดสับสนนี้ออก
ไปจากหัวของเขา แล้วหมุนตัวจะกลับเข้าปราสาท แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงแมวร้องดังมาจากพุ่มไม้อีกด้าน 
ไม่ไกลจากตรงนั้นนัก

“อย่าน่าครุกแชงก์” เสียงคุ้นหูดังแว่วออกมา

“ฉันจะอ่านหนังสือ อย่ามากวนซิ”

มัลฟอยรู้สึกใจเต้นแรง เขาอยากจะเดินหนีห่างออกไป แต่ดูเหมือนขาของเขาจะไม่ยอมฟังคำสั่ง
 พอรู้ตัวอีกทีเขาก็มายืนอยู่ข้างหลังเฮอร์ไมโอนี่แล้ว เธอลูบหัวครุกแชงก์เบาๆ พลางก้มหน้าอ่านหนังสือต่อเงียบๆ
 มัลฟอยยืนมองเธออย่างลืมตัว ผมฟูฟ่องของเด็กสาวสะบัดพลิ้วตามสายลม อากาศที่หนาวเย็นทำให้แก้มเธอเป็นสีแดง
ระเรื่อรับกับปากเล็กๆ สีชมพู ครุกแชงก์ครางในลำคอเบาๆ จ้องมัลฟอยเขม็ง แล้วเริ่มขู่ขนตั้งชัน
 เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย

“อะไรเหรอ ครุกแชงก์” เมื่อเห็นมัลฟอยยืนอยู่ เธอก็คอแข็งขึ้นมาทันที

“มีอะไร” เธอถามห้วนๆ มัลฟอยล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุม หยิบไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ออกมาแกว่ง
 เธอมองอย่างตกใจ เมื่อวานนี้เขาเอาไม้กายสิทธิ์ของเธอไป

“เอาคืนมานะ” เธอพูดเสียงแข็ง มัลฟอยเก็บไม้กายสิทธิ์ไว้ในเสื้อคลุมตามเดิม

“ไม่” เขาพูดสั้นๆ

“ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอีกล่ะซิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยสีหน้าโกรธเคือง มัลฟอยมองเธอแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
 เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวหนีทันที

“ฉันไม่กินเธอหรอกน่า” เขาพูดออกรำคาญ แล้วนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเหมือนเรียบเรียงคำพูด

“เธอจะไปฮอกส์มี้ดกับใคร” แล้วเขาก็เสียใจที่ถามคำถามนี้ออกไปทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างงงๆ

“แล้วมันเรื่องอะไรของนาย” เด็กสาวย้อนถาม

“ก็แค่อยากรู้ว่าคนอย่างเธอจะมีใครชวน” เขาพูดหยิ่งๆ

“ถ้าเผื่อไม่มีฉันจะช่วยสงเคราะห์ไปเป็นเพื่อนให้” ถึงตอนนี้ใบหน้าสีซีดเซียวของเขาเริ่มเป็นสีชมพู แต่เฮอร์ไมโอนี่
ไม่ทันสังเกตุ

“ฉันไปกับรอน” เธอพูด เขาทำหน้าแปลกใจ

“แล้วเจ้าพอตเตอร์ล่ะ ไม่ไปด้วยเรอะ หรือว่ากลัวผู้คุมวิญญาณจนไม่กล้าออกไปไหน” เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยนิ่ง 
เธอพูดเสียงเข้ม

“แฮร์รี่ไม่ได้กลัวผู้คุมวิญญาณ เขาแค่ทนพวกมันไม่ได้เท่านั้น”

มัลฟอยรู้สึกโกรธที่เฮอร์ไมโอนี่ออกรับแทนแฮร์รี่ เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา แล้วโยนลงไปในทะเลสาบ 
พลางลุกขึ้นยืนอย่างเร็ว

“งั้นก็ให้เจ้าพอตเตอร์ของเธอลงไปงมไม้กายสิทธิ์ให้ก็แล้วกัน” เขาพูดจบก็หันหลังเดินกระแทกเท้าเข้าปราสาท
 ทิ้งให้เฮอร์ไมโอนี่มองออกไปทางทะเลสาบอย่างอึ้ง

“มัลฟอย” เธอตะโกนออกมาในที่สุด “นายทำแบบนี้ได้ยังไง”

เธอตะโกนไล่หลังมัลฟอยอย่างโกรธจัด มองหลังของมัลฟอยที่หายเข้าไปในปราสาท เฮอร์ไมโอนี่ดูวุ่นวายใจมาก

“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ คงต้องใช้ไม้กายสิทธิ์อีกด้ามเรียกมันขึ้นมา” แล้วเธอก็กังวลขึ้นมาอีก

“แล้วจะบอกแฮร์รี่ว่ายังไงดีล่ะ” เธอคิดอย่างอ่อนใจ พลางก้มลงเก็บหนังสือเข้ากระเป๋า เธอเปิดกรงเล็กๆ
 เพื่อให้ครุกแชงก์เข้าไป แต่มันมองหน้า ส่งเสียงร้องเป็นเชิงถาม

“ไม่ได้ เดี๋ยวเธอไปไล่เจ้าสแคบเบอร์ของรอนเขาอีก ต้องเข้ากรง ไม่อย่างนั้นเธอต้องนอนข้างนอก”
 เธอขู่ ครุกแชงก์ร้องเมี๊ยวอย่างไม่พอใจ ก่อนกระโดดผลุงลงไปในกรงของมัน



เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เดินกลับเข้าหอ ตอนแรกเธอตั้งใจจะให้แฮร์รี่ออกไปที่ริมทะเลสาบอีกครั้ง แต่รอนคอยพูดประชด
ประชันเธอเรื่องครุกแชงก์ตลอดเวลา จนเธอไม่มีโอกาสพูดคุยกับแฮร์รี่ เด็กสาวได้แต่กลัดกลุ้มใจอยู่คนเดียว 
เธอนั่งมองออกไปยังทะเลสาบอย่างครุ่นคิด จนปาราวตี เพื่อนร่วมห้องนึกสงสัย

“มีอะไรเหรอ เฮอร์ไมโอนี่ เห็นมองออกไปข้างนอกเรื่อย” เด็กสาวสะดุ้งเล็กน้อย

“ไม่มีอะไรหรอก ปาราวตี ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ปาราวตียิ้มอย่างมีเลศนัย ถามเบาๆ

“ไม่ใช่ว่าคิดถึงใครนะ” เฮอร์ไมโอนี่งงเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบาๆ

“ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกน่ะ ฉันง่วงแล้ว ขอตัวนะ” แล้วเธอก็รีบปิดม่านที่เตียงของเธอ เป็นการตัดบทสนทนา




...............................................


นับเป็นความโชคดีของเฮอร์ไมโอนี่ ที่วิชาที่เรียนทั้งวันนี้ไม่ต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ และเธอเองก็ไม่มีเวลาที่จะบอกเรื่อง
นี้กับใคร เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบ ประกอบกับแฮกริดส่งข่าวเรื่องการพิจารณาคดีของบัคบีคมาว่า
 ลูเซียส มัลฟอย พ่อของเดรโก มัลฟอย ได้เข้าไปบังคับคนในคณะตัดสินคดี ทำให้ความหวังที่จะชนะคดีน้อยลง
 เธอจึงยิ่งหมกมุ่นกับการอ่านหนังสือมากขึ้น จนลืมเรื่องไม้กายสิทธิ์ไป เธอลืมกระทั่งเรื่องวันไปฮอกส์มี้ด 
จนแฮร์รี่ต้องเตือน

“เธอลืมได้ยังไงน่ะ เฮอร์ไมโอนี่ มันวันพรุ่งนี้แล้วนะ” เฮอร์ไมโอนี่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งเหมือนลำดับไล่วัน

“ตายจริง แฮร์รี่ ฉันลืมไปจริงๆ” แม้เธอจะดีใจที่จะได้พักสมองบ้างในวันไปฮอกส์มี้ด แต่เธอก็รู้สึกเกรงใจแฮร์รี่ 
เพราะเขาไม่ได้ไป เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตจากผู้ปกครอง

“แล้วนายขอศาสตราจารย์มักกอนนากัลแล้วรึยัง” รอนถามเบาๆ

“ถามแล้ว อาจารย์ปฏิเสธ” แฮร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง

“ไม่ต้องเสียใจน่าแฮร์รี่” รอนปลอบ

“พรุ่งนี้ฉันจะซื้อขนมมาฝากกองท่วมตัวเลย” เขาพูดอย่างร่าเริง แฮร์รี่จึงพลอยหัวเราะเบาๆ ไปด้วย




………………………………………


แล้ววันที่เด็กๆ ทุกคนรอคอยก็มาถึง เสียงจ้อกแจ้กดังลั่นไปทั่วปราสาท แฮร์รี่เดินออกมาส่งรอนและเฮอร์ไมโอนี่
ที่สงบสงครามชั่วคราวเพื่อเขาจะได้สบายใจ

“แล้วเราจะซื้อขนมมาฝาก” เฮอร์ไมโอนี่พูด

“ใช่ ฉันจะเอาลูกอมฟิซซิ่ง วิซปี้มาฝากนายแยะๆ ของเล่นแปลกๆ จากร้านซองโก้ด้วย”

เขาคงจะบรรยายอีกยาวเหยียด ถ้าเฮอร์ไมโอนี่ไม่กระแทกศอกใส่ รอนยิ้มแหยๆ แฮร์รี่หัวเราะเบาๆ แม้เขาจะรู้สึกผิด
หวังที่ไม่ได้ไปกับเพื่อน แต่เขาก็ไม่อยากทำให้เพื่อนรักทั้งสองต้องมากังวลใจกับตัวเขา เด็กทั้งสามเดินออกมาจนถึง
ประตูปราสาท ฟิลช์ซึ่งคอยตรวจรายชื่อปรี่เข้ามาหา

“พวกเธอจะไปไหนกัน”

“ผมมาส่งเพื่อนไปฮอกส์มี้ดครับ” แฮร์รี่รีบบอก ฟิลช์รีบตรวจรายชื่อ เขาคำรามอย่างผิดหวัง เมื่อพบชื่อของรอนกับ
เฮอร์ไมโอนี่

“เธอสองคนไปได้แล้ว” เขาตะคอก “ส่วนเธอกลับเข้าไปข้างในเดี๋ยวนี้”

“แล้วเจอกันนะ” เฮอร์ไมโอนี่โบกมือให้แฮร์รี่ เขาโบกมือตอบ



เฮอร์ไมโอนี่เคยนึกภาพฮอกส์มี้ดไว้ว่าคงจะวุ่นวายเหมือนตรอกไดแอกอน เมื่อมาถึงจริงๆ กลับพบว่ามันวุ่นวายกว่า
กันมาก โดยเฉพาะร้านขายขนม และร้านขายของเล่น เสียงบรรดาพ่อมดที่บรรยายสรรพคุณสินค้าแข่งกันดังระงม
 แข่งกับเสียงของเด็กๆ

รอนพาเฮอร์ไมโอนี่ไปที่ร้านขนมฮันนี่ดุกส์ เลือกซื้อขนมสีสวยที่ลอยได้อย่างฟิซซิ่ง วิซปี้ หรือ เยลลี่เม็ดทุกรสเบอร์ตี้
บอตถังใหญ่ หมากฝรั่งที่เป่าไม่แตก หรือลูกอมไข่มังกรที่อมแล้วพ่นไฟได้ เด็กทั้งสองเลือกซื้อขนมอย่างละชิ้นสองชิ้น
 จนเต็มกระเป๋าเสื้อคลุม แล้วทั้งคู่ก็ออกไปที่ร้านซองโก้ ที่มีเด็กๆ เบียดเสียดกันแน่นเพื่อแย่งกันดูของเล่นวิเศษ

“ดูนี่ซิเฮอร์ไมโอนี่” รอนตะโกนอย่างตื่นเต้น

“หนังสือระเบิดเหมือนจริง” เขาหยิบขึ้นมาดูพลางอ่านวิธีเล่น

“วางไว้บนโต๊ะเพื่อน พอเปิดอ่านจะระเบิดออกเป็นสัตว์แต่ละชนิด ว้าว! เจ๋งเป็นบ้า” เขาร้อง และดันเด็กคนอื่นเพื่อ
จะเข้าไปดูของชั้นด้านในอีก เฮอร์ไมโอนี่นิ่วหน้าเมื่อถูกดันไปดันมา

“ถ้าไม่ซื้ออะไรก็อย่ามายืนเกะกะน่ะ” เด็กในเสื้อคลุมบ้านสลิธีรินคนหนึ่งตะคอกเธอ พลางผลักเธอออกอย่างแรง 
เฮอร์ไมโอนี่กระเด็นไปกระแทกกับเด็กอีกคน

“โอ๊ย ระวังหน่อยซิ”

“ขอโทษ” เฮอร์ไมโอนี่พูดโดยไม่มองหน้า เธอกำลังโกรธที่ถูกผลักแบบนี้

“มาทำอะไรที่นี่ ยัยหัวฟู” เสียงยานคางคุ้นหูดังขึ้นใกล้ๆ เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมอง

“มัลฟอย”

แล้วนึกเรื่องที่เขาขว้างไม้กายสิทธ์ของเธอขึ้นมาได้ เธอชักสีหน้าโกรธ ดันตัวเขาออก

“ไม่ต้องมาทำใกล้ชิดฉันแบบนี้”

เขาแบะปากอย่างขัดใจ

“นึกว่าฉันอยากโดนตัวเธอนักรึไง เกรนเจอร์” เขาขยับตัวออก แต่เด็กๆ ที่ตามเข้ามาทีหลัง ดันทั้งสองคนจนเบียด
ชิดกันเข้าไปอีก เฮอร์ไมโอนี่ถูกดันจนเซจะล้มลง แต่มัลฟอยคว้าไหล่เธอไว้ทัน เขาหันไปมองหน้าเด็กที่ชนเฮอร์ไมโอนี่
อย่างไม่พอใจ

“เราออกไปข้างนอกดีกว่า” เขาพูดเบาๆ

แม้จะไม่ค่อยพอใจ แต่เธอเห็นด้วยกับความคิดนี้ ทั้งสองคนค่อยๆ เดินออกจากร้านซองโก้อย่างลำบาก 
โดยมัลฟอยเดินนำหน้าเฮอร์ไมโอนี่ เขาผลักทุกคนที่เข้ามาใกล้ๆ จนทั้งคู่หลุดออกมาอยู่ข้างนอก เฮอร์ไมโอนี่ถึงรู้สึกตัว
ว่าถูกมัลฟอยจับมือเธอไว้

“ปล่อยได้แล้วน่ะ มัลฟอย” เด็กสาวร้องบอก ใบหน้าเป็นสีชมพู พลางดึงมือ แต่มัลฟอยกลับกระชับมือเขาแน่นขึ้น

“อายรึไงที่มาอยู่กับฉัน” เขาพูดพลางจ้องหน้า “หรือกลัวเจ้าวิสลีย์หัวแดงนั่นมาเห็น”

“ไม่เกี่ยวกับรอน” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางออกแรงดึงมือขึ้นอีก

“แล้วนายไม่อายหรือไงที่มาจับมือ ‘สีโคลน’ อย่างฉัน” เธอประชด มัลฟอยทำสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย

“ฉันก็ไม่อยากจะถูกตัวเธอนักหรอก ยัยหัวฟู” เขาล้วงมือลงไปในเสื้อคลุม ดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา

“นั่นไม้ของฉันนี่” เธอร้องพลางจ้องหน้ามัลฟอย

“ที่เธอเห็นฉันโยนวันนั้นน่ะ มันเศษไม้” เขาพูดขึ้นมาลอยๆ เฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมือคว้า แต่เขากลับเก็บมันลงไปใน
เสื้อคลุมก่อน

“เอาไม้ของฉันคืนมานะ มัลฟอย” เธอร้องอย่างโกรธๆ มัลฟอยอมยิ้ม

“วิธีขอของคืนของเธอนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ เกรนเจอร์”

“วิธีการคืนของของนายก็ไม่เคยเปลี่ยนเหมือนกัน มัลฟอย คราวนี้จะแลกกับอะไรอีกล่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงกระ
แทกกระทั้น จ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง มัลฟอยยักไหล่

“เที่ยวกับฉัน” เขาพูดสั้นๆ ด้วยใบหน้าสีชมพู ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นิ่งอึ้งด้วยความงง

“ว่าไงนะ” เธอพูดเสียงเบาๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง มัลฟอยทำสีหน้ารำคาญ

“เดินเที่ยวเป็นเพื่อนฉัน ถ้ารังเกียจก็ไม่ต้อง” เขาลงท้ายประโยคด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ พลางปล่อยมือเฮอร์ไมโอนี่แล้ว
กลับหลังหัน

“ได้ซิ”

เขาหันมามองเธอเป็นเชิงถามว่าจริงหรือ เฮอร์ไมโอนี่เม้มปาก ใบหน้าสีเข้มขึ้น

“แต่ต้องเร็วหน่อยนะ เดี๋ยวเพื่อนฉันจะหาฉันไม่เจอ”

มัลฟอยยิ้มในหน้า เขารู้ว่าเพื่อนของเธอคือรอน และเธอก็เลี่ยงที่จะไม่พูดชื่อนั้นออกมา

“จะไปไหนก่อนล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“ร้านฮันนี่ดุกส์ก็แล้วกัน ฉันยังไม่ได้ไปดูเลย” มัลฟอยตอบอย่างอารมณ์ดี เขาออกเดินโดยมีเฮอร์ไมโอนี่เดินตามห่างๆ

“ฉันมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ” มัลฟอยถามอย่างอดรนทนไม่ได้ ยังไม่ทันที่เฮอร์ไมโอนี่จะตอบอะไร
 เขาก็คว้าข้อมือเธอมาดึงให้เดินคู่กัน

“แบบนี้ค่อยเรียกว่าเดินเที่ยวกันหน่อย”

เมื่อไปถึงร้านฮันนี่ดุกส์ ดูเหมือนมัลฟอยจะไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาเดินไปหยิบขนมดู 2-3 ชิ้น พลางถามว่า

“เธอชอบอะไรล่ะ เกรนเจอร์” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก เธอไม่กล้าบอกว่า เธอมาซื้อขนมกับรอนแล้ว พอดีกับที่เจ้าของร้าน
เปิดกล่องขนมที่ดูเหมือนว่าจะมาใหม่ เขาส่งขนมที่มีสีขาวเป็นก้อนกลมเท่าลูกสนิชมาให้เด็กทั้งสองคนละลูก

“ขนมออกใหม่ครับ” เขาพูดอย่างภูมิใจ

“มาร์ชเมลโล่ บ็อกการ์ต..ถ้าเราถือไว้ก่อนกินสักพักแล้วนึกถึงสิ่งหรืออะไรก็ได้ที่เราชอบที่สุด มันจะกลายเป็นสิ่งนั้น
 แต่มันจะคงอยู่ได้ประมาณ 5 นาที ก็จะกลายเป็นก้อนกลมๆ เหมือนเดิม”

เฮอร์ไมโอนี่มองลูกกลมๆ สีขาวนุ่มนิ่มเหมือนมาร์ชเมลโล่อย่างทึ่งๆ เธอชอบความแปลกของมัน 
แต่ก็ไม่รู้จะซื้อไปทำไม เพราะในกระเป๋าเสื้อคลุมของเธอมีขนมเต็มไปหมดแล้วตอนนี้ มัลฟอยส่งขนมคืนให้เจ้าของร้าน

“อย่างเกรนเจอร์คงเปลี่ยนขนมเป็นห้องสมุดกระมัง” เขาพูดพลางเหลือบสายตาดูเฮอร์ไมโอนี่ เธอรีบวาง หน้าเป็นสีชมพู

“อย่างนายคงเปลี่ยนมันเป็นหน้ายัยแพนซี่ พาร์กินสันล่ะมั้ง” เธอนึกแปลกใจตัวเองว่าทำไมถึงพูดออกไปแบบนั้น
 มัลฟอยมองเธออย่างไม่พอใจ

“ไม่เกี่ยวกับยายนั่นสักหน่อย” เขาพูดกระแทกเสียง พลางหมุนตัวเดินออกจากร้าน เฮอร์ไมโอนี่งงกับท่าทีของเขา
 เธอรีบเดินตามเขาออกมาจากร้านทันที

“นายจะรีบไปไหนกันมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ตอนนี้เริ่มก้าวเท้าเร็วขึ้นแทบจะวิ่งแล้วร้องถาม 
แต่เด็กชายยังเดินนำหน้าไปอย่างเร็ว แล้วอยู่ๆ เขาก็หยุดชะงัก เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งวิ่งตามมาหยุดยืนหอบหายใจ

“นายจะรีบไปไหนกันน่ะมัลฟอย” เธอมองไปรอบๆ ดูเหมือนทั้งสองจะเดินออกมาไกลจากกลางฮอกส์มี้ดพอควร
 เพราะรอบๆ ตัวแทบไม่มีร้านค้าเลย มีเพียงบ้านที่ปิดเงียบอยู่สามสี่หลัง มัลฟอยหมุนตัวกลับมาทางเฮอร์ไมโอนี่
 เขาส่งไม้กายสิทธิ์ให้เธอโดยไม่พูดอะไร เฮอร์ไมโอนี่มองอย่างงงๆ

“เอาคืนไปซิ” เขาพูดสั้นๆ

เฮอร์ไมโอนี่ยื่นมือออกไปรับไม้กายสิทธิ์ของเธอ แต่มัลฟอยยังไม่ยอมปล่อยมือ เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างสงสัย
 โดยไม่ทันรู้ตัว มัลฟอยก็รวบร่างเธอเข้ามากอด พลางแนบริมฝีปากขาวซีดของเขากับปากของเฮอร์ไมโอนี่ 
เด็กสาวยืนตัวแข็งอย่างตกใจ เขาถอนริมฝีปากออกมามองหน้าเธอ แต่ยังไม่ยอมปล่อยเธอจากอ้อมแขน

“เคยคิดขอบใจโดยที่ฉันไม่ต้องเอ่ยปากขอบ้างไหม เกรนเจอร์” เขาพูดเบาๆ พลางคลายวงแขนที่กอดเธอออก 
เฮอร์ไมโอนี่นิ่งอึ้ง หน้าเป็นสีชมพูเข้ม

“แต่ฉันก็ขอบใจเธอที่มาเดินเที่ยวกับฉันวันนี้” เขาพูดต่อด้วยใบหน้าเป็นสีเข้มไม่แพ้เด็กสาว เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ
 เธอก้มหน้าหลบสายตามัลฟอยด้วยความรู้สึกสับสน

“กลับเถอะ เดี๋ยวเจ้าวิสลีย์หัวแดงจะหาเธอไม่เจอ” เขาพูดแล้วเดินกลับเข้าไปในฮอกส์มี้ดอย่างเร็ว 
เฮอร์ไมโอนี่เดินตามเขามาอย่างเงียบๆ จนถึงร้านซองโก้

“เธอหายไปไหนมาน่ะ เฮอร์ไมโอนี่” เสียงรอนตะโกนพลางวิ่งออกมาจากร้าน “ฉันหาเธอจนทั่วเลยนะ”

เฮอร์ไมโอนี่มองหามัลฟอย เขาเดินเข้าไปในร้านรวมอยู่กับกลุ่มเด็กบ้านสลิธีรินแล้ว

“คนมันแน่น ฉันเบียดสู้ไม่ไหว เลยเดินไปเรื่อยๆ” เธอแก้ตัวกับรอน เขาชูถุงของเล่นแปลกๆ 2-3 อย่างให้เฮอร์ไมโอนี่ดู

“เธอเลยอดดูเจ้าของร้านสาธิตวิธีเล่นเจ้าพวกนี้เลย” เขาพูดอย่างตื่นเต้น เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นท่าทาง
ที่เหมือนเด็กๆ ของรอน

“ไปร้านไม้กวาดสามอันเถอะ ฉันคอแห้งแล้ว” เธอชวน




.........................................................


แฮร์รี่มองดูกองขนมที่เพื่อนๆ เอามาฝากอย่างทึ่งๆ ไม่นับที่เฟร็ดกับจอร์จเอาขนมหน้าตาแปลกๆ มาฝากเขาอีก
 แต่เขายังไม่กล้าแตะต้องมันเท่าไหร่

“ลองกินซิ แฮร์รี่” รอนพูดพลางเริ่มแกะกล่องกบช็อคโกแลต แฮร์รี่มองดูลูกอมที่ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศอย่างทึ่ง

“ฟิซซิ่ง วิซปี้ที่ฉันเคยพูดให้ฟังไง” รอนพูดทั้งช็อคโกแลตเต็มปาก พลางส่งหมากฝรั่งสีสดให้แฮร์รี่

“ลองนี่ซิ” เขาแกะห่อหมากฝรั่งส่งเข้าปากเคี้ยว มีเสียงป๊อบเบาๆ ลูกโป่งสีฟ้าใสลอยนับสิบใบ

“ว้าว!!”

แฮร์รี่ร้องอย่างทึ่งอีกครั้ง แล้วเด็กทั้งสามก็สนุกสนานกับการกินขนมที่ซื้อมา จนเพอร์ซี่ซึ่งเป็นพรีเฟ็คของบ้าน
ออกมาเตือน ทั้งสามจึงแยกย้ายกันขึ้นนอนอย่างไม่ค่อยเต็มใจ เฮอร์ไมโอนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมอ่านหนังสืออีก
รอบก่อนนอน เธอแปลกใจที่เห็นกล่องใบเล็กๆ ตั้งอยู่บนเตียง

“มีนกฮูกส่งมาให้เธอน่ะ” ลาเวนเดอร์ บราวน์ บอก พลางส่งสายตาอยากรู้ออกมา

“รู้สึกจะเป็นนกฮูกเหยี่ยวนะ เหมือนฉันเคยเห็นที่ไหน แต่นึกไม่ออก” เธอพูดต่อแต่ตายังคงจับจ้องอยู่ที่กล่องใบนั้น

เฮอร์ไมโอนี่แกะกล่องออกดู ข้างในเป็นขนมมาร์ชเมลโล่ บ็อกการ์ต 3 ลูกอยู่ในห่อกระดาษสีสวย
 เธอรู้ทันทีว่าใครเป็นคนส่งมา ใบหน้าเด็กสาวเปลี่ยนเป็นสีชมพูเล็กน้อย เธอเหลือบตาขึ้น เห็นลาเวนเดอร์จ้องอย่าง
อยากรู้ จึงรีบเก็บกล่องไว้บนหัวเตียง

“ฉันสั่งเจ้าของร้านฮันนี่ดุกส์ให้ส่งตามมาน่ะ” เธออธิบาย พลางปลดม่านคลุมเตียง

“ราตรีสวัสดิ์นะ ลาเวนเดอร์”

เธอรีบพูดแล้วมุดตัวขึ้นไปบนเตียง พลางเอื้อมมือไปหยิบกล่องขนมขึ้นมาดูอีกรอบ แต่ไม่กล้าหยิบขนมขึ้นมาตรงๆ 
เธอกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้น เด็กสาวขมวดคิ้วเม้มปาก พลางถอนใจ วางกล่องขนมไว้หัวนอนตามเดิม

อีกด้านทางหอนอนสลิธีริน มัลฟอยมองกล่องขนมอย่างชั่งใจ จนแครบมองอย่างแปลกใจ

“ถ้านายไม่กินล่ะก็นะ มัลฟอย....”

เขาหันมาถลึงตาใส่แครบ

“พวกแกจะกินขนมอะไรในห้องนี้ก็ตามใจ แต่อย่ามาแตะต้องขนมในกล่องนี้เป็นอันขาด จำไว้!”

เขาขู่เสียงดังด้วยใบหน้าเอาเรื่อง จนแครบกับกอยล์หัวหดไป




. . . . . . .



ใกล้วันคริสมาสต์ เด็กๆ ทุกคนดูกระตือรือร้น เพราะนอกจากจะเสร็จสิ้นการสอบแล้ว ยังเป็นฤดูปิดภาคเรียนด้วย
 บางคนก็ได้กลับบ้าน รอนและเฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจอยู่เป็นเพื่อนกับแฮร์รี่ในช่วงปิดเทอม แต่ก็มีข่าวร้ายจากแฮกริด
 เขาส่งนกฮูกมาพร้อมกับจดหมายบอกผลการตัดสินคดีบัคบีค คณะลูกขุนตกลงให้ประหารบัคบีคเพราะเป็น
อันตรายกับเด็กๆ เฮอร์ไมโอนี่วิ่งวุ่นเข้าห้องสมุดอีกครั้งเพื่อยื่นคำร้องใหม่ แฮกริดกลับมาก่อนวันคริสมาสต์เพื่อ
รอฟังผลยื่นอุทธรณ์ เด็กทั้งสามลงไปเยี่ยมเขาพร้อมทั้งปลอบใจ

“เรายังไม่หมดหวังนะคะแฮกริด” เฮอร์ไมโอนี่ปลอบ

“บัคบีคต้องไม่เป็นอะไร” แฮร์รี่เสริม “เราก็รู้ว่าบัคบีคน่ะ ไม่ดุร้าย”

รอนทำสีหน้าสยองเมื่อได้ยินประโยคที่แฮร์รี่พูด แฮกริดสั่งน้ำมูกพรืด

“คงยากอ้ะ เฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่ เพราะคณะลูกขุนเป็นคนของนายลูเซียสหมด” เขาเริ่มร้องไห้อีกครั้ง จนแฮร์รี่กับรอนต้อง
ช่วยกันปลอบอยู่พักใหญ่จึงสงบใจได้

“ขอบใจมากอ้ะ ทุกคน เดี๋ยวฉันต้องไปเตรียมของอีก ต้องไปอยู่เป็นเพื่อนบัคบีค มันต้องกลัวแน่ๆ ถ้าอยู่ตัวเดียวในที่แย่ๆ
 แบบนั้น” เด็กทั้งสามจึงร่ำลาแฮกริด

“เขาพูดยังกับเจ้าบัคบีคเป็นลูกแมวแน่ะ” รอนพูด เฮอร์ไมโอนี่มองหน้า แต่ไม่พูดอะไร เธอขอตัวไปห้องสมุดอีกครั้ง

“วันนี้น่ะเหรอ นี่มันวันคริสมาสต์นะเฮอร์ไมโอนี่” รอนร้อง เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้ามุ่ย แฮร์รี่รีบขัดขึ้น

“วันนี้หยุดซักวันนะเฮอร์ไมโอนี่”

“ใช่ ป่านนี้ของขวัญคงมากองเต็มห้องแล้วล่ะ” รอนรีบพูด เธอถอนหายใจหนักๆ

“ก็ได้” เธอพูดในที่สุด




……………………



หลังรับประทานอาหาร เด็กทั้งสามรีบกลับหอนอนไปนั่งแกะห่อของขวัญจากครอบครัว รอนมองไปที่ห่อกระดาษยาวๆ
 ห่อหนึ่ง

“อะไรน่ะ” เขาถามพลางยกขึ้นมาดู

“ของนายแน่ะแฮร์รี่” เขาพูดพลางส่งห่อของนั้นให้แฮร์รี่

ไม่มีชื่อผู้ส่ง แฮร์รี่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย พลางแกะห่อกระดาษนั้นออก ทุกคนอ้าปากค้าง เมื่อเห็นของขวัญชิ้นนั้น
 โดยเฉพาะแฮร์รี่..ไฟร์โบลต์..ไม้กวาดในฝันของเขา

“ใครส่งมาน่ะ” รอนพูด แฮร์รี่ส่ายหน้า

“ไม่มีชื่อคนส่ง” เขาพึมพำ พลางลูบคลำไม้กวาดเบาๆ

“ไม่อยากจะเชื่อเลย เราลองขี่มันได้มั้ยนี่” รอนพูดเหมือนเพ้อ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่เห็นด้วย

“เราน่าจะส่งให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลดูก่อนนะ” เธอพูด แฮร์รี่และรอนมองเธออย่างคิดไม่ถึง

“ทำไม??” ทั้งคู่พูดพร้อมกัน

“อาจจะเป็นกลลวงหรือแผนก็ได้” เธอให้เหตุผล

“หรืออาจเป็นคนของ คุณก็รู้ว่าใคร ส่งมา บางทีอาจเป็น ซิเรียส แบล็ก ก็ได้” แต่แฮร์รี่ไม่เห็นด้วย รอนค้านขึ้นมาว่า

“อาจเป็นศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็ได้นี่”

“แต่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์คงไม่มานั่งซื้อไม้กวาดแพงๆ แบบนี้แจกนักเรียนแน่ๆ” เธอโต้เสียงแข็ง

“ฉันไม่เข้าใจเธอเลย เฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่กำลังดีใจที่ได้ไม้กวาด สุดยอด แต่เธอจะทำลายมันโดยบอกอาจารย์งั้นเรอะ”
 รอนตะโกนเสียงดัง เฮอร์ไมโอนี่โกรธจนหน้าแดงก่ำ

“มันก็ยังดีกว่าเราจะปล่อยให้แฮร์รี่เป็นอะไรไปเพราะของ สุดยอด ล่ะนะ รอน” แฮร์รี่นิ่งฟังอยู่ครู่ใหญ่ เขาพูดเบาๆ

“แต่มันก็ไม่จำเป็นไม่ใช่เหรอ เฮอร์ไมโอนี่”

เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตาใส่แฮร์รี่ พลางลุกขึ้นสะบัดหน้าออกจากห้องไป รอนแบะปากไล่หลัง แล้วหันกลับมาชื่นชม
ไฟร์โบลต์กับแฮร์รี่ต่อ

“ให้ฉันลองขี่ได้ไหมแฮร์รี่” รอนถาม แฮร์รี่ยิ้มกว้าง

“ได้ซิ ไปกันเลยไหม” รอนพยักหน้ารีบลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้น

ระหว่างทางไปสนามควิดดิช ทั้งคู่พบกับศาสตราจารย์มักกอนนากัล เธอมองแฮร์รี่และพูดขึ้นเสียงเรียบ

“ได้ข่าวว่าเธอได้รับของขวัญพิเศษใช่ไหม มิสเตอร์พอตเตอร์” แฮร์รี่มองอย่างหวั่นๆ

“ครับ” เขาตอบอ้อมแอ้ม

“ขอฉันดูได้ไหม” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลถาม แฮร์รี่ส่งไม้กวาดให้อย่างไม่เต็มใจ

“คือ…ศาสตราจารย์ครับ คงไม่ยึดไม้กวาดนี่ไปนะครับ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลตาโต

“เราแค่จะเอาไปตรวจสอบเท่านั้นมิสเตอร์พอตเตอร์ ว่ามีใครลงคาถาอะไรร้ายแรงไว้ที่ไม้นี่หรือเปล่า
 เพื่อตัวของเธอเองนะ” พูดจบเธอก็หันหลังเดินกลับไปโดยถือไฟร์โบลต์ไปด้วย แฮร์รี่มองตามด้วยความรู้สึกหมดหวัง

“เพื่อนของเราดีใจกับไม้กวาดใหม่ได้ 3 ชั่วโมง แล้วก็สูญเสียมันไปตลอดกาล!” รอนตะโกนใส่เฮอร์ไมโอนี่
อย่างโกรธเคือง

“ฉันทำเพื่อแฮร์รี่นะ” เฮอร์ไมโอนี่เถียงอ่อยๆ รอนมองเธออย่างกินเลือดกินเนื้อ

“ใช่ หวังดี..ด้วยการทำลายความหวังของเพื่อนไง!”

เฮอร์ไมโอนี่จ้องหน้ารอนอย่างเหลืออด

“เธอพูดเกินไปนะรอน ถ้าเกิดแฮร์รี่เป็นอะไรไป....”

“แฮร์รี่ไม่เป็นอะไรเลย จนกระทั่งเธอมาวุ่นวายเฮอร์ไมโอนี่!!” รอนตะโกนลั่นปราสาท
 เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากตัวเอง น้ำตาคลอเบ้า เธอมองหน้าแฮร์รี่ เขาหันไปทางอื่น..

“ก็ได้” เธอพูดสั้นๆ แล้วหันหลังเดินออกจากปราสาทไป




………………………………… 


เด็กสาวเดินย่ำไปบนหิมะอย่างใจลอย เธอเสียใจที่เพื่อนทั้งสองไม่เข้าใจในความหวังดีและความห่วงใยของเธอที่มี
ต่อเพื่อน เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตา พลางก้มลงมองหิมะสีขาวรอบตัว แล้วก้มลงหยิบขึ้นมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ เล็กๆ
 ก่อนจะขว้างไปในพุ่มไม้หนาริมทะเลสาบเหมือนจะระบายอารมณ์

“โอ๊ย! ใครน่ะ” เสียงร้องอย่างโกรธๆ ดังสวนออกมา เด็กสาวตกใจรีบเดินเข้าไปหาเขาเพื่อจะขอโทษ 
พอดีกับเจ้าของเสียงเดินสวนออกมาอย่างโกรธเคือง

“มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่อุทานเบาๆ แทบจะหันหลังกลับ มัลฟอยขมวดคิ้ว

“นี่เป็นของสนุกของเธอหรือ ยัยเกรนเจอร์” เขาบ่นพลางปัดหิมะออกจากศีรษะ ผมสีบลอนด์ของเขาตกลู่มาข้างหน้า

“หรือเป็นวิธีแก้เบื่อของพวกหนอนหนังสือ” เขาเสยผมให้กลับเรียบเหมือนเดิม

เฮอร์ไมโอนี่มองกิริยาเขาด้วยใบหน้าอมชมพูเล็กน้อย นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เขาอยู่ในโรงเรียนในวันปิดเทอม 
ทั้งที่ปกติเขาจะต้องกลับบ้านทุกปี

“ไม่ยักรู้ว่านายรักโรงเรียน” เธอพูด เขามองเธอพลางเขย่าหิมะที่เริ่มตกปรอยๆ ลงมา ออกจากเสื้อคลุม

“ก็แค่เบื่อๆ คนที่บ้าน” เขาทำสีหน้าเบื่อสุดขีด

“อยู่ที่นี่มีเรื่องสนุกให้ทำเยอะกว่า” พูดพลางมองมาทางเฮอร์ไมโอนี่ เธอหลบตา รู้สึกว่าตัวเองใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

“น่าแปลกที่เวลาแบบนี้เธอน่าจะอยู่กับเจ้าพอตเตอร์มากกว่ามาเดินตากหิมะแบบนี้” เขาพูดเสียงเหมือนประชด 
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันที เมื่อมัลฟอยพูดถึงแฮร์รี่และรอน เธอนิ่งจนมัลฟอยรู้สึกแปลกใจ เขาถามเบาๆ

“เธอเป็นอะไรไป ยัยหัวฟู ทำไมเงียบนักล่ะวันนี้” ยังพูดไม่จบประโยคดี เขาก็ต้องตกใจที่เห็นน้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่
ไหลออกมาอาบแก้ม เขาเอื้อมมือไปเช็ดให้เธอเบาๆ อย่างลืมตัว

“เจ้าพวกนั้นมันทำอะไร” เขาพูดเบาๆ

“เปล่า” เธอปฏิเสธเสียงเบาแทบจะเป็นเสียงกระซิบ “ไม่มีอะไร”

มัลฟอยขมวดคิ้วจ้องหน้าเธอนิ่ง มือของเขายังคงอยู่ที่แก้มของเฮอร์ไมโอนี่ เขาค่อยๆ เลื่อนลงมาจับคางของเธอเบาๆ 
แล้วก้มหน้าลงมาที่ใบหน้าของเธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัว เด็กสาวเบี่ยงตัวหลบถอยหลังอย่างเร็ว มัลฟอยเม้มปาก 
เขายืดตัวตรงคว้าข้อมือของเธอ

“ตามฉันมา” เขาพูดสั้นๆ พลางออกแรงดึงมือของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ฝืนตัว

“จะทำอะไรมัลฟอย” มัลฟอยพ่นลมอย่างขัดใจ

“ไม่ได้พาไปฆ่าหรอกน่ะ”

เขาพูดเสียงแข็งพลางออกแรงดึงมือเธออีกครั้ง แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังขืนตัวและออกแรงฝืนเต็มที่ แต่เนื่องจากบริเวณนั้นถูก
ปกคลุมไปด้วยหิมะค่อนข้างหนา เฮอร์ไมโอนี่จึงลื่นล้มมาข้างหน้าตามแรงดึงของมัลฟอย เธอร้องอย่างตกใจ
 เมื่อมัลฟอยก้มลงอุ้มเธอขึ้นมา

“ให้ไปด้วยกันดีๆ ไม่ชอบ” เขาบ่นพึมพำ แล้วเริ่มออกเดิน

เฮอร์ไมโอนี่พยายามดิ้นเพื่อให้เขาวางเธอลง แต่ดูเหมือนมัลฟอยจะไม่ได้สนใจ เขาหันมาถลึงตาใส่เธอในทำนอง
ว่าจะโยนเธอลงถ้ายังไม่อยู่เฉยๆ ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ต้องอยู่นิ่งๆ สะกดอารมณ์โกรธปนกับความกลัวไว้
 เขาพาเธอเดินตามแนวกำแพงปราสาทด้านติดกับป่าต้องห้าม ผ่านป่าเล็กๆ ที่ไม่หนาทึบนัก 
หิมะที่ตกลงมาปกคลุมกิ่งก้านต้นไม้ทำให้มันดูสวยไปอีกแบบ มัลฟอยอุ้มเธอมาหยุดอยู่ตรงที่ลานกว้างแห่งหนึ่ง
 ล้อมรอบไปด้วยต้นสนขนาดไม่ใหญ่นัก มีหิมะปกคลุมขาวโพลน แลดูเหมือนต้นคริสมาสต์ ตรงกลางลานมี
กระท่อมอิกลู ซึ่งเป็นกระท่อมทำจากน้ำแข็งของพ่อมดทางขั้วโลกตั้งอยู่ เฮอร์ไมโอนี่มองดูอย่างแปลกใจ
 มัลฟอยค่อยๆ ปล่อยเธอลง

“สวยไหม” เขาถามเสียงหอบเบาๆ เพราะเดินมาไกล เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา

“อย่าบอกนะว่านายสร้างเอง” มัลฟอยชักสีหน้าเล็กน้อย

“ของง่ายๆ แค่นี้ ฉันจำมาจากเพื่อนพ่อที่มาจากทางเหนือ ดูหนเดียวก็ทำได้แล้ว” เขาพูดเสียงภูมิใจ

“เข้าไปดูข้างในไหมล่ะ” เขาชวนพลางเดินนำหน้า แล้วชะงักหันกลับมามองเฮอร์ไมโอนี่ที่ยังยืนลังเลอยู่

“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า ยัยหัวฟู” เขาพูดเสียงเจ้าเล่ห์

“และถ้าฉันคิดจะทำ อยู่ข้างนอกหรือข้างใน ฉันก็ไม่สนใจหรอก”

เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง เธอรีบล้วงมือลงไปในเสื้อคลุม กระชับไม้กายสิทธิ์แน่น จึงค่อยเดินตามมัลฟอย
 เขามองกิริยาของเธอด้วยสีหน้าขบขันเล็กน้อย

“กลัวฉันรึ” เขาถามด้วยท่าทางล้อเลียน

“ไม่ได้กลัว แต่ไม่ไว้ใจ” เธอตอบสั้นๆ

มัลฟอยกลั้นหัวเราะไว้ พลางเดินนำไปที่กระท่อมน้ำแข็ง เขานั่งลงแล้วคลานผ่านช่องประตูเล็กๆ เข้าไป
 เฮอร์ไมโอนี่ทำตาม เมื่อผ่านพ้นช่องประตู เธอรู้สึกว่าด้านในมันกว้างพอที่จะยืนได้ จึงลุกขึ้นยืนและมองดูรอบๆ 
ตัวอย่างตกตะลึง ภายในกระท่อมน้ำแข็งช่างต่างกับภายนอกอย่างสิ้นเชิง มันกว้างขนาดห้องนั่งเล่นของกริฟฟินดอร์
 ด้านหนึ่งมีเตาผิงไฟเวทย์มนตร์สีฟ้าสดใสกำลังเต้นระริกอยู่ มีเก้าอี้นุ่มน่านั่งสีขาวสะอาดตาตั้งอยู่หนึ่งตัว ข้างๆ 
มีต้นคริสมาสต์เล็กๆ ที่ประดับด้วยลูกแก้วหลากสีส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับ

“ถอดเสื้อคลุมออกก่อนเถอะ เกรนเจอร์” เสียงมัลฟอยดังขึ้น เขาถอดเสื้อคลุมไปแขวนไว้ใกล้ๆ เตาผิง

“นายทำเองทั้งหมดเลยงั้นหรือ” เฮอร์ไมโอนี่ถามพลางถอดเสื้อคลุมที่เปียกหิมะออกผึ่งไว้ข้างๆ เตาผิงเช่นกัน

“อย่างที่ฉันบอกไง มันเป็นวิธีง่ายๆ ฉันสร้างมันเป็นตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้ใช้เพราะต้องกลับบ้านทุกปี”
 เขาพูดพลางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้านหนึ่ง

“นั่งสิ” เขาชี้ลงข้างๆ ตัว เฮอร์ไมโอนี่เบ้หน้า เธอเดินไปนั่งอีกด้านหนึ่งของเก้าอี้ มัลฟอยหรี่ตามองพลางอมยิ้มเล็กน้อย

“สบายใจขึ้นมั้ย” เขาถามลอยๆ เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างงงๆ

“ไม่” เธอตอบห้วนๆ แต่น้ำเสียงนุ่มอยู่ในที “ยิ่งมาอยู่ใกล้นายฉันยิ่งไม่สบายใจเลย”

เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้โต้ตอบอะไร ทั้งสองคนนั่งมองเปลวไฟสีฟ้าในเตาผิง ต่างฝ่ายต่างเงียบไม่ยอมพูดอะไรกัน

“ฉัน...จะกลับแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดทำลายความเงียบขึ้น “ฉันหิว..”

มัลฟอยยันตัวขึ้นนั่งตรง

“ก็เพิ่งกินไปไม่ใช่เหรอ” เขาพูดพลางเคาะมือบนโต๊ะเบาๆ ขนมเค้กที่ตกแต่งเป็นลายต้นคริสมาสต์ปรากฏขึ้น
 แล้วยังมีขนมอีก 2-3 ชนิด และน้ำฟักทองรวมอยู่ด้วย เขามองดูเฮอร์ไมโอนี่ที่อ้าปากค้าง เธอทรุดตัวลงนั่งตามเดิม

“อย่าถามอีกล่ะ ว่าฉันทำได้ยังไง” มัลฟอยพูดพลางหยิบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมาใส่ปากเคี้ยวอย่างน่าอร่อย
 เขามองเฮอร์ไมโอนี่ที่ยังคงนั่งเฉยอยู่พลางส่งขนมให้

“หิวไม่ใช่เหรอ” เขาพูด เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า เขาทำเสียงเหมือนรำคาญ โยนขนมกลับไปในจานตามเดิมพลางยกแก้ว
น้ำฟักทองขึ้นดื่ม

“ฉันจะกลับแล้ว ออกมานานแล้วด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบาๆ

มัลฟอยกระแทกแก้วลงบนโต๊ะ ขนมบนนั้นหายวับไป เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ดึงมือเฮอร์ไมโอนี่อย่างแรงให้ลุกตามมา
 เขาเคาะเบาๆ ตรงก้อนน้ำแข็งเหนือช่องประตู พลันก้อนน้ำแข็งขุ่นขาวกลับกลายเป็นใสราวกับกระจก มองเห็นด้าน
นอกที่มืดสนิทได้

“เธอคิดว่านี่มันกี่โมงแล้ว ยัยหัวฟู” เขาพูดอย่างโกรธๆ

“ถ้าเธอจะออกไปก็ได้ แต่เดินกลับคนเดียวนะ ฉันไม่ออกไปให้แมงมุมมันกินหรอก” แล้วก้อนน้ำแข็งก็กลับขุ่นขาว
เหมือนเดิม

เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มัลฟอยเดินกลับไปนั่งตามเดิม

“หรือถ้าเธอจะรอเจ้าพอตเตอร์กับวิสลีย์มาช่วยล่ะก็ ขอบอกเลยว่าพวกมันไม่มีทางหาที่นี่เจอแน่ๆ”

คราวนี้น้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่ร่วงพรูลงมา เธอเดินไปนั่งที่เก้าอี้อย่างหมดแรง

“พวกเขาคงไม่ออกมาหรอก” เธอพูดเสียงแห้ง พลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ มัลฟอยทำหน้าสงสัย

“เกรนเจอร์..” เขาพูดเสียงอ่อนลง “เป็นอะไรไปน่ะ”

พลางขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ เธอ เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากตัวเองก้มหน้านิ่ง มัลฟอยจับไหล่เธอเบาๆ ก้มหน้าลงไปมอง

“ไม่มีอะไร” เฮอร์ไมโอนี่รีบหันหน้าหลบ มัลฟอยดึงตัวเธอเข้ามาหาตัวเขาเบาๆ แต่เฮอร์ไมโอนี่ขืนตัว
 เธอเอื้อมมือไปที่เอวของตัวเองแล้วชะงัก

“ไม้กายสิทธิ์ของเธอน่ะ อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมโน่น” มัลฟอยพูดเสียงเยาะๆ เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากเล็กน้อย
 พลางยกมือขึ้นดันอกของเด็กชายไว้

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะมัลฟอย” เธอร้อง เริ่มดิ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนของเขา

“นี่เธอจะดิ้นไปถึงไหนกัน” เขาพูดอย่างรำคาญ

“ก็นายจะแกล้งฉันแบบนี้ไปถึงไหนกันล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่โต้กลับด้วยน้ำเสียงโกรธๆ

มัลฟอยชะงัก เขามองหน้าเธอ เฮอร์ไมโอนี่เห็นแววตาเจ็บปวดวูบหนึ่งในดวงตาสีซีดคู่นั้น

“เธอคิดว่าทั้งหมดนี่ฉันแกล้งเธองั้นหรือ”

“ก็นายเคยพูดไว้เองนี่ จำไม่ได้เหรอ” เฮอร์ไมโอนี่เถียงไม่ลดละ

มัลฟอยจ้องหน้าเธอนิ่ง เขากัดฟัน แล้วปล่อยมือจากเธอ ลุกขึ้นยืน ตบมือลงบนพนักเก้าอี้เบาๆ มันแบนราบลง
กลายเป็นเตียงเล็กๆ มีผ้าห่มหนานุ่มพร้อม เขาคว้าผ้าห่มผืนหนึ่ง โบกไม้กายสิทธิ์เลื่อนโต๊ะออกไปให้พ้นทาง
 ปูผ้าบนพื้นหน้าเตาผิง

“นอนให้สบายเกรนเจอร์ ฉันสัญญาว่าจะไม่ลุกขึ้นไปแกล้งเธออีก” พูดจบ เขาล้มตัวลงนอน ใช้ผ้าห่มที่ปูห่อตัว
หันหลังให้เฮอร์ไมโอนี่แล้วไม่พูดอะไรอีกเลย เฮอร์ไมโอนี่มองดูมัลฟอยอย่างไม่เข้าใจ และรู้สึกเสียใจที่ตัวเองพูดรุน
แรงออกไปเมื่อครู่ เธอล้มตัวลงนอน แต่ยังคงเหลือบมองมัลฟอยเป็นระยะจนหลับไป




……………………………… 


เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นอย่างตกใจ เธอได้ยินเสียงครางเบาๆ เด็กสาวมองไปรอบๆ ตัว ซึ่งขณะนี้ตกอยู่ในความมืด 
กองไฟดับไปตั้งแต่เมื่อตอนไหนไม่รู้ ทำให้อากาศเย็นลงเล็กน้อย เธอมองลงไปยังมัลฟอยที่ดูเหมือนจะหลับไม่สนิท
 และส่งเสียงเบาๆ ด้วยความหนาว เฮอร์ไมโอนี่นิ่งคิดเล็กน้อยก่อนลงจากเตียง ค่อยๆ เดินไปทางเขา



“มัลฟอย” เธอเรียกเบาๆ

“หือ” เขาลืมตาขึ้น

“ขึ้นไปนอนบนที่นอนดีกว่า ตรงนี้มันเย็นเดี๋ยวเธอจะไม่สบาย” มัลฟอยทำหน้างงๆ เขายันตัวลุกขึ้นนั่งมองเฮอร์ไมโอนี่

“หรือจะรอให้ฉันเปลี่ยนใจ”



เธอย้ำแล้วลุกขึ้นเดินกลับไปที่เตียงนอน มัลฟอยรีบรวบผ้าห่มเดินตาม เขาเอนตัวลงนอนอีกด้านหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่กระ
ชับผ้าห่มแน่นอย่างระแวง แต่ดูเหมือนมัลฟอยจะหลับไปแล้ว เธอถอนใจอย่างโล่งอก แล้วหลับตาลง

มัลฟอยลืมตาขึ้นเมื่อแน่ใจว่าเฮอร์ไมโอนี่หลับสนิทแล้ว เขาค่อยๆ เลื่อนตัวมาใกล้ๆ เธอ จ้องมองใบหน้าของเด็กสาว
ในความมืด พลางถอนหายใจเบาๆ

“ที่ฉันทำทั้งหมดน่ะ ไม่ใช่การแกล้งเธอเลยนะ เกรนเจอร์” เขาพูดแผ่วเบาเหมือนกระซิบ พลางก้มลงไปจูบที่หน้า
ผากของเธอเบาๆ เด็กสาวขยับตัวเล็กน้อย มัลฟอยเอื้อมมือไปโอบเธอไว้เบาๆ เขายิ้มเล็กน้อยแล้วปิดเปลือกตาลง




……………………………………… 


เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นแล้วหลับลงอีกครั้งอย่างงัวเงีย ที่นอนนุ่มและอุ่นสบายจนเธอไม่อยากลุก เธอขยับตัวเล็กน้อย
แต่ดูเหมือนจะมีอะไรมารัดรอบเอวเธออยู่ เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมอง ลมหายใจอุ่นๆ ของใครบางคนกำลังเป่าข้างๆ 
ลำคอของเธอเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เด็กสาวเหลียวหน้ามองด้านหลัง

“มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างตกใจ พลางบิดตัวให้หลุดจากการโอบกอดของเขา มัลฟอยลืมตามองอย่างงงๆ

“เช้าแล้วเหรอ” เขาพูดงึมงำ อ้าปากหาวน้อยๆ แล้วเอื้อมมือมาที่เฮอร์ไมโอนี่อีก

เด็กสาวโยนหมอนใส่หน้าเขาเต็มแรง มัลฟอยสะดุ้ง ผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความงุนงงและเริ่มไม่พอใจ

“ทำบ้าอะไรของเธอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันจะถามนายต่างหาก” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง “นายทำอะไรของนาย”

มัลฟอยขมวดคิ้ว

“ฉันทำอะไร..” เขานึก “ก็เมื่อคืนเธอมาชวนฉันให้ขึ้นมานอนด้วยเองนี่”

“ฉันเรียกเพราะสงสาร กลัวนายจะหนาวตายต่างหาก” เฮอร์ไมโอนี่เถียง แต่ใบหน้าเธอเริ่มแดง

“แล้วใครให้นายมากอดฉัน” มัลฟอยชะงักเล็กน้อย เขาเลิกคิ้วแล้วยิ้ม

“ชอบไหมล่ะ” เขาถามจ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่

ตอนนี้ใบหน้าเด็กสาวเป็นสีแดงเข้ม เธอโยนหมอนอีกใบใส่หน้ามัลฟอยพลางรีบลุกขึ้นไปปลดเสื้อคลุมที่เตาผิงมาใส่
 แต่เธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมัลฟอยเข้ามากอดเอวเธอเบาๆ จากทางด้านหลัง

“ปล่อยฉันนะ” เธอพูด พลางแกะมือของเขาออกจากการเกาะกุม

“ไม่..”

มัลฟอยกระซิบเบาๆ ข้างๆ หูเฮอร์ไมโอนี่ เขากระชับวงแขนแน่นขึ้นแล้วไล้จมูกไปบนแก้มของเธอเบาๆ 
หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาข้างนอก มัลฟอยค่อยๆ หมุนตัวของเฮอร์ไมโอนี่ให้หันมาตรงกับ
หน้าของเขา ดวงตาสีซีดจ้องลึกลงไปในตากลมโตของเธอที่จ้องกลับมา

“เกรนเจอร์” เขาพูดเสียงเบาแทบกระซิบ “ฉัน...”

คำพูดต่อไปเหมือนจะจุกอยู่แค่คอของมัลฟอย เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น แล้วค่อยๆ ก้มหน้าลงไปหาเฮอร์ไมโอนี่
 ริมฝีปากเขาสัมผัสกับริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลง เธอรู้สึกเหมือนกับลืมหายใจ
ใบหน้าร้อนผ่าว มัลฟอยค่อยๆ เงยหน้าขึ้น จ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่ด้วยใบหน้าสีชมพูเข้ม เขาเม้มปากเหมือนพยายามจะ
หาคำพูด แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับถามเขาเบาๆ ขึ้นมาก่อน

“เธอทำแบบนี้ทำไมมัลฟอย” น้ำเสียงเหมือนตัดพ้อ จนเขารู้สึกใจหาย เด็กสาวดันตัวของเขาออก เธอก้มหน้าพูดเบาๆ

“ฉันจะกลับแล้ว”

เธอเดินตรงออกไปทางช่องประตู ลอดผ่านออกไป มัลฟอยรีบสวมเสื้อคลุมเพื่อตามเธอให้ทัน เด็กทั้งสองเดินตาม
กันอย่างเงียบๆ จนเกือบจะถึงประตูทางเข้าปราสาท

“เดี๋ยวก่อน เกรนเจอร์” มัลฟอยเรียกเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก หันกลับมาทางเขา มัลฟอยยื่นกล่องของขวัญส่งให้เธอ

“สุขสันต์วันคริสมาสต์” เขาพูดเบาๆ

หิมะเริ่มโปรยละอองลงมาช้าๆ เฮอร์ไมโอนี่รับของขวัญจากเขา เธอมองมัลฟอยแบบเต็มตาเป็นครั้งแรก
 พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่มีต่อเขา

“สุขสันต์วันคริสมาสต์เช่นกัน มัลฟอย” เธอตอบเบาๆ เขาเหมือนจะยิ้ม เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งมีละอองสีขาวละ
ลานตาไปหมด

“หิมะเริ่มตกแล้ว เราเข้าไปในปราสาทกันเถอะ” เขาพูด แล้วทั้งสองก็พากันเดินกลับเข้าปราสาทไปด้วยกัน




. . . . . .



ในที่สุดก็ถึงวันเปิดเทอม เสียงจอแจของเด็กๆ ที่กลับมาจากปิดเทอมดังกระหึ่มทั่วห้องโถง สำหรับเฮอร์ไมโอนี่แล้ว 
นี่เป็นสิ่งวิเศษที่สุด เพราะเธอจะได้เรียนหนังสือได้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่เธอยังไม่ค่อยสบายใจคือการช่วยเหลือบัคบีค 
และการที่แฮร์รี่ไม่ค่อยพูดกับเธอ ซ้ำอีกไม่นานจะเริ่มการแข่งขันควิดดิชกันอีก ซึ่งเป็นเหตุให้แฮร์รี่ดูหงุดหงิดมากขึ้น
 แม้ว่าโอลิเวอร์ วู้ด กัปตันทีมของเขาจะพยายามอย่างมากที่จะได้ไฟร์โบลต์คืนกลับมาให้แฮร์รี่ แต่ก็ไม่เป็นผล
 จนในที่สุด เขาต้องเสนอให้แฮร์รี่หาไม้กวาดอื่นแทน

“นิมบัส 2001 ก็ได้” เขาพูด แฮร์รี่เม้มปาก

“ฉันไม่ใช้อะไรก็ตามที่มัลฟอยเห็นว่าดีหรอก” เขาพูดเรียบๆ



เฮอร์ไมโอนี่หอบหนังสือหอบใหญ่วิ่งไปตามระเบียงทางเดิน เธอต้องรีบเอาหนังสือไปคืนที่ห้องสมุดก่อนจะเข้าเรียน
วิชาอักษรรูนโบราณ ระหว่างทาง เธอเจอกับกลุ่มนักเรียนบ้านสลิธีรินกลุ่มหนึ่ง เสียงแสบแก้วหูของแพนซี่
 พาร์กินสันดังขึ้น

“จะรีบไปไหนยายเลือดสีโคลน” เธอชะงักมองแพนซี่และไล่ใบหน้าเด็กสลิธีรินอย่างน้อย 5-6 คน ถ้ามีเรื่องกันตอน
นี้เธอเสียเปรียบแน่ๆ เฮอร์ไมโอนี่ทำเป็นไม่สนใจ เดินผ่านกลุ่มแพนซี่ไปเฉยๆ แต่แพนซี่กลับปราดเข้ามาขวางหน้า

“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉัน แม่เลือดสีโคลน” เฮอร์ไมโอนี่มองด้วยสายตาเยือกเย็น

“นั่นมันเรื่องของฉัน แล้วอีกอย่างนะพาร์กินสัน ฉันไม่มีเวลาว่างมากพอจะมาจับกลุ่มยืนคุยหรือทำอะไรที่มันไร้สาระ
แบบเธอ” พูดจบเธอตั้งท่าจะเดินต่อ แต่แพนซี่ยังคงขวางไว้อยู่ ซ้ำคนอื่นๆ ก็เริ่มตีวงล้อมเธอเข้ามา เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก
 เธอมองรอบๆ ตัว แพนซี่แยกเขี้ยวอย่างผู้ชนะ

“เธอคงไม่คิดจะสู้กับคนทั้งกลุ่มหรอกนะ แม่เลือดสีโคลน”

เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว คนแบบนี้ต้องจัดการหัวหน้ากลุ่มก่อน เธอคิดอย่างรวดเร็ว แพนซี่ดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา 
แต่ช้ากว่าเฮอร์ไมโอนี่

“ทารันทันเลกร้า” เธอสะบัดไม้ใส่แพนซี่และมองอย่างขำ เมื่อเห็นแพนซี่เริ่มเต้น

“ท่าเต้นของเธออัปลักษณ์เหมือนตัวเธอเลยนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเรียบ แต่มีแววเย้ยหยันอยู่ในน้ำเสียง 
กลุ่มเพื่อนของแพนซี่ไม่พอใจอย่างมาก บางคนเริ่มชักไม้กายสิทธิ์ออกมาชี้ตรงมาที่เธอ

“เอกซ์เปลลิอาร์มัส” ไม้กายสิทธิ์ลอยวูบออกไป มือสีขาวซีดรับเอาไว้ได้อย่างชำนาญ เฮอร์ไมโอนี่มองดูมัลฟอยอย่างงงๆ

“พวกเธอทำอะไรกัน” เขาพูดเสียงดุดัน แล้วมองไปที่แพนซี่ที่ยังคงเต้นอยู่อย่างขำๆ แต่ก็ยังคงฝืนสีหน้าเฉยชาไว้
 เขาโบกไม้อย่างรำคาญ แพนซี่หยุดเต้นยืนหอบหายใจ

“แก!!” หล่อนคำรามอย่างโกรธแค้น ทำท่าจะขยับตัวเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่

“หยุดเดี๋ยวนี้ แพนซี่” เสียงมัลฟอยตวาดลั่น

“เธออยากให้บ้านเราเสียคะแนนรึยังไง” แพนซี่ชะงัก มองหน้าเขา

“แต่ว่า..” หล่อนเถียง

“ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!” มัลฟอยออกคำสั่งสีหน้าดุดัน แพนซี่ทำท่ารีรอ แต่พอเห็นแววตาของมัลฟอยก็หน้าเสีย
 หล่อนหันไปพยักหน้ากับเพื่อนๆ แล้วค่อยๆ เดินเลี่ยงออกไปอย่างเงียบๆ เฮอร์ไมโอนี่เก็บไม้กายสิทธิ์พลางจะหัน
ไปขอบใจมัลฟอย แต่เขาชิงพูดขึ้นก่อน

“ถ้าคิดว่านี่เป็นแผนที่จะทำให้พวกเราเสียคะแนนล่ะก็ เธอคิดผิด เกรนเจอร์” เขามองเธอชั่วขณะ ก่อนเดินจากไป 
เฮอร์ไมโอนี่มองตามหลังเขาไปด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจ เธอเม้มปากขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสะบัดความคิดนั้นทิ้ง
 แล้วเดินไปห้องสมุดต่อ




................................................. 



ก่อนการแข่งขันควิดดิชรอบชิงชนะเลิศ แฮร์รี่แทบกระโดดตัวลอย เมื่อศาสตราจารย์มักกอนนากัลนำไฟร์โบลต์มาคืน
 แล้วบอกว่ามันปลอดภัยพร้อมกับอวยพรให้เขาได้รับชัยชนะ เด็กชายประคองไฟร์โบลต์ไว้ราวกับของมีค่า
 เด็กๆ ทุกคนเข้ามารุมล้อมด้วยความชื่นชม แฮร์รี่มองเฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวยิ้มด้วยความยินดี และรู้สึกดีใจมากที่
แฮร์รี่ยิ้มตอบมา ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของมัลฟอย เขารีบเดินปรี่เข้ามาหาแฮร์รี่

“นายคิดว่าจะชนะด้วยไม้กวาดด้ามนี้หรือพอตเตอร์” แฮร์รี่มองด้วยสายตาเฉยชา

“ฉันคิดจะชนะในเกมด้วยฝีมือ ไม่ใช่ไม้กวาด มัลฟอย” มัลฟอยจ้องแฮร์รี่เขม็ง ตาสีซีดของเขาลุกวาวด้วยความโกรธ

“ระวังผู้คุมวิญญาณก็แล้วกัน พอตเตอร์ คงไม่หงายท้องตกลงมาก่อนล่ะ” เขากระแทกเสียงก่อนเดินกลับไปที่กลุ่ม
สลิธีริน รอนเบะปาก

“เด็กขี้อิจฉา” เขาพูดพลางหันไปที่แฮร์รี่

“เจ้านั่นน่ะ มันแค่อิจฉาที่นายมีไม้กวาด สุดยอด เท่านั้นแหละแฮร์รี่ พนันได้เลยว่ามันต้องไปอ้อนพ่อของมันให้ซื้อให้แน่ๆ”
 แฮร์รี่ยิ้ม เขากำลังอยู่ในอารมณ์เบิกบาน

“เราไปลองไม้กวาดกันเถอะรอน เฮอร์ไมโอนี่”

หลังจากลองไม้กวาดกันจนเป็นที่พอใจ เด็กทั้งสามจึงกลับมาที่หอ เพื่อนๆ ต่างเข้ามารุมล้อมไฟร์โบลต์ และแสดง
ความยินดีกับแฮร์รี่จนได้เวลาอาหารเย็น รอนอาสานำไฟร์โบลต์ขึ้นไปเก็บ แต่แล้วเขาก็ร้องโวยวายลงมา 
ในมือมีผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือดติดลงมาด้วย แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่มองอย่างงงๆ

“เจ้าแมวบ้าของเธอกินสแคบเบอร์ของฉันเข้าไปแล้ว” เขาร้องตะโกนอย่างโกรธจัด

“ฉันบอกแล้วว่าให้เธอระวัง หรือไม่ก็โยนมันทิ้งทะเลสาบไป แล้วดูสิว่ามันเป็นยังไง” รอนร้องอย่างคลุ้มคลั่ง
 เฮอร์ไมโอนี่หน้าซีด

“แต่นั่นอาจไม่ใช่เลือดสแคบเบอร์ก็ได้” เธอพูดแผ่วเบา

“นี่น่ะเรอะไม่ใช่ กรงสแคบเบอร์พังไม่มีชิ้นดี เตียงฉันมีแต่รอยเล็บแมว แล้วนี่..” เขาชี้ไปที่รอยเลือดดวงใหญ่บนผ้า
ปูที่นอน

“จะเป็นเลือดของตัวอะไร ถ้าไม่ใช่ของสแคบเบอร์” เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่อึกอัก

“แต่เธอก็ปิดห้อง..ฉันหมายถึง..เธอปิดห้องดีหรือเปล่า” รอนหน้าแดงยิ่งกว่าผมของเขา

“ต่อให้ปิดยังไง ไอ้แมวบ้านั่นมันก็ต้องหาทางเข้าไปได้ ใครจะรู้ มันอาจจะฉลาดเหมือนเธอก็ได้” มาถึงตอนนี้
 เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกโกรธบ้างแล้ว

“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” รอนโยนผ้าใส่หน้าเฮอร์ไมโอนี่

“ไม่ต้องแล้ว! มันสายไปแล้ว!!” เขาตัวสั่นด้วยความโกรธ เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันแน่น นัยน์ตาร้อนผ่าว

“งั้นก็ได้!” เธอพูดพลางเดินออกจากห้องด้วยอารมณ์หงุดหงิดระคนเสียใจ



และตั้งแต่วันนั้น รอนก็ไม่พูดกับเฮอร์ไมโอนี่อีกเลย เขามักทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน ซ้ำร้ายยังพูดกระแทกแดก
ดันทุกครั้งที่มีโอกาส เฮอร์ไมโอนี่มีเพียงห้องสมุดกับห้องนอนเท่านั้นที่สงบสุขที่สุดในความคิด 
แม้แต่วันแข่งควิดดิชกับเรเวนคลอ รอนก็ยังคงทำปึ่งชากับเธอ แฮร์รี่มองเพื่อนทั้งสองอย่างอ่อนใจ

“เธอไม่เป็นไรนะ เฮอร์ไมโอนี่” เขาถามเพราะเห็นเธอดูเครียดมาก

“ไม่เป็นไรหรอกแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ตอบยิ้มๆ

“เธอต้องชนะเลิศให้ได้นะคราวนี้” แฮร์รี่ยิ้มรับ เขามองไปทางรอนที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า

“เขาคงรออวยพรให้เธอ”

“ถ้าอย่างนั้นฉันไปหารอนก่อนนะ” เขาเดินไปที่รอน

เฮอร์ไมโอนี่มองตามแล้วถอนใจ เด็กสาวอดไม่ได้ที่จะเหลือบสายตาไปทางสลิธีริน เธอเห็น มาร์คัส ฟลินต์
 กระซิบอะไรบางอย่างกับมัลฟอย แล้วลุกเดินออกไปด้วยกันอย่างรีบเร่ง เธอขมวดคิ้วอย่างสงสัย แล้ว ลี จอร์ดัน
 ก็ประกาศเริ่มการแข่งขัน

ทีมเรเวนคลอมีฝีมือจัดว่าดีเยี่ยมคู่คี่กับทีมกริฟฟินดอร์ ทั้งซีกเกอร์เองก็เก่งและคล่องแคล่วมาก เฮอร์ไมโอนี่นั่งเชียร์ด้วย
ความตื่นเต้น แต่ทันใดเธอเห็นเงาร่างสามร่างยืนอยู่ที่ขอบสนาม เด็กสาวอ้าปากค้าง ผู้คุมวิญญาณ!! เธอรีบแหงน
หน้ามองแฮร์รี่อย่างกังวล แต่ดูเหมือนเขาจะเสกอะไรบางอย่างที่มีสีเงินลงมา แล้วหันไปสนใจไล่ลูกนิชต่อ

ผู้คุมวิญญาณพอเห็นเงาสีเงินก็ล้มระเนระนาด เฮอร์ไมโอนี่เอะใจ แต่ก็พอดีกับที่แฮร์รี่คว้าลูกสนิชได้
 เธอจึงรีบลงไปแสดงความยินดีกับเพื่อน เสียงศาสตราจารย์มักกอนนากัลเอ็ดตะโร เธอเหลียวไปมองแล้วต้องตกใจ
 มัลฟอย แครบ และกอยล์ รวมทั้งมาร์คัส ฟลินต์ ปลอมตัวเป็นผู้คุมวิญญาณมาหลอกแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกโกรธมาก
 เธอกัดฟันจ้องดูศาสตราจารย์มักกอนนากัลทำโทษอย่างลืมตัว

ในห้องนั่งเล่นรวมของกริฟฟินดอร์ ทุกคนกำลังฉลองชัยชนะอย่างครื้นเครง เฮอร์ไมโอนี่กลับนั่งทำรายงานอยู่อีกมุม
หนึ่งอย่างเงียบหงอยจนแฮร์รี่เข้ามาชวน

“เธอคิดว่าเขาอยากให้ฉันเข้าไปร่วมด้วยงั้นหรือ” เฮอร์ไมโอนี่บุ้ยใบ้ไปทางรอน ซึ่งกำลังส่งเสียงดังอยู่กลางกลุ่ม
 แล้วจู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นพูดทำนองแดกดันเฮอร์ไมโอนี่เรื่องสแคบเบอร์ เด็กสาวน้ำตานองหน้า ลุกขึ้นวิ่งออกจากห้อง
 แฮร์รี่ส่ายหน้า

“นายน่าจะพอได้แล้วนะ” เขาพูดกับรอน

“ไม่มีทาง ตราบใดที่เขายังไม่สำนึกกับเรื่องนี้” รอนพูดอย่างขึงขัง



เฮอร์ไมโอนี่เดินไปตามทางระเบียงด้วยความเสียใจ และน้อยใจในการกระทำของรอน ให้มานั่งโต้เถียงกันดีกว่ามา
พูดประชดกันแบบนี้ เธอเดินใจลอยมาจนถึงหน้าห้องสมุด มาดามพินซ์เงยหน้าขึ้นมองเธอ

“สวัสดีจ้ะมิสเกรนเจอร์” เธอทักทาย

“ทำไมวันนี้มาค่ำนักล่ะจ๊ะ เดี๋ยวห้องสมุดก็จะปิดแล้ว”

“ไม่เป็นไรค่ะมาดาม” เธอฝืนยิ้ม “หนูขอนั่งค้นคว้าอะไรบางอย่างสักครู่เดียว”

แล้วเธอก็เดินตรงเข้าไปในมุมห้อง เลือกหาหนังสือมานั่งอ่าน เพื่อพยายามลืมเรื่องของรอน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่มี
สมาธิเลย เด็กสาวถอนใจ แล้วนอนซบกับแขนตัวเอง พลางร้องไห้เบาๆ มีเสียงเคลื่อนย้ายของหนักดังอยู่ใกล้ๆ
 เธอผงกศีรษะขึ้นมองอย่างสงสัย

“มีใครอยู่ตรงนั้น” เธอถามเบาๆ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นไปชะโงกดู มัลฟอยโผล่หน้าออกมาพอดี

“เกรนเจอร์” เขาร้องเบาๆ

“มัลฟอย นายมาทำอะไรที่นี่” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เธอโกรธที่มัลฟอยใช้แผนสกปรกกับ
แฮร์รี่ในวันนี้

“แล้วคิดว่าฉันน่าจะมาทำอะไรในนี้ตอนนี้ล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่มองดูสภาพของเขาที่มอมแมมไปด้วยฝุ่น
 แม้แต่ผมสีบลอนด์ซึ่งเรียบอยู่เสมอยังมีใยแมงมุมติดอยู่ เธอรู้ทันทีว่าเขาถูกทำโทษกักบริเวณ

“แล้วเพื่อนนายล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามพลางมองไปรอบๆ

“โดนจับแยกย้ายกันไป” เขายักไหล่

“เลยไม่มีคนช่วยเลยสิ” เฮอร์ไมโอนี่ต่อประโยคให้ มัลฟอยหันมามองเธอ

“แล้วเธอจะช่วยฉันได้ไหมล่ะ” เขาถาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า

“โดนแค่นี้ยังน้อยไป ถ้าฉันเป็นอาจารย์ ฉันจะส่งนายเข้าไปในป่าต้องห้าม ตอนกลางคืน” เธอพูดด้วยอารมณ์โกรธ

“ให้มันสมกับที่นายทำในวันนี้” มัลฟอยหรี่ตามองดูเธอ

“เธอโกรธ ที่ฉันแกล้งเจ้าพอตเตอร์”

“ฉันโกรธวิธีการของนายต่างหาก มัลฟอย” เธอเน้นเสียงพูด

“วิธีการที่ขี้ขลาด และสกปรก”

มัลฟอยถลึงตาที่ลุกวาวด้วยความโกรธ เขายกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว ตะครุบที่คอของเฮอร์ไมโอนี่ ดันเธอกระแทก
เข้ากับกำแพงอย่างแรง

“มันอาจจะสกปรกอย่างที่เธอพูด เกรนเจอร์ แต่...” เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้เด็กสาว

“มันเป็นวิธีของพวกฉัน ชาวสลิธีริน เพื่อชัยชนะ เราทำได้ทุกอย่าง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกร้าว จนเธอนึกกลัว 
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลจ้องอยู่ที่ดวงตาสีซีด น้ำอุ่นๆ เริ่มคลอที่ดวงตา มัลฟอยจ้องดวงตานั้นด้วยจิตใจที่สับสน
 แววตาที่ลุกวาวอ่อนลงเล็กน้อย เขาขยับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฮอร์ไมโอนี่ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน

“รวมทั้งฉันด้วยใช่ไหม” เธอพูดเสียงสั่นเครือ

“ที่ผ่านมาทั้งหมดนั่นด้วย นายต้องการชนะมากถึงขนาดนั้นเลยเหรอ” มัลฟอยอึ้ง เขาคลายมือออกโดยไม่รู้ตัว 
แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ เขาเม้มปาก ก่อนตัดสินใจพูดเสียงเรียบ

“ฉันคือ มัลฟอย และมัลฟอยทุกคนยินดีทำทุกวิถีทางเพื่อสิ่งที่เราต้องการ”

เฮอร์ไมโอนี่นิ่งอึ้งตกตะลึงในคำตอบ เธอกัดริมฝีปากตัวเองก่อนหมุนตัวเดินจากเขาไปอย่างเงียบงัน มัลฟอยยืนนิ่ง 
จนมาดามพินซ์เดินมาถามอย่างสงสัย

“เกิดอะไรขึ้น มิสเตอร์มัลฟอย” เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ

“ผมเพิ่งทำของสำคัญหลุดมือไปครับ” มาดามพินซ์มองเขาด้วยความงุนงง

“ให้ฉันช่วยหาไหมจ๊ะ เธอทำมันหายที่ไหนล่ะ” เขาส่ายหน้าอย่างหมดหวัง

“คงไม่มีวันได้คืนหรอกครับ..”

เขาถอนใจ ก่อนขอตัวทำงานต่อ มาดามพินซ์ขยับแว่นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะหันหลังกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน
ของเธอ




. . . . . . 



เช้าวันรุ่งขึ้น แฮร์รี่รู้สึกตกใจกับสภาพของเฮอร์ไมโอนี่ที่ดูเหมือนจะผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาทั้งคืน 
เขามองรอนและเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่สบายใจ ดูเหมือนเฮอร์ไมโอนี่จะทุ่มเทชีวิตไปกับการเรียน ส่วนรอนก็คอยจ้อง
จะหาเรื่องถากถางเธอเรื่องสแคบเบอร์อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าแฮกริดจะเตือนสติรอนเรื่องความสำคัญระหว่างเพื่อน
 แต่ดูเหมือนรอนจะไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้น ในวันอาทิตย์ต่อมา รอนและแฮร์รี่นัดกันไปฮอกส์มี้ด แต่เฮอร์ไมโอนี่
ไม่เห็นด้วย

“ถ้าเธอไป ฉันจะบอกอาจารย์” เธอแกล้งขู่ แต่รอนกลับพูดขึ้นมา

“เหมือนเธอกำลังหาเรื่องให้แฮร์รี่ถูกไล่ออกเลยนะ เธอกำลังกำจัดเพื่อน เหมือนกำจัดแสแคบเบอร์หรือไง”
 เขาประชดประชัน เฮอร์ไมโอนี่เม้มปาก

“ก็ได้” เธอพูดแค่นั้น ก่อนหอบหนังสือเดินจากไป



ขณะที่เด็กสาวกำลังนั่งอ่านหนังสือพร้อมทำรายงานไปด้วย มีนกฮูกสีเทาตัวโตบินมาเกาะที่หน้าต่าง
 เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมอง เธอขมวดคิ้วอย่างสงสัย พลางลุกขึ้น

“ขอบใจนะ”

เธอปลดจดหมายจากขาของนกฮูกแกะออกอ่านอย่างค่อนข้างลำบาก เหมือนจดหมายเปียกน้ำจนแห้ง 
ทำให้กระดาษบางช่วงติดกัน ข้อความในจดหมายสั้นๆ แต่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่หน้าซีด เธอตัดสินใจวิ่งออกไป
หาเพื่อนทั้งสองของเธอ แฮร์รี่กับรอนเพิ่งแยกกับศาสตราจารย์ลูปิน ซึ่งช่วยพวกเขาออกมาจากการทำโทษของสเนป
 เรื่องที่แฮร์รี่แอบหนีไปฮอกส์มี้ด รอนแลเห็นเฮอร์ไมโอนี่เดินมาหา

“ไปฟ้องอาจารย์มารึยังล่ะ” เขาเริ่ม แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับยื่นจดหมายให้เพื่อนทั้งสองอ่าน แฮร์รี่และรอนตกตะลึง

“บัคบีคจะถูกประหาร” เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้

“ฉัน...พยายามแล้ว” เธอพูดทั้งน้ำตา

“แต่คนที่กระทรวงถูกลูเซียส มัลฟอย ข่มขู่ไว้ ถึงยื่นเรื่องกี่ครั้งก็เหมือนเดิม”

“เราต้องช่วยกันสิ” รอนพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ในที่สุด “ฉันไม่ยอมให้เธอลำบากคนเดียวอีกแล้วเฮอร์ไมโอนี่”

เหมือนความทุกข์ทั้งหมดถูกยกออกจากจิตใจ เฮอร์ไมโอนี่กลั้นความรู้สึกต่อไปไม่ไหว เธอกอดคอรอนร้องไห้

“ฉันขอโทษ เรื่องสแคบเบอร์ รอน ฉันเสียใจ” รอนพูดอย่างเขินๆ

“ไม่เป็นไรหรอก เฮอร์ไมโอนี่” ทั้งสามตกลงกันว่าจะไปพบกับแฮกริดในชั่วโมงสัตว์วิเศษวันต่อมา




.......................................



ดูเหมือนแฮกริดจะหมดกำลังใจไปกับทุกอย่าง เขานั่งซึมเศร้า แม้ในขณะที่สอนเด็กๆ อยู่

“มันต้องมีหนทางซิฮะ” แฮร์รี่พูด เมื่อหมดคาบเรียนแล้ว “เรายังยื่นเรื่องได้อีกไม่ใช่หรือฮะ” แฮกริดสั่งน้ำมูก

“ไม่มีทางหรอกแฮร์รี่ พวกแก่ๆ ที่นั่นน่ะ กลัวลูเซียส มัลฟอย จนหัวหด” เขาเริ่มร้องไห้เสียงดัง

“ฉันสงสารบีคกี้จัง..มัน....” แฮกริดพูดไม่ออก ก้อนสะอื้นมาจุกอยู่ที่ลำคอของเขา เขารีบลุกขึ้นเดินหนีเด็กทั้งสาม
กลับเข้าบ้าน ทั้งสามคนมองหน้ากัน แต่แล้วก็มีเสียงหัวเราะเฮฮามาจากด้านหลังของพวกเขา

“ดูเจ้ายักษ์นั่นสิ” กอยล์พูด “ร้องไห้เหมือนเด็กปัญญาอ่อน”

“ไอ้บื้อ” แครบเสริม มัลฟอยยิ้มเหยียด

“ไม่เคยเห็นอะไรน่าสมเพชอย่างนี้มาก่อน นี่น่ะหรือ คนที่เป็นอาจารย์”

รอนขยับตัว แต่ช้ากว่าเฮอร์ไมโอนี่ เธอก้าวขาไปหน้ามัลฟอย มือเล็กๆ ฟาดลงไปบนใบหน้าซีดเผือดของเขาเต็มแรง

“อย่ามาว่าแฮกริดนะ” เธอพูดเสียงดัง พลางเงื้อมือขึ้นอีกครั้ง มัลฟอยมองเธออย่างตกตะลึง เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงก่ำ
ด้วยความโกรธ น้ำตาปริ่มอยู่ขอบตา

“นายมัน..ชั่วร้าย...ปิศาจ!!”

เธอมองหน้าเขาด้วยแววตาปวดร้าว ก่อนเน้นคำพูดสุดท้าย

“เลว!”

มัลฟอยอ้าปากค้างอย่างงงงัน แฮร์รี่และรอนเตรียมไม้กายสิทธิ์เพราะคิดว่ามัลฟอยคงต้องตอบโต้แน่ แต่...

“ไปกันเถอะ” เขาพูดกับสมุนสองคนเรียบๆ รีบเดินจากไป

“ยอดไปเลย เฮอร์ไมโอนี่” รอนร้องอย่างทึ่งจัด เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มรับเล็กน้อยก่อนก้มลงมองที่มือของตัวเองด้วยความ
รู้สึกเศร้าใจ




................................... 



แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ รีบเดินเพื่อเข้าเรียนวิชาของศาสตราจารย์ฟลิตวิก

“ตายล่ะ ฉันลืมของไว้ที่กระท่อมแฮกริด” เฮอร์ไมโอนี่ร้องขึ้นมา

“พวกเธอไปก่อนเถอะ บอกอาจารย์ให้ด้วยนะ” พูดจบ เธอรีบวิ่งออกไป

เฮอร์ไมโอนี่รีบหยิบม้วนกระดาษรายงานก่อนจะรีบวิ่งกลับไปที่ปราสาทอีกครั้ง

“จะรีบวิ่งไปไหน เกรนเจอร์” เสียงยานคางเบาๆ ดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก หันหลังกลับมามอง
มัลฟอยยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ รอยผื่นสีแดงยังปรากฏอยู่บนใบหน้าสีซีดของเขา เฮอร์ไมโอนี่รีบมองรอบๆ ตัว

“สองคนนั่นไม่อยู่หรอก ฉันไล่มันกลับหอไปแล้ว” เขาพูดเมื่อเห็นกิริยาของเธอ

“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฉันจะย้อนกลับมานี่” เขามองที่ม้วนกระดาษในมือเธอ

“ฉันเห็นเธอวางไว้ที่หน้าบ้านเจ้ายักษ์นั่น” เขาเหลือบตาขึ้นมองหน้าเธอ

“ฉันคิดว่าเธอต้องกลับมา เลยมายืนรอไง” เฮอร์ไมโอนี่หน้าเสียทันที

“จะมาแก้แค้นฉันซินะ” เธอพูด

“แต่มันก็สมควรแล้วนี่นาที่นายทำกับแฮกริดแบบนั้นน่ะ เจ็บแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

มัลฟอยขยับตัวมาหาเธอด้วยสีหน้าขุ่นเคือง เฮอร์ไมโอนี่รีบเดินหนี แต่เขากลับมาขวางไว้

“ใช่ ฉันเจ็บ” เขาพูด

“ไม่เคยมีใครกล้าทำร้ายฉัน” เขาเริ่มประชิดตัวเธอ เฮอร์ไมโอนี่รีบล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุม แต่มัลฟอยจับมือเล็กๆ นั้นไว้

“ยังคิดจะทำร้ายฉันอีกรึ เกรนเจอร์” เขาพูดเสียงเย็น บีบมือของเธอแน่น เฮอร์ไมโอนี่พยายามบิดข้อมือให้
หลุดจากการเกาะกุมของเขา

“ปล่อยนะมัลฟอย ฉัน..เจ็บ”

แต่เขากลับดึงมือเธอมาแนบกับอกของเขา

“ที่เจ็บน่ะ ฉันต่างหาก...เกรนเจอร์”

น้ำเสียงของเขาเหมือนตัดพ้ออยู่ในที เฮอร์ไมโอนี่เหมือนรู้สึกปั่นป่วนในใจ เธอไม่เข้าใจความคิดของเขา
 ไม่เข้าใจการกระทำของเขา

“ฉันไม่คิดว่าพวกมัลฟอยจะรู้สึกเจ็บเป็นนะ” เธอพูดออกมาในที่สุด

มัลฟอยมองเธอนิ่ง เขาปล่อยมือของเธอ แต่กลับดันตัวของเด็กสาวจนติดกำแพงปราสาท กางแขนสองข้างคร่อมร่างเธอไว้
ไม่ให้หนีแทน

“ฉันคงเลวมากซินะ ในสายตาของเธอ” เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้านิ่งไม่ตอบเขา มัลฟอยถอนหายใจเบาๆ

“จะให้ฉันทำอะไรที่เธอพอใจล่ะ” เขาพูดเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองเขาด้วยความคาดไม่ถึง

“ว่าไง เกรนเจอร์” เขาถามซ้ำ

“ปล่อยบัคบีคได้ไหมมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่นิ่งคิดเล็กน้อย “แล้วเลิกยุ่งกับพวกแฮร์รี่” มัลฟอยมองดูเธออย่างชั่งใจ

“แล้วถ้าฉันขอให้เธอเลิกคบกับพวกมัน แล้วมาอยู่กับฉันล่ะ” เขาย้อนถาม

“เธอก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ มัลฟอย แฮร์รี่และรอนเป็นเพื่อนรักของฉันนะ” เธอแย้ง “พวกเราอยู่ด้วยกันดีๆ ก็ได้นี่”

“ไม่มีทาง!” มัลฟอยเบ้หน้า “เธอขออย่างอื่นเถอะ เกรนเจอร์  ฉันจะหาซื้อมาให้”  เฮอร์ไมโอนี่จ้องหน้าเขา

“ความรัก กับมิตรภาพน่ะ มันหาซื้อกันไม่ได้หรอก มัลฟอย” เธอพูดเสียงเข้มเล็กน้อยด้วยความโกรธ
มัลฟอยจ้องเธออย่างไม่พอใจ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดกัน เกรนเจอร์” เฮอร์ไมโอนี่ดันตัวเขา

“ฉันก็ไม่อยากจะพูดกับคนอย่างนาย หลีกทาง ฉันจะรีบไปเรียน” แต่มัลฟอยกลับกดไหล่เธอติดกำแพงอีกครั้ง
 เขามองหน้าเธอ

“ฉันขอถามอีกครั้ง เกรนเจอร์...เธอจะเลือกใคร พวกพอตเตอร์ หรือว่าฉัน..” เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง
 เฮอร์ไมโอนี่มองดวงตาของเขาที่เหมือนรอคอยคำตอบด้วยความหวัง

“ฉัน...” เธออึกอักยืนนิ่ง มัลฟอยเม้มปาก

“ฉันเข้าใจแล้ว เกรนเจอร์” เขาก้มหน้าลงมาที่เธอ แนบริมฝีปากกับเธออย่างหนักหน่วงกว่าทุกครั้ง

“เธอเลือกพวกมัน” เขากระซิบเบาๆ แล้วถอยหลังออกมามองเธอ แววตาสีซีดเต็มไปด้วยความเจ็บปวด 
แล้วทันใดมันก็ลุกโชนขึ้นด้วยความโกรธ

“ลืมเรื่องบัคบีคของเธอได้เลย เกรนเจอร์” เขาพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน

“แล้วฉันก็จะทำตามที่ฉันเคยบอกเธอ เกรนเจอร์ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อสลิธีริน ไม่ว่ามันจะสกปรกแค่ไหนก็ตาม” 
มัลฟอยมองดูดวงหน้าของเฮอร์ไมโอนี่นิ่ง ก่อนหมุนตัวหันหลังให้เธอ


“ลาก่อน เกรนเจอร์” แล้วมัลฟอยก็เดินเข้าปราสาทไป ไม่หันกลับมามองเธออีกเลย เฮอร์ไมโอนี่ยืนกอดอกร้องไห้เบาๆ

“คงไม่มีวันที่เราจะดีต่อกันได้จริงๆ สินะ มัลฟอย”


The End
Next: Search Your Heart